Group Blog
 
All blogs
 
เกือบไปแล้ว


[ เนื้อหาที่บรรจุอยู่ในข้อความต่อไปนี้ เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและรับรู้ ]
//poe.bloggang.com



March 03, 2007 05:14 PM [GMT+7]

[Comment – March 15, 2007 00:51 AM GMT+7] อันที่จริงเรื่องนี้เขียนไว้ตั้งแต่วันที่ 3 แต่ทาง bloggang ทำการ upgrade server เลย publish ไม่ได้ และบวกกับความเบลอของผมเอง ที่คิดว่า Link ตาย เลยคิดว่ามันยังใช้ไม่ได้มาโดยตลอด จนได้ทางทีมงาน bloggang มาบอกว่าเค้าแค่เปลี่ยน pattern ของ link แค่นั้นเอง ต้องขอขอบคุณทีมงาน bloggang และขอให้กำลังใจ ทำ blog ดีๆให้ทุกๆคนได้ใช้นะครับ เอ้า… เรื่องที่เขียนไว้วันนั้นว่าอย่างงี้…

วันนี้ขอออกนอกอวกาศ ไร้สาระนิดนึง (แต่จริงๆก็ไร้สาระมาตลอด) เรื่องที่ค้างๆอยู่ เขียนไม่จบ และยังไม่ได้ Publish ซักที โดยเฉพาะ “ฉากจบของปฏิบัติการอวกาศ” และ “จากเมืองกรุงสู่น้ำตกเกือกม้า” ที่เขียนไปเขียนมาก็จบไม่ลง หมด Feel แล้วก็ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อดี (ทั้งๆที่ก็จดบันทึกไว้หมด แต่พอจะสรุป เรื่องที่ไม่อยากพูดถึงก็เต็มไปหมด สุดท้ายเลยไม่รู้จะเขียนอะไร) เรื่อง “คุณจะ Block MSN ใน Office ไปเพื่อใคร… เพื่อองค์กร หรือ เพื่อตัวเอง” เรื่อง “Alex” เรื่อง “ผมเชื่อสื่อ” เรื่อง “คิดคีกับทำดีต่างกันไหม?” เรื่อง “ปริญญาในมุมมองของผม” และเรื่องที่วางพล็อตเอาไว้หรูหรามาก (แต่ไม่รู้จะเขียนออกมาได้หรือเปล่า) เช่น “คนธรรมดาที่ชื่อ ปืน” “เป็นปกติ” และ “เพื่อนของผม” เอาเป็นว่าเรื่องทั้งหลาย มากมายก่ายกอง ขอดองไว้ต่อไป เอาจนกว่าจะเค็มได้ที่ แล้วค่อยขุดขึ้นมาเขียนต่อแล้วกัน

ช่วงนี้มีเรื่องมากมายในหัว ทั้งดีและร้าย ทั้งที่คิดขึ้นมาเอง ก่อขึ้นมาเอง และรับรู้มาจากคนอื่นๆ รับรู้มาจากที่ต่างๆนานา แย่หน่อยก็ตรงที่ มันทำให้นอนไม่หลับ โดยเฉพาะตอนกลางคืน ห้องหับก็ไม่ได้เก็บ เสื้อผ้าไม่ได้รีด การงานไม่ได้ใส่ใจ หนังสือก็อ่านๆไปงั้นๆ บางเล่มก็เพิ่มเรื่องเข้ามาในหัวซะอีก วันๆก็เอาแต่นั่งเรียบเรียงเรื่องในหัวตัวเอง วันแล้ววันเล่า ผ่านไป จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน…

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอนไปแค่ ประมาณ 120 ชั่วโมง ตอนที่สรุปรวมๆออกมาถึงกับตกใจ บางวันไม่ได้นอนเลย บางวันแค่ 2 – 3 ชั่วโมง… แล้วทำไมถึงไม่นอน… คงมาจากเรื่องที่มีอยู่ในหัวนั่นแหละ คิดมากเกิน ปลงไม่ตก เผื่อโน่น เผื่อนี่ หวังโน่น หวังนี่ บางเรื่องไม่เข้าใจ บางเรื่องก็วิตกไปเอง บางเรื่องแค่อยากหาคำตอบ แต่ยังไงๆทุกเรื่องที่มีก็ไม่ได้ทำให้เครียดมากมายอะไร แค่ไม่เข้าใจ และคิดหาทางออกเลยคิดถึงมันอยู่ตลอด คิดไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ จนกว่าจะหาทางออกได้ แต่เรื่องในหัวมันเยอะเกิน เลยคิดมากไปหน่อย สุดท้ายคือ นอนไม่หลับ…

เรื่องแบบนี้แปลกแต่จริง ไม่ค่อยได้นอน คิดอะไรไม่ออกหรอก และอีกอย่าง ถ้ากำลังใจหรือพลังในใจมันหมด เรื่องอะไรก็แก้ไม่ได้ ทางออกก็มองไม่เห็น เดือนที่แล้วรู้ตัวเลยว่าไม่อยากคุยกับใครเลยที่ทำงาน แค่อยากอยู่เงียบๆ ประมาณว่า ขอผ่านๆไปที คนที่คุยด้วยก็มีแค่แม่ น้องชาย เพื่อนๆ และ แม่ค้าขายลูกชิ้น!! แต่ต้องขอโทษท่านเพื่อนๆทั้งหลายมา ณ ที่นี้ด้วยที่กระผมพูดกับพวกท่านมากไปหน่อย และคำพูดทั้งหลายนั้นเรียกเป็นภาษาไทยง่ายๆว่า บ่น และ สบถ!! บรรพชนของท่านทั้งหลายคงอยู่ไม่ค่อยสงบสุขนักในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งพฤติกรรมไม่ธรรมดาที่ผมทำไป ก็ขอให้ท่านทั้งหลายอโหสิกรรมด้วยเทอญ แต่เอาเป็นว่าผมขอยืนยันว่าการนอนพักนอนหลับอย่างเพียงพอนั้นมีประโยชน์มาก มีอยู่วันนึง หลังจากไม่ได้นอนมามากกว่าหนึ่งวันบวกกับยังไม่ได้กินอะไรมาพอๆกับที่ไม่ได้นอน กลับมาจากทำงาน หัวถึงหมอนแล้วก็หลับไปเลย ตอนนั้นกี่โมงก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีตอนเที่ยงครึ่ง มันก็ไม่ได้เก๋ไก๋นักหนา บางคนอาจจะนอนเยอะกว่านี้ แต่เที่ยงวันนั้น รู้สึกสดใสมาก คิดตกไปหลายเรื่อง แล้วก็ลงท้ายด้วยไอเดียว่าจะจัดห้องใหม่ (แต่ถึงทุกวันนี้ก็ยังจัดไม่เสร็จ และรกกว่าเก่าเนื่องจากเอาของออกมากองๆไว้) ดังนั้นการนอนให้เพียงพอ คงเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ ให้เวลาสมองได้เรียบเรียงอะไรบ้าง ให้เวลาร่างกายได้พักผ่อนบ้าง อย่างน้อย… ก็ทำให้ไม่ตาย

เดือนที่ผ่านมา มีอยู่เรื่องหนึ่งที่คิดไม่ตกคือเรื่องสถานะของตัวเองในที่ทำงานที่มันไม่มีสถานะแต่ถูกคาดหวังว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง มันเป็นเรื่องแปลกที่เมื่อเราไม่มีสถานะแล้วมันทำให้สับสน ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องต่างๆอย่างไรดี เรามีสิทธิ์ในการตัดสินใจหรือเปล่า หรือแม้แต่ว่าเรามีสิทธิ์ในการเข้าไปยุ่งหรือทำเรื่องนั้นหรือเปล่า แล้วคำถามสุดท้ายก็คือในเมื่อถ้าเราไม่มีสิทธิ์ใดๆแล้วเรามีสิทธิ์ที่จะอยู่เฉยๆได้หรือเปล่า (คำตอบอันนี้มีอยู่แล้วในใจว่า “ไม่” แต่คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี ฮ่าๆๆ) คิดไม่ตกจนกระทั่งช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา อยู่ๆก็เหมือนสวรรค์เหลือบมาเห็น เอ๊ะ!! ทำไมไอ้จุดเล็กๆนี่มันหมองๆ เอ้า เอาฮอลล์ตะไคร้มะนาวไปกิน (ฮ่าๆๆๆ) คืออยู่ดีๆก็มีบริษัทจัดหางานโทรมาเรียกไปสัมภาษณ์ ตื้อแล้วตื้ออีก ไอ้เราก็เป็นสุนัขตำรวจ รัก…รักเจ้านาย แค่คิดนอกใจก็ไม่เคย แต่ด้วยฮอลล์ตะไคร้มะนาว (มั้ง… มั่ว) ก็ตอบตกลงไป แล้วก็กลับบ้านไปงานเลี้ยงรุ่นที่ไม่ค่อยประทับใจนัก แต่ก็ได้พักหัวใจ จากนั้นก็กลับมาแล้วก็ไปสัมภาษณ์กับเค้า การสัมภาษณ์ก็เป็นเหมือนทั่วๆไป เราคุยกันแบบต่างคนต่างอยากได้ข้อมูล เค้าอยากได้ข้อมูล และอยากได้ลูกค้า เราก็อยากแก้เซ็ง และเปิดโอกาส ดังนั้นการคุยเลยเปิดกว้างกว่าปกติ แต่ที่พิเศษก็คือ เมื่อคุยจนรู้จักกันแล้ว พี่ที่สัมภาษณ์เค้าเลยแนะนำเกี่ยวกับการทำงาน สิ่งที่เราควรจะมี จากคำแนะนำเล็กๆน้อยๆที่ผมไม่เคยได้จากที่ไหน ผมก็กลับมาคิดถึงสิ่งที่จำเป็นในการก้าวข้ามไปเป็นผู้บริหารที่อยากเป็น Certificate ทั้งทางภาษาและเทคนิค ปริญญา เงินเดือนที่ควรเรียก และแนวทางการพัฒนาตัวเอง ทุกอย่างเหมือนชัดเจนขึ้นอีกขั้น พออะไรๆมันชัดเจนกำลังใจและเส้นทางก็เริ่มสว่างขึ้นประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือกลับได้มาจากการพูดคุยกับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า การพูดคุยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรนัก แม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็ทำให้ตื่นเต้น และเมื่อการสนทนาเป็นไปด้วยดี (คือไม่ใช่เราถามอย่างเดียว เล่าอยู่คนเดียว และไม่ใช่จบด้วยการด่ากัน) แค่นี้ก็เหมือนเราได้คนรู้จักใหม่ๆเพิ่มขึ้น มันทำให้หัวใจพองโตขึ้นมา ผมเรียนรู้ที่จะไม่คาดหวัง จากความผิดหวังต่างๆที่ผ่านมา อย่างน้อยก็รู้จักคำว่า “พอดี” มากขึ้น ต้องขอขอบคุณคนๆนั้นด้วย เค้าอาจจะไม่รู้อะไร และไม่ได้คิดอะไรเลย ผมคุยด้วยเค้าก็คุย แต่มันกลับเพิ่มพลังให้ผมมากเหลือเกิน เหมือนหัวใจมันเปิดออกมา แทบไม่อยากเชื่อ พอมีสองเรื่องนี้เข้ามาในชีวิต เรื่องที่อยู่ในสมองมันก็ถูกเก็บเข้าที่เข้าทางอย่างเรียบร้อยในเวลาไม่กี่วัน ทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง งานที่เคยมองอะไรไม่ออกหรือจบลงแบบงงๆก็ถูกจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ ความคิดที่เป็นระบบของผมก็กลับมาอีกครั้ง บวกกับเป็นวันหยุดยาว จังหวะและเวลามันช่างเหมาะสมเสียจริง ผมได้มีเวลาจัดการเรื่องที่ค้างๆอยู่ให้เสร็จ เมื่อตัวผมกลับมาสู่สภาวะปกติและเต็มไปด้วยพลังแล้ว หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี อย่างน้อยก็ขอให้มันเป็นปกติก็ยังดี (คาดหวังซะงั้น)

เหล้าไม่ได้ช่วยอะไร แค่ทำให้สมองมันมึนๆและสนุกสนาน (เพราะเมา) แต่ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ (ถ้าอยากสนุกสนานตลอดเวลาคงต้องพกถุงเหล้าและต่อเข้าเส้นเลือดตลอดเวลา) พอตื่นขึ้นมาก็มึนต่อ คือพูดง่ายๆ เราจะหมดไป 1 คืน (ที่กินเหล้า) และ 1 วัน (ที่พักพื้น) ผมลองแล้ว ทั้งกินเหล้ากับเพื่อน และกินคนเดียว มันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย เงินในกระเป๋าก็เหมือนถูกขโมยไป เพราะกดมาเท่าไหร่สามสี่วันมันก็หายไปหมดซะงั้น (ข้าวก็ไม่ค่อยได้กิน หมดไปกับอะไรฟระ สงสัยกาแฟแหงๆ)

เอาเป็นว่าได้ชีวิตกลับมาแล้ว ดีใจ สบายหัว… ไปดีกว่า

โป๊ะ

+ + + + + + + + + + + + +




Create Date : 15 มีนาคม 2550
Last Update : 15 มีนาคม 2550 1:06:51 น. 5 comments
Counter : 397 Pageviews.

 
ก่อนอื่นขอบอกว่า ร้อนนนนนนนนนนนน ครับ


โดย: นิรมาณ วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:11:24:45 น.  

 
very nice :)


โดย: Namtarn IP: 128.2.141.22 วันที่: 24 มีนาคม 2550 เวลา:1:19:30 น.  

 
ดีใจด้วยที่ชีวิตดีขึ้น ได้เห็นมุมมองของคนอื่นว่า เราก็ไม่ได้ทุกข์อยู่คนเดียวนิ


โดย: ล IP: 61.7.149.156 วันที่: 4 เมษายน 2550 เวลา:0:56:55 น.  

 
555 I see what you mean now. Glad to hear that you got through it, my friend. ;-)


โดย: DKUS (DKCH ) วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:5:54:37 น.  

 
พพะพะ


โดย: พ IP: 125.27.135.99 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:03:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poetra
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กับเส้นทางที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่ได้ดี ไม่ได้เด่นเหมือนใครๆ แม้มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับคนอื่นๆ แต่มันก็น่าจะเพียงพอที่จะมาเล่าสู่กันฟังได้บ้าง ...




Friends' blogs
[Add Poetra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.