..
ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมถวายพระพรชัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่รักยิ่ง ของเราชาวไทย






ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน



(ทำขึ้นเพราะประทับใจในเนื้อหาของบทเพลงหลายบทเพลง
ที่แต่ขึ้นถวายในหลวง 84 พรรษา
อยากรวมความหมายหลายเพลงมาอยู่ในแนวคิดที่เป็นสิ่งที่อยู่ในใจ
ในความจงรักภักดี ต่อพระองค์

ขอขอบคุณ mvครองแผ่นดินโดยธรรม บทเพลงเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=tQMpvJsh9Wo

mvบทเพลงรักแห่งแผ่นดิน Full Version HD บทเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

https://www.youtube.com/watch?v=E1dvYJvbX6w&feature=related

mvผู้ปิดทองหลังพระ - คาราบาว

https://www.youtube.com/watch?v=p6u9bPXxFtk&feature=related)




เนื่องในวโรกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี
จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิรา บรมนาถบพิตร

ครบ 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554

ข้าพระพุทธเจ้า ขอเป็นอีกหนึ่งใน63 ล้านคนไทย ขอน้อมถวายพระพรชัย
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน






ถวายบังคมเทิดไท้ องราชันย์



๐ ถวายบังคมเทิดไท้…………….ราชันย์
คุณะ ธ อนันต์……………………..เทียบฟ้า
ทวยราษฎร์สุขเกษมสันต์…………ถ้วนทั่ว
ธ ท่านคือขวัญหล้า……………….ปกเกล้าชาวสยาม

๐ พระนามพระเกียรติก้อง………..เกริกไกร
“ภูมิพล” ขจรไป…………………..ทั่วด้าว
คือหลักแห่งธงชัย…………………ปวงเหล่า ชนเฮย
ทูนเทิดพระเหนือเกล้า…………….เกศน้อมถวายพระพร



( จาก //www.klonthai.com/682--
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นางสาวหทัยชนก
สมาชิกบ้านกลอนไทย)


พระราชประวัติ


พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมานท์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสสาชูเซสท์ ระเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๗๐ มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ซึ่งภายหลังทั้งสองพระองค์ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธย เป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินีและพระเชษฐา คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ประสูติเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กับพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๘ ณ เมืองไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมนี


เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๑ ได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา เสด็จกลับประเทศไทย ประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาในวันที่ ๒๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๒ สมเด็จพระบรมราชชนกทิวงคต ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริญพระชนมายุได้ไม่ถึงสองพรรษา และเมื่อมีพระชนมายุได้ ๕ พรรษา ได้เสด็จเข้ารับการศึกษาชั้นต้น ณ โรงเรียนมาแตร์ เดอี กรุงเทพฯ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๗๖ จึงเสด็จไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินีและพระเชษฐา เพื่อทรงศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษา ในโรงเรียนเมียร์มองต์ ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษ จากนั้นทรงเข้าศึกษาชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอล นูแวล เดอ ลา ชืออิส โรมองต์ เมืองแชลลี ชือ โลซานน์ ทรงได้รับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์จาก ยิมนาส กลาชีค กังโดนาล แห่งเมืองโลซานน์ แล้วทรงเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโลซานน์ โดยทรงเลือกศึกษาในแขนงวิชาวิศวกรรมศาสตร์





















ในพุทธศักราช ๒๔๗๗ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๘ และได้โดยเสด็จพระราชดำเนิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในพุทธ>ศักราช ๒๔๘๑ โดยประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เป็นการชั่วคราว แล้วเสด็จกลับไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๘๘ จึงโดยเสด็จพระราชดำเนิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง


ในวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตโดยกระทันหัน ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกันนั้น แต่เนื่องจากยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการศึกษา จึงต้องทรงอำลาประชาชนชาวไทย เสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง ในเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ เพื่อทรงศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม ในครั้งนี้ ทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมายและวิชารัฐศาสตร์ แทนวิชาวิศวกรรมศาสตร์ที่ทรงศึกษาอยู่เดิม









ระหว่างที่ประทับศึกษาอยู่ในต่างประเทศนั้น ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (พระนามเดิม หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศ ขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้านักขัตรมงคล เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๓ และในพุทธศักราช ๒๔๙๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามว่าพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) และหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร ต่อมาทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์


ในพุทธศักราช ๒๔๙๓ เสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนคร ประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ต่อมาในวันที่ ๒๘ เมษายน ปีเดียวกัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์


ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง เฉลิมพระบรมนามาภิไธย ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม และในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี

หลังจากเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงรักษาสุขภาพ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามที่คณะแพทย์ได้ถวายคำแนะนำ และระหว่างที่ประทับรักษาพระองค์อยู่นั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลพระราชธิดาพระองค์แรก คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งประสูติ ณ โรงพยาบาลมองซัวซีส์ เมืองโลซานน์ เมื่อวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๔ และเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์แรกเจริญพระชันษาได้ ๗ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนคร ประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จากนั้นทรงย้ายที่ประทับไปประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และที่พระที่นั่งอัมพรสถานนี้เอง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลพระราชโอรสและพระราชธิดาอีกสามพระองค์ คือ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร
เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ
สยามบรมราชกุมารี

เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๔๙๘

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
ประสูติ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐

ในพุทธศักราช ๒๔๙๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาที่จะทรงผนวช ด้วยทรงพระราชดำริว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ที่ประชาชนของพระองค์เลื่อมใสกันอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งทรงมีโอกาสคุ้นเคยกับหลักการและทางปฏิบัติของพุทธศาสนิกชน ระหว่างที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ก็ทรงมีพระราชศรัทธายิ่งขึ้น เพราะได้ประจักษ์แก่พระราชหฤทัยว่า ธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกอบด้วยเหตุผลและสัจจธรรม แม้ผู้ใดจะวิจารณ์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ก็จะไม่เสื่อมถอยในความนิยมเชื่อถือ ทั้งจักเป็นทางสนองพระเดชพระคุณพระราชบูรพการีตามคตินิยมอีกโสตหนึ่งด้วย จึงได้เสด็จออกทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ เสร็จการพระราชพิธีทรงผนวชแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ตลอดเวลา ๑๕ วันที่ทรงผนวชอยู่ และจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างเรียบร้อย เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในปีเดียวกันนั้นเอง และในพุทธศักราช ๒๕๐๐ ทรงย้ายที่ประทับจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จนถึงปัจจุบัน

(ที่มา: เครือข่ายกาญจนาภิเษก //www.king84.th/th/biography.php)































พระราชประวัติ1.wmv



(โดย lMyLovel )

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก



(โดย dolly6299 )




จาก ข่าว //www.siamrath.co.th/web/?q=node/67659

พระราชกรณียกิจที่สำคัญต่อมาได้แก่ พระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมการเกษตรและชลประทาน ซึ่งเป็นพระราชกรณียกิจที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อชาติไทย และประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ประชาชนประมาณร้อยละ 80 เป็นเกษตรกร และส่วนมากก็เป็นชาวนาชาวไร่หรือเป็นเกษตรกรที่ยากจน

ปัญหาด้านความเดือดร้อนของราษฎรที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกษตร ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจในประเทศ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการส่งเสริมและพัฒนาด้านเกษตรกรรมทุกแขนงอย่างจริงจัง นำมาใช้กับกิจกรรมด้านการเกษตร และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรอย่างถูกต้องสมบูรณ์และครบวงจรทุกขั้นทุกตอน

สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ พระองค์จะเสด็จฯไปทอดพระเนตรต้นน้ำลำธารในพื้นที่เกษตรและสภาพภูมิประเทศจริงๆ เพื่อให้ทราบข้อมูลอย่างถูกต้อง โดยพระองค์จะทรงมีแผนที่ติดพระหัตถ์อยู่เสมอ และจะทรงตรวจสอบชื่อและตำแหน่งที่ตั้งของแหล่งน้ำลำธารจากชาวบ้านอยู่เสมอว่าตรงกับแผนที่หรือไม่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องก่อนที่จะทรงกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ ยังมีพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับด้านต่างๆ อีกจำนวนมาก อาทิ พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชนบท, ด้านการปฏิรูปและพัฒนาที่ดิน, ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ด้านสังคมสงเคราะห์, ด้านการแพทย์ สาธารณสุข และอนามัย, ด้านการส่งเสริมการศึกษาของชาติ, ด้านศาสนา, ด้านส่งเสริมประเพณีและวัฒนธรรมของชาติ, ด้านการทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และลูกเสือชาวบ้าน, ด้านการพัฒนาเยาวชนของชาติ, ด้านการส่งเสริมการกีฬา, พระราชกรณียกิจด้านการเสด็จฯ เยี่ยมประชาชนทั่วประเทศ และพระราชกรณียกิจด้านการจัดตั้งโครงการ หน่วยงาน และมูลนิธิต่างๆ เพื่อเป็นกำลังในการขับเคลื่อน ช่วยเหลือ และพัฒนาประเทศชาติ เพื่อให้ราษฎรของพระองค์มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

จากการพัฒนาในด้านต่างๆ ส่งผลให้เกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ให้ประเทศไทยเจริญขึ้น และพระองค์ได้พระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้ราษฎรของพระองค์นำไปปฏิบัติเพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพื่อให้พบความสุขอย่างยั่งยืนจากการพอประมาณและการพึ่งพาตนเอง

ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติเป็นเวลา 65 ปี ซึ่งยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในประวัติศาสตร์ชาติไทยและในโลก ตลอดระยะเวลาแห่งการครองราชย์ทรงปฏิบัติพระองค์ตามพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานไว้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 มาโดยตลอดว่า

ภาพประทับใจ














H M The King Solo ในหลวงทรงดนตรีกับวง Preservation Hall Jazz Band ในปี 1988


(โดย cosovo999 )

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงดนตรีกับวง Preservation Hall Jazz Band ในปี 1988

ขอบคุณ อาจารย์ภาธร ศรีกรานนท์ เป็นอย่างสูงที่เอื้อเฟื้อภาพพระองค์ทรงดนตรี ซึ่งหาชมได้ยากมาก






























































เชิญชมงานที่ทำขึ้นถวาย




อลังการสื่อผสม กำแพงพระบรมมหาราชวัง เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 ธ.ค. สำนักพระราชวัง จัดซ้อมใหญ่ภาพยนตร์พาโนรามา สื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ “84 ปี แห่งความเรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์” ที่จัดฉายตลอดแนวกำแพงพระบรมมหาราชวัง บริเวณถนนหน้าพระลาน ด้วยความยาว 200 เมตร โดยมีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก ก่อนจะเปิดฉายอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 5-9 ธ.ค.นี้

ก่อนหน้านี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคลงานมหรสพสมโภชและนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พร้อมด้วยนายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง และนายศุภวัฒน์(ศุภักษร) จงศิริ ประธานบริษัท คอมอาร์ตโปรดักชั่น จำกัด ในฐานะหัวหน้าคณะดำเนินงาน ร่วมกันแถลงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ในชื่องาน “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค. รวม 7 วัน บริเวณสนามหลวง ถนนหน้าพระธาตุ และกำแพงพระบรมมหาราชวัง

สำหรับกิจกรรมประกอบด้วย

1. กิจกรรมการถวายพระชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2555 ในเวลา 16.00 น.-20.00 น. ที่บริเวณท้องสนามหลวง โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและประชาชนทั่วประเทศร่วมกันถวายพระพรชัยมงคล

2.กิจกรรมการลงนามถวายพระพร ณ ร่มโพธิ์ร่มไทรของแผ่นดิน โดยมีหัวใจสำคัญคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของแผ่นดิน จึงมีการจัดสร้างร่มโพธิ์ร่มไทรสองข้างทางสนามหลวง เพื่อให้ประชาชนลงนามถวายพระพรและเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการ์ดที่ระลึก

3.กิจกรรมนิทรรศการ “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” เพื่อเผยแพร่เรื่องราวอันเป็นพระอัจฉริยภาพ อันเป็นเรื่องราวภาพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านต่างๆ ที่ทรงเรียนรู้ เข้าใจ ประดิษฐ์คิดค้น แก้ไขปัญหาทุกด้านให้กับประชาชน ให้พ้นทุกข์และพบกับความร่มเย็น ด้วยรูปแบบโมเดลของจำลอง บอร์ดนิทรรศการ และงานระบบมัลติมีเดีย โดยประกอบด้วย ส่วนต้อนรับและซุ้มประตูทางเข้า 84 พรรษา ดวงใจราฎร์ปราชญ์แห่งน้ำ 84 พรรษา ประโยชน์สุดสู่ปวงประชา โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั่วปประเทศ ห้องแสดงภาพยนต์พระราชกรณียกิจ พระราชอัจฉริยภาพในการทรงงานด้านการบริหารจัดการน้ำและเศรษฐกิจพอเพียง

4.กิจกรรมอธิฐานบูชา “พระทันตธาตุ” สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยได้อันเชิญ “พระบรมสารีริกธาตุพระทันตธาตุ” ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากราชอาณาจักรภูฏาน มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สักการะ

5. กิจกรรมการแสดงเฉลิมพระเกียรติ 7 วัน อาทิเช่น การแสดงรำถวายพระพรและโขนเฉลิมพระเกียรติ ชุดรามราชจักรี การแสดงแสง เสียง และสื่อผสม “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชา” การแสดงบทเพลงเฉลิมพระเกียรติ “น้อมใจภักดิ์รักพ่อ” การแสดงวงโยธวาธิต โรงเรียนหอวัง รางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานฯ การแสดงละครเฉลิมพระเกียรติเรื่อง พระมหาชนก เป็นต้น

6.กิจกรรมการแสดงพิเศษจากชีวิตจริง “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” เพื่อเป็นการเผยแพร่ พระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆโดยผ่านเรื่องราวชีวิตจริงของผู้ที่ได้เข้าเฝ้า ได้รับประโยชน์สุข ได้รับประโยชน์ ได้รับการแก้ไขปัญหา ได้รับแสงสว่างสู่ชีวิต ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและตื้นตันใจที่เกิดเป็นคนไทยใต้พระบารมี “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” จากคนไทยทั้ง 4 ภาค

7.กิจกรรม “ถนนเย็นศิระเพราะพระบริบาล” โดยจะมีการออกร้านโครงการหลวง ออกร้านขายของที่ระลึกของหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี กรมไปรษณีย์ มูลนิธิราชประชาสมาศัย และการออกร้านธงฟ้า

8.กิจกรรมภาพยนต์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ ชุด 84 ปี แห่งการเรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยจะฉายภาพไปบนกำแพงพระบรมมหาราชวังติดต่อกันเป็นภาพยาว และเป็นการฉายภาพยนต์พร้อมการแสดงโขนในองก์2 ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์แผ่นดินทอง อันเป็นแผ่นดินใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลบที่ 9 ซึ่งอุดมด้วยความงดงามทางศิลปและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา

9.กิจกรรมการแสดงแสงเสียงและสื่อผสม “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชา” โดยจะเป็นนำเสนอเรื่องราวที่ร้องเรียงประวัติศาสตร์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นการก่อสร้างเมือง ต่อเนื่องถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งตลอดระยะเวลาอันยาวนานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกระกอบพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและเป็นการตั้งคำถามกับคนไทยทุกคนว่า คนไทยควรทำอะไร เพื่อประบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นที่รักและเทิดทูลยิ่ง











(ที่มา จาก ข่าวสด //www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeU1qZ3lOREF6T0E9PQ==ionid=)




สำนักพระราชวังร่วมมือกับรัฐบาลจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 (CMO Group)

(ที่มางานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา
wannarat41)



ตราสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔






The Celebration on the Auspicious Occasion of His Majesty the King’s 7th Cycle Birthday Anniversary

5th December 2011





ความหมายตราสัญลักษณ์

ตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔



โดย cosovo999








อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองทอง อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพอยู่กลางตราสัญลักษณ์ ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทองบนพื้นวงกลมสีน้ำเงินล้อมรอบด้วยกรอบโค้งเรียบ สีเหลืองทอง หมายความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ด้านบนอักษณพระปรมาภิไธยเป็นเลข ๙ หมายถึงพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เลข ๙ นั้น อยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จราชาธิราช

ถัดลงมาด้านข้างซ้ายขวาของอักษรพระปรมาภิไธย มีสายพุ่มข้าวบิณฑ์สีทอง ซึ่งมีสัปตปฎลเศวตฉัตรประดิษฐานอยู่เบื้องบน
ด้านนอกสุดเป็นกรอบโค้งมีลวดลายสีทองบนพื้นสีเขียว หมายถึงสีอันเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ อีกทั้งยังหมายถึงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์และความสงบร่มเย็น ด้านล่างอักษรพระปรมาภิไธยเป็นรูปกระต่ายสีขาว กระต่ายนั้นทรงเครื่องอยู่ในลักษณะกำลังก้าวย่าง อันหมายถึง ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ตรงกับปีเถาะ ซึ่งปีกระต่ายเป็นเครื่องหมายแห่งปีนักษัตร โดยรูปกระต่ายอยู่บนพื้นสีน้ำเงิน

มีลายกระหนกสีทอง อันหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทย ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร
เบื้องล่างตราสัญลักษณ์เป็นแพรแถบสีชมพูขลิบทองเขียนอักษรสีทอง ความว่า
“พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ”



(ที่มา //www.princessofdesign.com/article/design-article/

ผู้ชนะเลิศการประกวดตราสัญลักษณ์ในครั้งนี้ได้แก่ นายศิริ หนูแดง)


เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้

1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3.พระนาม 'ภูมิพล' ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7
4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา
ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า
'H.H Bhummibol Mahidol'หมายเลขประจำตัว 449
7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า 'แม่'
8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย
เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง
ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต

11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า'บ๊อบบี้'
12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ
เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์
ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า
โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส
แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก 'การให้' โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสิน
เรียกว่า 'กระป๋องคนจน' เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก
'เก็บภาษี' หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่า
จะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า
หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ
เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า 'ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ
หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน'
17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสม
ส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก 'การเล่น' สมัยทรงพระเยาว์
เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง
ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเอง
เป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย
โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ
เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์

21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน
แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟน
มือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง
และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24.ทรงพระราชนิพนธ์พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรก
คือ 'แสงเทียน' จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย
อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้น
แล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง 'เราสู้'
26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า
และ รัชกาลที่ 5
27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย
ทรงเคยนำภาพยนตร??ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคาร
สภากาชาดไทยที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอ
และโรคเรื้อนด้วย
28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง 'นายอินทร์' และ 'ติโต' ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์
แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ 'พระมหาชนก' ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน
สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค
ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น'กีฬาซีเกมส์') ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับ
ผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า
ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกา
มากแค่ไหน

31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์
คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ 'กังหันชัยพัฒนา' เมื่อปี 2536
33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน
เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์
แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจ
ด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน
เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง
35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์
แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า'น่าจะเป็น
เกลียดแรกพบ มากกว่ารั??แรกพบ เนื่อง
เพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม
ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492
และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493
โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไป
ทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
37. หลังอภิเษกสมรส ทรง'ฮันนีมูน'ที่หัวหิน
38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช
40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม
ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง
อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น


41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน
สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร
อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
43. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ
โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด
ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า
วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง
ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว
ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง
ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน
ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง
45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ
แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษ
ที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่
เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก
ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น
จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก?บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ
ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหาย
แก่ประชาชน
50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์
จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์
จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้

51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมา
อธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่
ในหลวงตอบว่า 'ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้
เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุข
ของคนไทยทั่วประเทศ
53. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัด
กระดูกสันหลังใน
อีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้ง
คอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์
จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย
56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย
โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน
กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง

61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวัน
ทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก
เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ
ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย
นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯ
เป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร
คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล
ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
65. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ว่า 'นายหลวง' ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
66. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
67. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆ
ทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า 'ทำราชการ'
68. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง
ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา
และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน
ชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
69. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟน
ที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์
ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า'อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก'

70. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
71. หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ
เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
72. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์
ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
73. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส
ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
74. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมา
จึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ช??.
ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด
รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
75. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
76. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
77. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคัน
เป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด


(ที่มา//www.school.net.th/schoolnet/article/read.php?article_id=)



ก่อนหน้านี้ได้ทำหน้าที่เกี่ยวกับในหลวงไว้เข้าชมเพิ่มเติ่มได้ที่


ในหลวงในดวงใจ



รวมเพลงที่แต่งขึ้นถวายพระพร




) ✫ ✫ ✫.
`⋎´✫¸.•°*”˜˜”*°•✫
..✫¸.•°*”˜˜”*°•.✫
/ღ˚ •。*  ˚ ˚✰˚ ˛★* 。 ღ˛° 。* ° ˚ • ★ *˚ .ღ 。
/▌*˛˚ ░L░O░N░G░░L░ I░V░E░░T░H░E░░K░I░ N░G░ ˚ ✰*
/ ˚. ★ *˛ ˚* ✰。˚ ˚ღ。* ˛˚  。✰˚* ˚ ★ღ ˚ 。✰ •* ˚ " ✰











เข้าจุดเทียนชัยมงคล ถวายพระพร






Create Date : 04 ธันวาคม 2554
Last Update : 27 ธันวาคม 2554 13:15:44 น. 20 comments
Counter : 9944 Pageviews.

 
ขอให้ในหลวงจงเจริญยิ่งยืนนาน


โดย: มังกี้ ดี ลูฟี่ 01 วันที่: 4 ธันวาคม 2554 เวลา:17:02:16 น.  

 


โดย: thebe01 วันที่: 4 ธันวาคม 2554 เวลา:17:32:56 น.  

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


โดย: nootikky วันที่: 4 ธันวาคม 2554 เวลา:19:13:56 น.  

 
) ✫ ✫ ✫.
`⋎´✫¸.•°*”˜˜”*°•✫
..✫¸.•°*”˜˜”*°•.✫
/ღ˚ •。*  ˚ ˚✰˚ ˛★* 。 ღ˛° 。* ° ˚ • ★ *˚ .ღ 。
/▌*˛˚ ░L░O░N░G░░L░ I░V░E░░T░H░E░░K░I░ N░G░ ˚ ✰*
/ \\ ˚. ★ *˛ ˚* ✰。˚ ˚ღ。* ˛˚  。✰˚* ˚ ★ღ ˚ 。✰ •* ˚ " ✰


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:6:28:49 น.  

 
ตัวอย่าง โครงการพระราชดำริ



ภาพจาก ourkingninth


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:6:46:58 น.  

 
PTT TVC เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา



ภาพ PTTPLC1

ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา เนื้อหาหลักสื่อถึงการน้อมนำแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้รับการยอมรับใ­นระดับนานาชาติ มาเป็นหลักสำคัญในการดำเนินงานขององค์กร และขับเคลื่อนตำบลวิถีพอเพียงในโครงการรักษ์ป่าสร้างคน 84 ตำบลวิถีพอเพียง โดยนำเสนอผ่านภาพของประชาชนคนไทยที่รู้ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จนน้อมนำความดีงามและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
วันนี้ กลุ่ม ปตท.และปวงชนชาวไทย ขอร่วมกันถวายดวงใจเล็กๆที่ได้พลิกใจแล้ว แด่พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความสุขที่ยั่งยืนบนผืนแผ่นไทย " ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า กลุ่ม ปตท."


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:6:49:21 น.  

 
K6 84 พรรษา มหาราชัน



ภาพโดย itmclub54
โครงการประกวดวีดีโอคลิป ๘๔ พรรษาเทิดไท้องค์ราชัน
โดยกลุ่ม "The power of King"
1. นางสาวนฤมล อัจจิมารังษี
2. นายพงศ์นเรศ พันธ์ยานุกูล
3. นางสาวภัทริกา รัศมีมณฑล

(ITM Club คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ )


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:6:52:16 น.  

 
เข้าใจน้ำง่ายๆ ตามแบบในหลวง


โดย wearemusicunion
สปอตเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พี่ดี้พูดถึงการอธิบายเรื่องน้ำแบบเข้าใจได้ง่ายๆ ของในหลวง

โดย บริษํท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:6:55:06 น.  

 
ONE KING



โดย Finalcutnetwork

TVC สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
5 ธันวาคม 2554


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:7:03:33 น.  

 
AP สื่อต่างชาติ ชู ในหลวง 4 พย 54



โดย CiNNtv1
ข่าวเช้าวันใหม่ : 3 พฤศจิกายน 2554 : AP สื่อต่างชาติ เชิดชู ในหลวง : 3 Nov 2011
เรื่องเล่าเช้านี้ : 3Nov2011 - 3/11/11 - 3/11/54 11 2011
Morning News : 3Nov11 - 3 Nov 11 - 3 พฤศจิกายน 54 - 3 พย 11
: 3 พย 54 - 03-11-54 - 03-11-11 - 031154 - 031111


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:7:07:33 น.  

 
พระองค์ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจ ข้าวผัดอิ่มใจ กระทรวงพลังงาน


โดย cosovo999

เรื่องเล่าจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ครั้งตามเสด็จไปที่เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์ ปี พ.ศ.๒๕๒๗.....

เป็นเรื่องราวที่คนไทยอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน.....พระจริย วัตรของพระองค์เป็นแบบอย่าง
และแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคน รู้จักการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและพอเพียง
ทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัวในชีวิตประจำวันเรา ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงาน
เช่นแค่ข้าวผัด ๑ จานก็สิ้นเปลืองพลังงานเท่ากับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งลิตร....

กระทรวงพลังงาน Ministry of Energy
//www.energy.go.th/

รวมพลังกด Like (ถูกใจ) //goo.gl/b8SE6 แฟนเพจ เพื่อเป็นการแสดงถึงความตั้งใจใ­นการทำความดีเพื่อถวายแด่ "พระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู­่หัว" ของพวกเราชาวไทย

คนไทยต้องรักกัน และร่วมกันปลูกจิตสำนักให้ทุกคน รักชาติ รักแผ่นดิน รักในหลวง
Like (ถูกใจ) //goo.gl/b3haH


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:7:10:24 น.  

 
โลกนี้มีพระราชาเพียงพระองค์เดียวที่ทรงมองเห็นอนาคต บริษัท ปตท จำกัด มหาชน



อัปโหลดโดย cosovo999

ภาพยนต์โฆษณาของ บริษัท ปตท. ชุด "แรงบันดาลใจ"
//www.pttplc.com/TH/flashevent.aspx

แนวพระราชดำริเกี่ยวกับพลังงานทดแทน
//www.belovedking.com/index.php?option=com_content&view=article&...

ในหลวง "ผู้มีอัจฉริยภาพด้านเทคโนโลยี และพลังงาน"
//www.smartenergythailand.com/home/index.php?option=com_content&task...

พระราชกรณียกิจด้านพลังงานทดแทน แก๊สโซฮอล์ ดีโซฮอล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์
//king.kapook.com/job_power.php

รวมพลังกด Like (ถูกใจ) //goo.gl/b8SE6 แฟนเพจ เพื่อเป็นการแสดงถึงความตั้งใจใ­นการทำความดีเพื่อถวายแด่ "พระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู­่หัว" ของพวกเราชาวไทย

คนไทยต้องรักกัน และร่วมกันปลูกจิตสำนักให้ทุกคน รักชาติ รักแผ่นดิน รักในหลวง
Like (ถูกใจ) //goo.gl/b3haH


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:7:22:35 น.  

 

 
หนังสือภาพวาด ในหลวง โดยทวีพงษ์



โดย MrARTbox
หนังสือภาพวาดสีน้ำ 84 พรรษาองค์ราชันของแผ่นดิน วาดโดย อาจารย์ทวีพงษ์ ลิมาภรณ์วณิชย์ เป็นหนังสือภาพวาดพระราชประวัติ และพระราชอิริยาบถต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในขณะทรงงาน ด้วยคำบรรยายภาพภาษาไทยและภาษาอังกฤษ - โฉบเฉี่ยวด้วยฝีแปรงที่หลากหลายลีลาและบรรยากาศ ถูกบรรจงวาดขึ้นอย่างสวยงามตามเหตุการณ์ในสมัยต่างๆ ที่ทรงงานทั้งในและต่างประเทศ จวบจนถึงปัจจุบัน เป็นหนังสือที่จัดทำโดย สมาคมชาวเพชรบุรี เพื่อเฉลิมฉลองพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:10:29:15 น.  

 
king of thailand....portrait drawing sepia.



โดย artindy


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:10:34:16 น.  

 
ในหลวงทรงถ่ายภาพ.wmv


โดย artindy


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:10:35:55 น.  

 
พี่แสง สุดยอดจริงๆ รวบรวมสิ่ง่างเกี่ยวกับในหลวงมาได้เยอะมากๆ ดีค่ะ มีประโยชน์มากเลย เป็นความรู้ให้กับคนอื่นๆด้วย

เมื่อกี้ หมวยออกไปดูพลุ และ ร่วมจุดเทียนถวายพระพรที่เทศบาลมา พลุสวยมาก แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากเป้นคนหนึ่งที่ไปยืนพูด "ทรงพระเจริญ" ร่วมกับประชาชนคนรักพ่อหลายๆคน ที่ศิริราช (เห็นในข่าว ชื่นใจ และ ตื้นตันใจมาก)

"ข้าพระพุทธเจ้า ขอสัญญาว่า จะเป็นประชาชนที่ดีของพระองค์ ใช้ชีวิตตามแนวทางพระราชดำริ และ ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป...ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"


โดย: หมวย IP: 118.172.238.135 วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:20:47:37 น.  

 
seo แวะมาทักทายช่วงค่ำๆครับ Directory


โดย: nooblue88 วันที่: 8 ธันวาคม 2554 เวลา:23:26:31 น.  

 
พระราชดำรัสในหลวง 5 ธันวาคม 2554



ขอบคุณภาพจากคุณ lovethisman123


โดย: หนึ่งคิด วันที่: 26 ธันวาคม 2554 เวลา:20:26:17 น.  

 
๘๔ ปีแห่งความเรืองรองฯ [HD]



โดย HappyOFF100

ภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ "๘๔ ปีแห่งความเรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์" ครั้งแรกของประเทศไทยในการใช้เทคนิคฉายภาพบนกำแพงสามมิติ พร้อมการแสดงประกอบตลอดแนวกำแพงพระบรมมหาราชวัง ความยาว ๒๐๐ เมตร ด้านถนนหน้าพระลาน นำเสนอเรื่องราวกรุงรัตนโกสินทร์แผ่นดินทองใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งพระบาทสมเด็จพร­ะเจ้าอยู่หัว ในส่วนที่นำเสนอเกี่ยวกับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น จะมีการแสดงโขนประกอบด้วย ภาพยนตร์ชุดนี้ความยาว ๒๐ นาที

ขอขอบคุณ คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ



โดย: หนึ่งคิด วันที่: 26 ธันวาคม 2554 เวลา:20:33:05 น.  

หนึ่งคิด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เพลง

..*

หนึ่งในความห่วงใยของพ่อหลวง.....

เยลลี่พระราชทาน แจกฟรี สำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก

หรือผู้กลืนอาหารไม่ได้

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระราชูปถัมภ์

หน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ร่วมกันพัฒนาเยลลี่โภชนาการ เพื่อผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก

ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีภาวะโภชนาการและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นเจลกึ่งแข็งกึ่งเหลว

มีเนื้อสัมผัสที่พอดีไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป

ง่ายต่อการเคี้ยวและการกลืน ผลิตจากนมที่ผ่านกรรม

วิธีย่อยแลคโต๊สซึ่งเป็นสาเหตุของการดื่มนมแล้ว

ไม่สบายท้อง ท้องเสียแล้ว ทำให้ผู้ที่มีปัญหา

เรื่องดื่มนมแล้วไม่สบายท้อง สามารถกินได้โดยไม่มีปัญหา

และเมื่อนำไปทดลองใช้กับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก

พบว่าผู้ป่วยไม่ต้องให้อาหารทางสายยาง

ผู้ป่วยสามารถกินได้เอง และผู้ป่วยที่กินเยลลี่โภชนา

การมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 

ผู้สนใจที่มีปัญหาเรื่องมะเร็งช่องปากหรือ

มีญาติมิตรเป็นโรคดังกล่าว สามารถติดต่อขอรับได้

โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดใด ได้ที่ต่างๆ ดังนี้คือ

1. โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา 044-235582, 081-955-9002

2. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรุงเทพฯ 02-3547025-35

3. ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 02-5461960-6

4. ศูนย์มะเร็งชลบุรี 038-784001-5

5. ศูนย์มะเร็งลพบุรี 036-621800

6. ศูนย์มะเร็งลำปาง 054-335262-8

7. ศูนย์มะเร็งอุดรธานี 042-207375-80

8. ศูนย์มะเร็งอุบลราชธานี 045-285610-5, 045-285637-40

9. ศูนย์มะเร็งสุราษฎร์ธานี 077-211625-8 ต่อ 1006

10.สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล 02-889-3489

ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถานพยาบาล ดังกล่าว

หรือ ติดต่อสอบถามมูลนิธิทันตนวัตกรรม

ได้ที่ คุณบัวขาว หงษาชุม โทรศัพท์ 089-664-4634, 02-218-9027

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ :http://bit.ly/UFCrZa

ขอขอบคุณภาพจาก: ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร Fan page

๙๙๙๙๙๙๙

----


widgeo
------------ โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคล 60 ปีราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนึ่งคิด's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.