All Blog
ได้ไปแล้วนะ ญี่ปุ่นน่ะ ภาคปฏิบัติ ตอน 6
Day5 - Kawaguchiko-Tokyo


วันนี้ตื่นเช้ามาโผล่หน้าออกไปดู ฮ่าๆๆ ฝนเจ้ากรรมยังไม่หยุดตกเลยล่ะ
เฮ้อ...เซ็งอย่างแรง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เราก็เลยลงมาหม่ำข้าวกันก่อน
ตรงร้านอาหารมี internet ให้เล่นด้วยนะ เราเลยส่ง e-mail บอกเพื่อนหน่อยว่าให้แจ้ง
พระมารดาว่าอิฉันยังสบายดี ไม่หายไปไหน ติดแค่ว่าโทรศัพท์ไม่เป็นกะมือถือไม่มี 3G จ้า

หลังจากนั้นก็ไปหม่ำอาหารเช้า อร่อยนะ 500Y ได้ขนมปังปิ้ง กาแฟ และผลไม้
ก็ช่วยอุดหนุนเค้าหน่อย คุณเจ้าของโรงแรมก็ลงมือทำอาหารเสิร์ฟเราด้วยตนเองเลยล่ะ

ห้องพัก สไตล์ญี่ปุ่น




อ่างอาบน้ำสไตล์ญี่ปุ่น




อาหารเช้า... จากคนญี่ปุ่น




และหลังจากนั้น ฝนก็ยังตก และตกหนักไปเรื่อยๆ เราก็ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนี่นา
มาทั้งทีก็ต้องออกไปซะหน่อยดีกว่า ก็เลย ข้ามถนนไปที่สถานีรถไฟ ซึ่งมันจะผสมทั้งรถไฟและรถบัสในที่เดียวกัน ไปซื้อดั๋วรถ Retro Bus ที่จะพาเที่ยวชมทะเลสาบแบบไม่อั้น ถ้าจำไม่ผิด ราคาอยู่ที่ 1200 Y มั้ยหว่า แต่ก็ประมาณนี้แหละ ซื้อแล้วก็รอขึ้นรถ ฝนก็ยังไม่หยุดตกเลยนะ ได้ร่มมาจากโรงแรมคนละคัน สงสัยว่าจะได้ใช้แน่นอน ฮ่าๆๆ เราก็นั่งชมวิวในรถไป ที่นี่คงเป็นที่พักตากอากาศนะ โรงแรมเยอะแยะ และ มีกิจกรรมทำเพียบ ทั้งโรงละคร สวน พิพิธภัณฑ์ อะไรพวกนี้อ่ะ แต่แบบบรรยากาศแบบนี้ก็ไม่รู้จะไปไหนไง
ฮ่าๆๆ เราก็เลยลงที่ร้านที่เค้าขายของที่ระลึกนะ เดินรอเผื่อจะเห็นฟูจิซังอ่ะ แต่ฝนมั้นก็ไม่หยุดตกซักกะที เลยซื้อหนมกลับบ้านก็แล้วกัน ได้เป็นสตรอเบอรรี่จุ่มช็อกโกแลตขาว กะ ชอกโกแลตราสเบอรี่

และเดินวนไปมาๆๆ จนน้องคนขายเค้าน่าจะสงสาร เพราะเราก็ถามเค้าจังเลยว่า จะเห็นฟูจิซังจากตรงไหนบ้าง อิอิ เค้าบอกว่าถ้าอากาศดีๆ จะเห็นจากร้านเค้าน่ะ ชัดเลยยย ฮ่าๆๆๆ แต่..หมอกลง ซะหนาขนาดนั้น จะมองเห็นไรเล่า เพื่อเป็นการปลอบใจ เค้าเลยหยิบโปสเตอร์ฟูจิซังให้เราคนละใบ บอกว่าเป็นของขวัญนะ ฮือๆๆๆ ดีเจยมากๆ เดี๋ยวจะเอามาแปะฝาบ้าน หลังจากนั้นเลยออกไปนั่งรอรถ Retro รอบถัดไปมา ก็ได้แอบถ่ายรูปแถวๆ นั้นมาบ้าง เฉอะแฉะกันตามประสา

อันนี้รูปรอบๆ ที่ยืนรอรถ Retro มารับ

















หลังจากนั้ยรถก็มารับเรากลับโรงแรม เช็กเอาท์ และกลับมารอรถสายฟูจิ เอกเพรส ที่นั่งรอก็สบายๆ มีมินิมาร์ทให้ด้วย เค้าทำสถานีเป็นแบบ retro ดี น่ารักดีแฮะ แต่ฝนก็ยังต๊ก ตก ตก ไม่หยุดเลย


อันนี้โรงแรม kawaguchiko station Inn คืออยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย แจ๋วมาก






รถไฟสายฟูจิ เอ็กเพรส น่ารักอ่ะ






ข้างในรถไฟ มีที่นั่งหลายแบบ มีเป็นห้องๆ ด้วยนะ



และรถไฟสายอื่นๆ ในชานชาลา





ได้เวลาเราก็ขึ้นรถไฟ โอ๊ะ โอ..... ตอนขากลับนี่ยังสว่างนะ ทำให้เราเข้าใจแล้วว่าทำไมรถไฟสายนี้เค้าถึงทำเป็นแบบ wide window อ่ะ เพราะวิวข้างทางสวยมากกกกกกก จริงๆ สวยมากๆๆ เลย
ที่จริงเราสามารถนั่งรถบัสกลับชินจูกุได้ในเวลา 2 ชม. กว่าๆ ราคา 1700Y แต่ถ้านั่งรถไฟสายนี้ไป Otsuki เนี่ย 1300Y แบบ Rapid และ 1000Y แบบธรรมดานะ ถ้ามีเวลานั่งรถไฟดีกว่า สวยมากๆ จริงๆ นี่ขนาดอากาศขมุกขมัวนะ และใบไม้ยังไม่แดงเต็มที่ เรายังดูว่ามันสวยมากก ขนาดพี่ฝรั่งที่นั่งมาด้วยกัน พอรถไฟผ่านวิวสวยๆ นะ พี่แกรีบลุกขึ้นมาถ่ายรูปแทบไม่ทัน คุณลุงชาวญี่ปุ่นอีกคนเนี่ยนั่งซุ่มถ่ายวิดีโอเงียบๆ อยู่ตลอดทางเลย ส่วนเราก็แวบๆ ถ่ายไปเรื่อยๆ นั่งดูไปเรื่อยๆ สวยจริงๆ ยังนึกเลยว่า ถ้าเมืองไทยเราทำรถไฟตัดผ่านพวกขุนแม่ยะ หรือ หุบเขาสวยๆ นะ เราว่าสวยไม่แพ้กันจริงๆ

ปล. เมื่อคืนดูทีวีช่อง NHK เค้ายังบอกเลยว่าถ้าใบไม้แดงที่คะวะคุจิ หรือ อาโอโมริ จะสวยยยมากกก จริงของเค้านะ















หลังจากนั่งดื่มด่ำความงามประมาณ 30 นาที ก็ถึงสถานี Otsuki เราก็รอจับรถไฟสายที่ reserve Seat ของ JR ไว้แล้ว รถคันนี้ก็เป็นรถสายเพื่อการท่องเที่ยวเหมือนกันแน่เลย นั่งสบายมากและจดแค่ 2 ป้ายก็ถึงชินจูกุเลยแหละ

ตรงชานชาลา 5



เราว่าการตกแต่งสถานีออกจะดูบ้านนอกเล็กน้อย ;)



พอรถเริ่มเข้าตัวเมืองโตเกียว เราก็เริ่มสัมผัสกับ ความเจริญ และ คนๆๆๆๆ เพียบๆๆๆ ของเค้าจริงๆ แบบว่าเคยชินกับบ้านนอกมานาน พอเข้าโตเกียวก็รู้สึกหงุดหงิดกับคน เป็นโรคเมาคนหมู่มากอยู่แล้ว ก็เลยนะ แต่ก็มุ่งมั่น เรามาถึงประมาณ บ่ายสอง บ่ายสาม อันดับถัดไปที่จะไปคือต้องไปหาที่พักคือ House Japan At Ikebukuro ได้ติดต่อไว้ก่อนหน้า และ ได้ลองเข้า google map เพื่อตามหาทางเดินเข้าที่พัก ขอบอกว่ามัน สุโค่ยมากจริงๆ

เพราะว่าหลังจากที่เราต่อรถสาย Yamanote Line จากชินจูกุไป Ikebukuro แล้วและพยายามหาทางออกทางห้าง Tobu และดินตรงๆไปเรื่อยๆ จะสังเกตเห็น MOS Burger กะร้าน Ministop อยู่ฝั่งตรงกันข้าม แสดงว่า ใกล้ถึงแล้ว ปากทางก็มีป้ายบอกทางเข้าที่พักเล็กๆ สีน้ำเงิน เป็นซอยเล็กๆ
เข้าไปจะเจอกับป้าเช็ง (อ่ะ เรียกงี้แล้วกันนะ) เราเช่าแบบเป็นห้อง annex suit นอนได้ 4 คน ป้าก็พาไปมันอยู่อีกซอยใกล้ๆ กัน เข้าไปแล้วก็ OK มากๆๆ สำหรับราคาค่าเช่าเท่านี้ เพราะมีห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องส้วม 1 ห้อง ครัวเล็กๆ มีไมโครเวฟ โต๊ะกินข้าว กาน้ำร้อน ชา กาแฟ ขนมปัง เนยและแยมในตู้เย็น ส่วนห้องนอนมีคอมพิวเตอร์พร้อมอินเตอร์เน็ตให้ 1 เครื่อง ทีวี 1 เครื่อง พร้อมนาฬิกาปลุก และที่นอนเป็นแบบญี่ปุ่นคือเป็นฟูกนอน อุ่นๆ มีแอร์หรือฮีทเตอร์ให้อีก 1 เครื่อง แค่นี้ก็รู้สึกประทับใจแล้วล่ะ เพราะว่าราคา 3000Y/คน/คืน กลางเมืองหลวงที่ค่าครองชีพสูงติดอันดับต้นๆ ของโลกอ่ะ ได้แค่นี้ก็ดีโขละ แต่ติดที่อยู่ตรง IKEBUKURO มันเป็นสถานีใหญ่ก็จริง แต่เวลาจะเที่ยวนอกเมืองมันจะต้องนั่งรถไปต่อที่ชินจูกุ หรือ อุเอโนะอีกทีนึง ไม่ได้เป็นต้นสาย แต่เราว่าก็ดีนะ สถานีคนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าพวกสถานีใหญ่ๆ พวกโน้นน่ะ และรถไฟที่นี่ก็สะดวกสบายมากๆ อยู่แล้ว ก็เลยว่า เป็นสถานที่พักที่คุ้มค่าและน่ารัก สบายกระเป๋าจ้า


ห้องนอน


ห้องหม่ำข้าว



ทางเข้าห้อง



หลังจากนั้น เราก็เปลี่ยนแผน(กันอย่างกระทันหัน) เพราะมาถึงก็บ่าย 3 แล้ว ว่าจะไป ODAIBA ก็นะ เสียตังค์เพิ่มอีก 800Y ทั้งๆ ที่ JR ยังใช้ได้ เลยเปลี่ยนแผนไป Tokyo Metropolitant Building แทน นั่งรถ Yamanote Line ไปลงสถานี Shinjuku แล้ว ไหลตามคน พร้อมๆ กับอ่านป้ายไปเรื่อยๆ จะหารถบัสที่พาไปตึกนี้ได้ง่ายมากๆ ค่ารถไปประมาณ 230Y ก็ถึงตึก แล้วก็เดินๆ ตามไป จะมีเจ้าหน้าที่พาเราขึ้นไปชั้นสูงๆ (จำไม่ได้แล้วล่ะว่าชั้นที่เท่าไหร่) จะมีเป็นจุดชมวิว ฟรี ได้แวะถ่ายรูปเมืองโตเกียวยามค่ำคืน สวยดีนะ เราว่าถ้ามาให้แวะมาตอนหัวค่ำท่าจะดีกว่า ข้างบนมีร้านขายของที่ระลึกเพียบ ตู้กดไข่ ก็เพียบ ก็เดินชมตามอัธยาศัย

วิวๆๆ



วิว



และวิว



ขากลับตอนลงมาจะมี Tourist Information ครือว่า MAP และ GUIDE BOOK เยอะมากกกก แยกเป็นเมืองๆ หรือเป็นตามแหล่งท่องเที่ยวให้แบบละเอียดมากเลย ถ้าใครมาโตเกียว วันแรกให้แวะมาที่นี่ก็น่าจะดีที่สุด เพราะข้อมูลเยอะและครบครันมาก บางทีอาจจะทำให้เปลี่ยนแผนได้ เพราะ อย่างโบร์ชัวร์ของอาซาคุสะนะที่เราได้มา มี Guide หลายแบบให้เที่ยว อยากเที่ยวแบบ Culture หรือ Shopping หรือ Sighseeing พี่แกทำมาให้หมดเลย น่าแวะมากๆ นอกจากเขตต่างๆ ในโตเกียวแล้วก็ยังมีเมืองที่ใกล้ๆ เช่น โยโกฮามะ และอื่นๆ ด้วย และมี Map รถไฟใต้ดินแบบใหม่ๆ ที่ update ด้วยนะ แต่เราว่าไม่ต้องไปซีเรียสมาก เพราะอาศัย Hyperdia หรือ นั่งแค่ Yamanote Line ก็สนุกแล้วเราน่ะ


หลังจากสอยโบร์ชัวร์กันเรียบร้อย แล้ว เราก็นั่งรถบัสกลับสถานี Shinjuku เช่นเดิม แล้วนั่ง Yamanote ไปส่อง Tokyo Tower ช่วงที่เราไปประมาณ 6 โมงกว่าๆ เริ่มจะมืดแล้ว และขึ้นรถไฟก็จะเริ่มได้สัมผัสกับช่วงใกล้ๆ peak ของจริง คนเยอะมากกกกก เริ่มเมาคน ดีนะที่ได้นั่ง เลยบอกกับหมู่สมาชิกว่าคงจะไม่โผล่หัวมาขึ้นรถไฟช่วงนี้เด็ดขาด เจ๊เดือดบอกว่า ถ้าเป็นช่วงเย็นรถไฟจะไม่แน่นเท่าช่วงเช้า เพราะคนญี่ปุ่นมักทำงานหนักและเลิกดึก อาจจะค่อยๆ ทยอยกันกลับบ้านมากกว่า แล้วมีเม้าท์คนญี่ปุ่นที่ทำงานเล็กน้อย พอขำๆ เหอะๆ แค่ช่วงนี้ เราก็ว่าเริ่มแน่นจนน่าอึดอัดแล้วนะเนี่ย ไม่อยากคิดถึงช่วงเช้าเลยว่ามันจะขนาดไหนเนี่ย


เรานั่งรถไฟไปหลายป้าย และหมายตาว่าจะลงสถานีที่ถึงก่อนสถานี Tokyo 1 สถานี เพราะเจ๊เดือดว่าถ้าลงสถานีโตเกียวอาจจะหลงกว่าจะหาทางออกได้ เลยลงสถานีนั้นแล้วก็เดิน เอาดีกว่า แต่ดีนะ พอลงจากสถานีแล้วก็มีป้ายบอกว่าไป Tokyo Tower ให้เดินออก exit ไร แสดงว่ามีคนใช้เยอะ พอออกมาจากสถานีได้ เราก็แค่หันไปมองก็จะเห็นโตเกียวทาวเวอร์อยู่ไกลๆ ฝนก็ตกเปาะแปะๆ แต่ก็นะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็เดินมุ่งหน้ากันต่อไป ช่วงนั้นคนเลิกงานกันพอดี ตามร้านขายพวกอาหารปิ้งย่าง เนี่ย คนเยอะมาก และที่ญี่ปุ่นเนี่ยสิงค์อมควันขนานแท้ เดินๆ ไปทุกๆ บล็อกของถนนจะเต็มไปด้วยตู้ขายบุหรี่อ่ะ เยอะจริงๆ เราก็เดินๆๆๆ ไปน่าจะประมาณ 700 เมตรน่าจะได้ แต่ไม่ค่อยเหนื่อยเพราะมันฝนตกอากาศเลยชุ่มฉ่ำมากกกก เจอศาลเจ้าที่อยู่ใกล้ๆ ของโตเกียวทาวเวอร์ แอบถ่ายรูป แต่ไม่ค่อยชัดเลย เพราะมันมืดมากกก แต่คิดว่าไปถ่ายตรงใต้ตึกมันจะเห็นไม่หมดนี่น่า เลยคิดไว้ว่าขากลับน่าจะแวะมาถ่ายที่ศาลเจ้าอีกที ไปถึงที่โตเกียวทาวเวอร์ ช่วงนี้ใกล้คริสต์มาสมีการประดับประดาของไว้เยอะแยะ เตรียมต้อนรับเทศกาล เราก็แวะถ่ายๆ รูป แต่ไม่ได้ขึ้นตึกไปชม เพราะชมมาจากตึก metro แล้ว คงพอเพียงนะ ขากลับก็แวะศาลเจ้าถ่ายรูปอีกที

ถึงแว๊ว...





และ สองรูปสุดท้าย ถ่ายกันตรงทางเข้าศาลเจ้า มืดตื๋อกันเลยทีเดียวเชียว





ไว้วันอากาศดีๆ ค่อยแวะมาเยี่ยมใหม่นะ คุณโตเกียวทาวเวอร์

และแล้วคณะเราก็แวะ am pm และ minimart เกือบทุกแห่งที่ผ่าน เผื่อซื้อของไปทำกินที่ห้อง แต่ก็ไม่ค่อยมีไรน่าสนใจนัก ก็เลยนั่งรถกลับ Ikebukuro และเดินลงไปที่ food center เห็นเค้ามีขายของกินลดราคา ก็แวะซื้อๆ หลายๆ อย่าง ข้าวกล่อง ผัก และปลาทอด เอามาหม่ำกัน แต่ขอบอกว่า อาหารรสชาติคนญี่ปุ่นจริงๆ เนี่ย จืดชะมัดเรยย ฮ่าๆๆ พอดีเราพกแกงไตปลาแห้งไป เราเอามาคลุกข้าวกิน พอกล้อมแกล้มไปได้หน่อย หย่อยดี ต้องขอบคุณพระมารดามาไว้ ณ ที่นี้ด้วย

หลังจากนั้นก็อาบน้ำเสร็จ ก็คร่อกฟี้ หลับกันเป็นตายเลย



Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2553 23:58:56 น.
Counter : 1213 Pageviews.

1 comments
  
โตเกียวเค้าว่ากันว่าจะสวยตอนกลางคืน
โดย: happinessUP2 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:26:30 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

m-e-e-n-a
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ชอบกิน
ชอบวิ่ง
ชอบว่ายน้ำ
ชอบทำอะไรก็ได้ให้เอนโดรฟีนหลั่ง
ชอบถ่ายรูป
ชอบออกเดินทาง
ชอบหลายอย่าง บางอย่างทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อยากทำ

อิสระของชีวิต ไม่ใช่เพราะมีเงินเพียงพออย่างเดียว
เราต้องมีเวลาให้กับของกินที่มีประโยชน์ ทำประโยชน์ให้กับสังคม สังสรรค์เฮฮากับเพื่อนดีๆ ออกเดินทางค้นหาคำตอบของชีวิต ดูหนัง ฟังเพลง เสพงานศิลป์ เพื่อความรื่นรมณ์อีกด้าน และที่สำคัญมีเวลาใส่ใจกับคนในครอบครัวของเราด้วย ทำอย่างนี้ได้เมื่อไหร่.. ชีวิตเราจะสมบูรณ์ที่สุด