== the return of depression economics and the crisis of 2008 ==
the return of depression economics and the crisis of 2008
: Paul Krugman



เล่มนี้ได้มาจากบูทมติชนที่งานสัปดาห์หนังสือเมื่อต้นเดือน พค. สนุกดี ใครชอบเศรษฐศาสตร์มหภาค ก็ซื้อมาอ่านมาเรียนรู้ได้ โลกใบนี้อยู่ได้ด้วยทฤษฎี ซีโรซัมเกมส์ มีการโจมตีค่าเงินบาท มีการจ้องเอาผลประโยชน์จากผู้อื่น

เศรษฐกิจตกต่ำผ่านมาหลายรอบ จนกระทั่งต้มยำกุ้งและ แฮมเบอร์เกอร์เน่า (อิอิ) ตอนนี้ก็ยังลูกผีลูกคน ยุโรป ดูท่าจะทรุดลงๆ ล่าสุด เศรษฐกิจหดตัวซะงั้น แต่เข้าใจว่่า เนื่องจากเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไขยาก พี่มะกันก็ยังเอาตัวไม่ค่อยรอด จีนเองเท่าที่ดู คือเศรษฐกิจไปได้ดี แต่คุณภาพของคนยังไม่โอเค(ใครเคยไปจีน คบกับคนจีนก็จะรู้ว่านิส้ยค่อนข้างจะชอบเอาเปรียบคนอื่น หัวหมอว่างั้น) ก็ต้องจับตามองกันต่อไป แต่เรียนรู้อดีตไว้ไม่เสียหาย อนาคตยังไงก็ต้องใช้ความรู้ในอดีตมาช่วยต่อนั่นแหละ

บางคนก็บอกว่า ทฤษฏีของเคนส์ตามที่ครุกแมนนำเสนอยังไม่ดีพอ มาตรการ QE จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน อันนี้ก็ตามดูกันต่อไป

เมื่อก่อนเราชอบคิดว่ามันจะเป็นยังไง แต่ด้วยปัจจัยหลเายอย่างเหลือเกินในระบบเศรษฐศาสตร์มหภาค ทำให้ไม่คิดดีกว่า ของพวกนี้ตามดูกันไป แก้ปัญหากันไปเรื่อยๆ เหมือนตลาดหุ้นยากจะคาดเดา แก้ปัญหาวันต่อวันน่าจะดีกว่า





Create Date : 05 มิถุนายน 2556
Last Update : 5 มิถุนายน 2556 16:15:56 น.
Counter : 2666 Pageviews.

0 comment
== Deluxe: How Luxury Lost Its Luster ==
Deluxe: How Luxury Lost Its Luster




เล่มนี้ได้มาด้วยความบังเอิญ สุดๆ ไปเดินเล่นที่ซีเอ็ด เอาเงินไปนิโหน่ย เพราะไปซื้อขนมกิน ด้วยความสงสัยใครรู้เพราะ ในวัยกลางคน(เอิ้กๆ) เยี่ยงเรานี้ เพื่อนสาวๆ เราหลายๆ คนชอบซื้อสินค้าแบรนด์เนมกันมากมาย เราเคยสัมผัสแค่ 2-3 หนตอนไป มิวนิคที่เยอรมันกับ ไปถอยหลุยส์ วิตตองให้เพื่อนสาวที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศส อยากรู้จริงจังว่าทำไมมันราคาแพงได้ใจ(สำหรับชนชั้นกลางๆ เช่นเรา) เราสัมผัสแอร์เมสใบละแสนห้า กับสามแสนมาแล้ว ดูไม่เป็น 555 ว่ามันแตกต่างอย่างไร

หนังสือเล่มนี้ทำให้หัวสมองน้อยๆ ที่มีความรู้เรื่องแบรนด์เนมน้อยมากๆ ของเราเข้าใจใสกระจ่างเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสินค้าพวกนี้ ต้นกำเนิดเป็นยังไง ลายโมโนแกรมของหลุยส์ วิตตองมายังไง สินค้าที่ผลิตชิ้นแรกของวิตตองเพราะอะไร ทำไมน้ำหอมชาแนลถึงเป็นนัมเบอร์ไฟว์ รองเท้าไฮโซคู่ล่ะ สองสามหมื่นมาจากไหน มันเป็นเรื่องของคนรวยและอยู่ในสังคมชั้นสูงจริงๆ ถึงจะสามารถเป็นเจ้าของสินค้าเหล่านี้ได้ในอดีต

แต่โลกเปลี่ยนไป มากๆ ปัจจุบันอุตสาหกรรมพวกงนี้เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ เจ้าของแบรนด์เดิมๆ พวกนี้ไม่ได้เป็นคนบริหารอีกต่อไป บางแบรนด์ก็ระดมทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและสร้าง outlet shop แพงแสนแพงเพื่อยกระดับแบรนด์ จีนเข้ามามีบทบาท้เป็นฐานการผลิตของสินค้าเหล่านี้มากขึ้น กำไรของแบรนด์พวกนี้ 10-13 เท่าของต้นทุน

ใครสนใจเบื้องหน้า เบื้องหลังของแบรนด์เนมเหล่านี้ แนะนำเล่มนี้ ดีมาก คนแปลแปลเนื้อหาได้ดี คนเขียนข้อมูลแน่นปึ๊ก ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ

ความคิดเห็นส่วนตัว

หลังจากรับรู้เรื่องราวพวกนี้ ไอ้ความอยากลองสินค้าแบรนด์เนมลดลงไปมาก รู้สึกเฉยๆ กับมัน และไม่ได้แอนตี้คนใช้ของปลอมมากเหมือนเมื่อก่อนแต่อย่างใด การตลาดขั้นเทพจริงๆ ของพวกนี้ สุดๆ อ่ะ

ขอบคุณ open book ที่ยังสร้างสรรค์หนังสือดีๆ ให้อ่านในภาษาไทยบ้างไรบ้างนะคะ ยืนยันจะซื้อหนังสือของแท้แน่นอนค่ะ




Create Date : 05 มิถุนายน 2556
Last Update : 5 มิถุนายน 2556 16:03:42 น.
Counter : 2651 Pageviews.

0 comment
== Animal Farm By George Orwell ===



ไม่น่าเชื่อ ว่าลุงเออร์เวล แกจะแต่งเรื่องนี้มาตั้งแต่ 60 ปีที่แล้ว เป็นหนังสือที่สะท้อนการเมืองได้อย่างแสบสันต์มากๆ ได้ทุกระบบ โดยเฉพาะระบบสังคมนิยม คนเราบางครั้งอยู่ภายใต้ระบบด้วยความหวาดกลัว จากคำพูดอันสวยหรูของผู้นำ โดยหารู้ไม่ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร เปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ยิ่งอ่านยิ่งสะท้อนใจ ทุนนิยมหรือประชาธิปไตยอย่างเราในปัจจุบัน บางครั้งก็มีส่วนคล้ายกับในเรื่องเสียเหลือเกิน

คนเราบางทีเลือกที่จะปิดตา ปิดหู ปิดปาก แล้วเชื่อในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง เราว่าระบบการปกครองแต่ละแบบโดยเนื้อแท้ โดยหลักการ ล้วนแต่ดีและมีประโยชน์ทั้งนั้น แต่มันขึ้นอยู่กับผู้นำ กิเลส และความโลภต่างหากที่ทำให้ระบบไม่เป็นระบบ ระบบการปกครองสำหรับคนหลายคน กลายมาเป็นระบบการปกครองเพื่อคนๆ เดียว หรือหมู่คณะของตน

จิตใจมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้ หยั่งถึง

ปล. หลังจากประทับใจเล่มนี้ ถึงกับไปขวนขวายหา 1984 มาประดับชั้นวางหนังสือกันเลย
ปล.2 ขอขอบคุณสำนักพิมพ์อินดี้ๆ ทางเลือก เช่น สนพ.ใต้ฝุ่น และ สนพ.สมมติ ที่ยังพยายามตีพิมพ์วรรณกรรมที่ทรงคุณค่าพวกนี้มาให้คนด้อยปัญญาอย่างเ ราได้อ่านเป็นภาษาไทยบ้าง อย่าท้อถอยนะคะ จะพยายามอุดหนุนอยู่เรื่อยๆ ค่ะ




Create Date : 13 ธันวาคม 2555
Last Update : 13 ธันวาคม 2555 16:04:51 น.
Counter : 3193 Pageviews.

0 comment
== Cloud Atlas By David Mitchael ==



เราเห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้มาก่อน เห็นลุงทอม แฮงส์ กะ พี่ฮัลลี่ เบอร์รี่ ก็นึกสนุกอยากดู และบังเอิญ หรือไม่ก็จงใจ ที่มีชายหนุ่มผู้แสนดีของเรา มีโอกาสได้ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เราก็ได้มีโอกาสอ่านต่อจากเค้า
หนังสือแปล โดย คุณจุฑามาศ แอนเนียน (สนพ. มติชน) หนาประมาณ 570 หน้า คำนิยมโดย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล

ในเรื่องแบ่งเป็น 6 เรื่องสั้น ขนาดยาว ที่มีดูเหมือนตัวละครเอกในแต่ละเรื่องจะมีบทบาทและความสัมพันธ์กันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ละเรื่องจะเกิดขึ้นในยุคสมัยที่แตกต่างกัน และ สำนวนการเขียน ยอมรับว่า คนเขียนเก่งมากที่สามารถนำสำนวนและวิธีการนำเสนอมาได้ ทั้ง 6 รูปแบบ แต่อ่านแล้วไม่ติดขัดอะไรเลย จะบอกว่าเป็นปรัชญาสะท้อนปัญหาโลก ก็มีบางส่วน บางอย่างก็แนวโรมานส์ แนวสืบสวน หรือแนวผจญภัย ต้องลองอ่านและหาคำตอบดูว่าแต่ละเรื่องอ่านแล้วให้อะไรบ้าง โลกอดีต ปัจจุบัน อนาคต อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม หรือจะมองว่าโลกทั้ง 6 ซ้อนอยู่ในระนาบเดียวกัน ก็เป็นได้ แต่มนุษย์คือตัวการที่ทำให้โลกหมุนไป และจะเป็นยังไงก็สุดจะคาดเดา

อยากจะขึ้นเป็นหนังสือที่ชื่นชอบสำหรับปี 2012 เสียจริง นานๆ จะมีหนังสือที่สร้างความประทับใจให้อิฉันเยี่ยงนี้ อย่าลืมไปหามาอ่านกันนะคะ




Create Date : 13 ธันวาคม 2555
Last Update : 13 ธันวาคม 2555 15:51:27 น.
Counter : 2442 Pageviews.

0 comment
== 1Q84 : Haruki Murakami ===



คุณลุงมุราคามิ เท่ห์จริงๆ หลังจากซื้อเก็บมากว่า 6 เดือน ยังไม่ค่อยได้ว่างอ่าน พออ่านไป แทบวางไม่ลงเช่นเดิม เล่ม 1 อ่านจบภายใน 2 วัน เล่ม 2-3 เราว่ามันขยายความเล่ม 1 เยอะไปหน่อย แต่ก็สนุกอยู่ดี

เรื่องนี้ เป็นเรื่องรักจริงๆ เป็นนิยายรักจังๆ ไม่หวาน ไม่ซึ้งแต่รักแบบซึมๆ น่าีรักๆ ตามสไตล์ของลุงมุราคามิอยู่ดี อ่านไปๆ แทบทุกคืน เราจะลองมองดวงจันทร์ดูซิว่า มี ลอยอยู่ 2 ดวงหรือเปล่า เรื่องก็ไม่ล้ำมาก อ่านไม่ยาก อาจจะมีการเสียดสีสังคมอยู่บ้าง สะท้อนฉากหน้าและฉากหลังในครอบครัว ภายนอกอาจจะดูว่าสวยหรู แต่หลังฉากอาจจะแย่กว่าที่เราคาดเดาก็ได้ บางครั้งเราอาจจะน้อยใจในโชคชะตาว่า ทำไมเราเกิดมาไม่รวย เกิดมาไม่สวย หรือไรอย่างนี้ แต่..บางทีคนรวย บางทีคนสวย อาจจะไม่สุขเท่าเราที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็เป็นได้ ลุงสอนให้เราอย่ามองคนด้านเดียว สังคมทุนนิยมก็งี้แหละ บูชาคนที่เงิน คนมีเงินทำอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ไม่ผิด คนหน้าตาดี ก็มักจะได้รับการนับถือ หรือได้การยอมรับมากกว่าคนที่หน้าตาไม่ดีอยู่ดี อะไรแบบนี้

เป็นนิยายที่อ่านเพลิน แก้คิดถึงลุงมูได้เยอะเลย ตอนนี้เลยไปเก็บเล่มเก่าๆ ของลุงมาอ่าน สนุกก็คนละแบบ นะ

ปล. บางคนว่าลุงเขียนหนังสือโลกมืดไปหน่อย อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบ YA (Young Adult) มากนัก แต่นี่คือความเป็นจริงของโลกใบนี้ จริงๆ นะ



Create Date : 12 สิงหาคม 2555
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 15:09:02 น.
Counter : 3213 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  

m-e-e-n-a
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ชอบกิน
ชอบวิ่ง
ชอบว่ายน้ำ
ชอบทำอะไรก็ได้ให้เอนโดรฟีนหลั่ง
ชอบถ่ายรูป
ชอบออกเดินทาง
ชอบหลายอย่าง บางอย่างทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อยากทำ

อิสระของชีวิต ไม่ใช่เพราะมีเงินเพียงพออย่างเดียว
เราต้องมีเวลาให้กับของกินที่มีประโยชน์ ทำประโยชน์ให้กับสังคม สังสรรค์เฮฮากับเพื่อนดีๆ ออกเดินทางค้นหาคำตอบของชีวิต ดูหนัง ฟังเพลง เสพงานศิลป์ เพื่อความรื่นรมณ์อีกด้าน และที่สำคัญมีเวลาใส่ใจกับคนในครอบครัวของเราด้วย ทำอย่างนี้ได้เมื่อไหร่.. ชีวิตเราจะสมบูรณ์ที่สุด