หางาน
 
แอนนี่ บรู๊ค เรื่องเด่นเย็นนี้ ยันไม่ตรวจ DNA

แอนนี่ บรู๊ค เรื่องเด่นเย็นนี้ ยันไม่ตรวจ DNA








แอนนี่ ยันไม่ตรวจ DNA เผยทั้งน้ำตายังรัก ฟิล์ม 

       ดาราสาว แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค อุ้มลูกชายวัย 3 เดือน ด.ช. ฑีฆายุ ที่อ้างว่าเป็นทายาท นักร้องดัง ฟิล์ม รัฐภูมิ เปิดใจกลางรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ ที่อาคารมาลีนนท์ โดยมี สรยุทธิ์ สุทัศนจินดา ทำหน้าพิธีกรล้วงทุกคำถามเจาะลึก โดยคุณแม่มือใหม่ ยืนกรานไม่ตรวจ DNA แล้ว หลังเคยเอ่ยปากชักชวนพ่อของลูกอย่าง ฟิล์ม ไปตรวจขณะตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนแต่กลับถูกปฏิเสธ!! เผยทั้งน้ำตา! ยังรัก ฟิล์ม รัฐภูมิ เหมือนเดิม และคอนเฟิร์มไม่อยากทำร้ายให้เสียชื่อเสียง !! 


       พิธีกรปราบเซียน สรยุทธิ์ ถามถึงกรณีที่ดาราสาว แอนนี่ บรู๊ค ให้สัมภาษณ์เมื่อเช้าวันนี้ (17 ก.ย.) ว่าจะไม่ตรวจ DNA แล้ว


       แอนนี่  “เพราะว่า คือแอนนี่ขอบอกก่อนเลยว่า แอนนี่ออกมาพูดเนี่ยใจจริงไม่อยากออกมาเลย หนึ่งคือตัวหนูเองก็เสีย ครอบครัวหนูก็เสีย ตัวเขาเองก็จะเสีย คือมันไม่มีอะไรดี แต่ที่ต้องออกมาพูดเพราะจำเป็นจริงๆ คือไม่อยากจะทำร้ายใคร แต่ว่าด้วยทางข้อความหรือข่าวหรืออะไรที่สื่อสารมาถึงตัวแอนนี่ ถามว่าที่แอนนี่พูดไปเมื่อเช้าว่าก็รู้สึกดีใจและเสียใจในบางคำพูด (คือตั้งใจว่าจะไม่อยากทำร้ายใคร?) ไม่เด็ดขาดค่ะ เพราะว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นสำหรับชีวิตทุกคน” 


       ถามได้มั้ยสัญญาไว้กับใครว่าจะไม่ทำร้าย


       แอนนี่  “ก็สัญญากับคนๆ นั้นไว้ค่ะ (นิ่ง) ไม่ทำร้ายเด็ดขาด เพราะถ้าทำร้ายหนูคงทำไปนานแล้ว หนูคงไม่ต้องมาปิดจนถึงทุกวันนี้ แล้วต้องมาอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ มันไม่มีความสุขเลยนะคะ หนูพูดกับใคร คุยกับใครก็ไม่ได้” 


        ยืนยันว่าจะไม่ทำร้าย ฟิล์ม รัฐภูมิ เด็ดขาด แต่ที่ต้องออกมาพูดเพราะ


       แอนนี่  “ประเด็นของ DNA ค่ะ ถามว่าทำไมเมื่อเช้า...พอเมื่อเช้าหนูพูดไปอย่างนั้น...(น้ำตาไหล)  ขอโทษนะคะ ก็คือ หนูน่ะ...ขอโทษนะที่พูดน่ะ  ขอโทษนะ ตัวเองเค้าขอโทษ เค้าจำเป็นต้องพูด เค้าขอพูดนะ (ร้องไห้) คือตั้งแต่หนูมีน้อง พอได้สัก 4 เดือน หนูบอกเขาว่า คือเขารับรู้ตลอด แล้วก็ตั้งแต่วันที่รับรู้เขาก็ตกใจ แต่ว่าไม่ได้ปฏิเสธอะไร ก็ถือว่าชื่นใจมากที่ทำให้แบบนั้น แล้วก็พอหนูได้ 4 เดือน หนูก็บอกว่าเราไปตรวจ DNA กันมั้ย หนูเป็นคนชวนเขา หนึ่งคือตอนนี้เราปิดให้ ทุกอย่างมันเงียบ ไม่มีข่าวออกไป ไม่มีใครรับรู้ ถ้าเราไปตรวจต้องการให้ครอบครัวเขาสบายใจ ให้มั่นใจว่าลูกในท้องเราคือลูกและหลานเขา แล้วก็...(อันนี้เสนอเอง?) เสนอเอง (เขาไม่ได้เป็นฝ่ายสงสัย?) ไม่ค่ะ (เพราะตอนที่รู้ว่าตั้งท้องทีแรกก็ดีใจ?) ก็ดีใจ (ฟิล์ม ก็ดีใจ?) ไม่ถึงกับดีใจ เหมือนตกใจมากกว่า เพราะว่าหนูเข้าใจเขานะ มันคืออนาคตของเขาทั้งชีวิตเลย คือมันต้องแย่แน่ ตกใจ แต่ไม่ได้สงสัย ไม่ได้แสดงอะไรที่ไม่ดีออกมา (รู้ว่าตั้งท้องสักกี่เดือน?) เดือนแรกก็รู้แล้วค่ะ (แล้วบอกฟิล์ม?) ค่ะ เขาสับสน ตกใจ แล้วก็กลัวเป็นข่าว (พอ 4 เดือน แอนนี่ เป็นผู้เสนอเอง?) ค่ะ เพราะหนูเคยรู้มาว่า ถ้าเกิด 4 เดือน เจาะน้ำคร่ำตรวจได้แล้ว ต้องการตรวจให้พวกเขาสบายใจว่าลูกในท้องเราเป็นลูกและหลานของเขา” 


        ฟิล์ม ว่ายังไง


         แอนนี่  “ไม่ตรวจค่ะ หนูก็เลยบอกว่า ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าผลออกมาแล้วใช่ หนูให้ผลกับเขาเลย หนูไม่เก็บไว้ก็ได้ หนูรู้ว่าเขากลัวอะไร หนูไม่ได้จะทำร้ายจริงๆ หนูไม่ได้จะเรียกร้องเงินทอง หนูไม่ได้จะเอาอะไรเลย แค่ต้องการให้พวกเขาสบายใจ ตัวหนูเองก็สบายใจด้วย จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจกัน (คิดว่าเขากลัวอะไร?) เป็นข่าวค่ะ สมมติว่าเราตรวจแล้วแล้วผลออกมาแล้วเราแบล็คเมเขา หนูคิดเองถึงได้กลัว แต่ถามว่าถ้าเป็นหนูหนูคิดมั้ย หนูก็คิดค่ะ เพราะว่าอย่างที่เขาพูดว่าคบกันมันก็ไม่ได้เป็น 2-3 ปี มันก็ไม่ได้นานมากเท่าไหร่ ถามว่าเขาจะไว้เนื้อเชื่อใจหนูได้มั้ย หนูก็ไม่รู้” 


        แสดงว่า แอนนี่ เป็นคนชวนเขาตรวจ แต่เขาไม่ตรวจ แล้วจากนั้น


        แอนนี่  “หนูก็บอกว่าถ้าเมืองไทยไม่กล้าตรวจ เราไปตรวจเมืองนอกมั้ย ก็คือที่เมืองนอกไม่จำเป็นต้องเอาเลือด บ้านเราต้องเจาะเลือดใช่มั้ยคะ แต่ที่เมืองนอกใช้ผมใช้เล็บก็ตรวจได้ หนูก็บอกขอผมเขาได้มั้ย เดี๋ยวเอาไปตรวจเองก็ได้ แล้วผลน่ะก็คือให้เขาเก็บไว้ ไม่ต้องห่วง ไม่ทำร้าย เขาก็ไม่ตรวจ เขาบอกว่าไม่เป็นไรเขาเชื่อ ไม่ต้องตรวจ เขาไม่อยากให้อะไรออกจากตัวเขาเลย (แล้วจากนั้น?) เขาก็หายไป หนูก็ไม่รู้หายไปไหน หายไปตั้งหลัก หายไปสับสนหรืออะไรหนูก็ไม่รู้” 


         แปลว่า ระหว่างที่เริ่มคบกัน ละครเรื่อง ปีศาจแสนกล เพิ่งเปิดกล้องเดือน กันยายน ปีที่แล้ว ถามตรงๆ มีความสัมพันธ์กันเร็วมาก ไม่นานก็ตั้งท้อง จนถึง 4 เดือน ความสัมพันธ์อยู่ด้วยกันยังไง


         แอนนี่  “ก็คือ ถ้าเลิกงานก็เจอกัน (ถี่-ห่าง ขนาดไหน?) ก็ไม่ได้ถี่มาก คือประมาณนึงจนหนูรู้สึกว่าเขาจริงใจ แล้วก็รู้สึกดีกับหนูจริงๆ ทำให้หนูรู้สึกว่าเขารักหนู (ทำไมไม่ป้องกัน?) ด้วยความ...คือ...อาคะ หนูก็ไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว หนูก็ไม่ได้อยากจะท้องไม่มีพ่อ หรือว่าเป็น single mom หรือไม่ได้แต่งงานอะไรแบบนี้ค่ะ ผู้หญิงทุกคนก็อยากแต่งงานทั้งนั้นค่ะ คือด้วยความ..คือเราถามอ่ะเป็นผู้ชาย เวลารักผู้หญิงสักคนหรือชอบผู้หญิงสักคน หรือคิดว่ามั่นใจและก็เชื่อใจในกันและกัน อาต้องถามว่าเชื่อใจอามั้ย หนูก็บอกว่าเชื่อใจ มันก็ไม่มีอะไรที่ต้อง...(ป้องกัน?) (แอนนี่นิ่งเงียบ) เขาก็ถามแบบนี้ เชื่อใจกันนะ เพราะว่าเราไม่ไปมีคนอื่น เขาไม่ไปมีคนอื่นแน่นอน” 


        หลังจากชวนเขาตรวจ DNA แล้วเขาไม่ตรวจ เขาหายไปไหน หรือหายไปเลย


        แอนนี่  “ค่ะ แต่ว่าหนูก็ยังโทรไปนะ คือหนูท้องแต่หนูต้องปิดทุกคนน่ะ พ่อแม่หนูก็ไม่มีใครรู้สักคน ญาติพี่น้องก็ไม่มีใครรู้สักคน หนูก็กลัวไปหมดเลย แล้วอยู่ในบ้านคนเดียว หนูเหงานะ หนูท้อ หนูเหนื่อย หนูกลัวไปหมด จะกินจะนอน จะอะไรยังไง หนูก็แมสเสจหาบ่อยๆ แต่ถามว่าเขาโทรมาบ้างมั้ยก็มีค่ะ คือด้วยความที่เราเหนื่อยเราท้อ บางทีเราร้องไห้ คือหนูว่าฟิล์มเป็นคนที่จิตใจเขาดี แต่ด้วยความที่เรื่องกลัวหรืออะไร หนูเข้าใจเขานะ หนูถึงบอกวันนี้หนูไม่อยากพูดเลย” 


        จากนั้นก็เหมือนแยกทางกันเลย


        แอนนี่  “ค่ะ (เขาติดต่อกลับมั้ย?) ก็มีคุยกันแป๊บเดียว 2 นาทีอะไรอย่างนี้ งานเขายุ่งมาก (ฟิล์ม บอกว่าถ้าตรวจ DNA เขาจะยึดอกรับ แต่ แอนนี่ ไม่ตรวจแล้ว?) เพราะว่า พอถึงวันนั้น วันที่หนูต้องอยู่คนเดียว เขาหายไปแบบนี้ หนูรู้แล้วว่าหนูต้องเป็นซิงเกิลมัมแน่นอน ใครจะดูแลลูก ใครจะยังไง เขาหายไปเลย หนูแมสเสจตลอด หนูเหงา หนูหิว หนูเหนื่อย หนูก็แมสเสจตลอด ผู้หญิงน่ะ ถ้าหนูโทรไปหลายๆ มิสคอลเข้าก็มีโทรกลับมาบ้าง ทำงานอยู่นะ ไม่ว่างนะ ก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่ว่าเออ..เนี่ยเค้าเหนื่อยนะ เค้ารู้สึกแย่มาก เค้ารู้สึกเหงา เขาก็บอกเออเขารู้ๆ” 


        แต่การไม่ตรวจ DNA อีกด้านหนึ่งคนอาจจะสงสัยว่า แอนนี่ ไม่กล้าตรวจ-ไม่แน่ใจหรือเปล่า?? 


        แอนนี่  “ก็คือพอหลังจากที่เขาหายไป หนูตัดสินใจเลย 2 เดือนผ่านไป เอาว่ะ...ไม่เป็นไร ลูกคนเดียว แม่เลี้ยงได้ แม่ดูแลเอง (ร้องไห้) ไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยแม่ทำผิดครั้งนึงแล้ว ผิดพลาดที่แม่ไม่ได้ดูแลตัวเอง แต่แม่จะไม่ผิดซ้ำสองด้วยการทำแท้งเด็ดขาด หนูจะไม่ฆ่าเลือดเนื้อของหนูเอง (เรื่องทำแท้งมันเกิดขึ้นได้ยังไงในความคิด?) คือหมายความว่าเราจะไม่เอาเขาออก เพราะว่าอย่างคนอื่นพูดกับหนูว่า ทำไมไม่ทำแท้ง ทำไมไม่เอาออก ตัวเองอนาคตยังอีกไกล ทำงานได้อีกเยอะ ถ้ามาเป็นแบบนี้อีกหน่อยไม่มีงานนะ อีกหน่อยอนาคตจะดับนะ หนูว่าหนูไม่ทำ” 


       “จะเลี้ยงเอง เพราะว่าหนึ่งคืออย่างที่หนูบอก ฟิล์มอ่ะ...ขอโทษที่เอ่ยชื่อ คือเขาอ่ะคะ อนาคตเขายังอีกไกล แล้วเขาก็เป็นคนดี หนูเชื่ออย่างนั้น เพราะว่าคนที่เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่...ทำไมหนูถึงรักเขา เพราะว่าเขาเหมือนหนูตรงที่ว่าเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ ทำงานเริ่มจากไม่มีอะไร จนมามีทุกวันนี้ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด เป็นคนดี ไม่อยากจะทำร้าย ไม่อยากจะให้เขาไม่มีอนาคต” 


        ถ้า แอนนี่ ไม่ตรวจ DNA ด้านหนึ่งก็จะมีคนสงสัยว่า ไม่กล้าตรวจหรือเปล่า อีกด้านหนึ่ง ฟิล์ม ก็จะติดอยู่อย่างนี้ตลอดไป แอนนี่ จะเปลี่ยนใจมั้ย


        แอนนี่  “ก็เนี่ย หนูถึงบอกว่าในเมื่อหนูตัดสินใจแล้ว และหนูตัดใจแล้ว เพราะฉะนั้นเนี่ย ถ้าเกิดว่าเขาจะต้องมายอมรับลูกหนู เพียงเพราะสังคมบีบบังคับให้ทำแบบนี้ อย่าดีกว่า เพราะว่าไม่ได้ทำด้วยใจตั้งแต่แรก ทั้งๆ ที่หนูบริสุทธิ์ใจและแสดงความบริสุทธิ์ใจไปตั้งแต่แรก อืม...ถ้าเกิดว่าต้องทำเพราะสังคมบีบบังคับอย่าเลย หนูเลี้ยงเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาตรวจอะไรแล้ว หนูเลี้ยงของหนูเอง ไม่ต้องมาให้อะไรหนูด้วย หนูไม่เอา” 


        “ถ้าหนูจะทำร้ายเขา หนูทำตั้งแต่แรกดีมั้ย หนูปิดมาจนถึงตอนนี้เพื่ออะไร หนูได้อะไรบ้าง หนูมีแต่เสีย (เลี้ยงลูกคนเดียว?) ค่ะ แม่รู้ว่ามีน้อง แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ เพิ่งรู้พร้อมชาวบ้านวันนี้ เมื่อเช้านี้ แต่แม่หนูแกเป็นชาวบ้าน หนูก็โตแล้ว อยากพูดก็คือพูด ไม่อยากพูดแม่ไม่ถาม เพราะโตๆ แล้ว (ยืนยันว่าจากนี้ไปคือจบ?) พอแค่นี้ หนูอยากให้เรื่องราวมันจบไปเลย เพราะว่าหนึ่งอนาคตของเขาด้วย หนูขอพี่ๆ (สื่อมวลชน) คือไม่ได้จะบังคับหรืออะไรนะคะ ขอพี่ๆ นะคะว่าหนูก็อยากทำงาน อยากเลี้ยงลูกของหนูต่อไป อยากเลี้ยงแม่ของหนู ตัวเขาเองก็ทำงาน เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ เขามีอนาคตอีกไกลมาก ให้เขาทำงาน ให้เขามีชีวิตที่ดี ไม่อยากทำให้เขาต้องมาหล่นลง หรือตกต่ำเพราะเรา (ยังรักเขาอยู่มั้ย?) (แอนนี่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า) อืม...ถ้าไม่รักคงไม่ทำให้ขนาดนี้มั้ง” 


        หลังจากให้สัมภาษณ์ในรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ เรียบร้อยแล้ว ดาราสาว แอนนี่  บรู๊ค พร้อมลูกชาย ยอมเปิดใจอีกครั้ง หลังจากสื่อทุกสำนักร่วมร้อยชีวิตไปรอทำข่าวกันแน่นที่ห้องส่ง วิกพระราม4  !! 


        ผู้สื่อยิงคำถามแรกทันทีว่า ตอนแรกบอกว่าไม่อยากออกมาพูด แล้วทำไมถึงตัดสินใจพูด


        แอนนี่ “เพราะว่ามันหลายๆ กระแส แค่พูดแค่นี้เหมือนตบหน้าหนู แล้วบอกว่าหนูเป็นผู้หญิงที่ไม่มี... ต้องการออกมาเคลียร์ (ติดใจคำพูดไหนของเขา?) คำพูดที่บอกว่าขอตรวจ DNA ถ้าเกิดว่าใช่แล้วจะรับ (ประเด็นไหนที่ไม่ตรงกันบ้าง?) คือทุกอย่างดีหมด เขาพูดบางอย่างหนูชื่นใจมาก อย่างเช่นเขายอมรับว่าเขารู้จักหนูจริง แสดงว่าเขายังโอเค แต่ว่าสิ่งที่หนูเจ็บปวดคือบอกว่าตั้งแต่วันแรกที่หนูคลอด เขาไปเยี่ยมหนูที่โรงพยาบาล (เขาไปจริงมั้ย?) พี่ลูกผู้หญิงด้วยกัน หนูถามหน่อยว่าเวลาคนที่คลอดลูก หนึ่งต้องการคนอยู่ข้างๆ ต้องการกำลังใจ กลัวไปหมด  แค่จับมือใครก็ได้ พี่รู้มั้ยว่าหนูไม่มีใครอยู่ตรงนั้น หนูเข้าห้องคลอดคนเดียว ขับรถไปคลอดเอง กลับออกมาอยู่เป็นอาทิตย์ ไม่เห็นมีใครมาหาหนูเลย” 


        เขาบอกว่าไปดูหน้าลูกกับครอบครัวมาแล้ว


        แอนนี่  “คือเขาไป ไปหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลได้พักนึง (มีส่งแมสเสจไปมั้ยช่วงที่อยู่โรงพยาบาล?) มีคุณแม่ เหมือนให้กำลังใจ (เขาให้เงินสองแสนจริงมั้ย?) ให้วันที่ใกล้จะคลอด โทรมาจริง แล้วบอกว่าต้องการช่วยเหลือนะ หนูบอกว่าไม่เป็นไร หนูมี ตอนนั้นอย่างที่บอกคือหนูตัดสินใจไปแล้วว่าจะเลี้ยงของหนูเอง แต่พอเขาโทรมาถามหนู ถามว่าดีใจมั้ย เป็นใครก็ดีใจทั้งนั้นแหละ มันมีความรู้สึกเหมือนว่าเขาจะกลับ เพราะเขาบอกว่าเขาจะช่วยเหลือตรงนี้นะ ขอให้เขาช่วยนะ หนูดีใจมากเลย  (ได้เงินถึงสองแสนมั้ย?) ไม่ถึง ค่าคลอดประมาณแสนกว่าบาท (ก่อนหน้าที่เขารู้ว่าเราท้องได้ส่งเสียเราเป็นรายเดือนมั้ย?) ไม่มีค่ะ (พอลูกคลอดได้ส่งมั้ย?) ก็ส่งสองเดือนหลัง” 


         ทางเขามีความพยายามมั้ยที่จะไม่ให้เราออกมาพูดกับสื่อ หรือพยายามจะปิดบังเรื่องให้เงียบ เพื่อไม่ให้เรื่องนี้สร้างความเสียหายให้ฟิล์ม? 


         แอนนี่ “มีค่ะ แต่หนูเข้าใจเขานะ คือเขากลัว เราก็กลัว ถึงหนูไม่ได้ดังเท่าเขา หนูอยากเลี้ยงลูกสบายๆ ไม่อยากให้ใครมาจ้องมอง หนูก็กลัวเหมือนกัน ยิ่งเขากลัวมากด้วย (ใครโทรฯมา?) ทางตัวเขาโทรมาค่ะ ตอนหลังๆ มาเขาคุยกับหนูดี เขาเหมือนกับว่าอืม..เราช่วยกันนะ อนาคตของเราทั้งสองคน หนูบอกว่าไม่ต้องกลัว เมื่อไหร่จะเลิกกลัวสักที หนูไม่ทำร้ายเขา คือเรื่องนี้มันไม่ได้หลุดมาจากหนู (เขาบอกว่ามีการคุยกับเราแล้ว?) เมื่อวานมีการคุยกัน (เขาว่ายังไง?) เราช่วยกันนะ (ทำไมเราพูด?) มันมีหลายกระแส หลายข่าว หลายข้อความเหลือเกิน มันเสียถึงตัวแอนนี่ ดูเหมือนแอนนี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ดีอะ (มีการเสนอเงินเป็นก้อนมั้ย?) ไม่มีค่ะ ไม่มีเลย” 


        ตอนแรกบอกว่าจะตรวจ DNA แต่ตอนนี้ไม่ตรวจแล้ว


        แอนนี่  “อย่างที่หนูบอก ขนาดตอนที่ไม่มีใครรู้ ยังไม่รับเลย แล้วจะมารับเอาเพราะว่าสังคมบีบบังคับให้ทำ แต่ใจไม่ได้ต้องการ ก็อย่าเลย ไม่เป็นไร (กลัวลูกจะอยากรู้มั้ยว่าใครเป็นพ่อ?) สักวันนึงเราคงมีคำตอบดีๆ ให้เขา เพียงแต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการคิดหรือว่าทบทวนในการบอกคำตอบ เพราะว่าถ้าเขาโต เขาต้องเข้าใจได้ (ลูกร้องไห้) ที่วันนี้ที่แอนนี่อุ้มน้องออกมา ไม่อยากให้คิดว่าโห...ต้องอุ้มกันมาขอความเห็นใจ ไม่ใช่นะ เพราะว่าน้องคลอดออกมา 3 เดือน  24 ชั่วโมง 7 วันหนูต้องดูแลคนเดียว ไม่มีคนช่วย (รู้สึกยังไงกระแสในอินเตอร์เน็ตมองในแง่ลบมากกว่าอีกฝ่ายนึง หรือมองว่าเรามาเกาะ ฟิล์ม เพื่อสร้างกระแสดัง หรือเรื่องของเงิน?)  อย่างที่บอกไง ถ้าจะมาจับ ถ้าเป็นเรื่องของการมาจับเงิน เขารวยมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ ที่หนูต้องไปจับเขา ถ้าจะไปเกาะกระแสดังออกมาตอนท้องดีกว่ามั้ยหนูว่ามันเวิร์กกว่านะ มันไม่ใช่ตอนนี้ นี้คือคลอดมาตั้งนานแล้ว” 


        อะไรคือเสน่ห์ของ ฟิล์ม ที่ชนะใจเราทำให้คบกันในช่วงนั้น


        แอนนี่ “เขาเป็นคนรักพ่อ รักแม่ เป็นคนรักครอบครัว ทำทุกอย่างให้ครอบครัวเขา เป็นคนที่มีจิตใจดี (ตอนนี้ยังเชื่อมั่นแบบนั้นอยู่มั้ย?) ค่ะ แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าด้วยหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ต้องไปเป็นกรอบตรงนั้น หนูก็อธิบายไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ (อนาคตจะเป็นยังไงต่อ?) ก็เป็นเพื่อนกันได้ (เป็นพ่อของลูกเราได้มั้ย?) สักวันนึงน้องต้องรับรู้อยู่แล้ว” 


        ยืนยันว่าไม่ตรวจ DNA 


         แอนนี่  “หรือว่าถ้าจะให้ตรวจ หนูไม่ได้มีความแค้นนะ แต่ว่าเสียใจมาก ผิดหวังมาก กับคำตอบเหล่านั้น ตรวจได้ แต่ว่าไม่ต้องมารับผิดชอบลูกของแอนนี่ ไม่ต้องให้อะไร แล้วอย่ามาเรียกร้องสิทธิการเป็นพ่อ ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่ามายุ่งของลูกแอนนี่ได้มั้ยล่ะ” 


         ตอนนี้อยากจะตรวจแล้วหรือเปล่า


        แอนนี่  “สำหรับใจเรา DNA มันไม่ใช่ประเด็นนะ ประเด็นคือความรู้สึก DNA ตรวจเมื่อไหร่ก็ได้  ไม่ได้มีปัญหาเลย มันเป็นผลทางวิทยาศาสตร์ ผลออกมายังไง มันก็เป็นแบบนั้น โกหกไม่ได้ ยัดเงินไม่ได้ แต่ความรู้สึก ตอนนี้ถามว่าถ้าเกิดจะเอาเงิน จะเอาค่าเลี้ยงดูตอนนี้ เพียงเพราะว่าสังคมบีบบังคับ แอนนี่ไม่เอา ไม่ว่าเงินมากแค่ไหน ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกตอนที่เราต้องเจ็บปวด ทรมาน ต้องอยู่คนเดียว ทำให้ครอบครัวผิดหวัง มันทดแทนไม่ได้แล้ว (ยืนยันว่าเป็นลูกของฟิล์ม?) คนที่เป็นพ่อเป็นแม่สายใยมันจะมี เรารู้สึกได้ ทำไมตอนหลังเห็นหน้าลูกแล้วถึงอยากจะดูแลล่ะ ทำไมล่ะ (ตอนแรกที่ขอให้เขาตรวจ DNA คือเขาไม่มั่นใจหรือว่าเราจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามีเขาคนเดียว?) ใช่ค่ะ หนึ่งอยากให้สบายใจทั้งเขา ทั้งเรา และทุกคนที่รู้เรื่องนี้ จะได้ไม่มีข้อปัญหาอะไร ถ้าเราเป็นคนเอ่ยปากเองแสดงว่าเราต้องมั่นใจมาก” 


         ออกมาพูดตอนนี้ทำให้สบายใจขึ้นหรืออึดอัดมากขึ้น


         แอนนี่  “อึดอัดต้องอึดอัดแน่นอน เหมือนหนูกำลังทำร้ายเขาอยู่เลยอะ หนูไม่อยากทำลายอนาคตใคร เขากำลังจะมีอนาคตที่ดี ถ้าเรารักใครสักคนจริงๆ เราไม่อยากเห็นเขาตกต่ำหรอก ยิ่งมาตกต่ำเพราะเรามันไม่ดีนะ (ตอนแรกที่เขาเห็นหน้าลูกเป็นยังไงบ้าง?) เขาบอกว่าน่ารักดี เหมือนตุ๊กตา (เขามาขออุ้ม ขอกอดบ้างมั้ย?) หนูให้เขาอุ้มเอง (หลังจากนี้จะดูแลลูกต่อยังไง?) ทุกกย่างต้องไม่ให้เขารู้สึกขาด เกินใดๆ ทั้งสิ้น เขาต้องไม่รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย ปัจจุบันนี้ซิงเกิลมัมก็เยอะ เราต้องทำได้” 


        ออกมาพูดในวันนี้กลัวเขาไม่พอใจมั้ย


        แอนนี่  “กลัวทางผู้ใหญ่เขา หนูไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้นะ  แต่ด้วยแรงกดดันเยอะมาก ไม่อยากทำร้ายพ่อของน้องค่ะ (เหมือนเราเกรงใจเขา?) เขานะ หาเงินได้เยอะว่ากว่าแอนนี่ มีอนาคตอีกไกล อายุยังไม่เยอะ ต่อไปเขายังมีครอบครัว ยังแต่งงานได้อีก แต่สำหรับแอนนี่ไม่ได้ 17 - 18 แล้วมีลูกติดด้วย ถามหน่อยเถอะถ้าไม่ใช่คนดีจริงจะมารักหนูมั้ย ( อนาคตในวงการจะเป็นยังไงต่อไป?) แล้วแต่ผู้ใหญ่ ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนทั้งที่เวิร์คพ้อยท์ฯ และที่ช่อง 3 ที่ให้กำลังใจตลอดเลย แล้วบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ เพราะหนูจะกลัวเรื่องงานด้วย เดี๋ยวมีงานอะไรก็ทำกันไปเหมือนเดิม ช่วยกันดูตัวเล็กนะ(น้องมีชื่อเล่นยัง?) ยังไม่ได้ตั้งค่ะ  (ชื่อจริงล่ะ?) ฑีฆายุ ใช้นามสกุลของเรา” 


        “(กลัวกระแสแฟนคลับเขามั้ย?) นี่แหละที่แอนนี่ต้องขอโทษด้วย ขอโทษแฟนคลับฟิล์มด้วย แต่อย่าโกรธหรือรู้สึกไม่ดีกับเขานะ เขาเป็นคนดีคนนึงเลย ไม่มีใครอยากให้เรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าน้องเกิดจากความรัก อย่าคิดว่าเขาเกิดจากความผิดพลาด เป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ของเขา  ของครอบครับ ของคนรอบข้าง (น้องเกิดจากความรักของแอนนี่กับฟิล์ม?) คือหนูไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง แอนนี่มีความรู้สึกว่าเขารู้สึกกับเรา มาถึงวันนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าเรารู้สึกยังไงถึงทำได้ขนาดนี้” 


         อยากบอกอะไรถึงคนที่ติดตามข่าวมั้ย


         แอนนี่  “อย่ามองว่าใครผิดใครถูก เพราะว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น อยากให้ยินดีกับเรา น้องเขาก็น่าเกลียด น่าชัง คือยินดีกับเราเถอะที่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตและอยากให้ผู้ใหญ่ให้โอกาสเราด้วย เพราะว่าเราทำผิดพลาดครั้งนึง แล้วเราก็ไม่ทำผิดพลาดครั้งที่สองโดยการไปทำลายชีวิตเขา เราก็เก็บเขาไว้ อุ้มชูเขาอย่างดี ไม่อยากให้ฟิล์มคิดมาก เราขอโทษจริงๆ  เราไม่อยากออกมาพูด แต่ยิ่งถ้าเราเก็บตัวเท่าไหร่ เมื่อวานมีพี่นักข่าวบางท่านไปถึงหน้าบ้าน หน้าคอนโด เลยมีความรู้สึกว่าคงต้องออกมาแล้ว (น้องเกิดวันที่เท่าไหร่?) วันพฤหัสที่ 17 มิถุนายนค่ะ”


 ขอขอบคุณ GossipStar








Create Date : 18 กันยายน 2553
Last Update : 18 กันยายน 2553 12:49:47 น. 0 comments
Counter : 862 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

pondpai
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




น้องพลอยตัวน้อย
[Add pondpai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com