Group Blog
 
All Blogs
 

Japan2017 ฮอกไกโด ทุ่งลาเวนเดอร์ : DAY7



วันสุดท้ายป๊าตื่นตี่สี่เช่นเดิม เดินไปห้างดองกี้ได้ของฝากเพื่อนที่ออฟฟิศมาเยอะแยะ มีขนมฝากเด็กๆ กับพวกวิตามิน กลับมาก็กินอาหารเช้ากัน แพ็คของเสร็จเก้าโมงก็ไปเจอทุกคน เสร็จแล้วก็เดินทางไปคืนรถ

ตอนกลางคืนด้านหน้าโรงแรมมี steak กับอาหารทะเล คนเยอะน่าดู


วันนี้ร้อนกว่าเมื่อวานนิดนึงแต่ก็ยังเย็นสบาย


ยามเช้าที่ไร้คน




เจอเพื่อนแล้ว 1 คน



เมื่อคืนหนักไปหน่อย


สีสวยจัง


วันนี้ 24 องศา


make you smile

สายรถราง



บอร์ดโฆษณา


มื้อเช้าของเรา



ก่อนจะคืนรถก็ต้องแวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง คราวนี้เราเติมกันเอง ยืนงงกับคุณลุงพักหนึ่ง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาช่วย สนุกดีครับ เสร็จแล้วไปคืนรถ รอแป๊บนึงรถบัสก็พาเรามาส่งที่สนามบินตรงจุดเดิม

ยืนงงกันสองคน



กดนู้นกดนี่แล้วก็เติม



เสร็จแล้วจะได้บิลมา


แล้วเอามาจ่ายที่ตู้นี้


คลิปตอนเติมครับ




คืนรถที่เดิม



ขึ้นลิฟท์มาด้านบนแต่เกทยังไม่เปิด ก็ต้องเอากระเป๋าฝาก locker ไว้ก่อน เสร็จแล้วก็ไปชมโลกโดราเอมอนกัน สนุกกันทั้งเด็กโตและเด็กเล็ก มีโชว์เล็กๆ ให้เราดูด้วย พอจบการแสดงก็ถ่ายรูปตามจุดที่เค้าเซทไว้ เป็นพวกภาพลวงตา จบแล้วเดินออกมาด้านนอก

ฝากของก่อน


ถ่ายรหัสไว้กันลืม


ถึงโดราเอมอนแล้ว



ของวิเศษเพียบเลย



เวลาสอบจะนึกถึงเจ้านี่ทุกที


ตอนนี้ก็ฮา


เจอเจ้าของบ้านแล้ว



มีจอให้เล่นแบบ interactive



dab 


เจ้าไจแอนท์


ยิงไฟฉายย่อส่วนใส่เรา



ขอให้โลกนี้ไม่มีการบ้าน


สนามเด็กเล่นและท่อน้ำแสนคลาสสิค




ถ่ายรูปแป๊บนึง เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้ไปดูโชว์


ห๊า โดราเอมอนตัวจริง


ตัวละครใหม่



เดินทางย้อนเวลาไปโลกล้านปี


ได้ยินเสียงอะไรไหม


เหวอไดโนเสาร์มา รีบหาไฟฉายย่อส่วนเร็วววว


ได้แล้ว


จัดการมันซะ


บ๊ายบาย


คลิปโชว์ครับ



เสร็จโชว์ก็ถ่ายคู่กับโดราเอมอน


จบโชว์ก็ออกไปถ่ายรูปต่อ




วาดรูปโนบิตะ




เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปลวงตากัน





เงาหาย




จบจากโดราเอมอนไปหม่ำอาหารญี่ปุ่นมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง เราก็กินกันไม่มากเพราะยังอิ่มอยู่ น้องทัณฑ์ก็เล็งไอติมสีฟ้าของโดราเอมอนไว้แล้วด้วย ระหว่างทางไปเอากระเป๋าก็เสร็จ Chocolate royce มีหลายแบบมาก กวาดกันคนละหลายๆ อย่าง แถมเบอเกอรี่ของ royce อีก ช้อปเสร็จก็ check in รอประมาณ 10 นาที ก็ต่อแถวเข้า ตม.หน้าเกทยาวมาก ยี่สิบนาทีถึงเข้ามาด้านในได้ ยังเหลือเงินเยนอีกหน่อยกดน้ำซื้อขนมยังไม่หมด น้องทัณฑ์เลยได้รถคันเล็กคันสุดท้ายก่อนจะออกจากญี่ปุ่น นั่งไปสองชั่วโมงก็ลงอินชอนยืดเส้นยืดสาย ตอนแรกป๊ากับม๊าจะหา Starbucks กิน เดินอยู่นานไม่เจอสักทีเลยซื้อกาแฟหน้าเกท เสียดายที่ยังอิ่มอยู่ไม่งั้นจะชวนทุกคนกินมาม่าเกาหลีกันแล้ว รออีกครึ่งชั่วโมงก็เรียกขึ้นเครื่อง เครื่องบินออกไปได้นิดนึงน้องทัณฑ์ก็หลับยาวจนลงภูเก็ต เรามาถึงประมาณเที่ยงคืน

ของคุณลุงมาก่อนเพื่อน


ของเราสองคน ม๊าบอกช่วยกินหน่อย กินคนเดียวไม่หมด


อันนี้ของคุณปู่


ของคุณเกาทัณฑ์


หุ่นยนต์โรงงาน royce





ไอติมสีฟ้า น้องทัณฑ์ว่ารสชาติมันบรึยส์


ขนมระหว่างรอขึ้นเครื่อง อร่อยดีแต่หวานไป


ไส้เยิ้มๆ


ขึ้นเครื่องมาแล้วครับ


แสงสวยจัง


บาย


มารอหน้าเกทที่เกาหลี


ถึงภูเก็ตแล้วครับ



เป็นทริปที่สนุกมาก ต้องตัดโปรแกรมออกบ้างไม่เหมือนกับฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเย็นๆ เดินยังไงก็สบาย ทริปนี้พออากาศร้อนแล้วก็เหนื่อยกันง่าย คุณปู่คุณย่าก็อายุเยอะขึ้นต้องพักกันบ่อยๆ โชคดีคุณลุงเช่ารถตลอดทริปเลยเดินน้อยกว่าที่วางแผนไว้ครั้งแรก จบทริปเสร็จน้องทัณฑ์ก็ชวนคุณลุงว่า คราวหน้ามาหน้าหนาวบ้างอยากสัมผัสหิมะ ตามแผนคืออีก 3 ปี ไม่รู้ตอนนั้นคุณเกาทัณฑ์จะพูดภาษาญี่ปุ่นได้รึยังนะ ^^




 

Create Date : 08 กันยายน 2560    
Last Update : 9 กันยายน 2560 14:29:53 น.
Counter : 4155 Pageviews.  

Japan2017 ฮอกไกโด ทุ่งลาเวนเดอร์ : DAY6



พระอาทิตย์เมืองนี้ขึ้นตั้งแต่ตี 4 ทำเอานาฬิกาในตัวป๊ารวนไปหมด ตื่นมาตี 4 กว่าๆ ทุกคนยังหลับอยู่เลยถือกล้องอันเล็กออกไปเดินถ่ายรูป เดินจนถึงห้างดองกี้ได้เป้กับดินสอกดมาให้น้องทัณฑ์ กลับไปถึงโรงแรมแม่ลูกตื่นแล้ว พออาบน้ำเสร็จก็เดินไปหม่ำอาหารเช้า

ไฮเดรนเยียหน้าโรงแรม


แดดตอนตี่สี่กว่าๆ นะครับ


เฮลโล่ คนหายไปไหนหมด


ออกมาเดินถ่ายรูปเมือง สนุกดีนะครับ เผื่อใครมาเที่ยวให้ออกมาเช้าหน่อยจะได้บรรยากาศอีกแบบ





มันก็คือมุมเดิมจากเมื่อคืน แต่บรรยากาศก็จะเปลี่ยนไป








ไม่มีคนเลย น่ามาขายปาท่องโก๋แถวนี้


ที่เจอเยอะคืออีกา


แสงสวยๆ


อากาศสบายจริงๆ





เดินมาเจอสาวน้อยนักพยากรณ์ เตรียมรายงานอากาศ ช่วงนี้เค้าจะ alert กันเพราะกำลังเข้าสู่ช่วงร้อนที่สุดของปี รายงานทุกชั่วโมง





เช้านี้เราออกมากินอาหารเช้าที่คาเฟ่ เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เป็นอาหารชุดราคาไม่แรงมาก กินกันคนละชุดแล้วเดินทางไปโรงงานช็อกโกแลต


คนหิวสุดเดินนำหน้า



ถึงแล้วร้านนี้ฮับ


อันนี้ของน้องทัณฑ์ สั่งเหมือนลุง


อันนี้ของป๊ากับม๊า



อร่อยมากครับ บ๊ายบาย




มาที่นี่หลงยากเพราะเป็นจุดหลักของนักท่องเที่ยว จอดรถด้านล่างแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังโถงใหญ่ เราแวะซื้อตั๋วชมโรงงาน เดินตามทางไปเรื่อยๆ แล้วมานั่งกินในคาเฟ่กัน โชคดีที่เรามานั่งตรงหน้าต่างตอน 10 โมง นาฬิกาของโรงงานช็อกโกแลตก็ดังพอดี กินของหวานกันคนละชุดแล้วลงไปช้อปด้านล่าง เราก็แยกกันดูทั้งของฝาก ของเล่นและดอกไม้ พอเริ่มร้อนแล้วก็ออกเดินทางไป Mitsui Outlet ต่อ

ศิลปินก็ต้องถ่ายรูปคู่กับงานศิลป์


พนักงานต้อนรับ


what's up


กระถางลาเวนเดอร์


นาฬิกา


ซื้อบัตรแล้ว ได้ขนมคนละชิ้น



กระดาษห่อสมัยก่อน


ลูกโลกเส้นทางเดินช็อกโกแลต


เดินตามรอยเหมียว


มองเห็นน้ำพุชั้นล่าง (น่าจะเป็นฟองดูยักษ์)


คุณชายทัณฑ์


ผู้เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ช็อคโกแลต


ห้องรวมหีบห่อช็อคโกแลต และโกโก้ แบ่งตามยุคสมัยและยี่ห้อ








แก้วก็มี



คุณย่ากับบรรยากาศวิคเตอเรีย


คุณเกาทัณฑ์กับต้นโกโก้


ต้น beet sugar ที่เราเห็นตามสวนแถว Biei


ถึงซะทีโรงงานช็อคโกแลต


ดูสายพานแล้วเพลินดี






เดินออกจากโรงงานแล้วตรงดิ่งไปยัง cafe รอแป๊บนึงพนักงานก็เรียก "ดอยสะมะ" เขาพาคณะของเรามาตรงโต๊ะริมกระจก ช่วงเวลาที่นาฬิกาทำงานพอดี


สนามฟุตบอลไกลๆ นั่นคือที่เมสซี่ เจ มาค้าแข้ง


คุณลุงกับหลานระหว่างรอของหวาน


มาแล้วโกโก้ลุง แต่เสร็จหลาน


ชั่งใจแป๊บนึง กินไอติมก่อนดีกว่า


จากนั้นค่อยยกซด


ของม๊า ชีสเค้กเข้ากับผลไม้มากๆ


อันนี้ของคุณปู่อลัง


ของป๊า แนะนำว่าสั่งไอติมรสวนิลลา เพราะโกโก้ที่ราดจะเข้มอยู่แล้ว ไม่งั้นจะเข้มกันไปหมด



ระหว่างทางเดินลงไปด้านล่าง



เดินออกไปถ่ายรูปด้านหน้า




dab ประจำวัน


สวนด้านหน้า ดอกไม้สวยมากแต่ก็ร้อนมากเช่นกัน





มีพิพิธภัณฑ์ของเล่นด้วย


เดินจนร้อน ต้องหาที่นั่งรอ ระหว่างรอเจอคุณลุงปัญญา ปริศนาฟ้าแลบกับครอบครัวด้วย น้องทัณฑ์ตื่นเต้นใหญ่


ไปแล้วนะครับ



ออกจากโรงงานช็อกโกแลตก็ตรงไป Outlet เพื่อชอปปิ้ง โชคดีที่เหมาบัตรทางด่วนมา สะดวกและถูกกว่ากันเยอะ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงพอดี เราแยกย้ายกันช้อปแล้วนัดเจอที่ food court ตอนบ่ายโมง ตอนแรกม๊าว่าจะไม่เอาอะไร ยุไปยุมาได้กระเป๋ามา 4 ใบ ส่วนน้องทัณฑ์เกาะติดคุณลุงเพื่อไปซื้อเลโก้ พอกลับมาเจอกันตามนัด หาของกินที่ food court มื้อนี้ป๊ากินเบอร์เกอร์ หม่ำเสร็จก็เดินช้อปต่อ แต่คุณหมันเริ่มงอแงเพราะอยากไปต่อเลโก้ ช้อปกันต่ออีกชั่วโมงก็กลับไปพักที่โรงแรม

ของคุณหมัน


สภาพก่อนงอแง


มื้อเที่ยงป๊า


ของช้อปหลังรถ



ตอนเย็นนัดเวลาเดิม วันนี้เรากินอาหารอิตาเลียนในห้างใกล้โรงแรม รสชาติก็พอใช้ได้ เสร็จแล้วแยกย้ายกันไปช้อปของฝาก เราเดินไปที่ Biccamera ตามเดิม แล้วแวะซื้ออาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ที่ด้านล่าง ในส่วนของห้างด้วย ประมาณ 2 ทุ่มก็มีของลดราคาเยอะแยะ เราได้พาย ครัวซองค์ ส่วนคุณเกาทัณฑ์กินไอติม กลับไปเตรียมแพ็คกระเป๋าพรุ่งนี้

รออาหาร


ออเดิร์ฟ


มาแล้ว


อีกจาน (ลืมถ่ายพิซซ่า)



วันนี้วันกินกับวันซื้อของสินะ...




 

Create Date : 08 กันยายน 2560    
Last Update : 9 กันยายน 2560 14:19:15 น.
Counter : 1441 Pageviews.  

Japan2017 ฮอกไกโด ทุ่งลาเวนเดอร์ : DAY5



ตื่นเช้าวันนี้ไม่มีอาหารเช้าของโรงแรม แต่เราตุนของจากซูปเปอร์มาร์เก็ต Aeon ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ป๊าลงมากดกาแฟของโรงแรม ปรากฎว่าเครื่องค้าง เลยไปตามเจ้าหน้าที่มาช่วย ยืนงงทั้งไทยและญี่ปุ่น กดไปกดมาก็ใช้งานได้ ต้องขอบคุณ reception สาวสวยทั้งสองคน 8 โมงก็ลงมาเจอทุกคน โปรแกรมวันนี้จะไปเดินภูเขากัน

อาหารเช้าวันนี้


วุ่นวายกับเจ้านี่



เราขับไปที่ Ashidake Ropeway เพื่อขึ้นกระเช้าขึ้นไปด้านบน ระหว่างทางที่ขับรถเป็นป่าภูเขา ต้นไม้หนามาก เส้นทางจะมีการเจาะภูเขาเป็นอุโมงค์ให้เห็นเป็นระยะ ขับมาถึงตรงกลางอุโมงค์จะมีเขื่อนขนาดใหญ่ ประมาณชั่วโมงก็ถึงทางขึ้นกระเช้า จอดรถแล้วฝนตกปรอยๆ และหนาวประมาณ 7 องศา ต้องซื้อตั๋วขึ้นไปด้านบน กระเช้าใหญ่มากแต่วันนี้ฟ้าปิด ฝนตกมองไม่เห็นอะไรนอกจากหมอก ประมาณ 15 นาทีคณะเราก็มาถึงด้านบน ออกมาจากกระเช้าฝนก็ลงมาเลย คุณปู่คุณย่าตัดสินใจไม่ไปเดินกับเรา ป๊ากับม๊าแล้วก็น้องทัณฑ์ต้องซื้อเสื้อฝนเพราะมีทั้งลมและฝนกลัวจะไม่สบายกันซะก่อน เตรียมตัวพร้อมก็เริ่มเดินกันเลย ถึงแม้จะมองไม่เห็นทางข้างหน้ามาก แต่วิวกับพืชบนภูเขาก็ทำให้เราตื่นตาได้ โดยเฉพาะทางน้ำแข็งที่ยังไม่ละลาย เดินจนมาถึงสระรูปหัวใจ แล้วต้องตัดสินใจเดินกลับเพราะอากาศแย่มากจริงๆ เราเดินกลับมาเกือบจะถึงอาคารที่คุณปู่คุณย่ารออยู่แล้ว เผอิญเพิ่งเห็นลานกว้างน่าถ่ายรูปเราเลยไปรับคุณปู่คุณย่ามาทีละคน ทั้งดูวิว ทั้งถ่ายรูป

ถึงแล้วอุทยานแห่งชาติ Daisetsuzan


ซื้อตั๋วโคตรแพง แล้วนั่งรอในกระเช้า


จะออกเดินทางแล้ว


มีจออธิบายภูมิประเทศ 4 ฤดู ภูเขาที่นี่มีชื่อว่า "The Playground of God" ท่าทาง God จะชอบอากาศเย็น


บ๊าย บาย คนด้านล่าง


ป้ายบอกความสูงของยอดเขาแต่ละจุด


เส้นทางการเดิน


สักพักเจ้าหน้าที่เรียกให้นักท่องเที่ยวมารวมตัวกัน เตือนเรื่องความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะการลื่นเพราะข้างนอกฝนตก และระวังหมี


สุดท้ายป๊า ม๊า และน้องทัณฑ์ก็ต้องซื้อเสื้อกันฝนกันคนละตัว (ไม่มีให้เช่า)


ลุยกันเลย ทั้งหนาวลม ฝน แต่เห็นหิมะและธารน้ำแข็ง ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็สนุกดี


ทัศนวิสัยมองไกลไม่ถึงร้อยเมตร ก็เดินฝ่ากันไป


วิวที่เห็นก็จะเป็นหมอกหนาๆ แผ่นน้ำแข็ง และพืชภูเขา


ไม่ใช่มีแต่เราที่ดันทุรังมา เพราะมีนักท่องเที่ยวเดินสวนมาเป็นระยะ คนไทยก็มีนะครับ คนแก่ก็มี แข็งแรงกันจริงๆ แล้วเขาเตรียมพร้อมกันมากโดยเฉพาะคนญี่ปุ่น


ป้ายห้ามต่างๆ


เดินไปเรื่อยๆ น้องทัณฑ์ชอบมาก บอกว่าชีวิตมันต้องแอดเวนเจอร์แบบนี้แหละ


อากาศแย่แต่เราก็ยังถ่ายรูปกันเป็นระยะ



มองออกไปด้านข้างทางเดินจะเห็นพืชกับดอกไม้ภูเขา



เดินไปเรื่อยๆ เป้าหมายของเราคือสระรูปหัวใจ


ถึงป้ายแล้ว


อันนี้น่าจะจุดชมนก


สระนี้แหละ สระหัวใจในตำนาน


รูปนี้จะเห็นชัดกว่า ขอบลางๆด้านบนนั่นแหละครับ


มาแล้วก็ถ่ายรูปหน่อย




เดินต่อไปอีกนิด


ตัดสินใจเดินกลับทางเก่า เพราะฝนเริ่มหนักขึ้นและไม่รู้ว่าด้านหน้าทางจะเป็นยังไง รองเท้าใหม่ผมเปียกซะแล้ว


ธารน้ำแข็ง


ต้นไม้พอได้น้ำแล้วดูสดชื่นดีจัง



เหล่าผู้กล้าเดินสวนทางมา


เด็กอยากลองจับก้อนน้ำแข็งดู


ลองดูแล้ว มือเปื้อนต้องมาล้างตรงธารใกล้ๆ


เดินมาถึงด้านหน้าวิวสวย


ลืม dab ได้ไง





กลับละฮะมันเปียกไปหมด




นั่งกระเช้าลงไปด้านล่าง เดินออกมาเห็นโรงอาหารเลยตกลงกันว่ากินกลางวันกันที่นี่เลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องกังวลกับมื้อเที่ยง สั่งกันคนละอย่าง ทุกคนตกใจมากเพราะแต่ละชุดจานใหญ่มาก ที่สำคัญคืออร่อย กินเสร็จก็ขับรถต่อ กลับไปที่ซัปโปโรกัน

มีคนอยากกินราเมง คราวนี้ตามใจได้กินถ้วยใหญ่



อันนี้ของป๊ามาทั้งแผ่นหลังของหมู


อาหารที่นี่จานใหญ่ และอร่อยมาก


แวะซื้อของฝากแล้วเดินกลับไปที่รถ




ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงจากอุทยาน ระหว่างทางอยากกินกาแฟ เราเห็นป้ายบอกระยะจุดพักร้านกาแฟ ก็พยายามนับกิโลไม่ถึงซะที สุดท้ายก็เลี้ยวไปอันที่ใกล้ที่สุดป๊าได้ลองโค้กขวดฮอกไกโด กดน้ำมาให้ทุกคน เสร็จแล้วไปต่ออีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงซัปโปโร

ถึงทางพื้นราบซะที


โค้กขวดลิมิเตด ตกลงกาแฟก็ไม่ได้กิน


วิวเปลี่ยนไปแล้ว



ภารกิจถัดไปคือหาทางเข้าโรงแรม เจ้า navi ก็บอกทางเราดิบดี แต่เราไม่เห็นที่จอดรถก็วนไปใหม่ ปรากฏว่าที่นี่ที่จอดรถเป็นแบบเก็บรถไว้ในอาคาร มาครั้งที่สองก็เห็นคุณลุงเฝ้าที่จอดรถกำลังจัดการกับรถข้างหน้า ก็แจ้งไปว่าจะพักที่นี่ 2 คืน ป๊าให้คุณลุงไป check in ส่วนป๊าต้องรอให้รถคันข้างหน้าจอดให้เรียบร้อยก่อน เกือบ 10 นาทีคุณลุงที่จอดรถบอกให้หุบกระจกแล้วขับตรงเข้าไปในแท่นหมุน พอไฟเขียวก็ออกจากรถ จากนั้นเครื่องไฮโดรลิกมันจะยกรถไปเข้าซองจอดเอง โหหหหห...ทันสมัยยยยยสำหรับเมืองที่ไม่มีีที่จอดรถ 

เสร็จแล้วเดินขึ้นไปหาคุณลุงที่ lobby โรงแรมนี้แต่งแบบโมเดิร์น มีเปียโนสีแดงของศิลปินที่เคยมางาน Jazz Festival ด้วย ตอนนี้ก็มีรูปของศิลปินญี่ปุ่นแขวนเต็มโรงแรมเลย น่าจะเป็นช่วงนิทรรศการอะไรของเค้าสักอย่าง ก็เก๋ดี ขึ้นไปดูห้องปรากฏว่าเป็นโรงแรมที่ห้องใหญ่ที่สุดตั้งแต่พักที่ญี่ปุ่นมาตลอดทริปนี้ สองเตียงเดี่ยว ห้องน้ำก็กว้างพอตากชุดฝนและชุดเปียกของเราได้

นิทรรศการประจำเดือน



เปียโนสีแดง



ตอนเย็นเราก็นัดกันมาเจอที่ lobby อีกครั้ง คราวนี้เดินเล่นในเมืองกะไปซื้อของเล่นให้น้องทัณฑ์ที่ห้างดองกี้

เดินเล่นกันครับ



พ่อหนุ่มกางเกงเหลือง


เดินแป๊บเดียวก็ถึงหอนาฬิกาแล้ว


เห็นป้ายเหลืองไกลๆ ลองซูมดูสิ


น่าจะเป็นนิทรรศการของแวนโก๊ะ


เดินถึงสวนโอโดริแล้ว



ห้องรมควันตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ


คนเลิกงานนั่งดื่มเบียร์ผ่อนคลาย


แต่มันก็สบายจริงๆ ลมเย็นๆ แดดอ่อนๆ



จัดสีดอกไม้ได้สวยดี



รถ Red Bull ด้วย


ที่นี่ยังมีซึทาย่า


ข้ามถนนกัน



เจอฝุ่นของร้านดองกี้เยอะไปหน่อย ต้องออกมารอด้านนอก


รถรางสีสวย


แต่เข้าไปแป๊บเดียวม๊าก็ดูเหมือนจะแพ้ฝุ่นด้านในเลยเดินออกมา เดินเล่นอยู่สองสามห้างก็ไม่เจอของเล่น คุณปู่คุณย่าก็เริ่มหิว คุณลุงแนะนำให้เดินด้านล่างทางใต้ดินจนมาเจอร้านขายเนื้อย่าง ป๊าเลยชวนคุณปู่กินกันสองคน ส่วนอีกคณะไปกินทงคัตสึร้านข้างๆ เนื้อวากิวย่างอร่อยมากทั้งนิ่มทั้งหอม หม่ำเสร็จคุณปู่เสร็จรองเท้า Acis ไป 1 คู่

เมนูเราจัดชุดเล็ก 1450 เยน คนละชุด


คุณปู่ยิ้มหวานจะได้กินเนื้อแล้ว


คุณลุงเจ้าของร้านปิ้ง กลับเนื้อด้วยมือ


ควันโขมง


ได้แล้วคนละชุด



อิตาดาคิมัส


ส่วนบ้านนู้นก็ของทอด


ของน้องทัณฑ์เป็นหมูทงคัตสึ บอกว่าร้านวันแรกอร่อยกว่า



จากนั้นคณะของเราก็แยกกัน เพราะเราจะไปหาของเล่นให้เกาทัณฑ์ต่อ ดูในเวปแล้วห้างไดมารูน่าจะมี แต่มันปิดสองทุ่ม อีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะปิดแล้ว เลยตัดสินใจขึ้น taxi ไป ใช้เวลา 10 นาทีก็ถึง จ่ายไป 700 เยน ปรากฎว่าห้างใหญ่แต่ที่ขายของเล่นนิดเดียวและไม่มีสิ่งที่เราต้องการด้วย ความหวังต่อไปคือห้าง biccamera ก็ลองเสี่ยงดวงไปดูอีกรอบ เดินไปชั้น 4 ก็เจอสิ่งที่เกาทัณฑ์อยากได้เลย เป็นเมืองรถ (ซื้อร้าน 7-11 มา) ราคาที่นี่ 700 เยน แต่เมืองไทยขาย 700 บาท++ ได้รถเล็กๆ เพิ่มอีก 2 คัน พอเดินลงไปด้านล่างเจอคณะคุณลุงกำลังเลือกซื้อเครื่องสำอางกับของฝาก ป๊าขอตัวไปซื้อกางเกงกับเสื้อที่ uniqlo เพราะเมื่อเช้าเปียกหมด แล้วก็เลือกเผื่อน้องทัณฑ์ด้วย ลงไปด้านล่างถึงเวลาเซลล์ขนมพอดีก็เสร็จม๊าดิ พอช้อปเสร็จก็กลับโรงแรม นัดกันเวลาเดิม 7 โมงครึ่ง

ม๊าเป็นแม่บ้านญี่ปุ่นเข้าคิวรอซื้อขนมหวานราคาถูกตอน 2 ทุ่ม






วันนี้ตอนเดินบนภูเขาไม่เหนื่อยเท่าเดินในเมืองเพื่อหาของเล่นเกาทัณฑ์ ="=




 

Create Date : 07 กันยายน 2560    
Last Update : 7 กันยายน 2560 16:54:53 น.
Counter : 1689 Pageviews.  

Japan2017 ฮอกไกโด ทุ่งลาเวนเดอร์ : DAY4



วันนี้ป๊าตื่นตั้งแต่ตี 4 กว่าๆ เพราะมันร้อน แถมดวงอาทิตย์ก็ขึ้นแล้วด้วย เลยเดินออกไปนอกโรงแรม เพิ่งเห็นว่าเสียงน้ำตกที่ได้ยินทั้งคืนนั้นที่จริงมันอยู่ใกล้ๆ ด้านหลังโรงแรมนี่เอง เลยลองเดินไปที่สะพานก็เห็นนักท่องเที่ยวเดินมาถ่ายรูปกันแล้ว พอมองขึ้นไปก็มีบันไดทางขึ้นไปอีก ตอนแรกป๊านึกว่าจะเป็นต้นทางน้ำตก ก็เดินทางชันขึ้นไปจนสุด ปรากฎว่าเป็นวิวภูเขา มีอาคารอยู่ข้างบน เขียนว่าเป็นพื้นที่หลบภัย น่าจะใช้เผื่อแผ่นดินไหว ก็นับว่าเค้าเตรียมการทุกรูปแบบดี ดูด้านบนเสร็จก็กลับมาที่ห้อง ปรากฏว่าคุณลุงออกไปวิ่งตอนเช้าแล้ว เลยต่อคิวอาบน้ำแล้วชวนน้องทัณฑ์ไปถ่ายรูปน้ำตกกัน เสร็จแล้วก็ไปห้องคุณย่านัดเวลากินอาหารเช้า พอทุกคนพร้อมป๊าก็เอากระเป๋าไปเก็บก่อนแล้วตามไปทานอาหารที่ห้องอาหารด้านล่าง อาหารมีให้เลือกพอควร

ป้ายบอกทางไปน้ำตก


แสงแบบนี้ยังไม่ตี 5 นะครับ


เสียงน้ำตกดังมาแต่ไกล พอเดินผ่านสะพานเข้ามาก็เห็นสีฟ้าใส สวยมาก ถึงจะเช้าแต่ก็มีนักท่องเที่ยวประปราย


อากาศข้างนอกเย็นสบายน่าจะ 20-22 องศา





เดินบันไดชันขึ้นไปหลายสิบขั้น จนมาถึงด้านบนสุด


น่าจะเป็นโซนหลบภัย เวลาเกิดเหตุร้ายแรง จริงๆ มีตึก 3 ชั้นอยู่ด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา


เดินกลับลงไปตรงซุ้มสีดำไกลๆ


ที่เห็นตึกไกลๆ นั่นคือโรงแรมที่นอนเมื่อคืน


ถ่ายรูปน้ำตกต่อดีกว่า





มีคลิปเสียงน้ำตกด้วย



เดินกลับไปปลุกทุกคน


รถบ้านไม่รู้มีคนนอนอยู่ไหม


รีเซฟชั่นยังไม่ตื่น


มาถ่ายรูปอีกรอบ





ดอกไม้ข้างทาง




พอเราหม่ำเสร็จก็ไปต่อที่ Blue Pond ไปถึงมีรถจอดอยู่แล้ว 4-5 คัน คนละเรื่องกับเมื่อวานเลยที่จะมีรถบัสจอดเป็นแถวยาวเหยียด เดินไปนิดนึงก็เห็นสระสีฟ้า สวยมาก

ตอนแรกเห็นน้ำสีนี้นึกว่าจะงานกร่อยแล้ว



เดินมาอีกนิดนึงก็เห็นสีฟ้าแล้ว ค่อยยังชั่ว




dab


ถ่ายกับคุณลุง


ถ่ายกับม๊า


สีน้ำสวยมาก


ป๊าฉายเดี่ยว



เด็กหัวใหญ่




เดินมาสุดทาง มองเห็นธารน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกที่เราถ่ายรูปเมื่อเช้า


ป้ายบอกการไหลเวียนของน้ำ





ฝั่งนี้น้ำเหือด



รูปสุดท้ายก่อนเดินกลับไปขึ้นรถ แนะนำว่าถ้าใครจะมาให้มาตอนเช้าเลยนอกจากแสงจะสวยแล้วยังห่างไกลจากทัวร์จีนด้วย



ถ่ายรูปเสร็จตามแผนวันนี้จะขับตาม patchroad แต่เมื่อวานเราหลงไปแล้ว วันนี้เลยปรับแผนไปสวนสัตว์แทน กดเบอร์โทรให้ navi นำทาง ขับมาครึ่งชั่วโมงเราเห็นสีม่วงๆ มาแต่ไกล เลยให้คุณลุงจอดรถแวะ ที่แท้มันคือ Zeburu ที่ป๊านั่งดูสวนผ่านเนตทุกวันก่อนมาเที่ยว //biei.selfip.com/ ถึงแม้ยังบานไม่เต็มแต่ก็สวยมาก ทุกคนพักกินกาแฟกับไอติม

จอดรถแล้วถ่ายจากริมรั้ว


ว้าว วิวสวยจัง


สัญลักษณ์ประจำสวน


ป้ายบอกที่ตั้ง


เริ่มเดินจากเนินเล็กๆ ขึ้นไปจนสุดทาง



ม๊าถ่ายกับดอกสีอื่นบ้าง



วิวจากด้านบน


เด็กเริ่มร้อน


dab


ดอกไม้ยังบานไม่เต็มที่


วิวอีกฝั่ง


เกือบลืมถ่ายป้าย


คุณย่ากับหมวกใหม่


ป้ายภาษาเกาหลี น่าจะเตือนไม่ให้อาจุมม่าไปย่ำดอกไม้ด้านใน


ถ่ายใกล้ๆ บ้างดีกว่า



ดอกกุหลาบก็มี


รูปสดท้ายก่อนจะลงไปกินกาแฟด้านล่าง กับไอติม


เชิญทุกคนตามสบาย ผมหม่ำไอติมรอ


ก่อนขึ้นรถ เห็นนาข้าวบาเร่ย์ด้วย





เสร็จแล้วเข้า Asahikawa ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง Ashiyama Zoo มีป้ายหมีขาวต้อนรับไกลๆ เข้ามาถึงก็ซื้อบัตร ที่นี่เด็กเข้าฟรีครับ ทางที่เราเข้ามาจะถึงสัตว์เมืองหนาวก่อน เราเลยเข้าไปโซนเพนกวิน อากาศข้างในอาคารจะเย็นๆ มีเพนกวินเยอะแยะไปหมด เสร็จแล้วไปดูเจ้าแมวน้ำ แล้วก็หมีขาว ตัวใหญ่มาก เราต่อแถวเพื่อโผล่ไปชมเจ้าหมีใกล้ๆ แต่ก็ไม่เวิร์คเท่าไหร่ หมดจากหมีก็ไปดูโซนสัตว์ป่า

เดินแป๊บนึงก็เห็นป้ายเพนกวิน



dab หน้าเพนกวิน


ทางเดินเข้าไป



มารับแขกแต่เช้าเลยนะ



เข้ามาด้านแรกจะเป็นอุโมงค์ ส่วนเจ้าเพนกวินก็ว่ายไปมา




ออกจากฝั่งอุโมงค์ก็จะมีวงจรชีวิตเพนกวินให้ดู จากนั้นก็จะเป็นโซนด้านนอก






ด้านนอกอากาศค่อนข้างอบอ้าว ที่สวนสัตว์ติดพัดลมไอน้ำสำหรับเพนกวินด้วย


เหมือนเจ้าหัวโจกใน Surf up



น้องทัณฑ์ชอบดูมันโวยวายใส่กัน





สังเกตเห็นคลิปติดที่ปีกไหม


ไปดูเจ้าแมวน้ำอ้วนกัน




เดินไปอีกนิดก็เจอพระเอกของสวนสัตว์...เจ้าหมีขาว


อากาศค่อนข้างร้อน มันดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด


ทุกคนก็ลุ้นให้มันกระโดดเล่นน้ำ





ลงมาต่อคิวเพื่อโผล่ไปดูเจ้าหมีแบบใกล้ชิด พอถึงตาเราก็ปีนขึ้นไปดู แต่ไม่ได้รู้สึกอะไร ดีที่คิวไม่ยาวมาก


เดินไปทางสัตว์ป่าบ้าง ทุกคนรุมถ่ายเจ้าตัวนี้กันใหญ่ เค้ามีบ้านของตัวเอง เดินไปเดินมาให้คนถ่ายรูป


เห็นหางไหมครับ



เดินไปทางถ้ำหมาป่า แต่ก็หาไม่เจอ อาจเป็นเพราะสัตว์ส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่จะเป็นสัตว์หน้าหนาวพออากาศร้อนมันก็จะเฉา นั่งๆ นอนนิ่งๆ คงต้องมาดูหน้าหนาวมันคงคึกคักกว่านี้


เจ้าหมีหงอย



เด็กๆ มาทัศนศึกษากัน


ฝนมาแล้ว รีบออกไปหาของกินดีกว่า




ทุกคนเริ่มหิวนิดๆ ป๊าเลยกางแผนที่ไปกินที่สวน Ueno Farm (คนละที่กับ Ueno Park นะคร้าบบบบบ) กด navi ให้นำทางครึงชั่วโมงก็มาถึง ป๊าลงไปถามทาง เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าร้านอาหารต้องวนไปทางด้านหลัง เราก็เอารถเข้าไปจอด เค้าจัดสวนและร้านอาหารกับขายของที่ระลึกสไตล์อังกฤษ คุณย่าตะลึงกับกุหลาบและชุดเครื่องแก้วมาก เราสั่งอาหาร นั่งแป๊บนึงคุณย่าก็ชอปเรียบร้อยแล้ว หม่ำเสร็จเข้าไปดูสวน คุณปู่บอกว่าเสียตังค์ไม่เข้าจะนั่งรอด้านนอก ทีนี่ปลูกดอกไม้แบบป่าจัดโซนสวยมาก แต่เดินไปสักพักเด็กก็เบื่อเพราะบ่นๆ อยากดูของเล่นตั้งแต่เมื่อวาน แถมเจ็บเท้าเพราะรองเท้าที่ใส่มาจากเมืองไทยเริ่มคับ ก็เลยบอกให้ไปนั่งรอกับคุณปู่ เราเดินถ่ายรูปไปสิบกว่านาทีฝนก็เริ่มลงเม็ด โชคดีเค้ามีร่มให้ด้วยตรงประตูทางเข้าด้านหน้า

ถึงแล้ว


เวลาเปิดปิด กับค่าเข้าชมสวน


เข้าได้สองทาง แต่ข้างหน้าไม่มีร้านอาหารต้องมาจอดด้านหลัง


กุหลาบสีสวยมาก


แค่ป้ายด้านหน้ายังสวยขนาดนี้


เข้าร้านไปจองโต๊ะก่อนดีกว่า



ระหว่างรออาหารคุณย่ารีบออกไปดูของที่จะซื้อเพราะน่ารักทั้งนั้น และกลัวว่าจะหมด


อาหารทยอยมาส่ง


อันนี้ของป๊า


ของทัณฑ์น่าอร่อย



ส่วนอันนี้ของหวานคุณลุง


หม่ำเสร็จก็จ่ายค่าเข้าสวนไปดูดอกไม้แบบอังกฤษกันครับ


เข้ามาแล้วก็ต้องถ่ายกับป้าย


เจ้าโนมหลับสบาย สวนนี้ทำเป็นบ้านของเจ้าโนม มีกิจกรรมให้หาโนมตามจุดต่างๆ ด้วย เป็นกิจกรรมสำหรับเด็กๆ คุณป้าเจ้าหน้าที่บอกว่าให้นับโนมที่อยู่ด้านในสวนแล้วกลับมาบอกจำนวนว่ามันมีกี่ตัว ถ้าตอบถูกจะมีรางวัลให้ แต่เด็กของเรากลับไม่สนใจจะเล่นซะนี่


บอร์ดแสดงพันธุ์ไม้แบ่งตามสีที่ปลูกในสวน


มีที่นั่งให้ถ่ายรูปเป็นระยะ






มาดูดอกไม้กันดีกว่า ส่วนใหญ่จะไม่รู้ชื่อนะครับ เพราะคนเขียนรู้จักแต่กุหลาบ





เจออีกตัวแล้ว


ทางเดินก็จะเหมือนเดินในป่าหน่อยนึง มันเป็นระเบียบในความไร้ระเบียบ



ดอกนี้รู้จักดอกป๊อบปี้ แต่เป็นพันธุ์เต่าทอง





เดินขึ้นมาด้านบนเห็นบ้านเจ้าโนมด้วย


ถ่ายรูปกับลุงก่อนจะหนีไปอยู่กับคุณปู่



มาถ่ายดอกไม้กันต่อ





เดินมาถึงบ้านโนม


ตรงนี้ทางเข้าด้านหน้า


ฝนเริ่มลงแล้ว เค้ามีร่มให้หยิบใช้ด้วย ค่อยเอาไปคืนตรงทางออก




หัวหน้าเจ้าโนม


ทางเดินกลับไปด้านหลัง



เจ้าผีเสื้อ





เราถ่ายรูปเสร็จก็ขึ้นรถไปเช็คอินน์ที่ JR Inn Asahikawa ขับรถวนไปมาหน้าห้าง Aeon หนึ่งรอบ เพราะหาทางเข้าไม่เจอ เพิ่งเห็นป้ายว่าให้จอดรถข้างในห้าง Aeon เลย โดยขับตรงเข้ามาในอาคารที่จอดรถจะมีโซนจอดรถของโรงแรมอยู่ พอจอดแล้วขนกระเป๋าขึ้นไปชั้น 5 เราไปถึงก่อนบ่ายสาม ต้องรออีกครึ่งชั๋วโมง เลยพาน้องทัณฑ์ไปซื้อรองเท้าในห้าง ได้มา 1 คู่ถึงยอมเดินพาป๊ากับม๊าไปกิน Starbucks ที่อยู่ด้านล่างใกล้กับ food court น้องทัณฑ์ก็หม่ำโกโก้เย็น 1 แก้ว แล้วก็กลับไปที่โรงแรม คุณลุงเอาการ์ดให้แล้วนัดเจอกันตอน 6 โมงเย็น พอขึ้นไปที่ห้องพักนึง น้องทัณฑ์ก็ชวนมาดูของเล่นเดินจนหมดห้างก็ไม่มีรถให้ดู กลับมาอาบน้ำพักแป๊บนึงก็เดินออกไปด้านนอกห้างกัน ออกจาก Aeon มานิดนึงฝนตก ป๊าเลยแวะเซเว่นซื้อร่มมา 1 คัน เดินกันต่อเข้าห้างนู้น ออกห้างนี้ก็ไม่เจอของเล่นเด็กเลย ถึงเวลานัดพอดีก็เลยกลับไปที่ lobby โรงแรม แล้วบอกเด็กน้อยว่าพรุ่งนี้เข้า Sapporo แล้วเราไปหาของเล่นกัน เค้าก็โอเค วันนี้เรามากินที่ food court อร่อยใช้ได้เลย หม่ำเสร็จก็ชอปปิ้งด้านล่าง แล้วกลับขึ้นไปนอน

วิวจากห้องในโรงแรม ที่เห็นคือสถานี JR





ฝนลงเม็ดอีกแล้ว


มื้อเย็นที่ food court อันนี้ข้าวห่อไข่ของม๊า


ของป๊ามีเบอร์เกอร์ด้วย


ด้านล่างมีซุปเปอร์ขนาดใหญ่ ช้อปมันมาก น้องทัณฑ์ได้รถเล็กๆ มาสามคันจากในซูปเปอร์ ตลกดีที่ในซูปเปอร์มีของเล่น ส่วนป๊าม๊าก็ซื้ออาหารเช้าตุนไว้กินในห้องพักก่อนออกเดินทางพรุ่งนี้ นอกจากนั้นยังก็มีร้านเบเกอรี่ แล้วก็ Muji ด้วย เป็นโรงแรมที่สะดวกสุดๆ ห้องก็ไม่เล็กมาก เมื่อเทียบกับสองคืนแรก

ร้านขนมเจ้าเดียวกับที่ซัปโปโร





วันนี้เดินทางเหนื่อยมาก แต่ก็อิ่มมากเหมือนกัน ^^




 

Create Date : 07 กันยายน 2560    
Last Update : 7 กันยายน 2560 13:47:14 น.
Counter : 1863 Pageviews.  

Japan2017 ฮอกไกโด ทุ่งลาเวนเดอร์ : DAY3



วันที่สามวันแห่งดอกไม้

คุณเกาทัณฑ์หิวตั้งแต่ยังไม่ 7 โมง เราเลยรีบลงมากินอาหารเช้า เป็นแบบสั่งแล้วพ่อครัวทำให้คนละจาน มีไข่คน แฮม สลัด โยเกิร์ต ขนมปัง แล้วก็นมฮอกไกโดคนละขวด แป๊บนึงคุณปู่ คุณย่า คุณลุงก็ตามลงมา ส่วนบ้านเราพอกินเสร็จก็ขอไป Seven ซื้อน้ำกับขนมมาเพิ่ม เตรียมเสบียงสำหรับการเดินทางในวันนี้ 

ขนมปังกับเนยแสนอร่อย



อิตาดาคิมัส



คนนี้ยืนยันว่าอร่อย




ซุปมะเขือเทศอร่อย สังเกตเห็นซองยาละลายเสมหะของเด็กภูมิแพ้



นมฮอกไกโดแสนอร่อย มันมาก



บ้านนี้เพิ่งลงมากินอาหารเช้า



เริ่มเดินเล่นยามเช้ากันครับ คุณปู่บอกเดินไปจนสุดทางนี้ก็มี Seven



เจอลูกสนด้วย ใหญ่มาก



ดูใกล้ๆ



บอร์ดประชาสัมพันธ์





ร้านตัดผม



ลาเวนเดอร์ข้างทาง









ป้ายคุณลุงอาเบะ



บ้านรูปทรงแตกต่างกันไป ไม่สร้างแบบคล้ายๆ กันเหมือนบ้านเรา



เดินกลับมาจนถึงร้านปิ้งย่างเมื่อคืนแล้วรีบวิ่งกลับโรงแรมเพราะฝนลงเม็ด





พอทุกคนหม่ำเสร็จก็เช็คเอาท์ ป๊าแอบเดินไปร้านเบเกอรี่ที่เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวานก็ดันยังไม่เปิด เลยจำใจเดินทางต่อ เราตั้ง GPS เดินทางไปสวนฟุราโนะกัน 20 นาทีก็มาถึงสวน นักท่องเที่ยวกำลังทยอยกันมา อากาศชื้นๆ ฝนกำลังจะลง เดินไปพักนึงฝนก็ลงมาปรอยๆ แต่ไม่ทำให้เราสลดเท่าไหร่เพราะมาเจอความม่วงของดอกลาเวนเดอร์ เสียดายอย่างเดียวคือถ่ายรูปไม่สวยเพราะฟ้าไม่เปิด ถ่ายรูปจนหนำแล้วลงไปด้านล่างต่อ เสร็จแล้วน้องทัณฑ์ก็หม่ำไอติมลาเวนเดอร์ ส่วนป๊าก็ลองผลิตภัณฑ์ให้ครบทั้งน้ำลาเวนเดอร์เลมอน ไอติมเมล่อน เดินอีกนิดก็ซื้อของฝาก กินเมล่อน ม๊าเห็นดอกลาเวนเดอร์สวยดี เลยซื้อมากำนึง สีม่วงสดมาก เดินขึ้นไปด้านบนถ่ายรูปแล้วไปที่รถ ระหว่างทางม๊ากับคุณย่ากินไอติมเมล่อนกับเมล่อนสดฟินสุดๆ

ฝนปรอยๆ




กองทัพเมล่อนเป็นลัง



ป้ายไอติมดักรอด้านหน้า



เดินขึ้นมาด้านบนก็เพิ่งรู้ว่ามีที่จอดด้วย แล้วเราก็เจอทุ่งสีม่วงไกลสุดตา ขนาดยังบานไม่เต็มที่ก็ยังสวยขนาดนี้









มองเห็นด้านล่าง ก็ยังมีสวนให้เดินต่อ ภูมิทัศน์จะเป็นภูเขาและเนินสูงสลับกับที่ราบ







ถนนด้านล่างเปียกชุ่มไปด้วยฝน



ม๊าจัดเสื้อสีม่วงเพื่อมาถ่ายกับดอกไม้



เป็นผึ้งแถวนี้คงมีความสุขน่าดู



อีกฝั่งนึงยังไม่ค่อยบาน









เริ่มเดินลงมาอีกข้าง



คุณลุงกำลังเดินตามมา



ป้ายบอกประวัติ (น่าจะใช่)



ไปต่อกันที่สวนด้านล่าง ม๊ากลมกลืนกับแม่บ้านญี่ปุ่น



มีป้ายชื่อสวนอยู่เต็มไปหมด จะได้ไม่แย่งกันถ่าย



ถ้างั้นจะรออะไร ถ่ายคู่กับป้ายตามธรรมเนียม





อ้าว คุณย่าหายไปไหน



ครบแล้ว (เพราะคุณลุงเป็นตากล้อง)




ทำไมต้องเอียงตัว?



dab ถอยหลัง



แปลงเพาะดอกไม้



เล็กๆ





สุดหล่อ



ท่าโคนัน



ตรงนี้จะมีมุุมศาลาให้ถ่ายรูป ถ้าขึ้นฟูเต็มไปหมดคงสวยดี







เดินมาชั่วโมงกว่าแล้ว ก็ถึงเวลากินซะที







คุณย่าชอบไอติม คนอื่นบอกเหมือนสบู่ แต่น้องทัณฑ์รู้งานจัดไอติมรสนม พอหมดไอติมก็ต่อด้วยน้ำลาเวนเดอร์ อันนี้อร่อยมีรสมะนาวด้วย





ระหว่างรอสาวๆ ช้อป คุณปู่ก็จัดเมล่อน ม๊าออกมาก็จัดอีก ลงความเห็นกันว่าอร่อยมาก เห็นลาเวนเดอร์ขายเป็นช่อเลยจัดมาไว้ถ่ายรูป มีกลิ่นด้วยหอมมาก (ช่อนี้เอามาจนถึงภูเก็ตเลย)



ปรากฏว่าฝนเริ่มตกหนัก เราก็ยืนรอจนฝนหยุดแล้วเดินขึ้นไปอีกด้านของสวน





มีป้ายบอกสถานที่ปลูกด้วย



ถุงของฝาก





ซื้อดอกไม้มาเพื่อสิ่งนี้



ถ้าบานหมดคงสวยมาก



เดินมาด้านล่างอีกทาง



เดินถึงด้านล่างแล้ว





รอยยิ้มเด็กฟันใหญ่


ดูไกลๆ แล้วเหมือนพรม







มาถามทางเจ้าหน้าที่เข้าห้องน้ำ ก็เลยเสร็จไอติมเมล่อนที่มีเมล่อนอยู่ด้านในด้วย ม๊าบอกอร่อยมาก น่าจะอร่อยที่สุดที่เคยกินมา จนคุณย่าต้องกลับไปซื้อมากินด้วย 450 เยนเอง






เราออกจากสวนนี้ไปต่อที่ Choei เพื่อไปนั่งกระเช้าดูดอกไม้ ใช้เวลา 5 นาทีก็ถึง คนไม่เยอะเท่าไหร่ ตอนแรกเรานึกว่ากระเช้านึงนั่งได้ 2 คนกำลังจัดกระบวนทัพว่าใครนั่งกับใคร ปรากฎว่า 1 คนต่อ 1 อัน เจ้าหน้าที่เค้าดูแลดีมาก นั่งคนละอันขึ้นไปด้านบน อากาศดีกว่าสวนที่แล้ว (เริ่มร้อนแล้วด้วย) แดดดีมาก ด้านบนมีดอกไม้บานเยอะเลย เราถ่ายรูปแล้วลงมาด้านล่าง

สีตู้ขายบัตร พนักงาน และนักท่องเที่ยว



กระเช้าอันนิดเดียว เห็นเกาทัณฑ์ไหมครับ



เริ่มขึ้นแล้ว



ไปเรื่อยๆ



ดูคลิปดีกว่าว่าเป็นยังไง



เริ่มผ่านดงลาเวนเดอร์แล้ว



ด้านข้างมีทางเดินลง เผื่อใครอยากจะโรแมนติค เดินชิวๆ ชมดอกไม้เรื่อยๆ



ถึงแล้ว มีป้ายบอกด้วย อากาศร้อนมากไม่น่าเชื่อว่าเมื่อกี้เรายังหลบฝนอยู่เลย





ขึ้นมาสูงเหมือนกันนะ ด้านล่างคือที่เราจอดรถ



เดินดูดอกไม้ดีกว่าเราไปทางซ้ายก่อน



คุณปู่คุณย่าขออยู่ด้านบน โบกมือทักทาย



ป้ายบอกอะไรสักอย่าง





น่าจะหมายถึงเจ้าตัวนี้





เดินไปอีกด้าน





ตอนนี้แดดจัดมาก ถ่ายเสร็จแล้วรีบกลับเข้าไปในร่มเลย



ฝั่งนี้จะมีสีเหลืองด้วย





เดินกลับมาด้านบน





ลงกระเช้าไปด้านล่าง



วิวฝั่งขาลง





ฮิมาวาริ



คุณเกาทัณฑ์ก็ตามมาติดๆ



วิวมองจากด้านล่าง



ม๊ากับลุงมาออกเดินทางต่อ




เดินทางไปสวนที่ 3 ชื่อ Saiko No Sato ตอนนี้เริ่มร้อนสุดๆ ทุกคนไปเข้าห้องน้ำดูดอกไม้ไกลๆ ส่วนคุณลุงไปเก็บภาพใกล้ชิด

ดูแดดสิ



ไปหลบร้อนในนี้ดีกว่า คุณย่าได้หมวกมาอีกใบ (แน่นอนสีม่วง)



สู้คุณป้าไม่ได้ ขอตัวรอในรถดีกว่า




เสร็จแล้วเราก็เริ่มหิวปรับแผนใหม่ไปโรงงานชีสเพื่อกินพิซซ่าดีกว่า ไปถึงทัวร์กำลังลงไปดูโรงงานชีสกัน แต่ตระกูลมีตรงดิ่งไปที่ร้านพิซซ่าก่อนเลย หยอดเหรียญไปสองถาด พอนั่งกินเท่านั้น อร่อยมากแถมยังไม่อิ่มเลยต้องไปหยอดเพิ่มอีกถาด หม่ำเสร็จต่อด้วยไอติม แล้วเดินไปโรงงานชีส

เห็นป้ายนี้แล้วก็ต้องตรงดิ่งไปพิซซ่า



มาแล้วครับ



ขอถ่ายรูปก่อน



เริ่มแหว่งแล้ว



เศษเงินข้างๆเตรียมไปหยอดอีกถาด



เบื้องหลังความอร่อย



หม่ำเสร็จ กินไอติม แล้วไปดูโรงงานชีส กลิ่นมันจะเหม็นเหมือนตด



เสร็จแล้วไปดูดอกไม้ต่อที่ Hinode Park & Flower Land ตอนนี้อากาศร้อนสุดๆ ที่นี่มีโกดังยาวๆ ให้นักท่องเที่ยวนั่งกินเมล่อนกัน ทัวร์จีนเพียบบบบบ คุณลุงไปถ่ายรูปส่วนป๊าลองชิมข้าวโพด มันหวานมากแต่ก็ร้อนมากเช่นกัน รอ 20 กว่านาทีคุณลุงก็มาเหงื่อโทรมกาย ขอกินเมล่อนก่อนแล้วกัน



เมล่อน เมล่อน



จะตามคุณลุงไปถ่ายรูป แต่ออกจากเต้นท์ได้ไม่นานก็ไม่ไหว ร้อนมาก












ไปอีกสวนที่ Shikai No Oka สวนนี้ใหญ่มาก รสบัสมหาศาล คุณลุงหาที่จอดรถแล้วแว้บไปดู 5 นาทีก็กลับมาบอกว่าคนเยอะมากไม่มีอะไรน่าสนใจ เราเลยขับเข้า Biei ระหว่างทางให้ mapcode นำทางจะไปหาร้านขนมปัง แต่กลายเป็นว่ามันนำทางให้เรามาที่ Farm Chiyoda ตอนดูในเวปดูสวยดี กะว่าจะมากินเนื้อวัว แต่พอถึงจริงมีรถทัวร์เต็มไปหมด แถมในร้านก็ดูสกปรกอีกด้วย เราเลยแยกย้ายเข้าห้องน้ำแล้วใส่เบอร์โทรใหม่ คราวนี้มันพาไปทางสวยๆ ตามทาง patchwork ขับไปไม่นานเท่าไหร่ก็เจอร้านขนมปัง Bi'ble แต่เค้าไม่มีที่นั่งกินในร้าน ต้องซื้อกลับบ้านอย่างเดียว แถมใกล้ปิดร้านแล้วด้วย คนขายก็ดูหน้างอๆ หน่อย ป๊าเลยเหมาครัวซองค์มา 5 ตัวกับขนมปังอีก 2 ชิ้น พอได้มาน้องทัณฑ์ก็ขอกินก่อนขึ้นรถ ปรากฎว่าอร่อยมาก สมควรกับที่เค้าจะหยิ่งเนอะ จบจากที่นี่เราก็ขับรถดูวิวข้างทาง















ถึงร้านขนมปังแล้ว



รูปทรงอาคารสวยดี แต่ลืมถ่ายครัวซองค์




ขับจนถึงตัวเมือง Biei หาปั๊มน้ำมันเติม ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ อะไรๆ ก็จะอยู่รวมกันหมด เราเจอปั๊มเชลล์ ตอนแรกว่าจะเติมเองแต่ปั๊มนี้มีบริการเติมให้ ก็สบายหน่อย เติมเสร็จแล้วตรงไปโรงแรม Yumoto Shirigane Onsen ระหว่างทางเข้าก็จะเจอป่าสูงๆ ที่ดูแล้วน่าจะมีหมีอาศัยอยู่ ขับผ่านทางเข้า Blue Pond ด้วย เห็นรสบัสเยอะมาก แต่แผนเรามาพรุ่งนี้เช้าอยู่แล้วเลยไม่แวะ เข้าไปเช็คอินที่โรงแรม คืนนี้เรานอนกันสี่คน 1 ห้อง อีก 1 ห้องนอน 2 คน  โรงแรมเป็นแบบเรียวกัง หน้าหนาวน่าจะหนาวน่าดูเพราะกระจก 2 ชั้น ในห้องก็ปิดหมดมีมุ้งลวดเปิดเล็กๆ เราจะได้ยินเสียงน้ำตกตลอด แต่เนื่องจากเรามาหน้าร้อน ในห้องนอนถึงแม้จะมีแอร์เปิดยังไงก็ยังร้อนอยู่ดี ที่นี่มีอาหารเย็นให้ทานด้วย  พอทุกคนมาถึงก็พักผ่อนกันก่อน ยังมีเวลาชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะถึงอาหารเย็น ป๊าเลยชวนม๊าขับรถกลับเข้า Biei ไปหาซื้อน้ำกับขนมไว้กินเผื่อน้องทัณฑ์กินอาหารเย็นไม่ได้ ขับไปถึงก็พยายามหาเซเว่น โชคดีที่ม๊าเห็นคนถือของเดินข้ามถนน แสดงว่าแถวนี้มี Supermarket แน่เลย พอหาเจอเราก็จอดรถข้างทางแล้วข้ามถนนไป มี Supermarket ขนาดเล็กแบบโลตัสเอ๊กเพลสเปิดอยู่ เราเข้าไปเลือกน้ำกับขนม มีอาหารถาดเยอะแยะเลยแต่ไม่ได้ซื้อมา ช้อปเสร็จก็ขับรถกลับไปที่โรงแรม

ซื้อของเสร็จขับกลับโรงแรม ยิ่งใกล้บรรยากาศก็น่าจะเจอหมี



ถีงเวลาอาหารเย็นพอดี เค้าจัดเตรียมให้คนละสำรับ ตอนแรกเราก็นึกว่ามีแค่นี้ ป๊าก็สั่งพวกของทอดเพิ่มเข้าไป แต่กินไปไม่ถึง 10 นาที อาหารหลักก็ทยอยมาเรื่อยๆ จนของทอดมาเราก็เริ่มอิ่มแล้วแต่ก็ยัดกันจนหมด โชคดีที่มีแซลมอนย่างให้น้องทัณฑ์ กลายเป็นว่าน้องทัณฑ์กินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ป๊ากินไม่ค่อยได้ กลับมาที่ห้องยังมากินขนมปังกันอีก พอเรากลับมาที่ห้องพนักงานเค้าก็ปูที่นอนให้เรียบร้อยแล้ว แต่เรามาจัดกันใหม่เพราะในห้องมันร้อนอบๆ อากาศก็ยังงี้ทั้งคืน

ที่นอนที่จัดไว้อย่างดี แต่ร้อนสุดท้ายป๊านอนบนเสื่อ



ห้องน้ำเล็กๆ



อาหารมาแล้ว ตอนแรกนึกว่ามีแค่นี้ แต่คุณป้าก็เติมเรื่อยๆ



ปรากฎว่าคนนี้กินสบาย คนที่มีปัญหาคือป๊า



หม้อไฟตามมาคนละชุด



ปิดท้ายวันด้วยเมล่อน



ม๊าไม่กล้านับเลยว่าวันนี้กินเมล่อนไปกี่ชิ้นแล้ว รวมๆ น่าจะถึงลูก...




 

Create Date : 06 กันยายน 2560    
Last Update : 6 กันยายน 2560 19:12:16 น.
Counter : 2354 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

tiara
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 399 คน [?]




blog นี้ตั้งใจทำขึ้นเพราะต้องการให้ความรู้เรื่องการทำขนมอบเป็นวิทยาทานแก่คนทั่วไป ส่วนเรื่องลูกเป็นพื้นที่สำหรับเก็บบันทึกไว้ให้เกาทัณฑ์ และจะมีโฆษณางานเขียนของ tiara อีกเล็กน้อย หากสิ่งใดเป็นประโยชน์ในการนำไปปรับใช้ก็ยินดีที่จะแบ่งปันค่ะ

ปล. tiara ไม่ได้เปิดสอนคลาสชงกาแฟสดและทำเบเกอรี่แต่อย่างใด ความรู้มีอยู่ใน blog สามารถเรียนฟรีได้เลยค่ะ ^^
ผลงานของ tiara

...เรื่องยาว...

...เรื่องสั้น...

"จอมยุทธ์ผู้ตามหาหงส์ขาว"
"Don't read my mind!"
"ลิลลี่สีขาวกับสาวน้อยของผม"
"หนุ่มรับเหมากับสาวแบรนด์เนม"
New Comments
Friends' blogs
[Add tiara's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.