"เทสโก้" เล็งขายหุ้นธนาคาร แบงก์และธุรกิจในเอเชีย หวังรอดพ้นวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ในรอบ 95 ปี ด้านนักวิเคราะห์เอสเอสบีซี เชื่อพลิกฟื้นธุรกิจครั้งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 3 พันล้านปอนด์

วานนี้ (3 พ.ย.) หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่า บริษัท เทสโก้ ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ กำลังพิจารณาแก้ไขวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งมา 95 ปี ด้วยการขายหุ้นบางส่วนของ ธนาคาร เทสโก้ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารในเครือ คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ประมาณ 500- 1 พันล้านปอนด์

ด้านนายเดฟ ลูว์อิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทสโก้ กล่าวว่า บริษัทกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการขายหุ้นธนาคาร และสินทรัพย์อื่นๆ อาทิ ธุรกิจในเอเชีย หลังตรวจพบความผิดพลาดครั้งใหญ่ในการทำบัญชี และความผิดปกติของผลกำไร รวมถึงยังถูกปรับลดอันดับความน่าลงทุน จากสำนักงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

เมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักงานตรวจสอบการฉ้อโกงรุนแรง ประกาศว่า ทางสำนักงานได้วางแผนตรวจสอบอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความผิดปกติของการทำบัญชีของเทสโก้แล้ว

สำหรับเรื่องนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน มองว่า การระดมทุนครั้งใหญ่ของเทสโก้ ถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยนักวิเคราะห์จาก เอชเอสบีซี คาดว่า ค่าใช้จ่ายในการพลิกฟื้นธุรกิจเทสโก้อาจจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 3 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 4.8 พันล้านดอลลาร์

โดยเทสโก้มี 3 ทางเลือกในการขายสินทรัพย์หลัก ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่สามารถระดมทุนเงินได้จำนวนมาก ล่าสุดคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งฝ่ายควบรวมกิจการภายในของ เทสโก้ ภายใต้การนำของ นายโจนาธาน ลูอิส์ อดีตนักการธนาคาร กำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น

สำหรับ ทางเลือกแรก คือ การขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุด โดยทำการขายธุรกิจ และการแยกจดทะเบียนธุรกิจที่มีมูลค่าสูงในเอเชียของ เทสโก้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ธุรกิจดังกล่าวจะมีมูลค่า 8 พันล้านปอนด์ - 1 หมื่นล้านปอนด์

ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเทสโก้ในภูมิภาคเอเชียอยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีสาขา 1,700 แห่ง ภายใต้แบรนด์เทสโก้ โลตัส และมีสาขาขนาดเล็กหลายแห่ง ขณะที่ในประเทศเกาหลีใต้ เทสโก้มีสาขา ภายใต้แบรนด์ โฮมพลัสกว่า 400 สาขา และยังมีสาขาจำนวนมากในประเทศมาเลเซียด้วย

ทางเลือกในการขายธุรกิจในเอเชีย กำลังได้รับการพิจารณามากขึ้น เนื่องจากวิธีดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถระดมทุนได้จำนวนมาก ขณะเดียวกันก็จะยังคงรักษาธุรกิจในต่างประเทศที่มีมูลค่าของเทสโก้ไว้ได้ เนื่องจากทางบริษัทอาจเลือกที่จะถือหุ้นบางส่วนไว้

ส่วน ทางเลือกที่ 2 คือ การขายหุ้นทั้งหมด หรือบางส่วนของ ธนาคาร เทสโก้ แบงก์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางเลือกหนึ่ง หลังจากที่ในปี 2551 เทสโก้จ่ายเงินเกือบ 1 พันล้านปอนด์ เพื่อซื้อธนาคาร รอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ซึ่งเป็นธนาคารร่วมทุน โดยธนาคารมีลูกค้าราว 6 ล้านคน และมีพนักงานมากกว่า 4,000 คน

อย่างไรก็ดีงบการเงินของ เทสโก้ ในช่วงครึ่งปีแรก บ่งชี้ว่า ผลกำไรของเทสโก้ แบงก์ ลดลงเกือบ 25% สู่ 80 ล้านปอนด์ในปีนี้ จาก 104.7 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ ทางเลือกที่ 3 ตอนนี้กำลังมีการศึกษาอย่างใกล้ชิด นั่นคือ การขายบริษัท Dunnhumby ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดขึ้น หลังจากโครงการ Clubcard ของเทสโก้ โดยเทสโก้ได้พิจารณาการขาย Dunnhumby หลังจากที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากบริษัทเอกชน

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2557 21:38:32 น.		0 comments
Counter : 1440 Pageviews.
Share Tweet