Group Blog
 
All blogs
 
จากเมืองกรุงสู่น้ำตกเกือกม้า ตอนที่ 1


[ เนื้อหาที่บรรจุอยู่ในข้อความต่อไปนี้ เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและรับรู้ ]
//poe.bloggang.com



April 08, 2007 08:32 PM [GMT+7]

คิดว่าจะไม่ได้เล่าเรื่องทริปเดียวในระหว่าง 3 เดือนที่ผมอยู่ที่ NY ที่ได้ไปต่างเมืองซะแล้ว (ไม่นับ New Jersey) แต่ไหนๆก็ตั้งใจไว้แล้ว ก็ต้องเอาประสบการณ์แบบมั่วๆของผมมาเล่าให้ฟังกันจนได้ วันนี้ได้ฤกษ์หยุดสามวัน เลยหาเวลามาเลือกรูปแล้วเอาบันทึกเหตุการณ์มาเรียบเรียงซะเลย เป็นการเดินทางไปเที่ยวน้ำตกชื่อก้องโลก Niagara แต่เราไม่ได้เดินทางข้ามไปยังฝั่ง Canada นะครับ เนื่องด้วยหลายๆอย่าง ดังนั้นก็จึงเป็นทริป Niagara – US ในช่วงเทศกาล Thanksgiving แบบกันเองมากๆ ลองมาดูบันทึกการเดินทางกันเลยดีกว่า อาจจะยาวนิดนึงแต่ก็ลองอ่านๆกันดูนะครับ

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2549

วันนี้จะเดินทางไป Niagara Falls แต่จะเป็นฝั่ง US ไม่ใช่ฝั่ง Canada เลยตื่นตั้งแต่เช้า (ตี 4) อาบน้ำ ทำนู่นทำนี่ เตรียมตัว แล้วก็รีบออกจากห้อง กลัวว่าจะไปสาย แต่สุดท้ายแล้วก็สายจากเวลาที่นัดกับพวกพี่วิช อ้อม แล้วก็เก่งไว้ประมาณ 10 นาที เนื่องด้วยฝนเจ้ากรรมดันตก ต้องเดินฝ่าสายฝนไปขึ้น Subway ลมก็เรงมากเลย ที่แย่กว่านั้น ผมดันลืมกล้องไว้ที่อพาร์ทเมนท์ คงเป็นเพราะมัวไปหยิบเสื้อกันหนาวอยู่เลยลืม เพราะตอนแรกเตรียมเสื้อกันหนาวไปแค่ตัวเดียว พอไปหยิบเพิ่มอีกตัวเลยลืมกล้องซะงั้น แต่ไหนๆคนอื่นก็มีกล้องอยู่แล้ว (แพงๆทั้งนั้น) แถมถ่ายกันเก่งๆทุกคน ก็ขอฝากชีวิตและรูปถ่ายไว้กับท่านช่างกล้องไว้ ณ ที่นี้เลยก็แล้วกัน (เครียดแต่ ฮา…)

การเดินทางครั้งนี้ เราเลือกไปโดยรถไฟทรงประสิทธิภาพ (แต่เกือบเจ๊งไปหลายรอบ) ของอเมริกา Amtrak เพราะอ้อมบอกว่ามันน่าจะสนุก เราเลยมาพร้อมกันที่สถานี Amtrak – Pennsylvania Station, NY จะเดินทางไปยังสถานี่ที่ชื่อว่า… ชื่อว่า… เอ… ไหงไม่จดไว้ล่ะเนี่ย!! แต่ชื่อรถเห็นจะไปสุดที่ Maple Leave มั้ง… มั่วและขี้เกียจไปค้นตั๋วมาดู (ฮ่าๆ)

หลังจากรอขึ้นรถอยู่พอสมควร (มาก่อนเวลาบวกกับมัน Delayed) ก็ได้มาอยู่บนรถไฟสมใจอยาก กับครั้งแรกในการขึ้น Amtrak ของผม ขึ้นมาแล้วก็เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ (ซะงั้น) พอได้ที่นั่งกันแล้วก็เริ่มพักผ่อนตามอัธยาศัย ในส่วนของรถไฟนั้นผมว่ามันก็ดีกว่ารถไฟบ้านเรามากโขอยู่ เบาะใหญ่กว่า เงียบกว่า (รถไฟฟ้า) สะอาดกว่าเมื่อเทียบกับตู้โดยสารระดับเดียวกัน (ยกเว้นห้องน้ำ ห่วยพอกัน) และก็แพงกว่า!!

เมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อน ภาพวิวข้างนอกก็สวยดี วิวกับสายฝน… รถไฟแล่นเลียบชายฝั่งไป มองเห็นคลื่นในทะเล น่ากลัวชะมัด!! ฝนที่ตกในทะเลก็น่ากลัว โชคดีมากที่เราไม่เลือกนั่งเรือกันไป (ฮา…)

หมู่บ้านสองข้างทางเรียงรายกันไป โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบ้านธรรมดากับตึกเล็กๆ ไม่มีตึกใหญ่ๆ ถึงมีก็น้อยมากๆ แสดงให้เห็นว่า ความเจริญของประเทศนี้ จริงๆแล้วก็มีอยู่ตามเมืองใหญ่ๆเท่านั้น ที่เหลือก็เฉยๆ ไปจนถึงชนบทเหมือนบ้านเรา แค่เมืองใหญ่มันใหญ่มาก (แค่นั้นเอง… ประชดนะเนี่ย) เหล่าสถานีรถไฟย่อยที่เรียงราย ดูแล้วก็ธรรมดา แต่เป็นความธรรมดาที่แฝงด้วย Technology แต่พอมองดูหมู่บ้านข้างทางต่างๆที่เราผ่านมาแล้วมันก็อดให้คิดถึงบ้านที่ขอนแก่นไม่ได้ สภาพความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายที่มีความสบายๆในแบบของตัวมันเอง การเป็นอยู่โดยปราศจากความเร่งรีบและการแข่งขันมันช่างน่าหลงไหลเสียจริง

หลับมาเพลินๆอยู่ดีๆรถก็หยุด ไอ้เราก็งัวเงียฟังได้ความแต่ว่าเค้าจะเปลี่ยน Power อะไรซักอย่าง แล้วจะหยุดรถเป็นเวลา… นั่นสิ… เท่าไหร่นะ รู้แต่ว่านาน ให้ออกไปเดินเล่นได้ (ใครจะกล้าไปล่ะ ก็ไม่รู้หยุดนานเท่าไหร่กัน) ว่าแล้วก็ออกไปหน่อยดีกว่า (ฮา…) ไปหาซื้ออะไรกินหน่อยเลยเดินไปที่ Café Cabin แต่มันดันปิด!! อ้าว เหรอ งั้นออกไปข้างนอกเผื่อมีอะไรบ้าง… โอ้โห… นี่มันปล่อยเกาะกันรึเปล่าเนี่ย รอบๆมีแต่ป่า ร้านค้าไม่มีเลย เฮ้อ… ก็เลยต้องกลับมานั่งรอในรถต่อ แล้วไม่นานเกินเบื่อ รถก็ออกเดินทางต่อ

ผ่านเมืองมาก็หลายเมืองแล้ว ไม่ว่าจะเมืองใหญ่เมืองเล็ก ทำไมมันเงียบอย่างนี้!! หรือว่ามันจะเป็นเพราะนี่คือช่วงเทศกาลสงกรานต์ฝรั่ง (Thanksgiving) ที่ใครๆที่ทำงานก็ต่างเตือนกันว่าร้านค้าจะพากันปิดหมด… ไม่เป็นไร คอยดูกันที่ปลายทางแล้วกัน ว่าจะเป็นยังไง

หิวกันแล้วล่ะ ไปซื้ออาหารที่ Café Cabin กันดีกว่า (ตอนนี้มันเปิดแล้ว) ได้ Hotdog กะ Omelet Sandwich มากินกัน ราคาก็ถือว่าโอเคแหละ แต่รสชาตินี่สิ อร่อยแบบทำใจแล้ว (ฮา…) แต่เอาล่ะ อิ่มท้องเป็นใช้ได้ แล้วเราก็กลับมานั่งเล่นกันต่อไป…

นั่งมาได้ 6 ชั่วโมงกว่า เริ่มเบื่อ ไม่มีอะไรให้ทำเลย วิวก็มีแต่ป่า ก็ได้แต่นอนกับอ่านหนังสือแก้เบื่อไปพลางๆ

ตอนใกล้ๆจะถึง มีคุณลุงคนนึงมาชวนคุย เค้าบอกเค้าเป็น Costa Rican (Tico ตาม Wikipedia) ลุงแกสร้างสัมพันธ์ด้วยการถาม ถาม ถาม ถาม และ ถาม แล้วก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย ผมก็เลยเบื่อๆเพราะตอบอะไรไปแกก็ไม่รู้จัก ขนาดเป็นเรื่องในอเมริกาเองก็ตาม ผมเลยแอบลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วใช้วิชาสลับร่าง ดึงเราพี่วิชมาเป็นหน้าด่านแทน (ฮา…) เห็นคุยกันอยู่นาน (คงจะชอบกัน) เห็นมีการตกลงจะส่ง Postcard จากไทยไปให้เค้าด้วย (คงชอบกันมาก ฮา…) เท่าที่เห็นลุงเค้าคงเป็นคนเดินทางจริงๆ คงไม่มีอะไร แค่ผมขี้เกียจคุยกับเค้าเพราะ เค้าพูดเหยียดๆแต่สุภาพ เช่น ทำงานร้านอาหารอะไร (ก็บอกไปแล้วตั้งหลายครั้งว่าไม่ได้ทำงานร้านอาหาร ทำงานบริษัท แต่ก็ถามซ้ำตั้งหลายรอบ แถมไม่รู้จักบริษัทผมอีก ไม่เคยอ่านข่าวเหรอลุง ฮา…), มีผู้หญิงขายตัวที่ไทยเยอะไม๊, เพื่อนเค้าบอกผู้หญิงที่ไทยสุดยอดเลย จริงหรือเปล่า… ไอ้ตัวผมก็เกือบตอบไปว่าจริง (แหะๆ) ยังไงๆ ถึงแม้มันจะเป็นความจริงที่ไม่อยากจะยอมรับว่าบ้านเรามีชื่อเสียง (เสีย) ด้านนี้จริงๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเบื่อที่จะคุยกับลุงคนนี้ พูดจาดูถูกๆ แต่สุภาพ ผมรับไม่ค่อยได้ (ฮา…) เลยเป็นสาเหตุที่ให้พี่วิชมาคุยแทน

4 โมงเย็นกว่าๆก็มาถึง Niagara Fall Station ออกเดินทาง 7.30 AM มาถึงประมาณ 4.00 PM แสดงว่าเดินทางมาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง!! นานไม่ใช่เล่นนะเนี่ย

ก้าวเท้าลงจากรถไฟก็เจอว่ามันเป็นสถานีรถไฟจริงๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากสถานีรถไฟ แถมยังอยู่แยกออกมาจากตัวเมืองเล็กน้อย มีคนญี่ปุ่นและฝรั่งลงมากับเราจำนวนหนึ่ง (คนญี่ปุ่นน่ารักดี) โชคยังดีที่มีรถ Taxi มาจอดรออยู่ 4-5 คัน คงจะรู้ว่าตอนนี้จะมีรถไฟมาและจะมีคนที่ไม่มีทางเดินเข้าไปในเมืองเองได้มาแน่ๆ (ฮา)

คนขับ Taxi อัธยาศัยดีมากๆ แนะนำโน่นนี่ให้เราเต็มไปหมด บอกที่เที่ยว บอกที่ shopping แล้วก็บอกว่าอย่าเดินไปแถบนี้ นี้ และตรงนี้ เพราะชาวเมืองแถวนี้ไม่เป็นมิตร (อย่างนั้นเลยเหรอ) แล้วสุดท้าย เค้าก็ให้นามบัตรมาตามระเบียบ เผื่อว่าเราจะเรียกเค้าใช้งานอีก

มาถึงโรงแรมที่ได้จองผ่าน Internet กันไว้ก็ Check in ขึ้นห้องกัน หลังขนของเข้าห้องเป็นที่เรียบร้อย เราก็มาตกลงกันว่าจะทำอะไรกันดี เพราะดูจากสภาพแวดล้อมแล้วคงไม่มีอะไรให้ทำแน่ๆ เลยตกลงว่าเดินออกไปดูน้ำตกกันซะเลย ถือเป็นการ Survey ไปในตัว แล้วค่อยหาอะไรกินกันก่อนซื้อของมาตุนไว้ที่ห้อง เมื่อตกลงได้ตามนั้นก็ออกไปลุยกันเลย

เดินออกไปสู่น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก (หรือสวยที่สุดในโลกนี่แหละ) รอบๆทางก็เงียบๆ ต้นไม้ที่นี่กำลังเปลี่ยนสี สวยมากทีเดียว เดินกันไปถ่ายรูปกันไปจนถึง Tourist Information Center ก็เข้าไปถามรายละเอียดและทางไปน้ำตกกัน พอมาถึงคำถามที่ว่าวันนี้เค้าจะโชว์ฉายไฟหรือเปล่า ได้คำตอบที่น่าแปลกใจจากเจ้าหน้าที่ว่า “ไม่รู้” ปกติมีวันศุกร์ แต่วันนี้เป็น Thanksgiving “อาจจะ” มีก็ได้!! แปลกใจมากครับ งงเลย ไหงใช้คำว่า “ไม่รู้” กับ “อาจจะ” แต่พอเค้าเฉลยก็เลยถึงบางอ้อว่า เรื่องพวกแสง สี เสียง พลุ เค้าทำกันจากฝั่ง Canada เค้าไม่รู้หรอกว่าจะมีอะไรวันไหนบ้าง ฟังดูน่าสงสาร เหมือนเป็นลูกเมียน้อยมากๆ America เอ้ย!!

เดินลงไปจนถึงน้ำตก โอ้โห ใหญ่มากๆ สวยสมชื่อจริงๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่ว่ามันไม่ได้สูงอย่างที่คิดไว้ แต่มันก็สูงมากพอที่จะทำให้น้ำที่ตกตรงที่เป็นเกือกม้านั้นกลายเป็นละอองได้มากพอที่จะกลายเป็นเมฆเลยทีเดียว คงมาจากความกว้างที่กว้างมากๆของมันนี่เอง

ถ่ายรูปกันไปจนมืดทางฝั่ง Canada เค้าก็ฉายไฟมา แม้มันไม่ใช่ Firework หรือ Light Show เป็นการฉายไฟเฉยๆ แต่มันก็สวยมากๆ คงจะสวยกว่านี้ถ้าเราดูอยู่ที่ฝั่ง Canada

ไฟที่เค้าฉายมี 3 สีสลับกันไป ช่างกล้องของเราก็ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งไป ส่วนตัวผมก็ยืนทอดอารมณ์ดูไปเรื่อยๆ

ถ่ายรูปเสร็จ ก็ออก Survey สถานที่เผื่อวันพรุ่งนี้แล้วก็วางแผนเที่ยววันต่อไป และก็ว่าก็ไปหาอะไรกินกันก่อนเข้าห้อง ตอนนี้อากาศเริ่มเย็น ประมาณ 0 องศา (ไม่ถึง 20 นาทีผมก็ชิน รักร่างกายนี้จัง แม้จะใช้งานมันหนักไปหน่อย)

เดินออกมาจากน้ำตก ร้านค้าปิดหมดเลย เงียบได้ใจมากๆ โชคดีเจอป้ายเปิดไฟอยู่เขียนว่า “International Buffet taste of India” เอ่อ มันก็คือ buffet อาหารอินเดียดีๆนี่เอง (Inter ตรงไหน) แต่อย่างน้อยก็ประทังชีวิตไปได้หนึ่งมื้อ (จริงๆผมชอบอาหารอินเดียนะ เลยไม่มีปัญหา แต่คนอื่นผมไม่รู้) พออิ่มแล้วเราก็ไปหาซื้อของเข้าไปตุนที่ห้องกัน ก็ได้ร้านในปั๊มน้ำมันเป็นที่พึ่ง ที่เมืองนี้เค้าบอกเป็นเมือง Casino เรียกแบบกันเองๆก็เมืองอบายมุขแล้วกัน บุหรี่ เหล้า ไพ่ อะไรๆทำนองนี้ถูกมากๆ (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ NY City) ถูกกว่าที่ LA อีก เราได้ขนม น้ำ เบียร์ มาเต็มมือ และได้ไพ่มาเล่นแก้เบื่อด้วย

กลับมาห้องก็เล่นไพ่แล้วเข้านอน เป็นอันจบทริปในวันแรกลงในที่สุด… (รูปเอาไว้ดูตอนจบทีเดียวเลยก็แล้วกันนะครับ)


+ + + + + + + + + + + + +



Create Date : 08 เมษายน 2550
Last Update : 8 เมษายน 2550 23:19:53 น. 1 comments
Counter : 556 Pageviews.

 
รูปล่ะรูป


โดย: Namtarn IP: 128.237.241.215 วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:11:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poetra
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กับเส้นทางที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่ได้ดี ไม่ได้เด่นเหมือนใครๆ แม้มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับคนอื่นๆ แต่มันก็น่าจะเพียงพอที่จะมาเล่าสู่กันฟังได้บ้าง ...




Friends' blogs
[Add Poetra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.