รวบรวมงานเขียน..สาวกห้ากระสอบ
 
ตอนที่สอง

“ เป็นอะไรไปวะไอ้สุด ข. สระอี ไม้โท ไม่สุดเหมือนอย่างชื่อรึไง ”

กรวีไต่ถามอย่างสงสัยเมื่อสังเกตเห็นเพื่อนสาวซึมกระทือผิด
ปกติไป สุดหทัยถอนหายใจเฮือก เอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าที่อีกฝ่าย
เพิ่งผสมให้ขึ้นมาคลึงในมือ

“ เปล่า ”

ชายหนุ่มจับตาพินิจใบหน้าของคู่สนทนาอย่างสำรวจตรวจตรา

“ งั้นก็ ป.จ.ด. มาไม่ปกติ ลองยาสตรีเพ็ญภาคสิแก ใช้แล้ว
หน้าตาเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลมีเลือดฝาดทันตาเห็นเชียวนะ ”

“ ก็บอกว่าเปล่า ”

“ เอ.. หรือฉันผสมเหล้าให้แกหนักมือไป ”

ฝ่ายชายยังแหย่ไม่เลิก หญิงสาวถอนหายใจอีกเฮือก ยกแก้ว
ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

“ ไม่ใช่หรอก แกผสมให้ฉันอ่อนไปน่ะ อยากจะได้แบบเพียวๆ
ออนเดอะร็อคเสียด้วยซ้ำ ! ”

คราวนี้กรวีทำตาปริบๆ เขาไม่เข้าใจเอาเสียจริงๆ ในอาการ
ประหลาดของเพื่อนสาว ตอนนั่งมาในรถก่อนจะทานข้าวด้วยกัน
ก็ยังดีๆ อยู่นี่นาหรือว่าจะเป็น ..

“ เฮ้ยสุด ฉันถามแกจริงๆ เหอะ ว่าแกเป็นอะไรไป ที่ถามเนี่ย
ฉันเป็นห่วงนะโว้ย ฉันสังเกตเห็นแกเงียบมาตั้งแต่นั่งร้านข้าว
มาแล้ว หากแกยังโกรธที่ฉันตักหัวปลากระพงไปไว้ในจานของ
ฉันคนเดียวละก็ ฉันขอโทษแกด้วย หรือแกจะให้ฉันสั่งโป๊ะแตก
หรือหม้อไฟมาปลอบใจแกก็เอา ”

สุดหทัยฝืนยิ้ม ทำหน้าให้เป็นปกติ

“ ไม่มีอะไรหรอกแก ฉันก็คิดไปเรื่อยเปื่อยของฉันน่ะ แต่ ..วี
ฉันอยากจะถามอะไรแกสักอย่าง แต่แกต้องสัญญาก่อนว่า
แกจะไม่โกรธฉันนะ ”

“ ปัดโธ่ สุด.. แกกับฉันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วหา
แกไม่น่าจะถามฉันอย่างนี้เลย เอ้า มีอะไรจะพูดก็พูดไป ”

กรวีว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาดื่ม
รวดเดียวจบบ้างแล้วจัดการลากแก้วเหล้าของอีกฝ่ายมาตั้งเคียงกับ
ของตนเอง คีบน้ำแข็งรินเหล้าใส่และเติมโซดาลงไป หญิงสาว
รอจนกระทั่งอีกฝ่ายเลื่อนแก้วมาให้ จึงค่อยมองหน้าเพื่อนชาย
อย่างเต็มตาแล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ สมมติ.. สมมตินะวี หากแกมีโอกาสที่จะรับรู้ความลับของฉัน
โดยที่ฉันไม่รู้ไม่เห็น ฉันอยากจะรู้ว่าแกจะฉวยโอกาสกระทำ
เช่นนั้นไหม หรือแกจะวางเฉยไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันเลย ”

ชายหนุ่มประสานสายตาเพื่อนสาวแน่นิ่ง เขาเริ่มจะเข้าใจได้
เลาๆ

ถึงอาการผิดปกติของอีกฝ่ายแล้ว

“ ฉันไม่โกรธแกหรอกสุดที่ถาม หากตัวฉันเองตกอยู่ในสภาวการณ์
เช่นนั้น ฉันย่อมถือสิทธิ์ในการตัดสินใจของฉันเป็นใหญ่โดยไม่
จำเป็นต้องมีเงื่อนไขความถูกต้องตามทำนองคลองธรรมใดๆ เข้ามา
มีอิทธิพลในการตัดสินใจทั้งสิ้นด้วย มันอาจจะเป็นได้ว่าสิ่งที่
ฉันตัดสินใจทำนั้นไม่จัดอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าสุจริตต่อมิตรสหาย
แต่หากจุดประสงค์ในการกระทำนั้นหากจะมี ก็เพื่อเป็นประโยชน์
ในการปกป้องดูแลเพื่อนรักคนหนึ่งของฉันเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อ
ผลประโยชน์ ส่วนตัวฉันแต่อย่างใดเลย ”

แล้วกรวีก็หัวเราะอย่างขันๆ

“ ว่าแต่ความลับของแก มันก็ไม่ใช่ความลับสุดยอดถึงขั้น ฟอ อายส์
โอนลี่ เลยนี่นะ หากจะมีสายตาที่สามเกิดไปรู้เห็นเข้า และไม่ใช่
สายตาของผู้ที่มีพิษมีภัยอะไรต่อแก มันก็จะกระไรนักเทียว ”


สุดหทัยพยักหน้าเนิบๆ นี่แหละคือคำตอบของไอ้วีตัวจริงละ

“ เอาละวี แกกำลังจะยืนยันต่อฉันว่า หากเหตุการณ์สมมตินั้นมัน
เกิดขึ้นจริง แกไม่มีความรู้สึกอื่นใดเข้ามากระตุ้นเร่งเร้า นอกเสีย
จากความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนเพียงเท่านั้นเองละหรือ แกไม่
ใส่ใจต่อความรู้สึกของคนที่แกคิดห่วงบ้างเลยใช่ไหม ว่าเขาจะ
คิดอย่างไรในความหวังดีไม่มีขอบเขตที่แกมีให้เขาน่ะ ”

กรวีถอนหายใจดังเฮือกออกมาบ้าง

“ นี่ไอ้สุด ทำไมแกไม่บอกฉันมาตรงๆ หือม์ ? ว่าแกไปเจอะอะไรเข้า
มีอะไรก็พูดกันสิวะ มานั่งแอ็คท่านางเอกมิวสิคให้เกิดบรรยากาศมาคุ
อยู่ได้ ทำเอาแบล็คขวดนี้กร่อยไปเลย เวงเอ๊ย ”

สุดหทัยตวัดสายตากึ่งค้อนให้เพื่อนชาย

“ สาเหตุมันก็เพราะแกนั่นแหละ ไอ้วี แกรู้ไหมว่าตอนที่ฉันอยู่ใน
ห้องคอมฯช่วงเที่ยง แล้วแกเข้าไปหาฉันขอพรินต์งานต่อน่ะ
ยายอ้อน เด็กวิทยาฯ เพื่อนของรูมเมทฉันเขานั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วย
และเขาก็เห็นว่าแกทำอะไรลงไป ”

“ แล้วเขาก็ไปฟ้องแก.. ”

กรวีต่อให้ แล้วยักไหล่

“ ป้าดโธ่ นิยายหลังข่าวชะมัดเลยว่ะสุด จะต้องให้อธิบายอีกไหม
ว่าทำไมยายอ้อนถึงวิ่งโร่ขออาศัยรถฉันไปที่คณะเรา.. ”

ชายหนุ่มเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ ทำท่าอ่อนอกอ่อนใจ เป่าลม
ออกจากปาก แต่หญิงสาวไม่ยอมทำท่าผ่อนคลายไปด้วย
หล่อนยันท่อนแขนไว้กับโต๊ะแล้วชะโงกหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย
จ้องตา

“ นี่ วี.. แกอย่ามาทำเป็นไม่รู้อยู่ต่อไปเลย ว่ายายอ้อนเขาคิด
อย่างไรกับแก ฉันรู้นะว่าแกไม่คิดอะไรกับเขา แต่นั่นไม่ใช่
ประเด็นที่สำคัญหรอก ที่ฉันอยากรู้จริงๆ ก็คือ - - แกจะพยายาม
ปฎิเสธความเป็นจริงในปัจจุบันโดยใช้ฉันเป็นเกราะกำบังอยู่อย่างนี้
ไปอีกนานแค่ไหน อดีตของแกที่มันเกิดขึ้นและจบลงไปแล้วนั้น
มันควรจะเป็นเพียงพาส ซิมเปิ้ลเท่านั้น แต่แกพยายามทำให้มัน
เป็นเพรสเซ่น เพอร์เฟ็ค และคนที่ซัฟเฟอร์ก็คือตัวแกเองคนเดียว
อย่าบอกฉันนะ ว่าทั้งชีวิตของแกจะจมปลักอยู่กับเรื่องราวในอดีต
เพียงแค่นั้น.. ”


กรวีส่ายหน้าช้าๆ

“ ไม่ใช่เลยสุด.. ไม่ใช่เลย หากแกคิดอย่างนั้นขอให้แกรู้ไว้ด้วยว่า
แกเข้าใจผิดถนัด ถูกละ ฉันยังคงจมปลักกับอดีตก่อนเก่าของ
ตัวเองอย่างยากที่จะถ่ายถอน.. แกรู้ไหม ว่ามันเป็นเพราะอะไร
มันไม่ใช่เพราะนี่หรอก..”

ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นจิ้มไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
แล้วหัวเราะขื่นๆ

“ …มันไม่ใช่เพราะฉันไม่มีหัวใจให้ใคร แต่เป็นเพราะฉันละอาย
ต่อตัวเองที่ไม่อาจทำตัวให้มีค่าแม้กับผู้หญิงที่ใครๆ ก็มองว่า
ไร้่ราคาคนหนึ่งได้ต่างหาก เอาละ..ฉันอยากจะถามแกบ้าง
ว่าที่แกรักใครคนนั้น ..คนที่ฉันไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อออกมาหรอก
แกบอกฉันซิว่าแกรักเขาเพราะอะไร ”

สุดหทัยนิ่งอึ้งในคำถามของเพื่อนชายเพราะไม่เข้าใจจุดประสงค์
ของคำถามนั้น หล่อนลำบากใจที่จะตอบ แต่ก็ไม่อาจจะเลี่ยงได้เพราะ
ผู้ถามยังคงจับสายตามาอย่างคาดคั้น

“ เอ.. ไม่รู้สิ คงเพราะเขาเป็นคนดี และดีต่อฉันมั้ง ”

“ แล้วแกรู้ได้ไง ว่าเขาเป็นคนดี เพราะเขาดีต่อแกเท่านั้นหรือ ”

กรวีรุกคำถามต่อมา สุดหทัยขยับตัวอย่างอึดอัด

“ ก็ไม่รู้นี่ .. ก็เขาดีกับทุกๆ คน และฉันก็พอจะรู้จักเขามานานพอควร
อีกทั้งเขาก็ใส่ใจฉันเป็นพิเศษกว่าที่เขาใส่ใจคนอื่นนี่นา อีกอย่าง
เขาก็พอจะเป็นผู้ชายในอุดมคติผู้หญิงอย่างฉันได้ไม่ใช่หรือ
หน้าตาดี ฐานะดี มีความรู้ คู่คุณธรรม.. เนอะ .. เหมือนอย่าง
คำขวัญในวันเด็กไง ”

ท้ายประโยคหญิงสาวแกล้งพูดให้มันตลก แต่มันดูจะฝืดสิ้นดีใน
ความรู้สึกของหล่อน และอีกฝ่ายก็ไม่ยอมขำไปด้วย

“ สุดเอ๋ย ที่แกบอกตัวเองว่ารักๆๆ เขาน่ะ แกไม่ได้รักเขาหรอก
แกเพียงแต่หาเหตุผลที่ฟังดูเข้าท่าและสอดคล้องกับอารมณ์
ของตัวแกเอง มาประกอบเป็นเงื่อนไขในการชอบเขาเท่านั้น
เอาละ ฉันอยากจะถามแกอีกซิว่า ..หากแกเกิดมารู้ทีหลัง
ว่าเขาคนดีที่หนึ่งของแก ที่แกว่าดีกับแกเป็นพิเศษน่ะ เขามี
คนอื่นที่พิเศษกว่าแกอยู่ก่อนแล้ว และอยู่ใกล้เขามากกว่าแก
หลายเท่านัก แกจะว่ายังไง ”


สุดหทัยนิ่งเงียบอย่างตกตะลึง

แล้วหญิงสาวก็ฝืนหัวเราะออกมา

“ ถ้าเขาเป็นอย่างที่แกว่า ฉันก็เสียใจไปน่ะสิแก แต่หากมัน
จะเป็นจริง ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนักหรอกเพราะเขา
คนนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อม และคงจะมีใครต่อใคร
ที่ดีเลิศประเสริฐศรีกว่าฉันอีกเยอะแยะคอยห้อมล้อม
ที่ไหนเลย เขาจะยังรอผู้หญิงอย่างฉันอยู่ได้ ”

“ เขาจะรอแกได้หรือไม่มันไม่เกี่ยวหรอก แต่ที่สำคัญกว่า
คือเมื่อเขารอแกไม่ได้ เขาจะมีกะใจแอะปากบอกแกสักคำ
บ้างหรือเปล่าก็เท่านั้น หรือจะใจดำปล่อยให้แกถลำตัวไป
จนสุดท้ายแกอาจจะถอนไม่ขึ้น กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว
ไอ้เรื่องตั้งใจหาทางแย่งแฟนเพื่อนน่ะ หากแกจะเลียน
แบบยายอ้อนมันก็ไม่กระไรนักหรอก ขอให้รู้แน่เถอะ ว่า
แกรู้ว่าเขามีแฟนแต่แกจะเอาจริงๆ แต่อย่าไปแย่งผัวชาวบ้าน
โดยไม่เจตนาดีกว่า ไม่อย่างนั้นแกจะต้องนั่งร้องเพลงหนูไม่รู้
หรือ ฉันรักผัวเขา เป็นเพอซันนอล แอนเธม ”

สุดหทัยหน้าเผือด

“ วี.. นี่แกคงจะไม่สมมติอะไรมาทำร้ายใจฉันเล่นๆ ใช่ไหม
หรือแกจะบอกฉันว่า - -"

แทนคำตอบรับ กรวีพยักหน้าด้วยแววตาชนิดที่เพื่อนสนิท
อย่างสุดหทัยรู้ได้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริงจังสักแค่ไหน

นิ่ง.. นาน.. หญิงสาวจึงค่อยๆ เอนกายไปพิงพนักระบาย
ลมหายใจออกมายาวเยือก

“ เอาละ ในที่สุดแกก็บอกความจริงแก่ฉันเสียที ขอบใจนะวี
ที่ไม่ปล่อยให้ฉันโง่งมงายไปกับความฝันเพ้อ ”

ท้ายประโยค เสียงของหล่อนขาดหายไปในลำคอ กรวี
มองเพื่อนสาวอย่างเห็นใจ

“ ร้องไห้ออกมาเถอะ หากแกอยากจะร้อง ฉันไม่ตำหนิอะไร
แกหรอก และจะไม่นึกว่าแกอ่อนแออีกด้วย ”

“ ร้องไห้ทำไม.. ร้องให้แก่ความหน้ามืดตามัวของฉันน่ะหรือ ”

สุดหทัยหัวเราะออกมาหยันๆ ฉวยขวดเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้ว
แล้วยกขึ้นซดจนหมดโดยไม่ต้องพึ่งโซดา แต่เมื่อหล่อนเอื้อมมือ
ไปคว้าขวดเหล้ามาอีกครั้ง มือหนาแข็งแรงของอีกฝ่ายก็คว้าข้อมือ
หล่อนเอาไว้ให้ชะงัก

“ พอเถอะสุด แกจะเมาแค่ไหน เมื่อไหร่ และที่ไหนก็ได้
ตราบเท่าที่แกเมาอยู่ข้างๆ ฉัน แต่อย่าให้ราตรีนี้มันแสนสั้น
เกินไปนัก อกหักแค่นี้ไม่ตายหรอกโว้ย ผู้หญิงสวยๆ อย่างแก
จะหาผู้ชายตามสเป็คที่แกว่าอีกสักกี่โหลคนก็ยังได้ แผ่นดิน
ไม่ไร้เท่าใบพุทรา จะเปลืองสุราเพื่อไอ้พี่เห้ของแกไปทำไมกัน ”

“ ผู้หญิงสวยๆ อย่างฉัน -- เหอะ.. ฉันว่าแกเมาก่อนฉันแล้วละ
ถึงได้เริ่มปากหมาน ไอ้แบล็คขวดนี้่มันคงจะปลอมแหงๆ ”

หญิงสาวแค่นเสียงออกมาอย่างเจตนาพาล แต่ก็ยอมรามือ
จากขวดเหล้าแต่โดยดี อีกฝ่ายจึงยอมปล่อยข้อมือหล่อนออกจาก
การเกาะกุมพร้อมกับหัวเราะหึๆ อย่างไม่ถือสา เขาเข้าใจหล่อนได้
เป็นอย่างดีในอารมณ์นี้ สุดหทัยนั้นบทจะวีนขึ้นมาแม่ก็อาละวาดใส่
ไม่เลือกหน้าเหมือนหมาบ้าพาลกระแชงได้เหมือนกัน ดังนั้นกรวี
จึงเลื่อนแก้วของหล่อนมาจัดแจงผสมให้อย่างอ่อนๆ เพื่อปลอบใจ
สุดหทัยเชิดปาก แต่ก็หยิบแก้วขึ้นไปจิบ แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบงัน
กันไป


กรวีเหลือบตาดูนาฬิกา ย่างเข้าสี่่ทุ่ม บรรยากาศในร้านสไตล์
คันทรี่แห่งนั้นดูจะคึกคักขึ้น เพราะลูกค้าเริ่มจะทะยอยๆ กันเข้ามาและ
ดีเจประจำร้านเริ่มเข้าประจำที่เปิดแผ่นเพลง แบล็คเลเบิ้ลขวดลิตร
พร่องไปกว่าครึ่ง และส่วนใหญ่เป็นฝีมือของสุดหทัยนั่นเอง หญิงสาว
บัดนี้นั่งหน้าแดงก่ำผมเผ้ายุ่งเหยิง และดูท่าทางจะอารมณ์ดีขึ้น
เพราะเริ่มจะยิ้มและหัวเราะได้เมื่อเพื่อนชายชวนคุย ขณะนี้หล่อน
กำลังนั่งพยักหน้าอยู่หงึกๆ ตามทำนองดนตรี กรวีขยับจะชวนเพื่อนสาว
กลับ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเมา แต่แล้วคิดอีกทีก็เปลี่ยนใจ

ปล่อยให้มันเมาอยู่แถวนี้ดีกว่า ยังไงก็พอจะดูแลกันไหว
ขืนให้มันกลับหอ ดีไม่ดีไปอาละวาดหาเรื่องตบยายอ้อนระบายโทสะ
มันจะยุ่งกันไปใหญ่

“ วี.. วีจ๋า ฟังเพลงสิ วู้วว เพลงนี้ของใครอ้ะ สุดช้อบ ชอบ ”

สุดหทัยตบมือชอบใจแล้วเอื้อมมือมาเขย่าแขนเพื่อนชาย ถึงแม้
จะหนักใจแต่กรวีก็ไม่วายยิ้ม กินเหล้ากับใครต่อใครมาก็เยอะแล้ว
ไม่ว่าชายหญิงหรือกระเทย เห็นมีไอ้สุดคนเดียวนี่แหละที่ยิ่งเมายิ่งหวาน
แต่อย่าไปขัดใจมันเวลาเมาเข้าเชียว

“ Sultans Of Swing ของ Dire Strait ไงล่ะแก จัดอยู่ในระดับ
แคลสสิคเชียวหนา ”

“ อ๊าาา ดีจังเลย มามะ วี มาสิมาสวิงกิ้งกัน..”

ชายหนุ่มรีบเอื้อมมือไปปิดปากเพื่อนสาวเอาไว้ทันที

“ เมาแล้วนั่งฟังเงียบๆ ดีกว่าวะไอ้สุด อย่าเห่านักเลยแก มานี่
แกมานั่งใกล้ๆ ฉันนี่แล้วอย่าโวยวาย ไม่งั้นฉันเช็คบิลกลับจริงๆ ด้วย ”

พร้อมกับพูด กรวีก็ลากเก้าอี้ของเพื่อนสาวเข้ามาใกล้ๆ สุดหทัย
ทำคอง่อกแง่กไปมา ปากก็งึมงำเนื้อเพลงคลอตามโดยอัตโนมัติ
และอีกพักเดียว หล่อนก็เอนตัวมาซบบ่าของอีกฝ่ายหลับตานิ่ง
และไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัวอีก ไม่ว่าเพื่อนชายจะเขย่าตัวปลุกเช่นไร


เป็นไง หมดฤทธิ์เสียแล้วหรือ ..ยายตัวแสบ

---------------------------------------

กรวีค่อยๆ วางร่างของสุดหทัยลงเบาๆ ยายนี่เห็นหุ่นเพรียวๆ
ก็เถอะแต่ตัวหนักชะมัด กว่าจะลากหญิงสาวขึ้นรถและอุ้มลงมานี่ได้
ก็เล่นเอาเขาหอบฮั่กไปพักใหญ่ และนับว่าเป็นโชคดีของเขาอีก
เหมือนกันที่หญิงสาวเมาหลับพับไปเสียก่อนที่จะแผลงฤทธิ์โวยวาย
อย่างที่เขาหวั่นเกรง

จัดแจงให้หล่อนนอนเสร็จสรรพเอาผ้าห่มคลุมให้ แล้วชายหนุ่ม
ก็รื้อผ้าขนหนูจากเป้ส่วนตัวที่มีติดรถอยู่ประจำและถือติดมือมาด้วย
และอาศัยน้ำดื่มจากขวดในเป้อีกนั่นแหละ จัดแจงราดน้ำลงบนผ้า
บิดให้หมาดแล้วซับไปตามใบหน้าและลำคอของหญิงสาว ไม่นานนัก
ขนตางอนยาวของอีกฝ่ายก็กระพริบปริบๆ แล้วตาอ่อนเชื่อมคู่นั้นก็หรี่ลืม
ขึ้นมองเขาอย่างอิดโรย

“ วีเหรอ.. นี่มันที่ไหนกันเนี่ย ทำไมมันมืดจัง ”

“ ไม่ใช่โรงแรมก็แล้วกันน่า แกตื่นก็ดีแล้ว พอจะลุกขึ้นมาเอง
ไหวหรือเปล่า ”

หญิงสาวค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นแทนคำตอบ กรวีช่วยประคอง
ให้หล่อนลุกขึ้นนั่งก่อนยื่นผ้าขนหนูให้ สุดหทัยรับไปถือไว้เฉยๆ
แล้วทำท่าผะอืดผะอมคอขย้อนเหมือนจะอาเจียน ซัดผ้าขนหนูทิ้ง

“ จะอ้วกล่ะสิท่า กินเข้าเยอะนักนี่แก เหล้าน่ะ ”

กรวีพูดดักคอ สุดหทัยพยักหน้าถี่ๆ โบกไม้โบกมือวุ่น
ร้อนถึงเพื่อนชายต้องหิ้วปีกประคองออกไปให้ห่างจากที่นอน
แล้วหล่อนก็ทำตัวงอร้องโอ้กอ้าก พยายามจะโก่งคออาเจียน
ออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหลแต่แล้วไม่สำเร็จกลับเข่าอ่อนทรุดกายลง
ชายหนุ่มเห็นท่าไม่เป็นการก็ปราดเข้าไปจับคางของอีกฝ่ายแล้วง้าง
ปากออก ล้วงนิ้วมือเข้าไปดื้อๆ ทำเอาหญิงสาวร้องอึกอักอยู่ใน
ลำคอ และทันใดก็อาเจียนพรวดออกมา เพื่อนชายช่วยลูบหลังให้
แต่อีกฝ่ายร้องลั่น

“ ลูบลงสิโว้ย อย่าลูบขึ้น ไอ้เวง อ๊อกกกก ”


ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวอาเจียนจนหมดกระเพาะ แล้วก็
ประคองหิ้วปีกกลับมาทิ้งให้นอนหายใจรวยๆ อยู่ที่เดิม ตัวเองหันไป
หยิบผ้าขนหนูที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมาจัดการล้างมือตัวเองและผ้าจน
สะอาดดีแล้วจัดการเทน้ำที่เหลือในขวดพรวดลงไปบนหน้าของหญิงสาว
จนอีกฝ่ายสะบัดหน้าหนีอยู่เร่าๆ แต่อุ้งมืออันใหญ่แข็งแรงนั้นจับล็อค
กรามเอาไว้ให้หยุดนิ่ง แล้วเอาผ้าขนหนูผืนนั้นอีกนั่นแหละเช็ดคราบ
เปรอะเปื้อนจากใบหน้าของอีกฝ่ายออก จัดการเอาแจ็กเก็ตหนัง
ของตัวเองห่มคลุมให้

ไม่นานนัก สุดหทัยก็โงเงขึ้นมาได้ หล่อนนั่งเกยคางอยู่บนเข่า
ที่งอเข้ามาชิดกัน มีแจ็กเก็ตหนังของเพื่อนชายพาดอยู่บนไหล่ หญิงสาว
กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วก็พบว่าหล่อนนอนอยู่ในลานโล่งๆ ไม่ใช่ในห้อง
อย่างที่เข้าใจไปแต่แรก ที่รองนั่งของหล่อนนั้น มันคือถุงนอนบุนวมหนา
ด้านหลังของหล่อนคือรถกระบะของกรวีที่จอดอยู่ใต้เงาครึ้มของต้นไม้ใหญ่
และเจ้าของรถขณะนี้กำลังง่วนอยู่กับกองไฟที่กำลังลุกฮืออยู่ใกล้ๆ หล่อน
ส่วนด้านหน้าที่แลเห็นลิ่วลงไปสู่ความมัวมนเบื้องล่างคือจุดเล็กจุดน้อย
ที่เห็นอยู่ลิบๆ ของของแสงไฟอันดารดาษจากตึกรามบ้านช่องน้อยใหญ่
ในตัวเมือง ส่วนเบื้องบนนั้นเล่า คือแผ่นฟ้าราตรีที่พราวไปด้วยแสงดาว
ระยิบระยับสุกใสเหมือนกากเพชรลอยเด่นออกมาจากฉากหลังสีดำสนิท
มันคือบรรยากาศงดงามยามราตรีอันอ้างว้าง ในอ้อมกอดของยอดเขา
อันสูงใหญ่หลังมหาวิทยาลัย และคงจะเป็นสถานที่เดียวกับลานกว้าง
ส่วนหนึ่งของฟากถนนตรงข้ามกับสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ ที่หล่อน
เคยขึ้นมารับน้องตั้งแต่สมัยปีหนึ่งนั่นเอง


แล้วร่างสูงที่ง่วนอยู่ริมกองไฟนั้น ก็เดินกลับมานั่งเคียงข้างหล่อน
พร้อมกับมือส่งถ้วยกาแฟอุ่นๆ มาให้ สายตาอันอ่อนเชื่อมและอิดโรย
ทอดประสานกับสายตาอันเต็มไปด้วยความห่วงใยอาทร แล้วเจ้าของ
สายตาอิดโรยก็พึมพำแผ่วๆ

“ ขอโทษด้วยนะวี ที่ฉันทำให้แกต้องยุ่งยาก ”

กรวีเอื้อมมือไปเสยผมของอีกฝ่ายที่เปะปะรุ่ยร่ายอยู่ให้กลับเข้าที่

“ ขอโทษอะไรกันวะ ฉันต่างหากน่าจะเป็นฝ่ายขอโทษแก
หากฉันรู้ว่าแกเสียใจถึงกับต้องเมามายหนักอย่างนี้ ฉันจะ
ไม่บอกแกเลย ”

“ แกบอกฉันน่ะดีแล้ว ฉันจะได้ไม่โง่ให้เขาหัวเราะเยาะลับหลัง
ยังไงล่ะ จริงๆ นะวี ฉันเจ็บใจเหลือเกิน…”

กรวียิ้มให้อย่างปลุกปลอบใจ

“ อย่ากังวลไปเลยน่า ฉันรู้ว่านี่เป็นรักครั้งแรกของแก มันก็ต้อง
เจ็บหนักหน่อย แต่เชื่อฉันเถอะ ความเจ็บปวดในครั้งนี้มันจะเป็น
กำลังใจให้แกเข้มแข็งขึ้นในคราวต่อไป ..หากมันจะยังมี ”

สุดหทัยสะอื้นฮัก ปาแก้วกาแฟกระเด็นไป

“ วี.. แกไม่รู้หรอกว่านี่ไม่ใช่รักครั้งแรกของฉัน แต่เป็นรักที่ฉันหวัง
ว่าจะช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากความรู้สึกเจ็บปวดของรักครั้งแรกได้
ต่างหาก แกคงไม่รู้ ว่าทุกวันเวลาฉันต้องเจ็บปวดแค่ไหนและ
ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการจะข่มตาหลับลง แกคงไม่รู้ ว่าการที่
ต้องรักใครสักคนที่เขาไม่อาจจะรักเรากลับคืน และไม่มีทางที่
จะบอกให้เขารู้ได้ เพราะกลัวว่าหากบอกก็จะสูญเสียเขาไปนั้น
มันลำบากยากเย็นสักเพียงไหน และที่ผ่านมา ฉันคิดว่าฉันแอบ
ซ่อนความรู้สึกในใจของฉันไว้ได้ตลอดมา และหวังว่าสักวันหนึ่ง
ฉันคงจะสลัดความคิดบ้าๆ นี้ออกไปให้พ้นจากหัวสมอง โดยการ
ข่มใจให้รักใครคนอื่นที่เขาจะมีรักให้แก่ฉันได้ …แต่สุดท้ายฉัน
ก็ทำไม่ได้…ฉันทำไม่ได้ ที่ฉันร้องไห้ ไม่ใช่เพราะฉันถูกไอ้บ้านั่น
มันหลอกเอาหรอก แต่ที่ฉันร้องไห้ เพราะไม่ว่าฉันจะทำวิธีใด
ฉันยังไม่อาจตัดใจไปจากแกได้เสียที ได้ยินไหม ”

หญิงสาวตะโกนลั่นน้ำตานองหน้า กรวีตะลึงนิ่ง

“ …เมื่อตะกี้ที่ฉันตื่นขึ้นแล้วฉันถามแกว่าที่นี่มันที่ไหน แล้วแกตอบ
ว่าไม่ใช่โรงแรมนั้นน่ะ แกรู้ไหมว่าฉันแอบหวังว่าให้มันเป็นโรงแรม
ไปเสียเถอะ ให้แกเอาเปรียบฉันไปเสียให้พ้นๆ แล้วฉันจะมีโอกาส
เข้าไปแทนที่ในใจของแกอย่างที่ฉันเคยหวังไว้ได้ เพราะฉันรู้ดีว่า
ผู้ชายอย่างแกไม่มีทางที่จะหลีกหนีความรับผิดชอบ ไม่มีทางที่
จะทิ้งฉันไปแน่ๆ แต่ให้ตายเถอะ แกไม่เคยเอาเปรียบฉัน
แม้แต่ครั้งเดียว แกมันไอ้สุภาพบุรุษสุดซื่อบื้อเสียเหลือเกิน
นอกจากความเป็นเพื่อนแล้ว ด้านอื่นๆ แกไม่มีเยื่อใยอะไร
ให้ฉันเลย แกมัวสนใจแต่อดีตเก่าๆ ของแก แกมัวร้องไห้ให้กับ
คนที่ตายไปแล้วโดยที่เขาไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป ฉันรู้ว่าแกเจ็บปวด
เพราะเขาคนนั้นก็เป็นเพื่อนของฉัน และฉันก็เสียใจที่เขาจากไป
เหมือนกัน แต่แกทิ้งฉันให้ร้องไห้อยู่คนเดียวเหมือนกับตายทั้งเป็น
แกปล่อยให้ฉันเดียวดายเพราะความเฉยเมยของแกจนน้ำตาฉัน
มันจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งเพราะความเย็นชาที่ได้รับไปแล้วรู้ไหม..”

ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก โอบร่างของเพื่อนสาวเข้ามาชิดอก
ปล่อยให้หล่อนสะอื้นอยู่อย่างนั้นโดยไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น สายตา
ของเขาเหม่อมองไปยังผืนฟ้าอันมืดสนิทแล้วจมอยู่ในห้วงคิด

เนิ่น..นาน.. อีกสักเท่าไรก็ไม่รู้ ชายหนุ่มต้องตื่นขึ้นจากภวังค์
เมื่ออีกฝ่ายขยับกายออกห่าง เขาหันไปมอง ก็พบกับประกายตา
ที่สุกจรัสพราวจับจ้องอยู่ก่อน แล้ววงแขนอันกลมกลึงก็โอบรอบ
มาที่คอ พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วๆ

“ แกจะไม่รักฉันก็ได้นะวี แต่อย่าเย็นชากับฉันอีกต่อไปเลย
ฉันไม่อาจซ่อนความรู้สึกของฉันไว้ได้อีกแล้ว จูบฉันสิ
ไม่ว่าพรุ่งนี้ฉันจะสูญเสียแกไปหรือไม่ก็ตาม.. ”

กรวีโอบรัดร่างของเพื่อนสาวเอาไว้แนบอก แล้วริมฝีปาก
ของเขาก็ประทับรอยลงกับริมฝีปากอันแดงก่ำที่รอรับจุมพิตอยู่
อย่างสนิทแน่น สายลมยามดึกพัดฮือเข้ามาเป่าเปลวไฟในกอง
ให้ลุกวูบวาบ แม้กายภายนอกจะหนาวเย็นสักเพียงใด ทว่าดวงใจ
สองดวงเริ่มจะระอุอุ่นขึ้นมาและเต็มไปด้วยความรู้สึก…


สุด..

หือมม์…

ที่พูดมาตะกี้ แกเมาหรือเปล่าวะ

อื้อ.. ก็นิดหน่อย

แกจะร้องไห้อีกก็ได้นะ และฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจด้วย

อื้ออมมม

เพราะฉันกำลังจะบอกแกว่า…

…??….

I want you
I need you
But --there ain't no way I'm ever gonna love you
Now don't be sad
'Cause two out of three ain't bad


=============== จบ ===============


Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2552 4:57:40 น. 0 comments
Counter : 188 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

สาวกห้ากระสอบ
Location :
melbourne Australia

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add สาวกห้ากระสอบ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com