การ take over รวมไปถึงการซื้อกิจการ ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยกว่าปกติในสองถึงสามปีมานี้ สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศสามารถสนับสนุนเงินกู้ในการนำมาซื้อกิจการได้ง่าย จากมาตรการการผ่อนคลายทางการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ กิจการต่างๆในประเทศไทยจึงมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจหรือสินทรัพย์ หรือการทำกำไรด้วยการขายกิจการหรือสินทรัพย์กันมากเป็นพิเศษในช่วงนี้

ข้อดีของการซื้อกิจการเมื่อเทียบกับการสร้างธุรกิจใหม่ด้วยตนเอง มีอะไรบ้าง ผมขอแยกเป็นรายละเอียดในด้านต่างๆให้ดูดังนี้ครับ

1.ด้านการตลาด บริษัทอาจจะได้มาซึ่งส่วนแบ่งตลาดเดิมที่มากขึ้น การได้เข้าสู่ตลาดใหม่ที่ยังไม่เคยมี การได้ผลิตภัณฑ์ใหม่มาจำหน่าย การครอบงำตลาดที่มากขึ้น การสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว การสามารถขยายอาณาเขตทางภูมิศาสตร์ ช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ

ในกรณี เซเว่น + แมคโคร จะทำให้บริษัทได้มาซึ่งส่วนแบ่งตลาดเดิมที่มากขึ้นในตลาดค้าปลีกเดิม เท่ากับได้ขยายสาขา 7-11 อีกประมาณ 3,000 สาขาในทันที โดยที่ร้านเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนจากโชว์ห่วยเดิมมาเป็นร้าน 7-11 นอกจากนี้ยังได้เข้าสู่ตลาดใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน คือตลาดของผู้ค้าส่ง ตลาดการจัดหาวัตถุดิบ ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเขียน ของใช้สำนักงาน การบริหารพื้นที่เช่าของห้าง ฯลฯ ของแมคโครเดิม นอกจากนี้ยังได้ฐานลูกค้าเดิมของแมคโครมาทั้งหมดในทันที โดยไม่ต้องสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่หมด

2.ด้านการผลิต บริษัทอาจจะได้มาซึ่งกำลังการผลิตเพิ่มเติม เทคนิคการผลิตแบบใหม่ การจัดซื้อวัตถุดิบที่มีต้นทุนร่วมกันที่ต่ำลง ความยืดหยุ่นในการผลิตตามความต้องการของตลาดที่มากขึ้นหรือลดลงในช่วงเวลาต่างๆ

ในกรณี เซเว่น + แมคโคร จะทำให้บริษัทได้มาซึ่งกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากจำนวนพื้นที่ขายที่เพิ่มขึ้น ได้เทคนิคการผลิตแบบใหม่คือการค้าส่ง การค้าสินค้าวัตถุดิบ และอื่นๆ ได้การประหยัดต่อขนาดจากการจัดซื้อร่วมกัน สามารถผลักดันสินค้าได้หลายๆช่องทางพร้อมๆกัน หรือสลับกัน ตามแต่ความต้องการของ supplier

3.ด้านโลจิสติก บริษัทอาจจะได้มาซึ่งระบบโลจิสติกของบริษัทที่ถูกซื้อกิจการ การเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ ตลอดจนต้นทุนโลจิสติกร่วมกันที่ลดลง

ในกรณี เซเว่น + แมคโคร จะทำให้บริษัทได้มาซึ่งคลังสินค้า (DC) โดยไม่ต้องสร้างขึ้นใหม่ ได้ระบบการส่งสินค้าแช่แข็ง สินค้าอื่นๆ ที่ไม่เคยมี การประหยัดต้นทุนค่าขนส่งรวม

4.ด้านบุคลากร บริษัทอาจจะได้มาซึ่งคน และความรู้ความชำนาญของคน ในองค์กรที่ไปซื้อมา โดยไม่จำเป็นต้องเริ่มสร้างและพัฒนาคนเองใหม่

ในกรณี เซเว่น + แมคโคร จะทำให้บริษัทได้มาซึ่งคนและความรู้ความชำนาญของคนในแมคโคร ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล เพราะ brand = people ดังนั้น เซเว่นจะได้มาทั้ง brand ที่เป็นตัวหนังสือและ brand ที่เป็น people สามารถทำซ้ำและขยายจำนวนคนเหล่านี้ได้ ผ่านโรงเรียนปัญญาภิวัฒน์ของตนเอง

5.ด้านการบริหารความเสี่ยง บริษัทอาจจะได้มาซึ่งความเสี่ยงในธุรกิจที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง จากความเสี่ยงเดิมในแต่ละสายธุรกิจที่มีอยู่

ในกรณี เซเว่น + แมคโคร บริษัททั้งสองอยู่ในธุรกิจพื้นฐานที่มีความเสี่ยงต่ำอยู่เดิมทั้งคู่ ความเสี่ยงทางธุรกิจจึงไม่น่าจะเพิ่มขึ้นไปจากเดิม ในทางตรงกันข้าม ความเสี่ยงของแต่ละสายธุรกิจอาจจะลดลง เนื่องจากมีการกระจายของหน่วยธุรกิจที่มากขึ้น (สำหรับความเสี่ยงทางด้านการเงิน และทางกฏหมาย ขอแยกไปพูดในหัวข้อต่างหาก)

6.ด้านกลยุทธ์ บริษัทอาจจะได้มาซึ่งความยืดหยุ่นและความเป็นไปได้ใหม่ๆในการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ

ในกรณี เซเว่น + แมคโคร ผมเห็นว่า ข้อนี้มีน้ำหนักมากที่สุดในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ เนื่องจาก เซเว่นในไทยนั้นมีข้อจำกัดอย่างหนึ่งในการขยายสาขาไปต่างประเทศ คือจะต้องได้รับการอนุญาตจากบริษัทแม่ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถ้าผมเป็นบริษัทแม่ ผมจะไม่ให้เซเว่นในไทยขยายธุรกิจไปมากกว่านี้เพราะอยากจะเก็บพื้นที่ไว้ทำเองมากกว่า ตลอดจนสาขาในประเทศที่เริ่มจะอิ่มตัวจากทำเลที่ดีที่เหลือน้อยและมีการแข่งขันที่มากขึ้น เซเว่นจึงซื้อกิจการแมคโครพร้อมกับสิทธิในการขยายกิจการไปในต่างประเทศได้ทันที รวมทั้งสามารถดัดแปลงรูปแบบแมคโครในปัจจุบันให้เป็น hypermarket, discount store, supermarket, food market, food center, special store ตามแต่เวลาและโอกาสรวมถึงภาวะตลาดที่อำนวยในอนาคต โดยที่จะไม่ทำเป็น convenion store ซึ่งจะขัดต่อสัญญาเดิมที่ทำไว้กับบริษัทแม่ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิในประเทศญี่ปุ่น

7.ด้านกฏหมาย บริษัทอาจจะได้มาซึ่งสิทธิบัตร สิทธิในการเช่า ทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งข้อพิพาท คดีความ การฟ้องร้องทางแพ่ง ความรับผิดทางแพ่งอื่นๆ จากบริษัทที่ไปซื้อมา

ในกรณี เซเว่น + แมคโคร อาจจะต้องระวังไม่ให้ละเมิดกฏหมายว่าด้วยการผูกขาดทางการค้า เนื่องจากในบางประเทศ จะไม่อนุญาตให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีก ดำเนินธุรกิจค้าส่งไปด้วยกันได้ เพราะอาจจะกดดันให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมขึ้น เราควรติดตามประเด็นนี้ว่า บริษัทจะมีการจัดการวิธีใด เพื่อหลีกเลี่ยงจากการกล่าวหาเรื่องการผูกขาดตลาดและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

วิเคราะห์ไปวิเคราะห์มา ท่านคงจะได้คำตอบว่า ดีลนี้เป็นดีลที่ดีหรือไม่ ซึ่งการไปซื้อกิจการมานั้น เราจะต้องตอบตรงนี้ให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเมื่อเราทราบคำตอบว่าดีลนี้เป็นดีลที่ดีแล้ว เราจึงสามารถถามต่อไปว่า ดีลนี้ควรมีราคาเท่าไหร่ และราคาที่ได้รับการเสนอขึ้นมานั้น ถูกหรือแพงหรือเหมาะสมเพียงใด

ข้อเสียของการไปซื้อกิจการมา มักจะหนีไม่พ้นเรื่อง ความไม่คุ้มค่า หรือ แพงเกินไป หรือ โอกาสต่างๆที่เคยคาดการไว้ ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนการณ์ภายหลังการควบรวมหรือการซื้อกิจการ

ดีลนี้คุ้มค่าหรือไม่ รวมทั้งผลกระทบทางด้านบัญชีและการเงินจะเป็นเช่นไร ผมยังไม่อยากจะวิเคราะห์ตอนนี้ เพราะมันอาจจะยังเร็วไป

เอาไว้ไปประชุมผู้ถือหุ้นมาแล้ว ตัวเลขและรายละเอียดต่างๆจะชัดเจนมากขึ้น เราค่อยว่ากันอีกที ว่าจะรับซาลาเปาทานเพิ่มหรือไม่ (หรือจะคายทิ้ง)

สำหรับการดำเนินการในขณะนี้ที่ราคา 39 บาทผมยังไม่แนะนำให้ท่านซื้อครับ ใจเย็นๆ รอครบ 40 บาทก่อน แล้วค่อยเดินไปจ่ายเงินดีกว่าครับ

ถามน้องๆหลังเคาท์เตอร์เซเว่นได้เลยครับว่าทำไม?

----------------------------------------------

ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก FB จิตวิทยาและแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุน

Create Date : 25 เมษายน 2556
Last Update : 25 เมษายน 2556 8:06:42 น.		0 comments
Counter : 1393 Pageviews.
Share Tweet