รวบรวมงานเขียน..สาวกห้ากระสอบ
 

ตอนที่หนึ่ง

======== เศษสองส่วนสามของหัวใจ =========

สุดหทัยอ่านทวนอีเมล์ฉบับร่างของหล่อนอย่างตั้งอกตั้งใจเป็น
ครั้งที่สิบ พลางทำปากขมุบขมิบตามไปด้วยในบางประโยค เอาละ
ปรับแก้ครั้งนี้ ค่อยดูเข้าท่าขึ้นมาหน่อย คราวนี้คงจะได้ฤกษ์ส่งเสียที
แต่..เอ ฉบับที่แล้วเราลงท้ายด้วยคำว่าอะไรนะ รัก คิดถึง หรือขอให้
นอนหลับฝันดี กันแน่หนอ นึกให้ออกสิยายสุด ขืนลงท้ายด้วยคำ
เดิมๆ ละก็ พี่เอ้ต้องหัวเราะเอาแน่ๆ เลย พี่เขาพิถีพิถันขยันจับผิดออก
จะตายไป ก็ดูอย่างฉบับก่อน หล่อนแค่พิมพ์สะกดชื่อพี่เขาผิดไป
นิดเดียว จาก อ. อ่าง เป็น ห. หีบ เท่านั้น พี่เขายังงอนไม่ตอบเมล์เป็น
อาทิตย์เชียว ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้.. อ่อนไหว ใจน้อย ช่างฝัน เสียเหลือเกิน
อายุอานามก็ใช่ว่าจะน้อย ถึงกับไปเรียนโทเมืองนอกเมืองนาแล้วนะนั่น
แต่ไม่ใช่เพราะความโรแมนติคของพี่เอ้หรอกหรือ ที่ทำให้ผู้หญิง
ห้าวๆ อย่างหล่อนหลงใหลได้ปลื้มเสียนักหนา..

“ เฮ้ย ! คิดอะไรอยู่วะ ไอ้สุด ”

“ ฉิบหาย ตาเถรหก ”

หญิงสาวหลุดคำอุทานออกมาอย่างตกใจ ครั้นเห็นชัดๆ ว่าผู้อุกอาจเข้ามา
ส่งเสียงทักทายจู่โจมกระทันหันเป็นใครก็ถลึงตาแยกเขี้ยวเข้าใส่ตวาดแหว

“ หนอยแน่ะไอ้เวงตะไลวีนี่เอง บังอาจนักนะแก คิดจะแหย่
เสือหลับเรอะ เดี๊ยะเหอะเอ็งจะโดนฝ่ามือพิฆาตมาร- - ”

ไม่ทันจบประโยคดีเจ้าตัวแสบกรากเข้ามากระแซะโต๊ะคอมพิวเตอร์
ที่หล่อนนั่งอยู่อย่างถือวิสาสะ ทำเอาหญิงสาวต้องรีบคว้าเมาส์มาลากปิด
หน้าต่างเมล์อย่างเร่งรีบ แต่กระนั้นก็ยังไม่ทันนิ้วยาวๆ ที่เอื้อมไปจิ้ม
คีย์บอร์ดเล่นอย่างเจตนาจะกลั่นแกล้ง สุดหทัยคำรามลั่นด้วยความโกรธ
เคืองที่ถูกกระเซ้าเย้าแหย่ ยื่นมือไปข่วนควากเข้าให้ แต่อีกฝ่ายหลบฉาก
แพล็บห่างรัศมีเล็บแหลมๆ ไปได้อย่างว่องไว หญิงสาวลุกพรวดขึ้นยืน
หันซ้ายหันขวา พอสายตาปะเข้ากับเครื่องเย็บกระดาษอันขนาดเหมาะมือ
เข้า ก็ฉวยหมับขึ้นมาทำท่าจะขว้างใส่ จนเพื่อนชายต้องร้องลั่น

“ โอ๊ย ยอมๆๆๆๆ แล้วโว้ย ไม่เล่นแล้ว อย่าบ้านะไอ้สุด
หน้าฉันแหกเพราะแม็กอันนี้ฉันไม่ยอมแกจริงๆ ด้วย ”

“ ฝากไว้ก่อนนะแก โชคดีที่วันนี้ฉันยังไม่อยากทำบาป ไม่งั้น
แกตาย… ฮึ่มมม ”

หญิงสาวยกเครื่องเย็บกระดาษในมือขึ้นชี้หน้าก่อนทรุดตัวลงนั่ง วาง
อาวุธจำเป็นของหล่อนไว้บนโต๊ะตามเดิม แล้วเปิดหน้าต่างเมล์ที่เขียนค้างไว้
ขึ้นมาเซฟข้อมูล แต่แล้วก็รีบปิดอีกครั้งเพราะกรวีแถเข้ามาใกล้ๆ อีกรอบ
หล่อนทำท่าเงื้อง่า จนเพื่อนชายรีบออกตัว

“ เฮ้ยๆ คราวนี้ซีเรียสนะโว้ย ฉันจะมาขอคิวเครื่องคอมฯ แก
ขอพรินต์แล็ปซอย (soil)หน่อย เครื่องที่ภาคฯ มันหมดหมึกว่ะ
จะกลับไปที่หอก็ไม่ทัน ”

“ อ้อ.. ง้านหรอกเรอะ นึกว่าแกจะเข้ามาป่วนฉันเล่นๆ ซะอีก งั้นก็
ถอยออกไปให้ห่าง ไปยืนริมฝาโน่น ให้ฉันเซฟเมล์เสร็จเรียบร้อย
เสียก่อนค่อยเข้ามา ”


สุดหทัยพยักหน้าอย่างรับรู้แล้วชี้มือไล่ กรวียอมกระเถิบออกไป
แต่โดยดี หญิงสาวแกล้งปรายตาเหลือบมอง แล้วทำนั่งเฉยไม่รู้ไม่ชี้
เสียอย่างนั้น ทำเอาเพื่อนชายต้องยักไหล่และถอยกรูดห่างออกไปอีกจน
เกือบชิดริมฝาตามคำสั่ง หล่อนจึงค่อยเปิดเมล์ขึ้นมาอีกรอบ พิมพ์ที่อยู่ผู้รับ
ลงไปแล้วกดส่งเสร็จสรรพ และไม่ลืมล็อกออฟออกจากฮอทเมล์ ก่อนจะ
พยักหน้าให้เพื่อนชายเข้ามานั่งแทนที่

“ ตามสบายนะโว้ย ฉันไปล่ะ ใช้เสร็จแล้วเซ็นต์ออกให้ฉันด้วย ”

“ เออๆ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเจอกันในแล็บซอยก็แล้วกัน ”

กรวีพยักหน้ารับคำ สุดหทัยคว้าย่ามของตัวเองขึ้นมาสะพายไหล่
เอื้อมมือไปเขกกระบาลเพื่อนป๊อกเข้าให้ก่อนจะรีบเดินฉับๆ กลั้นหัวเราะ
ออกไป ทิ้งให้กรวีโวยวายลั่นตามหลังมา แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องรีบ
ปิดปากเงียบลงเพราะนักศึกษาอื่นๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์อยู่ในห้องนั้นด้วย
เริ่มหันมามอง


กรวีชะเง้อคอดูกระทั่งร่างระหงของเพื่อนสาวเดินลับตาจาก
ประตูห้องคอมพิวเตอร์ แล้วจึงค่อยหัวเราะกับตัวเองอย่างสะใจพลาง
งึมงำอยู่คนเดียว

“ หุ หุ ไอ้สุดเอ๋ย แกเขกกระบาลฉันไปทีนึงแต่แกก็ต้องหลงกล
ฉันอีกแล้ว นี่ๆ ต้องเปิดเพนส์ขึ้นมาและก็แปะ ชะแว้บ ขอขอบคุณฟังก์ชั่น
พรินต์สกรีน ที่ทำให้ข้าพเจ้านายวีได้ทำการทุจริตคิดร้าย แอบอ่านเมล์
ของนังตัวร้ายได้สำเร็จ ไหนๆ ขอดูหน่อยซิ สวัสดีค่ะ พี่เอ้ที่คิดถึง อะจ๊ายย
หน้าท้วยส์ๆ อย่างไอ้สุดมันหวานได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือวะนั่น โอ๊ะ.. อะไรกัน
สุดหลับและฝันไปว่าพี่เอ้อกลับมายืนอยู่ตรงหน้า ฯลฯ โอ๊ววว โว้ววว วู้ ฯลฯ ”


กรวีเลื่อนเก้าอี้กระเถิบตัวเองเข้าไปอีกจนแทบชิดจอภาพแล้วตั้งหน้า
ตั้งตาอ่านตัวอักษรในจอเบื้องหน้าอย่างตั้งใจจนจบ แล้วชายหนุ่มก็ต้อง
ถอนหายใจเบาๆ กับตนเอง อารมณ์สนุกในตอนแรกนั้นหายไปแล้ว
ไม่มีรอยยิ้มและแววตลกเล่นหลงเหลืออยู่อีก ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขากำลังอ่านอยู่
จะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของจดหมายก็ตามที แต่มันก็บ่งบอกให้รู้ถึงความในใจ
ของผู้เขียนได้อย่างกระจ่างชัดพอ แต่ผู้รับนั้นสิ แม้จะเข้าใจในเจตนาของ
ผู้ส่งก็ตาม แต่ก็ยังน่าสงสัยอยู่ดีว่าจะพลอยรู้สึกรู้สาซาบซึ้งไปกับถ้อยความ
ในเมล์หรือไม่ หรือจะฉกฉวยโอกาสหาประโยชน์ให้กับตัวเองเสียก็ไม่รู้


เฮ้อ.. ไอ้สุดเอ๊ย หะแรกฉันนึกว่าแกจะหลงใหลได้ปลื้มไปเพียงชั่ว
ประเดี๋ยวประด๋าว แต่เมื่อแกจริงจังอย่างนี้ ฉันก็เห็นทีจะต้องหาจังหวะเหมาะๆ
เพื่อบอกอะไรบางอย่างกับแกเสียแล้วล่ะ


ชายหนุ่มให้สัญญากับตนเองเช่นนั้น แล้วสลัดความคิดอื่นใดออกไปจาก
ห้วงสมอง หันไปจดจ่อกับการพรินต์รายงาน อันเป็นงานด่วนเฉพาะหน้าเสีย…


…โดยที่หารู้ไม่ว่า การกระทำของตนเองตกอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งซึ่ง
นั่งหลบมุมอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ห่างออกไปจนหมดสิ้น และใครคนนั้นกำลัง
ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจอย่างหมายมั่น....


ในที่สุด ปฎิบัติการในห้องทดลองวิชากลศาสตร์ของดิน
หรือที่นักศึกษาพากันเรียกสั้นๆ ว่าแล็ปซอย อันเป็นที่น่าเหนื่อยหน่าย
ยิ่งนักแก่นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของภาควิชาโยธาปีการศึกษานี้ทุกคน
เพราะเวลาเรียนตกมาอยู่ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ของทุกสัปดาห์พอดี
ก็หมดเวลาของมันลงพร้อมๆ กับความโล่งใจของสองนักศึกษาที่ยัง
หลงเหลืออยู่ในห้องทดลอง ซึ่งได้แก่สุดหทัยและกรวี พาร์ทเนอร์
แล็ปคู่หูคู่ฮาประจำชั้นปี ที่มักจะทำอะไรต่อมิอะไรสายโต่งรั้งท้าย
โหล่เพื่อนเป็นประจำนั่นเอง


“ ฮ้าวว ~ เสร็จซะที เลยเวลาล้าเต้ไปตั้งเกือบสองชั่วโมง
หิวเหล้าฉิบเลยโว้ย ”

กรวีอ้าปากหาวขณะพูดออกมาเสียงลั่น ทำเอาเพื่อนสาวค้อนขวับ

“ ไม่ต้องมาทำบ่นนะแก เป็นเพราะแกนั่นแหละไอ้เจ้าวี เจือกมั่ว
ข้อมูลดีนัก อ. วิวัฒน์สั่งนักสั่งหนาว่าอย่าเม้คๆ ตอนคาบที่แล้วน่ะ
ดันไม่ฟัง ทำงานลวกๆ สุกเอาเผากิน แล้วทีนี้เป็นไงล่ะสะใจไหม ”

เพื่อนชายยิ้มแห้งๆ พลางแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“ ก็ใครมันจะไปตรัสรู้ล่ะโว้ย ว่าต้องเอาผลการทดลองคราวที่แล้ว
มาใช้อีกในคราวนี้ ยังไงเราก็ทำเสร็จแล้วล่ะน่า อย่าไปพูดถึง
มันอีกดีกว่า ไปหาอะไรแด๊กซ์กันเหอะ คืนนี้ฉันเป็นเจ้ามือเอง
ไป๊ รีบจรลีอย่าชักช้า พยาธิ์สุราในท้องของฉันมันร้องจ๊อกๆ จะ
ลงแดงตายอยู่แล้ว ”

“ ตุ๊ยยสสส์ ไอ้ฉิบผาย ยังมีหน้าจะบอกเป็นเจ้ามือ ห้าร้อยที่แกยืมไป
อาทิตย์ที่แล้วยังไม่คืนฉันเลยนะโว้ย ใช้หนี้เก่ามาก่อนแล้วจะเลี้ยงเลิ้ง
อะไรก็ค่อยว่ากันทีหลัง เดี๋ยวแกเกิดหักคอคืนหนี้ฉันตอนเมา ฉันก็
เข้าเนื้อเท่านั้นเอง ”

ฯลฯ

ทั้งสองเดินออกจากห้องแล็ป คุยกันพลางทะเลาะกันพลางไป
ตามทางลาดลงจากตัวตึกคณะ จนถึงลานจอดรถเบื้องล่าง ที่บัดนี้เหลือ
เพียงซูซูกิ คริสตัล ของสุดหทัยและมิตซูฯ แอลสองร้อยกลางเก่ากลางใหม่
ของกรวีจอดอยู่ใกล้กัน รอจนหญิงสาวสวมหมวกกันน็อค สตาร์ทรถเสร็จสรรพ
แล้วเพื่อนชายก็พยักหน้า

“ เดี๋ยวฉันไปรับแกที่หน้าหอลิ้นจี่อีกครึ่งชั่วโมงละกัน อาบน้ำแต่งตัว
เข้าส้งเข้าส้วมเสียให้เรียบร้อยอย่าร่ำไร ”

“ หน็อย หอเอ็งน่ะสิมีลิ้นจี่ โธ่เอ๊ยอ้ายกล้วย เรื่องลามกจกเปรตล่ะไม่มี
ใครเกินเชียวนะ ว่าแล้วก็ตายซะเถอะแก อย่าอยู่เป็นผู้เป็นคนเลย ”


สุดหทัยส่ายหน้าอย่างปลงอนิจจัง พลางล้วงมือเข้าไปในเป้ที่สะพาย
ติดหลังแล้วดึงฟุตเหล็กปราดออกมาถือกระชับ กรวีหัวเราะชอบใจรีบกระโดด
เข้าไปเปิดประตูรถตัวเองสตาร์ทเครื่องเสียงสนั่นหวั่นไหว พอได้จังหวะ
ก็แกล้งออกรถอย่างพรวดพราดลากเกียร์ต่ำออกไปจนสองล้อหลังตะกาย
พื้นโรยกรวดเป็นฝุ่นฟุ้งตลบ ทิ้งให้หญิงสาวชูกำปั้นที่ถือฟุตเหล็กหราอยู่ในมือ
ตามหลังไปพร้อมถ้อยบริภาษไล่หลังกระทั่งรถของอีกฝ่ายจากไปลับตา

แล้วหล่อนก็ขยับจะเคลื่อนมอเตอร์ไซค์ของตนออกไปบ้าง แต่ทันใด
ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก

“ สุดๆ รอเดี๋ยว เราไปด้วย ”

สุดหทัยเปิดหน้าหมวกเหลียวซ้ายแลขวา แล้วก็ขมวดคิ้วอย่าง
แปลกใจเมื่อเมื่อเห็นร่างท้วมของใครคนหนึ่งโบกมืออยู่ไหวๆ ที่ทางลาด
นั่นอรสา เด็กวิทยาฯเพื่อนของรูมเมทหล่อนเองนี่นา ยายอ้อนมาทำอะไร
แถวตึกวิศวะกันนี่

อรสากึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างกระหืดกระหอบลงมาจากตัวตึก สุดหทัย
ป้องปากตะโกนบอกไป

“ ไม่ต้องรีบก็ได้นะอ้อน ระวังนะเดี๋ยวจะหกล้ม..”

ไม่ทันขาดคำ ร่างป้อมๆ ก็สะดุดขาตัวเองเสียหลักถลา แต่เคราะห์ดี
ที่เกาะราวเหล็กข้างทางไว้ทัน สุดหทัยร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ

“ ตายแล้วอ้อน บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรีบๆ ไหนดูซิ เจ็บบ้างไหม ”

อรสาค่อยๆ ลากตัวมายืนหอบจนตัวโยนใกล้เพื่อนสาว

“ มะ..ไม่เป็ํนไรหรอกสุด แฮ่กๆ เรากลัวจะไม่ทันเธอน่ะ เราเห็นเธอ
เดินออกมากับวีตั้งแต่อยู่บนลานตึกโน่นแล้วล่ะ เราก็เลยวิ่งตามมา
นึกว่าจะไม่ทันเสียแล้ว วันนี้เราไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มา เพราะ
ตอนเที่ยงเราเดินไปตึกคอมฯ เห็นเธอนั่งทำงานอยู่ก็เลยไม่ได้เข้า
ไปทัก พอตอนบ่าย วีเขาเข้าไปหาเธอ เห็นเธอออกมาก่อน
เราก็เลยขออาศัยรถวีเขามาที่คณะเธอนี่แหละ เรามาเรียนเบสิคคอมฯ
กับอ. ชัชวาลย์ ไง ”

สุดหทัยพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ไม่วายสงสัย

“ อ๋อเหรอ แต่เอ๊ะ.. เบสิคคอมฯ มันแค่สองชั่วโมงเองไม่ใช่เหรอ
นี่มันตั้งห้าโมงเย็นแล้ว - -”

“ จ้า.. แต่เรานั่งทำการบ้านเพลินอยู่ที่ระเบียงตึกใกล้ห้องพักอาจารย์
จนลืมดูเวลา พอกำลังจะกลับก็เห็นพวกเธอเข้าพอดี แล้วนี่วีไป
แล้วเหรอ ”

อรสาว่าพลางเหลียวซ้ายแลขวา สุดหทัยหัวเราะเบาๆ

“ วีก็เพิ่งออกรถไปเมื่อตะกี้นี้เองแหละ นี่ไง ฝุ่นยังไม่ทันจางเสียด้วยซ้ำ
งั้นเธอก็ขึ้นรถสิอ้อน เราก็กำลังจะกลับหออยู่เหมือนกัน ”

“ จ้ะ..ขอบใจมากเลยนะสุด แต่แหม.. วีไปเร็วจังเลยนะ เห็นหลังอยู่แป๊บๆ
เราวิ่งออกมาก็ไม่เห็นเสียแล้ว ”

อรสาก้าวขึ้นนั่งซ้อนท้ายเพื่อนสาว ปากยังไม่วายบ่น สุดหทัยแอบยิ้ม
กับตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายเห็น มิน่า.. คงจะเห็นอรสาเข้านี่เอง เจ้าวีถึงรีบออกรถ
พรวดพราดไปอย่างนั้น แต่ก็น่าเห็นใจมันอยู่หรอก คนหน้าเหี้ยมใจอ่อนอย่าง
กรวี จะเอะอะโวยวายได้ก็เฉพาะสุดหทัยคนเดียวเท่านั้นเอง เจอะผู้หญิง
ที่มีความเป็นผู้หญิงอยู่เกินร้อยอย่างอรสา ก็ใบ้กินพูดอะไรไม่ออก
ได้แต่กรอกหน้าท่าเดียว คิดอีกทีก็น่าสงสารอรสา ค่าที่กรวีดูเหมือนจะ
ไม่มีท่าทีรับรู้ในความรู้สึกของอรสาเสียบ้างเลย


จะว่าไป หล่อนเองก็ไม่เคยเห็นกรวีสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนเลย
นอกจากหล่อนเพียงคนเดียว เพราะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม
และซี้ปึ้กกันจนใครต่อใครก็นึกว่าเขาและหล่อนเป็นคู่รักกันไปโน่น แม้กระทั่ง
ครอบครัวของเขาและหล่อนเอง แต่กระนั้นก็ตามเถอะ ชายหนุ่มอย่างกรวี
รูปร่างหน้าตาดี มีฐานะ อีกทั้งยังเรียนคณะที่ได้ชื่อว่าท็อป ดูจะมีสาวๆคอย
กรี๊ดกร๊าดให้ความสนใจอยู่เรื่อยๆ แม้แต่ยายอรสานี่ก็ด้วย แต่แม่นี่ก็ตื้อชะมัด
ทั้งๆ ที่น่าจะเข้าใจผิดว่ากรวีมีแฟนแล้วก็ยังอุตส่าห์เข้ามาทำความสนิทสนม
กับทั้งหล่อนและกรวีเหมือนจะรอจังหวะเป็นมือที่สามยังไงก็ไม่รู้ โชคดีที่
หล่อนกับกรวีไม่ใช่คู่รักกันจริงๆ ไม่งั้นคงจะได้ออกศึกกับยายอรสานี่เป็น
การใหญ่ เฮ้อ..เจ้าวี ว่างๆ ฉันเห็นจะต้องฉุดแกให้ผุดขึ้นจากปลักอดีต
อันแสนรันทดมาเผชิญหน้ากับปัจจุบันเสียทีแล้วละหนอ แกจะรู้ตัวของแก
หรือเปล่าวะ ว่าเสน่ห์ของแกนั้นมันมากเสียจนบางทีมันก่อความยุ่งยากให้
กับฉันทีเดียวเชียวละ จริงๆ น้า…


…..ข้างอรสาเองเล่า ใครเลยจะรู้ว่าที่เธอมานั่งแกร่วอยู่แถวนี้ก็เพราะ
อยากจะพบกับสุดหทัยนั่นเอง หาใช่จะตั้งหน้ารอกรวีไม่ และบัดนี้
จุดประสงค์ขั้นแรกของเธอก็สำเร็จลงแล้ว และกำลังรอเวลาที่จะดำเนิน
เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปตามจังหวะและเวลาของมันเท่านั้น….


ดังนั้นเอง สุดหทัยจึงขี่มอเตอร์ไซค์กลับหอพักโดยมีอรสานั่ง
ซ้อนท้ายมาด้วย และอาจจะเป็นความบังเอิญหรืออะไรก็สุดแล้วแต่
ในเวลาเดียวกันนั้น ห้วงคำนึงของทั้งสองสาวต่างก็คิดถึงบุคคลเดียวกัน
ในเรื่องเดียวกันทว่าคนละลักษณะ ต่างฝ่ายจึงต่างเงียบงันกันไป
เพราะไม่อาจหยั่งทราบความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายว่าต่างคิดอะไร
อยู่เช่นไร และอาจบางที ที่ไม่เอ่ยคำพูดออกไป ก็เพราะเกรงอีก
ฝ่ายหยั่งทราบถึงความในใจที่ตนเองกำลังคิดอยู่นั่นเอง


สุดหทัยแวะส่งอรสาที่หน้าหอพักก่อน แล้วจึงค่อยนำรถไปจอดที่
ลานด้านหลัง แต่เมื่อหล่อนเดินผ่านประตูหอพักที่เปิดไปสู่ห้องโถงใจกลาง
ตัวอาคารก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นอรสายังคงยืนเตร่อยู่ที่นั่นอีก

“ อ้าว อ้อน ยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ ”

สุดหทัยร้องทัก อรสายิ้มเจื่อนๆ

“ เรายืนรอเธอน่ะสุด เรา เอ้อ.. มีอะไรจะพูดกับเธอนิดหน่อย ”

สุุดหทัยเริ่มอึดอัดเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน

“ เหรอ คุยตรงนี้ได้ไหม หรือจะไปนั่งคุยกับเราที่ห้อง ”

“ คุยที่ห้องเธอดีกว่านะ เราไม่อยากให้คนอื่นได้ยินเรื่องนี้ ”

สุดหทัยจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัยในท่าทีมีลับลมคมนัยของ
อรสา แต่แล้วก็พยักหน้าเนิบๆไม่พูดจาอะไรอีก สาวเท้าเลี้ยวเข้าทาง
เดินแคบยาวที่นำไปสู่ห้องพักของหล่อนโดยมีอรสาเดินตามหลังมาเงียบๆ
ห้องพักของสุดหทัยอยู่ชั้นล่างสุดเกือบจะสุดปลายปีก D เมื่อสองสาวเดิน
มาถึง สุดหทัยก็ไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปแล้วหันมาทางอรสา

“ เข้ามาสิอ้อน แต่อย่าให้นานนักนะเพราะเดี๋ยวเราจะออกไป
ข้างนอก เอาละ มีอะไรก็ว่ามาตามสะดวกเลย ”

แล้วหล่อนก็เดินนำเข้าไปในห้อง อรสาเดินตามเข้ามานั่งบนเก้าอี้
ทำท่าอึกอักอยู่ชั่วครู่ จนเมื่อสุดหทัยกระตุ้นถามซ้ำอีกครั้ง อีกฝ่ายก็เปิดปาก
ถึงเรื่องราวที่กรวีแอบเซฟหน้าจอขณะที่สุดหทัยกำลังเขียนเมล์และนำไปแอบอ่าน
ในภายหลังให้ฟังจนหมดสิ้น ตลอดเวลาสุดหทัยนั่งฟังเงียบๆ ด้วยท่าทีที่ไม่สนใจ
อะไรนัก แต่ก็ไม่ได้ขัดคอและไม่ซักถามอะไรแต่อย่างใด

“ ..ก็แค่นั้นแหละที่เราอยากจะบอกเธอ เราไม่ได้มายุอะไรให้เธอกับวี
เขาแตกกันหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด เรารู้ว่าเธอกับวีเป็นแฟนกัน แต่หากเป็น
แฟนเราทำอย่างนั้นกับเรา เราก็ไม่สบายใจเหมือนกัน มันเหมือนคอยจะ
จับผิดกันเองยังไงก็ไม่รู้ เราก็เลยมาบอกในฐานะเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน ”

อรสาตบท้ายอย่างออกตัว สุดหทัยยิ้มเล็กน้อยด้วยสีหน้าและท่าทาง
อันปกติไม่มีอะไรผิดแผกไปแม้แต่น้อย จนอรสารู้สึกผิดคาด

“ ขอบใจมากนะอ้อน แต่อย่าไปสนใจกับมันเลย เรากับวีนั้นไม่มีความลับ
อะไรกันหรอก เขาก็แค่ล้อเราเล่นเท่านั้นเอง วีเขายังงี้แหละ ชอบทำอะไร
แผลงๆ เสมอจนบางครั้งคนนอกที่ไม่รู้จักเขาดีนั้นเข้าใจผิด แต่ยังไง
ก็ขอขอบใจเธออีกทีที่อุตส่าห์มาบอกให้เรารู้ ”

สุดหทัยเน้นคำว่า คนนอก ในประโยคอย่างชัดเจนทำเอาอรสาหน้าม้าน
ไปถนัดตา ดังนั้นเอง หลังจากพูดสัพเพเหระอยู่เพียงครู่เดียว คนนอก ของ
สุดหทัยก็บอกร่ำลาและรีบเดินจ้ำอ้าวไปไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้หญิงสาวผู้ตกเป็น
เหยื่อแห่งความหวังดี มองตามผู้หวังดีนำความมาบอกไปจนอีกฝ่ายลับตาพลาง
หัวเราะหึๆ กับตนเองขณะที่ในใจเริ่มเดือดปุดๆ


ต้องให้เจออย่างนี้เสียบ้างถึงจะดี ฮึ ! มาเล่นบทนางอิจฉาละครน้ำเน่า
กะใครไม่เล่น มาเล่นก๊ะสุดหทัย ชิๆ ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอดซะแล้ว
ดีสม ! เห็นหน้าตาท่าทางเรียบร้อยเป็นคุณหนูเชียว ไม่นึกเลยว่ายายอ้อน
จะเสี้ยมเขาควายให้ชนกันได้เก่งขนาดนี้ ดีนะเนี่ย ที่ฉันไม่ใช่ควาย..

..แต่ไอ้เจ้าวี แกเห็นชั้นเป็นฟายรึไง หน็อยแน่คิดจะละลาบละล้วงฟามลับ
ส่วนตัวของแม่เสืออย่างฉัน ปกติร้อยวันพันปีแกไม่เคยมีนิสัยอย่างนี้นี่นา
หรือว่าแก - -


คิดได้เพียงแค่นี้ใบหน้าหญิงสาวก็ร้อนวูบ.. บ้าน่า เธอบริภาษตัวเอง
อย่างไอ้เจ้าวีนี่น่ะเรอะ… โอ๊ย ยายสุด แกคิดอะไรของแกหา อุจาด อุบาทว์
ลามก ทุเรศสิ้นดี แก๊…@##$%&*!!!




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 21:00:45 น.
Counter : 313 Pageviews.  

ตอนที่สอง

“ เป็นอะไรไปวะไอ้สุด ข. สระอี ไม้โท ไม่สุดเหมือนอย่างชื่อรึไง ”

กรวีไต่ถามอย่างสงสัยเมื่อสังเกตเห็นเพื่อนสาวซึมกระทือผิด
ปกติไป สุดหทัยถอนหายใจเฮือก เอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าที่อีกฝ่าย
เพิ่งผสมให้ขึ้นมาคลึงในมือ

“ เปล่า ”

ชายหนุ่มจับตาพินิจใบหน้าของคู่สนทนาอย่างสำรวจตรวจตรา

“ งั้นก็ ป.จ.ด. มาไม่ปกติ ลองยาสตรีเพ็ญภาคสิแก ใช้แล้ว
หน้าตาเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลมีเลือดฝาดทันตาเห็นเชียวนะ ”

“ ก็บอกว่าเปล่า ”

“ เอ.. หรือฉันผสมเหล้าให้แกหนักมือไป ”

ฝ่ายชายยังแหย่ไม่เลิก หญิงสาวถอนหายใจอีกเฮือก ยกแก้ว
ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

“ ไม่ใช่หรอก แกผสมให้ฉันอ่อนไปน่ะ อยากจะได้แบบเพียวๆ
ออนเดอะร็อคเสียด้วยซ้ำ ! ”

คราวนี้กรวีทำตาปริบๆ เขาไม่เข้าใจเอาเสียจริงๆ ในอาการ
ประหลาดของเพื่อนสาว ตอนนั่งมาในรถก่อนจะทานข้าวด้วยกัน
ก็ยังดีๆ อยู่นี่นาหรือว่าจะเป็น ..

“ เฮ้ยสุด ฉันถามแกจริงๆ เหอะ ว่าแกเป็นอะไรไป ที่ถามเนี่ย
ฉันเป็นห่วงนะโว้ย ฉันสังเกตเห็นแกเงียบมาตั้งแต่นั่งร้านข้าว
มาแล้ว หากแกยังโกรธที่ฉันตักหัวปลากระพงไปไว้ในจานของ
ฉันคนเดียวละก็ ฉันขอโทษแกด้วย หรือแกจะให้ฉันสั่งโป๊ะแตก
หรือหม้อไฟมาปลอบใจแกก็เอา ”

สุดหทัยฝืนยิ้ม ทำหน้าให้เป็นปกติ

“ ไม่มีอะไรหรอกแก ฉันก็คิดไปเรื่อยเปื่อยของฉันน่ะ แต่ ..วี
ฉันอยากจะถามอะไรแกสักอย่าง แต่แกต้องสัญญาก่อนว่า
แกจะไม่โกรธฉันนะ ”

“ ปัดโธ่ สุด.. แกกับฉันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วหา
แกไม่น่าจะถามฉันอย่างนี้เลย เอ้า มีอะไรจะพูดก็พูดไป ”

กรวีว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาดื่ม
รวดเดียวจบบ้างแล้วจัดการลากแก้วเหล้าของอีกฝ่ายมาตั้งเคียงกับ
ของตนเอง คีบน้ำแข็งรินเหล้าใส่และเติมโซดาลงไป หญิงสาว
รอจนกระทั่งอีกฝ่ายเลื่อนแก้วมาให้ จึงค่อยมองหน้าเพื่อนชาย
อย่างเต็มตาแล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ สมมติ.. สมมตินะวี หากแกมีโอกาสที่จะรับรู้ความลับของฉัน
โดยที่ฉันไม่รู้ไม่เห็น ฉันอยากจะรู้ว่าแกจะฉวยโอกาสกระทำ
เช่นนั้นไหม หรือแกจะวางเฉยไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันเลย ”

ชายหนุ่มประสานสายตาเพื่อนสาวแน่นิ่ง เขาเริ่มจะเข้าใจได้
เลาๆ

ถึงอาการผิดปกติของอีกฝ่ายแล้ว

“ ฉันไม่โกรธแกหรอกสุดที่ถาม หากตัวฉันเองตกอยู่ในสภาวการณ์
เช่นนั้น ฉันย่อมถือสิทธิ์ในการตัดสินใจของฉันเป็นใหญ่โดยไม่
จำเป็นต้องมีเงื่อนไขความถูกต้องตามทำนองคลองธรรมใดๆ เข้ามา
มีอิทธิพลในการตัดสินใจทั้งสิ้นด้วย มันอาจจะเป็นได้ว่าสิ่งที่
ฉันตัดสินใจทำนั้นไม่จัดอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าสุจริตต่อมิตรสหาย
แต่หากจุดประสงค์ในการกระทำนั้นหากจะมี ก็เพื่อเป็นประโยชน์
ในการปกป้องดูแลเพื่อนรักคนหนึ่งของฉันเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อ
ผลประโยชน์ ส่วนตัวฉันแต่อย่างใดเลย ”

แล้วกรวีก็หัวเราะอย่างขันๆ

“ ว่าแต่ความลับของแก มันก็ไม่ใช่ความลับสุดยอดถึงขั้น ฟอ อายส์
โอนลี่ เลยนี่นะ หากจะมีสายตาที่สามเกิดไปรู้เห็นเข้า และไม่ใช่
สายตาของผู้ที่มีพิษมีภัยอะไรต่อแก มันก็จะกระไรนักเทียว ”


สุดหทัยพยักหน้าเนิบๆ นี่แหละคือคำตอบของไอ้วีตัวจริงละ

“ เอาละวี แกกำลังจะยืนยันต่อฉันว่า หากเหตุการณ์สมมตินั้นมัน
เกิดขึ้นจริง แกไม่มีความรู้สึกอื่นใดเข้ามากระตุ้นเร่งเร้า นอกเสีย
จากความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนเพียงเท่านั้นเองละหรือ แกไม่
ใส่ใจต่อความรู้สึกของคนที่แกคิดห่วงบ้างเลยใช่ไหม ว่าเขาจะ
คิดอย่างไรในความหวังดีไม่มีขอบเขตที่แกมีให้เขาน่ะ ”

กรวีถอนหายใจดังเฮือกออกมาบ้าง

“ นี่ไอ้สุด ทำไมแกไม่บอกฉันมาตรงๆ หือม์ ? ว่าแกไปเจอะอะไรเข้า
มีอะไรก็พูดกันสิวะ มานั่งแอ็คท่านางเอกมิวสิคให้เกิดบรรยากาศมาคุ
อยู่ได้ ทำเอาแบล็คขวดนี้กร่อยไปเลย เวงเอ๊ย ”

สุดหทัยตวัดสายตากึ่งค้อนให้เพื่อนชาย

“ สาเหตุมันก็เพราะแกนั่นแหละ ไอ้วี แกรู้ไหมว่าตอนที่ฉันอยู่ใน
ห้องคอมฯช่วงเที่ยง แล้วแกเข้าไปหาฉันขอพรินต์งานต่อน่ะ
ยายอ้อน เด็กวิทยาฯ เพื่อนของรูมเมทฉันเขานั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วย
และเขาก็เห็นว่าแกทำอะไรลงไป ”

“ แล้วเขาก็ไปฟ้องแก.. ”

กรวีต่อให้ แล้วยักไหล่

“ ป้าดโธ่ นิยายหลังข่าวชะมัดเลยว่ะสุด จะต้องให้อธิบายอีกไหม
ว่าทำไมยายอ้อนถึงวิ่งโร่ขออาศัยรถฉันไปที่คณะเรา.. ”

ชายหนุ่มเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ ทำท่าอ่อนอกอ่อนใจ เป่าลม
ออกจากปาก แต่หญิงสาวไม่ยอมทำท่าผ่อนคลายไปด้วย
หล่อนยันท่อนแขนไว้กับโต๊ะแล้วชะโงกหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย
จ้องตา

“ นี่ วี.. แกอย่ามาทำเป็นไม่รู้อยู่ต่อไปเลย ว่ายายอ้อนเขาคิด
อย่างไรกับแก ฉันรู้นะว่าแกไม่คิดอะไรกับเขา แต่นั่นไม่ใช่
ประเด็นที่สำคัญหรอก ที่ฉันอยากรู้จริงๆ ก็คือ - - แกจะพยายาม
ปฎิเสธความเป็นจริงในปัจจุบันโดยใช้ฉันเป็นเกราะกำบังอยู่อย่างนี้
ไปอีกนานแค่ไหน อดีตของแกที่มันเกิดขึ้นและจบลงไปแล้วนั้น
มันควรจะเป็นเพียงพาส ซิมเปิ้ลเท่านั้น แต่แกพยายามทำให้มัน
เป็นเพรสเซ่น เพอร์เฟ็ค และคนที่ซัฟเฟอร์ก็คือตัวแกเองคนเดียว
อย่าบอกฉันนะ ว่าทั้งชีวิตของแกจะจมปลักอยู่กับเรื่องราวในอดีต
เพียงแค่นั้น.. ”


กรวีส่ายหน้าช้าๆ

“ ไม่ใช่เลยสุด.. ไม่ใช่เลย หากแกคิดอย่างนั้นขอให้แกรู้ไว้ด้วยว่า
แกเข้าใจผิดถนัด ถูกละ ฉันยังคงจมปลักกับอดีตก่อนเก่าของ
ตัวเองอย่างยากที่จะถ่ายถอน.. แกรู้ไหม ว่ามันเป็นเพราะอะไร
มันไม่ใช่เพราะนี่หรอก..”

ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นจิ้มไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
แล้วหัวเราะขื่นๆ

“ …มันไม่ใช่เพราะฉันไม่มีหัวใจให้ใคร แต่เป็นเพราะฉันละอาย
ต่อตัวเองที่ไม่อาจทำตัวให้มีค่าแม้กับผู้หญิงที่ใครๆ ก็มองว่า
ไร้่ราคาคนหนึ่งได้ต่างหาก เอาละ..ฉันอยากจะถามแกบ้าง
ว่าที่แกรักใครคนนั้น ..คนที่ฉันไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อออกมาหรอก
แกบอกฉันซิว่าแกรักเขาเพราะอะไร ”

สุดหทัยนิ่งอึ้งในคำถามของเพื่อนชายเพราะไม่เข้าใจจุดประสงค์
ของคำถามนั้น หล่อนลำบากใจที่จะตอบ แต่ก็ไม่อาจจะเลี่ยงได้เพราะ
ผู้ถามยังคงจับสายตามาอย่างคาดคั้น

“ เอ.. ไม่รู้สิ คงเพราะเขาเป็นคนดี และดีต่อฉันมั้ง ”

“ แล้วแกรู้ได้ไง ว่าเขาเป็นคนดี เพราะเขาดีต่อแกเท่านั้นหรือ ”

กรวีรุกคำถามต่อมา สุดหทัยขยับตัวอย่างอึดอัด

“ ก็ไม่รู้นี่ .. ก็เขาดีกับทุกๆ คน และฉันก็พอจะรู้จักเขามานานพอควร
อีกทั้งเขาก็ใส่ใจฉันเป็นพิเศษกว่าที่เขาใส่ใจคนอื่นนี่นา อีกอย่าง
เขาก็พอจะเป็นผู้ชายในอุดมคติผู้หญิงอย่างฉันได้ไม่ใช่หรือ
หน้าตาดี ฐานะดี มีความรู้ คู่คุณธรรม.. เนอะ .. เหมือนอย่าง
คำขวัญในวันเด็กไง ”

ท้ายประโยคหญิงสาวแกล้งพูดให้มันตลก แต่มันดูจะฝืดสิ้นดีใน
ความรู้สึกของหล่อน และอีกฝ่ายก็ไม่ยอมขำไปด้วย

“ สุดเอ๋ย ที่แกบอกตัวเองว่ารักๆๆ เขาน่ะ แกไม่ได้รักเขาหรอก
แกเพียงแต่หาเหตุผลที่ฟังดูเข้าท่าและสอดคล้องกับอารมณ์
ของตัวแกเอง มาประกอบเป็นเงื่อนไขในการชอบเขาเท่านั้น
เอาละ ฉันอยากจะถามแกอีกซิว่า ..หากแกเกิดมารู้ทีหลัง
ว่าเขาคนดีที่หนึ่งของแก ที่แกว่าดีกับแกเป็นพิเศษน่ะ เขามี
คนอื่นที่พิเศษกว่าแกอยู่ก่อนแล้ว และอยู่ใกล้เขามากกว่าแก
หลายเท่านัก แกจะว่ายังไง ”


สุดหทัยนิ่งเงียบอย่างตกตะลึง

แล้วหญิงสาวก็ฝืนหัวเราะออกมา

“ ถ้าเขาเป็นอย่างที่แกว่า ฉันก็เสียใจไปน่ะสิแก แต่หากมัน
จะเป็นจริง ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนักหรอกเพราะเขา
คนนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อม และคงจะมีใครต่อใคร
ที่ดีเลิศประเสริฐศรีกว่าฉันอีกเยอะแยะคอยห้อมล้อม
ที่ไหนเลย เขาจะยังรอผู้หญิงอย่างฉันอยู่ได้ ”

“ เขาจะรอแกได้หรือไม่มันไม่เกี่ยวหรอก แต่ที่สำคัญกว่า
คือเมื่อเขารอแกไม่ได้ เขาจะมีกะใจแอะปากบอกแกสักคำ
บ้างหรือเปล่าก็เท่านั้น หรือจะใจดำปล่อยให้แกถลำตัวไป
จนสุดท้ายแกอาจจะถอนไม่ขึ้น กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว
ไอ้เรื่องตั้งใจหาทางแย่งแฟนเพื่อนน่ะ หากแกจะเลียน
แบบยายอ้อนมันก็ไม่กระไรนักหรอก ขอให้รู้แน่เถอะ ว่า
แกรู้ว่าเขามีแฟนแต่แกจะเอาจริงๆ แต่อย่าไปแย่งผัวชาวบ้าน
โดยไม่เจตนาดีกว่า ไม่อย่างนั้นแกจะต้องนั่งร้องเพลงหนูไม่รู้
หรือ ฉันรักผัวเขา เป็นเพอซันนอล แอนเธม ”

สุดหทัยหน้าเผือด

“ วี.. นี่แกคงจะไม่สมมติอะไรมาทำร้ายใจฉันเล่นๆ ใช่ไหม
หรือแกจะบอกฉันว่า - -"

แทนคำตอบรับ กรวีพยักหน้าด้วยแววตาชนิดที่เพื่อนสนิท
อย่างสุดหทัยรู้ได้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริงจังสักแค่ไหน

นิ่ง.. นาน.. หญิงสาวจึงค่อยๆ เอนกายไปพิงพนักระบาย
ลมหายใจออกมายาวเยือก

“ เอาละ ในที่สุดแกก็บอกความจริงแก่ฉันเสียที ขอบใจนะวี
ที่ไม่ปล่อยให้ฉันโง่งมงายไปกับความฝันเพ้อ ”

ท้ายประโยค เสียงของหล่อนขาดหายไปในลำคอ กรวี
มองเพื่อนสาวอย่างเห็นใจ

“ ร้องไห้ออกมาเถอะ หากแกอยากจะร้อง ฉันไม่ตำหนิอะไร
แกหรอก และจะไม่นึกว่าแกอ่อนแออีกด้วย ”

“ ร้องไห้ทำไม.. ร้องให้แก่ความหน้ามืดตามัวของฉันน่ะหรือ ”

สุดหทัยหัวเราะออกมาหยันๆ ฉวยขวดเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้ว
แล้วยกขึ้นซดจนหมดโดยไม่ต้องพึ่งโซดา แต่เมื่อหล่อนเอื้อมมือ
ไปคว้าขวดเหล้ามาอีกครั้ง มือหนาแข็งแรงของอีกฝ่ายก็คว้าข้อมือ
หล่อนเอาไว้ให้ชะงัก

“ พอเถอะสุด แกจะเมาแค่ไหน เมื่อไหร่ และที่ไหนก็ได้
ตราบเท่าที่แกเมาอยู่ข้างๆ ฉัน แต่อย่าให้ราตรีนี้มันแสนสั้น
เกินไปนัก อกหักแค่นี้ไม่ตายหรอกโว้ย ผู้หญิงสวยๆ อย่างแก
จะหาผู้ชายตามสเป็คที่แกว่าอีกสักกี่โหลคนก็ยังได้ แผ่นดิน
ไม่ไร้เท่าใบพุทรา จะเปลืองสุราเพื่อไอ้พี่เห้ของแกไปทำไมกัน ”

“ ผู้หญิงสวยๆ อย่างฉัน -- เหอะ.. ฉันว่าแกเมาก่อนฉันแล้วละ
ถึงได้เริ่มปากหมาน ไอ้แบล็คขวดนี้่มันคงจะปลอมแหงๆ ”

หญิงสาวแค่นเสียงออกมาอย่างเจตนาพาล แต่ก็ยอมรามือ
จากขวดเหล้าแต่โดยดี อีกฝ่ายจึงยอมปล่อยข้อมือหล่อนออกจาก
การเกาะกุมพร้อมกับหัวเราะหึๆ อย่างไม่ถือสา เขาเข้าใจหล่อนได้
เป็นอย่างดีในอารมณ์นี้ สุดหทัยนั้นบทจะวีนขึ้นมาแม่ก็อาละวาดใส่
ไม่เลือกหน้าเหมือนหมาบ้าพาลกระแชงได้เหมือนกัน ดังนั้นกรวี
จึงเลื่อนแก้วของหล่อนมาจัดแจงผสมให้อย่างอ่อนๆ เพื่อปลอบใจ
สุดหทัยเชิดปาก แต่ก็หยิบแก้วขึ้นไปจิบ แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบงัน
กันไป


กรวีเหลือบตาดูนาฬิกา ย่างเข้าสี่่ทุ่ม บรรยากาศในร้านสไตล์
คันทรี่แห่งนั้นดูจะคึกคักขึ้น เพราะลูกค้าเริ่มจะทะยอยๆ กันเข้ามาและ
ดีเจประจำร้านเริ่มเข้าประจำที่เปิดแผ่นเพลง แบล็คเลเบิ้ลขวดลิตร
พร่องไปกว่าครึ่ง และส่วนใหญ่เป็นฝีมือของสุดหทัยนั่นเอง หญิงสาว
บัดนี้นั่งหน้าแดงก่ำผมเผ้ายุ่งเหยิง และดูท่าทางจะอารมณ์ดีขึ้น
เพราะเริ่มจะยิ้มและหัวเราะได้เมื่อเพื่อนชายชวนคุย ขณะนี้หล่อน
กำลังนั่งพยักหน้าอยู่หงึกๆ ตามทำนองดนตรี กรวีขยับจะชวนเพื่อนสาว
กลับ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเมา แต่แล้วคิดอีกทีก็เปลี่ยนใจ

ปล่อยให้มันเมาอยู่แถวนี้ดีกว่า ยังไงก็พอจะดูแลกันไหว
ขืนให้มันกลับหอ ดีไม่ดีไปอาละวาดหาเรื่องตบยายอ้อนระบายโทสะ
มันจะยุ่งกันไปใหญ่

“ วี.. วีจ๋า ฟังเพลงสิ วู้วว เพลงนี้ของใครอ้ะ สุดช้อบ ชอบ ”

สุดหทัยตบมือชอบใจแล้วเอื้อมมือมาเขย่าแขนเพื่อนชาย ถึงแม้
จะหนักใจแต่กรวีก็ไม่วายยิ้ม กินเหล้ากับใครต่อใครมาก็เยอะแล้ว
ไม่ว่าชายหญิงหรือกระเทย เห็นมีไอ้สุดคนเดียวนี่แหละที่ยิ่งเมายิ่งหวาน
แต่อย่าไปขัดใจมันเวลาเมาเข้าเชียว

“ Sultans Of Swing ของ Dire Strait ไงล่ะแก จัดอยู่ในระดับ
แคลสสิคเชียวหนา ”

“ อ๊าาา ดีจังเลย มามะ วี มาสิมาสวิงกิ้งกัน..”

ชายหนุ่มรีบเอื้อมมือไปปิดปากเพื่อนสาวเอาไว้ทันที

“ เมาแล้วนั่งฟังเงียบๆ ดีกว่าวะไอ้สุด อย่าเห่านักเลยแก มานี่
แกมานั่งใกล้ๆ ฉันนี่แล้วอย่าโวยวาย ไม่งั้นฉันเช็คบิลกลับจริงๆ ด้วย ”

พร้อมกับพูด กรวีก็ลากเก้าอี้ของเพื่อนสาวเข้ามาใกล้ๆ สุดหทัย
ทำคอง่อกแง่กไปมา ปากก็งึมงำเนื้อเพลงคลอตามโดยอัตโนมัติ
และอีกพักเดียว หล่อนก็เอนตัวมาซบบ่าของอีกฝ่ายหลับตานิ่ง
และไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัวอีก ไม่ว่าเพื่อนชายจะเขย่าตัวปลุกเช่นไร


เป็นไง หมดฤทธิ์เสียแล้วหรือ ..ยายตัวแสบ

---------------------------------------

กรวีค่อยๆ วางร่างของสุดหทัยลงเบาๆ ยายนี่เห็นหุ่นเพรียวๆ
ก็เถอะแต่ตัวหนักชะมัด กว่าจะลากหญิงสาวขึ้นรถและอุ้มลงมานี่ได้
ก็เล่นเอาเขาหอบฮั่กไปพักใหญ่ และนับว่าเป็นโชคดีของเขาอีก
เหมือนกันที่หญิงสาวเมาหลับพับไปเสียก่อนที่จะแผลงฤทธิ์โวยวาย
อย่างที่เขาหวั่นเกรง

จัดแจงให้หล่อนนอนเสร็จสรรพเอาผ้าห่มคลุมให้ แล้วชายหนุ่ม
ก็รื้อผ้าขนหนูจากเป้ส่วนตัวที่มีติดรถอยู่ประจำและถือติดมือมาด้วย
และอาศัยน้ำดื่มจากขวดในเป้อีกนั่นแหละ จัดแจงราดน้ำลงบนผ้า
บิดให้หมาดแล้วซับไปตามใบหน้าและลำคอของหญิงสาว ไม่นานนัก
ขนตางอนยาวของอีกฝ่ายก็กระพริบปริบๆ แล้วตาอ่อนเชื่อมคู่นั้นก็หรี่ลืม
ขึ้นมองเขาอย่างอิดโรย

“ วีเหรอ.. นี่มันที่ไหนกันเนี่ย ทำไมมันมืดจัง ”

“ ไม่ใช่โรงแรมก็แล้วกันน่า แกตื่นก็ดีแล้ว พอจะลุกขึ้นมาเอง
ไหวหรือเปล่า ”

หญิงสาวค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นแทนคำตอบ กรวีช่วยประคอง
ให้หล่อนลุกขึ้นนั่งก่อนยื่นผ้าขนหนูให้ สุดหทัยรับไปถือไว้เฉยๆ
แล้วทำท่าผะอืดผะอมคอขย้อนเหมือนจะอาเจียน ซัดผ้าขนหนูทิ้ง

“ จะอ้วกล่ะสิท่า กินเข้าเยอะนักนี่แก เหล้าน่ะ ”

กรวีพูดดักคอ สุดหทัยพยักหน้าถี่ๆ โบกไม้โบกมือวุ่น
ร้อนถึงเพื่อนชายต้องหิ้วปีกประคองออกไปให้ห่างจากที่นอน
แล้วหล่อนก็ทำตัวงอร้องโอ้กอ้าก พยายามจะโก่งคออาเจียน
ออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหลแต่แล้วไม่สำเร็จกลับเข่าอ่อนทรุดกายลง
ชายหนุ่มเห็นท่าไม่เป็นการก็ปราดเข้าไปจับคางของอีกฝ่ายแล้วง้าง
ปากออก ล้วงนิ้วมือเข้าไปดื้อๆ ทำเอาหญิงสาวร้องอึกอักอยู่ใน
ลำคอ และทันใดก็อาเจียนพรวดออกมา เพื่อนชายช่วยลูบหลังให้
แต่อีกฝ่ายร้องลั่น

“ ลูบลงสิโว้ย อย่าลูบขึ้น ไอ้เวง อ๊อกกกก ”


ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวอาเจียนจนหมดกระเพาะ แล้วก็
ประคองหิ้วปีกกลับมาทิ้งให้นอนหายใจรวยๆ อยู่ที่เดิม ตัวเองหันไป
หยิบผ้าขนหนูที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมาจัดการล้างมือตัวเองและผ้าจน
สะอาดดีแล้วจัดการเทน้ำที่เหลือในขวดพรวดลงไปบนหน้าของหญิงสาว
จนอีกฝ่ายสะบัดหน้าหนีอยู่เร่าๆ แต่อุ้งมืออันใหญ่แข็งแรงนั้นจับล็อค
กรามเอาไว้ให้หยุดนิ่ง แล้วเอาผ้าขนหนูผืนนั้นอีกนั่นแหละเช็ดคราบ
เปรอะเปื้อนจากใบหน้าของอีกฝ่ายออก จัดการเอาแจ็กเก็ตหนัง
ของตัวเองห่มคลุมให้

ไม่นานนัก สุดหทัยก็โงเงขึ้นมาได้ หล่อนนั่งเกยคางอยู่บนเข่า
ที่งอเข้ามาชิดกัน มีแจ็กเก็ตหนังของเพื่อนชายพาดอยู่บนไหล่ หญิงสาว
กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วก็พบว่าหล่อนนอนอยู่ในลานโล่งๆ ไม่ใช่ในห้อง
อย่างที่เข้าใจไปแต่แรก ที่รองนั่งของหล่อนนั้น มันคือถุงนอนบุนวมหนา
ด้านหลังของหล่อนคือรถกระบะของกรวีที่จอดอยู่ใต้เงาครึ้มของต้นไม้ใหญ่
และเจ้าของรถขณะนี้กำลังง่วนอยู่กับกองไฟที่กำลังลุกฮืออยู่ใกล้ๆ หล่อน
ส่วนด้านหน้าที่แลเห็นลิ่วลงไปสู่ความมัวมนเบื้องล่างคือจุดเล็กจุดน้อย
ที่เห็นอยู่ลิบๆ ของของแสงไฟอันดารดาษจากตึกรามบ้านช่องน้อยใหญ่
ในตัวเมือง ส่วนเบื้องบนนั้นเล่า คือแผ่นฟ้าราตรีที่พราวไปด้วยแสงดาว
ระยิบระยับสุกใสเหมือนกากเพชรลอยเด่นออกมาจากฉากหลังสีดำสนิท
มันคือบรรยากาศงดงามยามราตรีอันอ้างว้าง ในอ้อมกอดของยอดเขา
อันสูงใหญ่หลังมหาวิทยาลัย และคงจะเป็นสถานที่เดียวกับลานกว้าง
ส่วนหนึ่งของฟากถนนตรงข้ามกับสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ ที่หล่อน
เคยขึ้นมารับน้องตั้งแต่สมัยปีหนึ่งนั่นเอง


แล้วร่างสูงที่ง่วนอยู่ริมกองไฟนั้น ก็เดินกลับมานั่งเคียงข้างหล่อน
พร้อมกับมือส่งถ้วยกาแฟอุ่นๆ มาให้ สายตาอันอ่อนเชื่อมและอิดโรย
ทอดประสานกับสายตาอันเต็มไปด้วยความห่วงใยอาทร แล้วเจ้าของ
สายตาอิดโรยก็พึมพำแผ่วๆ

“ ขอโทษด้วยนะวี ที่ฉันทำให้แกต้องยุ่งยาก ”

กรวีเอื้อมมือไปเสยผมของอีกฝ่ายที่เปะปะรุ่ยร่ายอยู่ให้กลับเข้าที่

“ ขอโทษอะไรกันวะ ฉันต่างหากน่าจะเป็นฝ่ายขอโทษแก
หากฉันรู้ว่าแกเสียใจถึงกับต้องเมามายหนักอย่างนี้ ฉันจะ
ไม่บอกแกเลย ”

“ แกบอกฉันน่ะดีแล้ว ฉันจะได้ไม่โง่ให้เขาหัวเราะเยาะลับหลัง
ยังไงล่ะ จริงๆ นะวี ฉันเจ็บใจเหลือเกิน…”

กรวียิ้มให้อย่างปลุกปลอบใจ

“ อย่ากังวลไปเลยน่า ฉันรู้ว่านี่เป็นรักครั้งแรกของแก มันก็ต้อง
เจ็บหนักหน่อย แต่เชื่อฉันเถอะ ความเจ็บปวดในครั้งนี้มันจะเป็น
กำลังใจให้แกเข้มแข็งขึ้นในคราวต่อไป ..หากมันจะยังมี ”

สุดหทัยสะอื้นฮัก ปาแก้วกาแฟกระเด็นไป

“ วี.. แกไม่รู้หรอกว่านี่ไม่ใช่รักครั้งแรกของฉัน แต่เป็นรักที่ฉันหวัง
ว่าจะช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากความรู้สึกเจ็บปวดของรักครั้งแรกได้
ต่างหาก แกคงไม่รู้ ว่าทุกวันเวลาฉันต้องเจ็บปวดแค่ไหนและ
ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการจะข่มตาหลับลง แกคงไม่รู้ ว่าการที่
ต้องรักใครสักคนที่เขาไม่อาจจะรักเรากลับคืน และไม่มีทางที่
จะบอกให้เขารู้ได้ เพราะกลัวว่าหากบอกก็จะสูญเสียเขาไปนั้น
มันลำบากยากเย็นสักเพียงไหน และที่ผ่านมา ฉันคิดว่าฉันแอบ
ซ่อนความรู้สึกในใจของฉันไว้ได้ตลอดมา และหวังว่าสักวันหนึ่ง
ฉันคงจะสลัดความคิดบ้าๆ นี้ออกไปให้พ้นจากหัวสมอง โดยการ
ข่มใจให้รักใครคนอื่นที่เขาจะมีรักให้แก่ฉันได้ …แต่สุดท้ายฉัน
ก็ทำไม่ได้…ฉันทำไม่ได้ ที่ฉันร้องไห้ ไม่ใช่เพราะฉันถูกไอ้บ้านั่น
มันหลอกเอาหรอก แต่ที่ฉันร้องไห้ เพราะไม่ว่าฉันจะทำวิธีใด
ฉันยังไม่อาจตัดใจไปจากแกได้เสียที ได้ยินไหม ”

หญิงสาวตะโกนลั่นน้ำตานองหน้า กรวีตะลึงนิ่ง

“ …เมื่อตะกี้ที่ฉันตื่นขึ้นแล้วฉันถามแกว่าที่นี่มันที่ไหน แล้วแกตอบ
ว่าไม่ใช่โรงแรมนั้นน่ะ แกรู้ไหมว่าฉันแอบหวังว่าให้มันเป็นโรงแรม
ไปเสียเถอะ ให้แกเอาเปรียบฉันไปเสียให้พ้นๆ แล้วฉันจะมีโอกาส
เข้าไปแทนที่ในใจของแกอย่างที่ฉันเคยหวังไว้ได้ เพราะฉันรู้ดีว่า
ผู้ชายอย่างแกไม่มีทางที่จะหลีกหนีความรับผิดชอบ ไม่มีทางที่
จะทิ้งฉันไปแน่ๆ แต่ให้ตายเถอะ แกไม่เคยเอาเปรียบฉัน
แม้แต่ครั้งเดียว แกมันไอ้สุภาพบุรุษสุดซื่อบื้อเสียเหลือเกิน
นอกจากความเป็นเพื่อนแล้ว ด้านอื่นๆ แกไม่มีเยื่อใยอะไร
ให้ฉันเลย แกมัวสนใจแต่อดีตเก่าๆ ของแก แกมัวร้องไห้ให้กับ
คนที่ตายไปแล้วโดยที่เขาไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป ฉันรู้ว่าแกเจ็บปวด
เพราะเขาคนนั้นก็เป็นเพื่อนของฉัน และฉันก็เสียใจที่เขาจากไป
เหมือนกัน แต่แกทิ้งฉันให้ร้องไห้อยู่คนเดียวเหมือนกับตายทั้งเป็น
แกปล่อยให้ฉันเดียวดายเพราะความเฉยเมยของแกจนน้ำตาฉัน
มันจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งเพราะความเย็นชาที่ได้รับไปแล้วรู้ไหม..”

ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก โอบร่างของเพื่อนสาวเข้ามาชิดอก
ปล่อยให้หล่อนสะอื้นอยู่อย่างนั้นโดยไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น สายตา
ของเขาเหม่อมองไปยังผืนฟ้าอันมืดสนิทแล้วจมอยู่ในห้วงคิด

เนิ่น..นาน.. อีกสักเท่าไรก็ไม่รู้ ชายหนุ่มต้องตื่นขึ้นจากภวังค์
เมื่ออีกฝ่ายขยับกายออกห่าง เขาหันไปมอง ก็พบกับประกายตา
ที่สุกจรัสพราวจับจ้องอยู่ก่อน แล้ววงแขนอันกลมกลึงก็โอบรอบ
มาที่คอ พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วๆ

“ แกจะไม่รักฉันก็ได้นะวี แต่อย่าเย็นชากับฉันอีกต่อไปเลย
ฉันไม่อาจซ่อนความรู้สึกของฉันไว้ได้อีกแล้ว จูบฉันสิ
ไม่ว่าพรุ่งนี้ฉันจะสูญเสียแกไปหรือไม่ก็ตาม.. ”

กรวีโอบรัดร่างของเพื่อนสาวเอาไว้แนบอก แล้วริมฝีปาก
ของเขาก็ประทับรอยลงกับริมฝีปากอันแดงก่ำที่รอรับจุมพิตอยู่
อย่างสนิทแน่น สายลมยามดึกพัดฮือเข้ามาเป่าเปลวไฟในกอง
ให้ลุกวูบวาบ แม้กายภายนอกจะหนาวเย็นสักเพียงใด ทว่าดวงใจ
สองดวงเริ่มจะระอุอุ่นขึ้นมาและเต็มไปด้วยความรู้สึก…


สุด..

หือมม์…

ที่พูดมาตะกี้ แกเมาหรือเปล่าวะ

อื้อ.. ก็นิดหน่อย

แกจะร้องไห้อีกก็ได้นะ และฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจด้วย

อื้ออมมม

เพราะฉันกำลังจะบอกแกว่า…

…??….

I want you
I need you
But --there ain't no way I'm ever gonna love you
Now don't be sad
'Cause two out of three ain't bad


=============== จบ ===============




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2552 4:57:40 น.
Counter : 186 Pageviews.  

 
 

สาวกห้ากระสอบ
Location :
melbourne Australia

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add สาวกห้ากระสอบ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com