Group Blog
 
All blogs
 

ฉลองพันทิปโฉมใหม่

งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง.....
- เชคกิฟก็ไม่ได้ ใครให้? ได้จากไหน? งงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แค่นี้ก่อน




 

Create Date : 06 มกราคม 2556    
Last Update : 6 มกราคม 2556 21:53:32 น.
Counter : 2003 Pageviews.  

ทำงานไป เที่ยวไป : ไปเที่ยวทะเลกันเถอะ!!

กลับมาแล้วค่ะ
กลับมาได้สักพักแล้ว แต่กลับมาก็พบว่า Bloggang ปิดทำการชั่วคราวไปซะอย่างงั้น แถมคราวนี้น้าน....นาน กว่าจะได้โอกาสกลับมา update blog อีกครั้ง เหตุการณ์ก็ล่วงเลยไปมากโข

ลงใต้ไปตรวจงานมาค่ะ เริ่มจากสงขลา กระบี่ และไปจบที่สุราษฎร์ธานี เรื่องงานไม่ต้องพูดถึง พูดถึงเรื่องเที่ยวดีกว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปีที่ได้ลงไปภาคใต้ ครั้งสุดท้ายที่ไปก็ตอนเพิ่งจบ ม. 6 จะสอบยังไปเที่ยวลั่นล้า เที่ยวไปจนถึงสุไหงโกลกทะลุบาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซียไปเลยค่ะ


ยามเย็นที่สุสานหอย 75 ล้านปี


ที่สงขลาสถานการณ์น่ากลัวกว่าที่คิดค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะคุณพี่ที่ศูนย์ฯนั้น panic เกิดเหตุไปหรือเปล่า ? แต่ที่เห็นชัดคือ เขาไม่เอารถหลวงไปรับเราหรือใช้ไปไหนมาไหน นับว่ารอบคอบมาก

ไปถึงหาดใหญ่ตอนตี 5 ครึ่งค่ะ ออกจะเงียบๆ เปลี่ยวๆ เพื่อนที่เป็นเด็กเก่ามอ.บอกว่า เมื่อก่อนคึกคักกว่านี้มาก ไปถึงเช้ามาก พวกเจ้าหน้าที่ที่ไปรับยังไม่มา เราเลยนั่งแหมะรอ ระหว่างที่รอ น้องสาวมุสลิมคนสวยก็ถามดื้อๆว่า ช่องขายตั๋วเปิดหรือยัง ? เราบอกว่าเปิดแล้ว (เพราะไปชะเง้อดูรถที่มารับตรงหน้าสถานีมาแล้ว) คุณน้องเธอก็ลุกเดินหายไปไหนก็ไม่รู้ คาดว่าไปซื้อตั๋ว ทิ้งกระเป๋าให้เราหนึ่งใบ รออยู่พักใหญ่มาก กว่าคุณน้องเธอจะกลับมา ระหว่างที่รอ เริ่มใจไม่ดี เพราะกระเป๋าที่ถูกทิ้งไว้นี่ ....... น่ากลัว...... กลัวเป็นระเบิด (^^)”


วิวที่สุสานหอย 75 ล้านปีที่กระบี่


ยามเช้าทางภาคใต้อากาศเย็นสบายมากค่ะ หมอกลงจัดเหมือนแถวๆ ภาคเหนือเลย แต่ว่า ร้อนไวมาก พอพระอาทิตย์ขึ้น แป๊บเดียวก็ร้อนแล้ว แต่อากาศยังดีกว่ากรุงเทพฯ เยอะ บ้านพักรับรองอยู่ติดวัด ติดโรงเรียน และติดทะเลค่ะ โดยเฉพาะโรงเรียนนั้น น่าประทับใจมากค่ะ เพราะติดทะเลชนิดเด็กโดดจากห้องเรียนลงทะเลได้เลย ทำให้นึกถึงหนังผีญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่โรงเรียนอยู่ติดทะเลแล้วโดนสึนามิกวาด กลายเป็นผียกโรงเรียน (คิดอะไรเป็นมงคลจริงฉัน) แต่สึนามิและวัด ดูจะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเมื่อพบว่า บ้านพักรับรองนอกจากจะเป็นประภาคารแล้ว ยังเป็นนิวาสถานของนกพิราบค่ะ ขี้นกเกลื่อน แล้วทำเสียงกุกกัก ร้องคุกคูให้คนขวัญอ่อนกลัว ที่แย่กว่าคือ ทำอะไรกันไม่รู้ ฝุ่นหรือไรร่วงกราว ที่นอนสากไปหมด นี่ถ้านอนสักคืน ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไข้หวัดนกตายในภายหลังหรือไม่ ? โชคดีที่แค่อาบน้ำแต่งตัวและทานเข้าเช้าเท่านั้นค่ะ วิวสวยค่ะ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้


บึงน้ำที่ศูนย์ฯ กระบี่ เป็นธรรมดาชาติมาก มีตะกวดตัวเบ้อเริ่ม


คุณกับพวกพี่ๆที่ศูนย์ เขาก็บอกว่า สถานการณ์ภาคใต้น่ากลัวกว่าที่เห็น นอกจากเรื่องฆ่ารายวันแล้ว ยังเกิดข่าวลือสะพัดจากใบปลิวว่า ให้ระวังตัวให้ดี เพราะจะมีรถตู้ติดฟิลม์ทึบ ไล่จับเด็กเพื่อไปฝึกหัดเป็นผู้ก่อการร้าย จับไปล้างสมองกันเลย ในใบปลิวขู่ว่า เป้าประสงค์ไม่ใช่แค่ 3 จังหวัดภาคใต้ แต่จะเอาทั้งประเทศไทย เนื้อหาในใบปลิวไม่ขอพูดถึงนะคะ เพราะได้อ่านแล้ว พี่เขาว่า อยากให้ผู้ใหญ่ได้อ่าน พวกฉันก็ว่า ถ้าพี่กล้าให้ ฉันก็กล้าเอาไปเสนอ แต่สุดท้ายแล้วพี่เขาก็ไม่กล้า เนื้อหาก็ไม่ค่อยน่าเผยแพร่นักหรอกค่ะ แต่ฉันก็คุ้นๆว่าเคยอ่านจาก Forward mail


หอย 75 ล้านปี


ฉันถามพี่เค้าว่า แล้วพี่จะทำยังไง ? แกก็ว่า คงต้องแบบ “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ยังไงก็จะปักหลักสู้อยู่อย่างนี้แหละ ส่วนรัฐบาลไหนแกก็ไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ภาคในเร็วๆนี้ อีก 5 ปีก็อาจจะเป็นเหมือนเดิม เรื่องยกดินแดนให้ไม่มีทาง ก็ดันทุรังอยู่กันไปอย่างนั้นแหละ แถมท้ายด้วยข่าวลือของคุณครูจูหลินด้วย จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่คนในพื้นที่ลือกันให้แซ่ด ฉันก็สงสารคุณครูจูหลินเป็นที่สุด แม้จะตายไปแล้ว แต่ยังมีข่าวลือทำเสื่อมเกียรติ คนเราใจคอโหดร้ายจริงๆ


Aquarium กลางแจ้งที่กระบี่ รอเปิดเมษายนนี้จ้า


ต่อจากนี้ก็ไปกระบี่ ได้กินหอยชักตีนของขึ้นชื่อของกระบี่แล้วค่ะ ก็อร่อยดีค่ะ แต่ถ้าจะให้ประทับใจที่สุด ก็คือ สาหร่ายค่ะ อร่อยมาก ได้รสทะเลจริงๆ ไม่มีชื่อเรียก ชาวบ้านเขาเรียกว่า สาหร่าย ก็สาหร่าย จากรูปร่างหน้าตา ก็คาดว่า จะเป็นสาหร่ายองุ่น
หน้าตาแบบนี้


ไม่ได้ถ่ายรูป วาดรูปพอคล้าย (^^)"


มันจะเต่งๆ เหมือนเจลลี่ กรุบมาก พอกัดปุ๊บ รู้สึกว่า น้ำทะเลกระจายเต็มปากเลยค่ะ ออกมันๆ กรอบๆ และเค็มอ่อนๆแบบน้ำทะเล คุณพี่ที่ต้อนรับเราเห็นฉันชอบมาก ก็จะสั่งให้อีก ของชอบของผอ.กองฯ เลย แกมาต้องสั่งเป็นจานใหญ่ แต่เสียดายว่าเรามาดึกแล้ว เลยไม่มีอีก เห็นคุณพี่ที่ศูนย์บอกว่า ในตลาดขายกิโลละ 60 บาท แต่มีเป็นฤดู มาถ้าไม่ใช่ฤดูมัน ก็จะไม่ได้กิน อ่า.... ต้องจดไว้เลย ช่วงเดือนกุมภา- มีนานี่แหละ จะได้กินสาหร่ายอร่อยๆ



สาหร่ายชนิดนี้เห็นว่าเจอน้ำจืดแล้ว จะแตกตัวละลายหายไปเลย เวลาล้างแล้ว ต้องรีบกิน ตอนนี้มีคนทำเป็นงานวิจัยเพื่อจะเพาะสาหร่ายชนิดนี้ ฉันก็รีบเชียร์ว่า ทำได้ยิ่งดี แล้วเอาไปขายกรุงเทพฯด้วยนะพี่ เพราะอร่อยมาก อร่อยกว่าสาหร่ายญี่ปุ่นอีก เป็นอาหารที่ประทับที่สุดในการลงใต้ครั้งนี้เลยค่ะ


หอยมือเสือที่บ่อเพาะเลี้ยง


จากนั้นก็ไปดู Aquarium (ที่ยังไม่เปิด) ของกระบี่ (เปิดเดือนเม.ย. นี้ค่ะ ^^) ได้เล่นกับหอยมือสือด้วยค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้จับหอยมือเสือตัวเป็นๆ มันพ่นน้ำปู๊ดๆ เป็นที่สนุกสนาน

ตัดเหตุการณ์ไปที่สมุยเลยดีกว่าค่ะ


นั่งเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุยกัน


ขึ้นเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุยตอน 4 โมงเย็น ถึงเกาะตอน 6 โมงครึ่งค่ะ เห็นพระอาทิตย์ตกดินด้วย พอได้มองทะเลแล้วเห็นขอบฟ้า รู้สึกจิตใจแช่มชื่นขึ้นมาก แต่..... ถ้าห้องน้ำเรือเฟอร์รี่ไม่ออกแนวนรกบนทะเลแบบนั้น คงจะเป็นสวรรค์ไปแล้ว อ่า.... ทั้งขาไปขากลับ ห้องน้ำนรกมากค่ะ เห็นแล้วขนลุกฟู่ๆ สยองติดตาไปหลายวันเลย ทั้งเหม็นและสกปรก กระดาษชำระทิ้งเรี่ยราดแทบล้นห้อง ดีไม่มี มีคนหย่อนระเบิดแล้วไม่เก็บกวาด จะว่าไปแล้ว ห้องน้ำในประเทศไทย ทั้งบนรถไฟและเรือเฟอร์รี่ มันก็นรกบนดินดีๆนี่เอง เมื่อไหร่จะพัฒนาให้ได้สุขลักษณะสักทีก็ไม่รู้


ระหว่างนั่งเรือ พระอาทิตย์กำลังตกทะเลพอดี


ไปสมุยครั้งสุดท้ายเมื่อสิบกว่าปีก่อน สมุยที่ฉันเห็นวันนี้ เกือบๆ จะเป็นพัทยาเข้าไปทุกที ป่ามะพร้าวที่เคยเห็น หรือตลาดหน้าทอน เปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้ ยิ่งตรงดงหินตาหินยาย เมื่อก่อนเป็นป่ามะพร้าว แต่ปัจจุบันอัดแน่นไปด้วยร้านขายของ ร้านอาหาร Guest House และโรงแรม


ทะเลเงียบๆ ยามเช้า


โรงแรมที่ไปพัก อยู่ที่หาดละไมค่ะ หาดยาวและทรายนุ่มเท้า เงียบสงัด แต่ดูเป็นธรรมชาติมาก ติดชายหาด ได้ไปนอนดูทะเลยามพระจันทร์เต็มดวง ก็พอใจแล้วค่ะ เงียบมากๆ เงียบจนมีคนมาแก้ผ้าเล่นน้ำ (ฮา) ตรงจุดที่เรานั่งเงียบและมืด เลยมีฝรั่งมาแก้ผ้าเล่นน้ำให้ดูบ่อยๆ แต่เนื่องจากมืดมาก มองไม่ค่อยเห็นอะไรหรอกค่ะ นอกจากก้นขาวๆ เท่านั้น (ฮา) แต่มาเกาะสมุย เห็นฝรั่งแก้ผ้าเป็นเรื่องปกติค่ะ ดูซะเลี่ยนเลย กิจกรรมหลักถ้าไม่นอนอาบแดดกัน ก็เดินค่ะ เดินไปเดินมา ริมหาด ส่วนฉัน เนื่องจากมาพักแค่คืนเดียว และเหนื่อยมาก น้ำก็ลึก เลยไม่กล้าลงเล่น เพราะกลัวไม่รอดกลับกรุงเทพฯ ก็แค่เดินไปเดินมาริมหาดค่ะ แต่ก็เกรียมไปทั้งตัว สรุปแล้ว ไปถึงทะเล ก็ยังไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเลอีกเช่นเคย (T_T)


พระอาทิตย์ขึ้นที่หาดละไม ฝากเพื่อนถ่ายให้ ฉันยังนอนหลับอุตุ


ช่วงนี้(หรือช่วงอาทิตย์นี้) เกาะสมุยเงียบมากค่ะ ทั้งเรือเฟอร์รี่ก็โหลงเหลง คาดว่า น่าจะหนีไปเกาะพงันกันหมด เพราะจะมี Full Moon Party แหม้.... ถ้าฉันเลื่อนตั๋วได้ คงจะได้สวิงริงโก้ที่เกาะพงันกับเขาด้วยแล้ว เสียดายที่เลื่อนไม่ได้ แต่ก็ดีแล้วค่ะ เพราะขากลับ โชกโชนมาก กลับไปแล้วกว่าจะฟื้นตัวได้ ต้องใช้เวลาตั้งหลายวัน


สาหร่ายทะเล แบบนี้ท่าทางกินไม่อร่อย


อาหารที่เกาะสมุย พี่ๆที่โน่น พาไปกินอาหารพื้นบ้านค่ะ ที่น่าจะเอามาพูดถึง คือ ยำสาหร่าย ยำไข่หอยเม่น ยำหอยเจาะและเห็ดหลุบ

- ยำสาหร่าย ที่สั่งเพราะคิดว่าเป็นสาหร่ายเหมือนกับที่กระบี่ แต่ผิดคาด ที่นี่เป็นสาหร่ายข้อค่ะ ออกชิ้นเล็กๆ จิ๋วๆ เป็นชิ้นๆ กรอบๆ เหมือนรากบัว มากับกุ้ง ไม่รู้ยำกุ้งใส่สาหร่าย หรือยำสาหร่ายใส่กุ้งกันแน่ ? พอถาม เค้าก็ตอบว่า “มีให้กินก็บุญเท่าไหร่แล้ว เพราะไม่ใช่ฤดูของมัน” เอ่อ........ แหม.... ถ้าคราวหน้าบอกก่อนว่าไม่ใช่ฤดูของมันหนูก็ไม่สั่งหรอกค่ะ ไม่ได้อร่อยเลย หนูไม่ได้อยากกินกุ้งให้เปลืองท้อง

- ยำหอยเม่น สั่งเพราะว่า โดนการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องไซโคมาว่า ยำหอยเม่นเป็นอาหารเลิศรส อร่อยสุดยอด และแพงมาก ที่นี่ก็แพงค่ะ ขายเป็นถ้วยตะไลเล็กๆด้วยซ้ำ แต่พอยำออกมา แยกไม่ออกว่าอันไหนไข่หอยเม่น อันไหนกระปิ หรืออันไหนมะม่วงขูด เพราะคลุกมากันหมด รสหอยเม่นจำได้ว่า มันๆ เหมือนไข่ปู แต่คาวมาก กลิ่นกระปิหึ่ง .....

- ยำหอยเจาะ มาสุราษฎร์ ความจริงอยากกินหอยนางรมตัวโตๆ สดใหม่ หวานๆ แต่เขาว่า หอยเจาะเป็นหอยตระกูลเดียวกับหอยนางรม แต่ตัวเล็กจิ๋วหลิว ตัวเล็กกว่าปลายก้อยอีก ในอดีต เขาไปเจาะกินกันตามโขดหิน เจาะเดี๋ยวนั้น กินเดี๋ยวนั้น เอ่อ... มองหน้าตามันแล้ว ก็นับถือความพยายามของคนที่จะกินมันจริงๆค่ะ คือตัวเล็กแทบไม่มีเนื้อมีหนังอะไร คนยังอุตส่าห์ไปกินกันอีก เช่นเคย แยกรสไม่ออกว่า อันไหนหอยเจาะ อันไหนกระปิ และอันไหนมะม่วง มายำสูตรเดียวกับยำไข่หอยเม่น

- ผัดเผ็ดเห็ดหลุบ เห็ดหลุมคือ ดอกไม้ทะเล (anemone) นั่นเอง เวลาเอามือไปแตะ มันก็จะหลุบตัวลง เลยได้ชื่อว่า เห็ดหลุบ ตามภาษาชาวบ้าน มีพิษเล็กน้อย ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการทำก่อนนำมาประกอบอาหาร ได้ยินว่า ต้องต้ม ต้องขูดกันหลายขั้นตอน กว่าจะเอามากินได้ รสชาติเป็นยังไง ไม่รู้ รู้แต่ว่าเผ็ดร้อนมากๆ สมกับเป็นอาหารปักษ์ใต้ หนึบๆ หยุ่นๆ กรอบๆ เกือบเหมือนแมงกระพรุน แต่เหนียวนุ่มกว่า ไม่ได้กินก็ไม่เสียดายอะไรหรอกค่ะ รักษาดอกไม้ทะเลให้เป็นแหล่งของสัตว์น้ำดีกว่านะคะ (^^)’


ดอกไม้ทะเลจำพวกสาหร่าย อันนี้ก็คงกินไม่อร่อยอีกเหมือนกัน (^^)"


นอกนั้นเป็นอาหารรสเผ็ดร้อนมากค่ะ เผ็ดจนแสบไส้เลย กลับมา 2 วันแล้วยังปวดท้องไม่เลิก เนื่องจากเกรงใจพวกพี่ๆ เขามาก เลยไม่กล้าบอกว่า อย่าเอาเผ็ด เพราะเค้าก็ตั้งใจจะนำเสนออาหารปักษ์ใต้แบบแท้ๆ ให้เราได้กินกัน เลยกระหน่ำกันซะเต็มที่เลย


สมุยยังเงียบสงบ (เหรอ ?)


บรรยากาศดีมากค่ะ ยิ่งเป็นที่ที่เป็นโซนชาวบ้านดั้งเดิมจะเงียบสงบและสวยมาก แต่ไม่คิดจะกลับไปสมุยอีกแล้วค่ะ เพราะทุกอย่างแพงมาก ราคาฝรั่ง ยกเว้นร้านอาหารโซนชาวบ้าน แต่แน่ล่ะ คุณต้องรู้แหล่งมาก่อน
บังกะโลที่เราไปพัก ห้องน้ำดูดี แต่เหม็นนรก ไม่รู้ส้วมแตกหรืออย่างไร ? ผ้าเช็ดตัวลุ่ยๆ เห็นตอนแรกนึกว่าผ้าเช็ดเท้า ไม่มีผ้าห่มให้ แต่ดันติดแอร์ กลางคืนนอนหนาวมาก แต่ไม่มีใครลุกขึ้นมาปิดแอร์ เพราะมัวแต่เกรงใจกัน เหม็นบุหรี่ คาดว่าแขกคนก่อนหน้าคงเป็นสิงห์อมควันกัน ห้องละ 1,200.- ไม่มีข้าวเช้าให้กิน ต้องออกไปให้ร้านอาหารข้างนอกทุบกันมื้อละเกือบ 100.-


มีดีที่ติดชายหาด และหาดสวยมาก


เที่ยวเรือเที่ยวรถไฟ เครื่องบิน ต่อกันไม่ได้เวลา แถมมีหมกเม็ด ใครรีบๆ คงต้องออกจากเกาะตั้งแต่บ่ายโมง เรียกว่า กะเวลาเดินทางจากเกาะสมุยเข้าตัวเมืองสุราษฎร์น่าจะเป็นสัก 4 ชั่วโมง แม้ว่าคุณจะนอนใจว่า ซื้อทัวร์ตรงจากเกาะสมุยถึงสถานีรถไฟ รถบัส หรือสนามบินไว้แล้ว ตอนที่ซื้อทัวร์ พวกฉันก็กะว่า น่าจะสัก 3 ชม. เวลาที่เหลือเราจะได้ไปเดินตลาดโต้รุ่งของสุราษฎร์สักหน่อย แต่ปรากฎว่า ขึ้นรถไฟกันอย่างฉิวเฉียดเลย ตอนที่ถูกเอาไปลอยแพตรงหลักเมืองสุราษฎร์ พี่เค้าไปโวยกับคนที่ดูท่าจะเป็นเจ้าของบริษัทตรงจุดที่เราถูกเอาไปปล่อยรอรถว่า ทำแบบนี้ได้ยังไง ตอนไปซื้อทัวร์ไม่เห็นบอกว่าต้องมารอแกร่วกันแบบนี้เลย


แค่ 8 โมงเข้า แดดแรงเสียจนต้องหลบเข้าร่ม ฝรั่งนอนอาบแดด แต่ฝรั่งอีกเยอะก็หลบเข้าร่ม


งานนี้จากที่หวังว่า โชคชะตาจะพัดพาหนุ่มหล่อล่ำมาเกยตื้นริมหาดก็อย่าหวัง แถมฝรั่งส่วนใหญ่ไม่หอบลูกจูงเมียมา ก็ออกแนวแต่เผละมาพักผ่อนหลังเงินเต็มแบงค์แล้ว


หาดตรงส่วนการดูแลของอบต.สมุย เงียบมาก คนไปนอนหลับตรึม (ฮา) เสียดายดันทำถนนคอนกรีตติดชายหาดมากเกินไป


แต่เท่าที่สังเกตุ กระบี่นักท่องเที่ยวชาวไทยจะเยอะกว่าค่ะ ยังเห็นคนไทยปนๆ กับฝรั่งบ้าง แต่สมุยเที่ยวนี้ เห็นแต่ฝรั่ง ใครคนไทย Classified ออกง่ายมากค่ะ แต่ตัวมิดชิดเดินริมหาด นั่นแหละใช่เลย ฝรั่งส่วนใหญ่นุ่งน้อยห่มน้อยกันทั้งน้าน ....


ลาก่อนเกาะสมุย ลาก่อนเกาะมะพร้าวที่เคยรู้จัก


กิจกรรมหลักนักท่องเที่ยวคืออะไร ?

นอนอ่านนิยาย อ่านหนังสือ!

ไปอ่าวนางและหาดธารารัตน์ตอนช่วงบ่ายๆ เห็นทั้งไทยทั้งเทศนั่งริมหาด อ่านหนังสือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เห็นแล้วตลกดีค่ะ

ฉันเองก็อยากจะไปเที่ยวทะเลอีกสักครั้ง ไปคราวนี้ถึงได้ไปนอนริมทะเล แต่ก็ไม่ได้เล่นน้ำทะเล แค่เอาขาจุ่มน้ำ คิดแล้วก็น่าเสียดาย

คราวหน้าตั้งใจว่า จะกลับไปเที่ยวกระบี่อีกสักครั้ง คราวนี้จะไปนอนอ่านนิยายริมหาดมั่ง (ฮา)!




 

Create Date : 13 มีนาคม 2550    
Last Update : 14 มีนาคม 2550 17:38:54 น.
Counter : 1593 Pageviews.  

New Year and My Wish

กลับมาแล้วว...... ได้กลับบ้านนอกไปตั้ง 1 อาทิตย์น่ะ ดีใจที่ได้กลับไปเจอเพื่อนฝูงและฉลองปีใหม่กับญาติพี่น้อง คืนวันที่ 31 ธ.ค. ฉันเมาเละ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นที่กรุงเทพฯ พอตอนเช้าแม่ก็ขุดออกจากที่นอนแต่เช้ามืดเพื่อไปใส่บาตรรับปีใหม่ กว่าจะใส่บาตรเสร็จก็ก็สายโด่ง กินข้าวเสร็จก็ต้องรีบไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อๆ วันนั้นนั่งเป็นซอมบี้เลย เมาค้าง แถมตื่นแต่เช้ามืด นึกว่าจะนั่งเฮฮาปาร์ตี้สักแค่ 1 – 2 ชม. แต่ปาเข้ากว่าค่อนวัน เพราะคุณเธอแต่ละคนทยอยมา ทำเอาเพื่อนที่มานั่งรอก่อนนั่งหน้าบูดเลย แต่ที่บูดหนักคือพวกเด็กบริกร มาทีละคน สั่งทีละอย่าง บริกรชักเริ่มรำคาญ พอตกบ่ายจัดๆ สัก 3 โมง เริ่มจะสร่างเมา แต่ได้เวลาแยกย้ายสลายโต๋ซะแล้ว ก็แหงสิ! นั่งกันมาตั้งแต่ 10 โมงเช้าแล้วนิ ! ขอบคุณร้านเลมอนทรีที่เชียงใหม่ไม่ถีบพวกเราออกมาจากร้านก่อน (^^)”

ก็ได้ update ข่าวคราวเพื่อนฝูง บางคนฟังแล้วก็กลุ้มแทน บางคนก็แสนจะเซอร์ไรส์ โดยเฉพาะเพื่อนๆ ทอมของฉัน กลับตัวกลับใจกันไปหลายคน (หัวเราะ)

วันปีใหม่เป็นวันที่เราจะถือโอกาสเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ใช่ไหมล่ะ ? ฉันนั่งคิดระหว่างแอลกอฮอล์ยังอยู่ในเส้นเลือดคืนวันที่ 31 ธ.ค. เอาไว้ว่า

1. จะเลิกเป็นคนเจ้าอารมณ์เสียที อ่า.... ความจริงฉันไม่ใช่คนขี้โมโหนะ แต่พอได้ลงได้โมโหแล้ว จะระเบิดตูมเลย ก็จบแค่นั้น ไม่ต้องเอามาพูดอีก เพราะเป็นคนลงได้มีจุดยืนแล้ว เปลี่ยนยาก แต่ชาวบ้านคู่กรณีเขาชอบอาฆาตพยาบาทฉันชอบกลนี่สิ ที่ไม่เป็นผลดี (^^)” จะพยายามกินแคลเซียมและวิตามินซีให้มากขึ้นก็แล้วกัน เพราะบางที รู้สึกเหมือนมันเป็นกลไกทางเคมีในร่างกายมากกว่าเรื่องของวุฒิภาวะ

2. เลิกใจร้อนและเลิกขับรถเร็วสักที เมื่อก่อนขับทีสัก 80 – 90 กม./ชม. นี่ก็รู้สึกว่าเร็วมากแล้ว แต่หลังๆมานี่ กลับบ้านทีไร พอได้จับรถ เหยียบเป็น 100 กม./ชม. เลย ไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าตัวเองขับรถเร็ว จนกระทั่งเหลือบตามองหน้าปัดความเร็วนั่นแหละ ถึงเห็นว่าร้อยฝ่าๆ แล้ว (-__-)” พยายามจะลดๆ แต่เผลอทีไร ไปถึงร้อยทุกที แถมยังขับรถเปรี้ยวมาก กลัวเหมือนกันว่าสักวันจะเจอดีเข้า เพื่อชีวิตที่ยืนยาว ต้องลดละให้ได้ (>_<) ! วันนี้นั่งแท็กซี่กลับบ้านจากหมอชิต เอ่อ... แท็กซี่ขับเหยียบซะ 120 กม./ชม. ยังไม่รู้สึกว่าเร็วเลย เอ.... หรือเราชินมากเกินไปแล้ว ?

3. ตั้งใจทำงานให้มากขึ้น ลดการทะเลาะเบาะแว้งกับหัวหน้าให้น้อยลง ยังไงหัวหน้าก็ต้องถูกที่สุดอยู่แล้ว เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งหัวหน้าเป็นคนประเภทแพ้ไม่ได้ด้วย อ้อ.... ต้องลดเวลาเล่นเนทด้วยสิ จะได้มีเวลาทำงานมากขึ้น ทำยากจัง .... แต่จะพยายาม !

เอาแค่ 3 ข้อก่อน ถ้าทำได้ คงจะวิเศษไปเลย อยากจะเพิ่มข้อ เลิกติดเกมส์ด้วย โงว...... แต่อาการติดเกมส์ยังไม่เข้าขั้นรุนแรง แต่มันเสียเวลาชีวิตไปบ้างเท่านั้น

ปล. ต้องหัดร้องคาราโอเกะให้ดีด้วย เพราะคืนนั้นเริ่มรู้สึกตัวว่า ร้องเพลงได้ห่วยแตกสิ้นดี (>_<)




โชว์รูปใบเมเปิ้ลที่บ้าน ปลูกไว้ 3 ต้น ปีนี้อากาศหนาวจัด แดงหน่อยๆ เหมือนแก้มสาวแล้ววว!!!


กลับบ้านไปหนนี้ นอกจากไปนั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือแล้ว เวลาทั้งหมดที่เหลือก็ทุ่มให้กับการไปงาน ราชพฤกษ์ 2549 นี่แหละ ผิดจากที่คิดเอาไว้เยอะเลย นึกว่าเหมือนงานเกษตรโลกที่มช.เคยเป็นเจ้าภาพเมื่อประมาณ 3 – 4 ปีก่อน ตอนนั้นคณะเกษตรศาสตร์ มช. เป็นเจ้าภาพ ทุ่งดอกไม้ ทุ่งดอกทานตะวันเป็นทุ่งๆ มีภูเขาดอกไม้ป่า มีพันธุ์พืชและผลิตผลทางเกษตรขายหลากหลาย


แต่งานราชพฤกษ์นี่เป็นอะไรที่เป็นทางการและระเบียบเรียบร้อยมากๆเลย งานพืชสวนโลก ไม่ใช่งาน ไม้ดอกไม้ผลโลกนี่เนอะ ก็สนุกและสวยงามมาก แม้ไม่หวือหวาฟู่ฟ่ามากอย่างที่คิดเอาไว้


ฉันเองก็ไปติดใจงานฝีมือของพวกประเทศจากแถบแอฟริกา ที่ขนเอางานไม้พวกตุ๊กตาประดับ และเครื่องประดับมาขาย สวยมากเลยล่ะ โดยเฉพาะจากประเทศมอรอคโค งานเครื่องแก้วและฝังมุกสวยมากๆ ได้แก้วน้ำแฮนด์เมดมา 2 ใบ (^^)’ ส่วนประเทศนามิเบีย ได้สร้อยหินเม็ดเล็กๆ แต่สีสวยจัดมา 2 เส้น ชอบสีแดงมากเป็นพิเศษ เพราะเหมือนหยดเลือดหยดเล็กๆ


ใช้เวลา 3 วัน กว่าจะเที่ยวได้ทั่วงานล่ะ เพื่อนๆฉันที่เชียงใหม่แต่ละคนเกิน 3 รอบไปแล้วทั้งนั้น แหม.... ถ้าอยู่นานฉันคงหมดเงินไปกับพวกของประดับจากประเทศแอฟริกาอย่างที่ว่า เพราะงานสวยจริงๆ และฉันคิดว่ามันไม่แพงมากด้วย


ได้ถ่ายรูปคู่กับดอกทิวลิปและทุ่งดอกไม้ก็พอใจแล้วค่ะ เสียดายที่พอกลับมา ทางญี่ปุ่นก็ยกเอาดอกซากุระกับทิวลิปมาแสดงต่อ เลยอดถ่ายรูปกับซากุระเอาฤกษ์เอาชัยเลย (^^):::


อาการไม้ในร่มของป่าดิบชื้นค่ะ สวยงามร่มรื่นมาก


อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมานาน ใฝ่ฝันถึงดอกคาเมเลียหรือสึบากิ ในที่สุดก็ได้สัมผัสตัวเป็นๆที่สวนญี่ปุ่น อยากเห็นสีแดงสดจังเลย


ว่านแสงอาทิตย์ปลูกเป็นกอใหญ่ สีแดงสะใจดีค่ะ


การจัดกล้วยไม้ที่แปลกตาดี แต่เก๋ค่ะ


ชอบดอกไม้ที่มีสีน้ำเงินที่สุดเลย โดยเฉพาะไฮเดรเยีย ต้นเล็กไปหน่อย บนดอกอินทนนท์ต้นใหญ่และดอกใหญ่มาก จากสวนโครงการหลวงค่ะ


ไฮไลท์ของงาน อุโมงค์ต้นไม้ ข้างสวนจากฎูฏาน ต้องเข้าคิวเข้าชมด้วยน่ะ!


หมดเพียงเท่านี้ค่ะ แปลกนะคะ งานนี้คนไทยด้วยกันเอง พยายามเขียนลงสื่อหลายแห่งบอกคนไทยด้วยกันไม่ควรไปเที่ยว ไม่รู้จะผูกใจเจ็บอะไรหนักหนา งานมันก็จัดไปแล้ว ถ้าคนไปเที่ยวน้อยๆ แล้วเจ๊ง จะมีความสุขมากหรือ ? สถานที่จัดงานมันจะกลายเป็นป่าหายวับไปกับตาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่คนที่ไม่คิดจะไปอยู่แล้ว ไม่ว่ากันค่ะ ฉันเองแต่แรกก็ไม่อยากไปเหมือนกัน เพราะทนคนเยอะๆ และอากาศร้อนๆไม่ค่อยได้ แต่ไปแล้วก็สนุกดีค่ะ ดูสวนที่จัดแบบประเทศต่างๆ ก็สวยงามน่ารักน่าเอ็นดูดี มีความสุขค่ะ




 

Create Date : 08 มกราคม 2550    
Last Update : 9 มกราคม 2550 8:52:27 น.
Counter : 1232 Pageviews.  

มากินเห็ดกัน === เห็ดขมิ้นผัดไข่===

ตอนต้นเดือนได้กลับบ้านนอก ถึงหน้าฝนทีไรเห็ดป่าเต็มตลาดให้ชอปปิ้งก้นหนำใจ สีสวยๆ บาดตากันทั้งนั้น เรื่องถ้ากินแล้วจะตายหรือสติแตกหรือเปล่านั้น ดูจากประวัติที่ผ่านมา เขตแดนท้องถิ่นฉันยังไม่เห็นมีใครเป็นอะไร ดังนั้นเราจึงอนุมานกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษว่า "กินได้" ก็แล้วกัน

แต่บรรดาเห็ดอื่นหมื่นแสน อันไหนเลยจะมาเป็นเห็ดยอดดวงใจของฉันเท่าแม่เห็ดขมิ้นสีเหลืองสวยไปได้ เห็ดพวกนี้ถ้าไม่บุกไปเขตแดนใกล้ๆ ป่าหน่อย เช่น เส้นทางเชียงราย - เชียงใหม่ หรือ ตาก - ลำปาง ก็ไม่ได้กินกันง่ายๆ หรอกค่ะ ใครผ่านไปผ่านมาจะเห็นซุ้มขายเห็ดป่าของชาวบ้านตลอดทางเลย

ส่วนเห็ดขมิ้นตอนอยุ่ในป่าหน้าตาเป็นอย่างไร รบกวน Link นี้ด้วยนะคะ แต่สถานที่เกิดเหตุ เจ้าของภาพเขาบอกว่าที่สโลเวเนีย เฮ้ย! เห็ดนี่ขึ้นได้แม้กระทั่งเขตหนาวเหรอ ?

ดูรูป

ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหน้าตามันก่อนถูกเก็บเหมือนกัน แต่ต๊กใจว่า ราคาของมัน กิโลละ 600 บาท อ๋า.... แถวบ้านเราขีดหนึ่งตกราวๆ 15 - 20 บาทเองนา

ในภาพนี่ ไปหักคอแม่ค้ามาได้ประมาณ 2 - 3 ขีด 15 บาทเองค่ะ

สีสวยสะใจจริงๆ ไม่ได้ปรับสีเลยนะ

อีกภาพหนึ่งใกล้ๆ สวยมากจนไม่น่าเชื่อว่ากินได้


เห็นบางที่เขาบอกเอาไปลวกจิ้มน้ำพริก เอ....แต่ละดอกมันก็ไม่ใหญ่นะ เล็กๆ ย่อยๆ ทั้งนั้น เอามาผัดไข่ดีกว่าค่ะ อร่อยไม่เลวเหมือนกัน

เครื่องปรุง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำปลา/ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมบุบ 2 - 3 กลีบ
น้ำมันพืช 2 - 3 ช้อนโต๊ะ


ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันพืช ร้อนดีแล้วใส่เห็ดลงไปก่อนเลยค่ะ รอจนเห็ดสุกดีหรือเกือบๆ สุก ใส่ซีอิ๊วขาว/น้ำปลา แล้วก็ใส่ไข่ ยีให้ทั่ว สุกแล้วยกลงหม่ำเลย

แค่นี้เอง เสร็จแล้ว!

น่ากินไหมล่ะ ? สุกแล้วยังสีสวยไม่เปลี่ยน กรุบดีค่ะ เห็นว่าเบต้าแคโรทีนสูงมาก ต่อต้านอนุมูลอิสระดี

อะไรก็ดีหมด แต่หาซื้อยากมาก ต้องอุ๊บอิ๊บไว้ไม่ให้ชาวบ้านรู้ว่าถ้าขึ้นเหลาแล้วมันแพง ไม่งั้นขึ้นราคาแพงมากๆ เราก็ไม่มีปัญญาซื้อ

ไม่รู้คนอื่นจะชอบกินเหมือนฉันหรือเปล่า ? อยากจะให้มันกลายเป็นเห็ดเศรษฐกิจเพาะเลี้ยงได้เหมือนพวกเห็ดเฟือง เห็นเป๋าฮื้อ หรือเห็ดนางฟ้าจังเลย จะได้มีของอร่อยๆ กินบ่อยๆ




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2549    
Last Update : 28 สิงหาคม 2549 17:58:29 น.
Counter : 2631 Pageviews.  

FTA กับชีวิตคนไทย

ช่วงเดือน – 2 เดือนมานี่ เป็นเทศกาลประชุม สัมมนา ฝึกอบรม วางยุทธศาสตร์ แผนงาน ฯลฯ เพื่อรอรับปีงบประมาณใหม่ เหนื่อยมาก กับการตระเวนนอกออฟฟิส แล้วต้องมานั่งสะสางรายงานการประชุม ฉันเองก็ถือหลัก ความในไม่นำออกในฐานะ Government authority แต่เรื่อง FTA นี่อดไม่ได้ ขอเมาท์หน่อยเหอะ เพราะ FTA มาจ่อคอหอยคนไทยแล้ว แต่เรายังไม่ค่อยจะเข้าใจมันสักเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบเต็มๆถึงขั้นการเกษตรกรรมบางอย่าง อาจจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยไปเลย

FTA คืออะไร ? ก็คือเขตการค้าเสรีน่ะสิ ต่อไปสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ Sensitive lists จะมีภาษีเป็น 0% ก็คือ ในฐานะคนซื้อ สินค้าบางอย่าง จะถูกลง ส่วนกิจการภายในประเทศถ้าขายแพงกว่า เตรียมตัวเจ๊งได้เลย

ไปก่อนแล้วรายแรก คือ กระเทียม ต่อไปนี้ กระเทียมในประเทศไทยจะสูญพันธุ์แล้วนะคะ เลิกปลูกไปเลย น้ำพริก แกงคั่วทั้งหลาย คงต้องใช้กระเทียมพม่าหรือจีนกันแล้ว เสียดายไหมคะ ? ส่วนเกษตรกรไทยผู้ปลูกระเทียม ไม่ต้องห่วงค่ะ รัฐเตรียมแผนงานส่งเสริมให้ไปปลูกอย่างอื่นแทนแล้ว และรายต่อไปที่จะโดนเชือดคือ กาแฟ

จ่อคิวถัดมาคือ สินค้าประมง .... วันที่เข้าประชุม คือเป็นการเข้าประชุมรับมือกับ FTA ในส่วนของสินค้าประมง จัดโดยภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

เอกชนเองก็ยังไม่ค่อยรู้ตัวดีเลยว่า ถ้าเปิด FTA ปัญหาที่ตนเองจะประสบคืออะไร ? แต่รู้อย่างเดียวว่า คนไทยอาจจะหันไปกินปลานอกมากกว่าปลาไทย เพราะปลานอกจะราคาถูกกว่า เขาบอกว่าทุกวันนี้แค่ปลาซาบะเข้ามาตีตลาดก็แย่แล้ว ต่อไปถ้าเปิด FTA ปลาแซลมอลจากกิโลละหลายร้อย คงจะลดลงมาเหลือกิโลละร้อยกว่าบาท คนไทยจะแห่กันกินปลาแซลมอลจนปลาไทยเจ๊งระเนระนาด คนเลี้ยงปลาอาจจะทำตัวเป็นอาหารปลาซะเอง

ฟังแล้วงงๆ ในฐานะนักกินคนหนึ่ง ก็ยังนึกไม่ออกเลยว่า ผองเราชาวไทยบริโภคปลาซาบะและแซลมอลเป็นอาหารหลักกันแล้วหรือ ? ความจริงแล้วอยากไปตั้งโพลถามชาวประชาให้หายคันหัวใจว่า ถ้าให้เลือกระหว่างปลาแซลมอลกับปลาดุก/ ปลาช่อน/ปลานิลย่าง เราจะกินปลาอย่างไหนมากกว่ากัน ?

อย่างน้อยกินปลาแซลมอลหรือปลาดุกแกล้มส้มตำ คงไม่แซบ ปลาแซลมอนกินบ่อยๆ ก็เลี่ยนเหมือนกันนะ(โว้ย) สุกแล้ว เนื้อแข็ง สาก ไม่นุ่มลิ้นเลย ต่างจากปลาไทยหรือปลาน้ำจืดเขตร้อนลิบลับ กินได้ทุกมื้อ

เอาล่ะ เมื่อรับทราบปัญหาภาคเอกชน ภาครัฐของเราก็บอกให้ใจเย็นๆ ซึ่งความจริงแล้ว เรามีเงินช่วยเหลือเกษตรกรอยู่ก้อนหนึ่ง พร้อมจะให้ แต่ขอให้ทางภาคเอกชนทำแผนงานและโครงการมาให้ชัดเจน และโดยด่วน เรายินดีเป็นพี่เลี้ยงในการเขียนโครงการ เพราะ FTA จะเริ่มในปี – 2 ปีนี้แล้ว เนื้อหาโครงการนั้น ตัวอย่างเช่น คิดว่าปลาเศรษฐกิจชนิดใดจะได้รับผลกระทบโดยเด่นชัด บอกชื่อมาเลย และสาเหตุของปัญหาในการที่ไม่สามารถแข่งขันได้คืออะไร ? ปะเหมาะเคราะห์ดี จะได้อยู่ในพวก Sensitive List ไม่ต้องลดภาษีให้เหลือ 0% ก็ได้

แต่ปัญหาที่น่าเอามาขบคิดว่า ทำไมสินค้าที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาขายในไทย ทำไมมันขายได้ถูกกว่าที่ผลิตในประเทศ ? การผลิตของไทยมันมีปัญหาอะไรถึงนอนอยู่กับบ้าน ก็ยังสู้เขาไม่ได้ ? หรือทำไมเราปล่อยให้สินค้านอกเข้าประเทศง่ายจัง ? เราไม่มีมาตรการอื่นที่ไม่ขัดกับ FTA ปกป้องเศรษฐกิจภายในประเทศเลยเรอะ ?! แล้วประเทศที่เจริญแล้วเขาทำได้ยังไง ?

คำถามสุดท้ายฉันพอตอบได้ เพราะทำด้านการส่งออกอยู่
การปกป้องเศรษฐกิจภายในประเทศที่ประเทศที่เจริญแล้วเขาทำกัน คือ มาตรการปกป้องผู้บริโภค เขาไม่เก็บภาษีก็จริง แต่เขาตั้งกำแพงมาตรฐานสินค้าไว้สูงมาก บางที สูงกว่าสินค้าภายในประเทศเขาด้วยซ้ำ เป็นการกรองสินค้าไม่ให้ล้นทะลักเข้าประเทศเขา และกันไม่ให้สินค้าห่วยๆ ที่สามารถดัมพ์ราคาขายได้ถูกๆ เข้ามาตีตลาดได้ เพราะสันดานผู้บริโภค คุณภาพเอาไว้ทีหลัง ขอของถูกไว้ก่อน ยกตัวอย่างให้ดูเล็กน้อย

- คุณรู้หรือไม่ว่า ความจริงแล้วตาชั่งแบบสปริงกำลังจะหมดไปจากประเทศไทย เพราะมาตรฐานอะไรสักอย่างนี่แหละ พัวพันกับการกำหนดราคาทอง เออ.. ช่างเถอะ เดี๋ยวเรื่องยาว พ่อค้าแม่ค้าจะต้องเปลี่ยนไปใช้ตาชั่งดิจิตอล 2 ตำแหน่ง แต่ปัญหามีอยู่ว่า ตาชั่งแบบนั้นมันแพงมาก ที่เห็นพอขายถูก ก็จะมีแต่จีนแดง ตาชั่งของจีนความจริงมีมาตรฐานสูงมาก เพราะผ่านขั้นตอนการตรวจมาตรฐานอย่างตามหลักวิชาการ แต่ขอโทษ ตาชั่งทำส่งออกขายต่างประเทศ ไม่ผ่านการตรวจมาตรฐานนั้นนะยะ !

- ทาง EU มีความเข้มงวดเรื่องยาตกค้างในอาหารมาก เจอสินค้าที่มียาต้องห้ามตกค้างอาจจะถูกทำลายทิ้งโดยไม่ส่งคืน วันดีคืนดี ฑูตเกษตรเราแอบเก็บอาหารจากตลาดภายในประเทศของ EU ส่งมาตรวจที่ห้องแลบในไทย อู้ย... ยาต้องห้ามเกินมาตรฐานอื้อเลย งานนั้น EU มารู้เรื่องเข้า ประท้วงกันวุ่นวายว่าเราไปยุ่งกับกิจการภายในของเขา ?!
แล้วบ้านเราสินค้านำเข้าเราทำกันยังไง ? ฉันก็ไม่รู้ .... แต่ก็รู้พอๆ กับภาคเอกชนว่า สินค้าจีนมาถึงเชียงรายเมื่อวาน เช้านี้กระจายเต็มหาดใหญ่ซะแล้ว ?!?! แสดงว่า สินค้าจากประเทศอื่นล้นทะลักเข้าไทยโดยสะดวก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำอะไรอยู่ ? (มัวแต่ไปไล่จับแม่ค้าในตลาด หรือไม่ก็อยากเปลี่ยนมาทำด้านส่งออกแทน หึ...หึ...^^”)

งานนี้การประชุมจบลงด้วยความมึนๆ แต่อย่างน้อยภาคเอกชนก็พอจะมองอะไรเห็นว่า จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจพบกับอะไรต่อไป ส่วนภาครัฐ ถ้านโยบายไม่เปลี่ยนแปลง ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าเทวดาที่ไหนจะมาเป็นนายกฯ ทุกคนคงทราบแล้วว่า การทำ FTA ไม่ใช่เพิ่งมาทำในรัฐบาลปัจจุบัน แต่ทำต่อเนื่องกันมานานตั้งแต่รัฐบาลพรรคขวัญใจคนกรุงเทพฯแล้ว การลดภาษีได้ทำการลดลงเรื่อยๆ ทุกปีและมันจะเป็น 0% ในปี – 2 ปีนี้นั่นเอง

เราไม่เอา FTA ได้ไหม ? คำตอบคือ “ไม่ได้” พร้อมไม่พร้อม มันก็ต้องเริ่มแล้ว เป็นผลพวงจากการจำนำประเทศตอนถังแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าไม่ทำตามจะโดนตบปรับเข้าไปอีก อย่างอินโดนีเซียโดนไปแล้ว 120 ล้าน

ถึงไม่เจอ FTA เราก็ต้องเข้า WTO อยู่ดี ซึ่งเงื่อนไขก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แง่ดี WTO คือ ช่วยยืดเวลาหายใจออกไปได้อีกสักพัก เว้นเสียแต่ เราวางนโยบายปิดประเทศแบบพม่าหรือเกาหลีเหนือ ไม่คบค้าสมาคมกับใครไปเลย ? หรือเป็นประเทศยิ่งใหญ่ไม่ง้อใครอย่างอเมริกาหรือ EU ? หรือไม่ง้อเงินตราต่างประเทศ ?

ทำได้ไหม ? ปลูกผัก ปลูกข้าว เลี้ยงปลา ทอผ้ากันเลี้ยงกันในครัวเรือนไปตามประสา

ถ้ามองในแง่ดี ผู้บริโภคอย่างเราก็จะได้บริโภคของที่ราคาถูกลงและมีให้เลือกมากขึ้น อย่างเช่นผักผลไม้เมืองหนาวจากจีน ที่เชอร์รี่ลูกแดงๆ หวานๆ จากโลละเกือบๆ 500 บาท อาจจะเหลือละ 100 กว่าบาท (โอ้... ฝันหวาน) แต่ผู้ผลิตในประเทศอาจจะต้องมองหาอาชีพใหม่ ?

โลกนี้คือการแข่งขัน โชคดีประเทศไทย.




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2549    
Last Update : 1 สิงหาคม 2549 8:05:08 น.
Counter : 687 Pageviews.  

1  2  3  

Pride
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฮู้.... กว่าจะใช้ blog เป็น (คิดว่านะ) ต่อไปนี้ จะพยายาม update เรื่อยๆก็แล้วกัน ส่วนเนื้อหา .... คาดว่าจะจับฉ่าย ส่วนของ Let's talk ก็เรื่องสัพเพเหระ , secret window ก็จะเป็นเอ่อ.... อะไรที่มัน Y หรือ Homo นะ เพราะชอบอ่านการ์ตูน Y นิ เพราะฉะนั้น ไม่ชอบอย่า click เข้าไป ส่วน comic talk ก็เป็นการ์ตูนที่กำลังอิน หรือกำลังอ่านอยู่ค่ะ
Friends' blogs
[Add Pride's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.