camp 1 บ้านในสอย

หายไปนานมาก ๆ อีกแล้ว
เอาเป็นว่าภารอิดที่ทำงานและที่บ้านมารุมมะตุ้ม เริ่มเรื่องไว้นานมากแล้ว เพิ่งจะมาได้ทำตอ่จนเสร็จ(ซะที)

ต่อเนื่องจากเรื่องที่แล้ว แต่เหตุการร์นี้เกิดก่อนค่ะ ไปเป็นวิทยากรในการอบรมการวาดภาพในค่ายผู้อพยพบ้ายในสอย ต. ปางหมู(น่าจะใช่นะคะ)
ก็เดินทางไปที่แม่ฮ่องสอนก่อนค่ะ เมารถไปตามระเบียบ ใช้เวลาในการพักฟื้นพอสมควรทีเดียว แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณเจ้าภาพ พี่น้ำนะคะที่พาเที่ยว พากิน ก่อนที่จะทำงาน


วันแรกไปไหว้พระก่อน


อาหารเช้าสไตล์ไทใหญ่ ในตลาดเช้า


ปางอุ๋งหน้าฝน ตอนคนเยอะ ๆ คงจะสวยน่าดู


มีหงส์ดำ 1 คู่


ลูกสนสด กะ แห้ง คนเมืองไม่เคยเห็นค่ะ


วันอาทตย์หน้าฝน..เงียบบบบบบบซะ


แล้วก็ไปกินหม่านโถวที่หมู่บ้านรักไทย


ฟ้าเปิดแล้ว.................


เมนูนี้แหละ...........ลุย


อันนี้ของจริง.............


เบบี๋ถูกมัดไว้ยังกะข้าวต้มมัดเลย..


แล้วก็ต้องซื้อของฝาก...........ชิมมันทุกขวด...ก็แม่ค้าเค้าอนุญาตแล้วนี่


เริ่มงานแล้ว..........ป้ายผ่านแดน ติดตัวไว้ตอนเข้า camp


ห้องเรียนวาดภาพ มีล่ามเป็นกะเหรี่ยงคอยา่วชื่อนาเดียค่ะ.......รู้ตั้ง 4 ภาษาเก่งจัง


ห้องนี้เรียนซิลสกรีนกัน


วันนี้ห้องเรียนทำอาหารทำขนมครก


ผลัดกันเป็นแบบ


พี่สุชาติ(ชื่อไทย)ท่านเท่ห์ทุกวัน


ชอบกันจังวาด portrait เนี่ย
หลักสูตรเร่งรัด 5 วันวาดคนเลย....เก่งจริง ๆ


บรรยากาศบ้านพักในค่ายนี้..แตกต่างจากแคมป์ 2 จริง ๆ ที่นี่คนจะเยอะกว่าและพื้นที่เป็นภูเขา


กล้วยอะไรไม่รู้......แต่เห็นแล้วอยากกินช็อคโกแลต


เสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับ........ก่อนที่ฝนจะลง หนทางไกลและลำบาก แต่เราก็ดีใจที่ได้ทำประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


ขอบคุณพี่น้ำที่ให้โอกาสได้มีประสบการณ์ใหม่ ๆ ขอบคุณองค์กร JRS ที่มีน้ำใจกับคนชายขอบ ทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มนี้ และทำให้เรารู้ว่าชีวิตของเรานี้มันจิ๊บ ๆ จริงเมื่อเทียบกับเค้า.........อย่าบ่นนักเลย




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2554   
Last Update : 18 มีนาคม 2555 11:32:03 น.   
Counter : 1243 Pageviews.  


โรงเรียนมัธยมภัทราวดี วิกหัวหิน

ไปราชการ..........เที่ยวกันซะอานไปเลย เนื่องจากไปทะเลหน้าร้อนแต่ฝนตก........

สถานที่น่าสนใจจากทริปนี้คือ โรงเรียนมัธยมภัทราวดี หัวหิน หรือ วิกหัวหิน


ที่ติดต่อไป เพราะเห็นว่าเป็นโรงเรียนเปิดใหม่ และผู้ก่อตั้งก็เป็นผู้ที่ทำงานศิลปะ ลักษณะของโรงเรียนก็น่าจะมีอะไรน่าสนใจ เราจึงได้รับการแนะนำจากผู้ประสานงานว่า มีกิจกรรมด้านศิลปะให้เลือกทำนะ
ปล. ตรงนี้เป็นหน้าโรงละครค่ะ มีละครแสดงทุกวันเสาร์



บริเวณอาคารเรียน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาปิดเทอม จึงเงียบมาก ๆ ............สถานที่น่าเรียนมาก ๆค่ะ



แล้วเราก็ต้องเข้าไปทำกิจกรรมในโรงละคร............ครูเล็กมากล่าวต้อนรับและแนะนำวิทยากร ชื่อ อ.อะไรจำไม่ได้แล้วค่ะ แต่พูดไทยได้(รอดตัวไปเรา) กิจกรรมที่จะทำในวันนี้คื..การปั้นดิน



อาจารย์เริ่มบรรยายและสาธิการปั้นเป็นตัวอย่าง....เพิ่งรู้ว่าดินนี่ก็นเอามาจากเชียงใหม่นิ


แล้วเราก็บรรเลง โดยวิทยากรก็ดูแลอย่างใกล้ชิด กับผลงานบางส่วน



แต่ก่อนหน้านั้นเราไปแวะดูกลุ่มบ้านที่นายดี(รุ่นพี่เราเอง ) เป็นผู้สร้างสรรค์และสร้างขึ้นมา เรียกบริเวณนี้ว้า Art Camp


บ้านแต่ละหลังมีรูปแบบรายละเอียดแตกต่างกันไป.แล้วเด็กเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นว่า เพื่อภาพที่สวยงาม ผมทุ่มสุดตัว อยากรู้จังว่าเพื่อนมันให้ค่าจ้างเท่าไหร่เนี่ย



บรรยากาศอบอุ่น....เป็นบ้านพักที่เปิดให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการเข้ามาพักได้เหมือนรีสอร์ท ราคาบ้านแต่ละหลังก็แตกต่างกันไป(โทษทีที่ลืมราคานะคะ)



บริเวณภายในแต่ละห้องจะไม่เหมือนกันค่ะ ส่วนมากคนที่มาพักคือ มาดูละครกันช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทตย์ ก็ดูละครด้านหน้าโรงเรียน แล้วก็เข้ามานอนด้านในบริเวณ art camp



แต่ที่ประทับใจที่สุดคือ อาคารที่พักรวม เหมาะสำหรับการมาเป็นหมู่คณะ มีมุ้ง ที่นอน ห้องน้ำ ลานซักล้าง แล้วก็สวยมาก ๆ น่านอนจริง ๆ

ก่อนจบภาพค่อนข้างน้อย แต่อยากจะบอกว่าที่นี่เหมาะเป็นแหล่งเรียนรู้อีกที่นึงนะคะ พาเด็ก ๆ มาทำกิจกรรมได้ แม้ว่าจะมาเอง ไม่ได้ติดต่อเป็นหมู่คณะ

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์(ข้อมูลจากแผ่นพับ)
เชิญร่วมกิจกรรมในทุกวันเสาร์และอาทิตย์ วันเสาร์เริ่มเวลา 10.00 - 16.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 10.00-14.00 น. ตลาดเรียนรู้เสาร์-อาทิตย์ ณ วิกหัวหิน เปิดสอนการแสดง และศิลปะแขนงต่าง ๆ ทั้ง บัลเล่ต์ patched work บาติก พิมพ์ผ้าด้วยเทคนิคธรรมชาติ ปั้นดิน กายกรรม และออกกำลังด้วยการ"เต้นรำบอลรูม" ยามเย็นในเวลา 17.00 น.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเตมได้ที่ วิกหัวหิน 032-827815 หรือ //www.vichuahin.com




 

Create Date : 23 มีนาคม 2554   
Last Update : 29 พฤษภาคม 2554 14:38:48 น.   
Counter : 2703 Pageviews.  


ธรรมมาศรมธรรมมาตา

ได้รับวารสาร"ธรรมมาตา" มาจากสวนโมกข์ ที่ซึ่งเคยไปหลบพักอาศัยพักกายใจราว ๆ 7-9 วัน ในช่วงเวลาที่สถานการณ์บ้านเมืองที่แยกราชประสงค์กำลังตึงเครียดเมื่อปีปลายปีที่แล้ว




ถือว่าเป็นวาสนาที่ได้รู้จักสถานที่นี้โดยบังเอิญ และเพิ่งจะได้ไฟล์ภาพจากกล้องของรุ่นพี่เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง(ทั้ง ๆ ที่มันนานแล้วแต่ก็ยังประทับใจไม่รู้ลืม)


ทางเข้าสวนนานาชาติ แต่ธรรมมาตาอยู่ฝั่งตรงข้าม

ก่อนอื่นต้องแนะนำสถานที่ก่อน "อาศรม ธัมมมาตา" ก่อตั้งขึ้นโดย ท่านพุทธทาสภิกขุ มีเจตนาเพื่อยกย่องพระคุณมารดา.................อ่านเอาเนาะ



สถานที่อยู่ติดกับสวนนานาชาติที่ฝึกอบรมสมาธิวิปัสนาของสวนโมกขพลาราม ที่หลาย ๆ คนอาจจะเคยไปมาแล้ว แต่ธรรมมาตาจะมีลักษณะการอบรมปฏิบัติธรรมตลอดทั้งปีเพียง 3 โครงการ เท่าที่ทราบจะรับเฉพาะผู้หญิงนะคะ


แต่เริ่มเดิมทีไม่เคยทราบถึงสถานที่นี้มาก่อน ความบังเอิญเกิดจากต้องการไปฝึกปฏิบัติธรรมที่สวนโมกขพลารามในช่วงเดือนพฤษภาคม ไหน ๆ ก็ต้องไปพังงาอยู่แล้ว ระหว่างรอขับรถกลับบ้านก็ขอมีโอกาสได้ไปผ่านการอบรมในสถานที่มีประวัติยาวนานดูซักที.................แต่เนื่องจากว่าผู้คนคงจะคิดตรงกันและน้อง ๆ นักศึกษาก็ปิดเทอมกันเยอะ เมื่อเดินทางไปถึงคนเต็มซะแล้ว



เอาล่ะซิ...........ขับรถกลับพังงา...เสียของมาก ๆ ด้วยความใจดีมีน้ำใจของพี่น้ำ(เจ้าของรถ)ที่รับแม่ชีมาจากวัดเพื่อเดินทางมาที่สถานที่ฝึกปฏิบัติธรรมขึ้นรถมาด้วย เลยได้อานิสงค์แม่ชีท่านหนึ่งเคยเป็นศิษย์เก่าของธรรมมาตาจึงพากันเข้าไปในเขตของธรรมมาตาเพื่อแวะทักทายเหล่าญาติธรรมและอาจารย์ที่เคยอบรมให้..............และได้แจ้งแก่อาจารย์หมอเสริมทรัพย์(น่าจะใช่นะคะถ้าจำผิดก็กราบขออภัยค่ะ) ว่าต้องการมาปฏิบัติธรรมแต่สถานที่เต็มซะแล้ว



อาจารย์หมอจึงเสนอให้พักที่ธรรมมาตาแต่เนื่องจากระยะนั้นไม่มีการอบรมใด ๆ คงจะต้องดูแลตัวเอง ปฏิบัติเอาเอง แต่มีกุฏิ เสื้อผ้าและอาหารให้.................เหมือนสวรรค์มาโปรดไม่ต้องมาเสียเที่ยวแล้ว ตกลงอยู่ที่ธรรมมาตาและได้เรียนรู้การปฏิบัติตนด้วยตนเองจริง ๆ ไม่มีตารางเพียงแต่ทำวัตรเช้า-เย็นร่วมกัน เดินไปเอาอาหารที่สวนนานาชาติใกล้ ๆ (ที่กำลังมีการอบรม) แล้วก็ทำความสะอาดสถานที่ และปฏิบัติด้วยตนเอง.......................ถือว่าเป็นสวรรค์บนดินจริง ๆ



เมื่อมองจากศาลากลางน้ำ


มีกุฏิตั้งอยู่ในสวน เวลาผ่านมา 12 ปีแล้วต้นไม้เลยให้ร่มเงาอย่างดี



อยู่คนเดียว......สงบดีจริง ๆ



ด้านในห้องมีแต่สิ่งของจำเป็นจริง ๆ (แค่นี้ก็อยู่ได้สบายมาก...)


สิ่งเดียวที่ติดไว้ในห้อง





มีที่นั่งเขียนหนังสือด้วย...........


และอุปกรณ์ประจำบ้าน....ลืมถ่ายภาพตะเกียงมาด้วย





ทางเดินไปศาลาปฏิบัติธรรม............มืด ๆ เดินคนเดียวก็เสียวนิด ๆ เหมือนกัน



ทำวัตรเช้า-เย็นที่นี่............ผู้เขียนมีหน้าที่ตื่นขึ้นมาเคาะระฆังตอนตี 4


ด้านในเรียบง่ายแต่สะอาด................ต้องมากวาดถูทุกวันจ้า



ไม่มีสิ่งใดเกินจำเป็นเลยจริง ๆ



กุฏิแต่ละหลังก็ห่าง ๆ กัน.....เหมือนไม่มีคน แต่มีนะแต่ละคนแยกย้ายกันปฏิบัติ เจอกันตอนเช้ากับเย็น



จบด้วยมุมมองจากหน้ากุฏิที่พักอยู่.................ใช่มั้ยเนี่ย????

นับว่าเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่มีตาราง ทุกคนทำหน้าที่ของตนเอง มีเวลาก็ไปสนทนากับอาจารย์หมอเรื่องการปฏิบัติ...........อาหารเพียง 2 มื้อ(ซึ่งจริงๆ มื้อที่ 2 วันท้าย ๆ ก็ทานเพียงผลไม้) ให้ความรู้สึกที่ว่า ร่างกายนี้ก็อยู่ได้กับสิ่งประกอบและเลี้ยงชีพเพียงเล็กน้อย ความสงบเป็นความสุขที่แท้จริง แต่ใจที่มีกิเลสต่างหากที่หลอกให้เราหลงมัวเมากับความสุขจอมปลอม และกระเสือกกระสนไขว่คว้าแต่สิ่งที่เกินจำเป็นจนเป็นทุกข์....................


กลับมาบ้านก็มีแรงต่อสู้กับชีวิตต่อไป



ขอบกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ชักนำให้ได้ลิ้มรสความสงบในครั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้ได้คำตอบว่าชีวิตข้างหน้าเราคงไม่มืดมิดนัก

ขอประชาสัมพันธ์สำหรับโครงการอบรมของะรรมาศรมธรรมมาตา สวนโมกขพลาราม ปี พ.ศ.2554
มีโครงการอบรม 3 โครงการ ดังนี้



1 โครงการอาจริยบูชาเนื่องในวันพึทธทาส เพื่อเป็นการปฏิบัติบูชาแด่ท่านพุทธทาส อินทปัญโญ ระหว่างวันที่ 28 พฤษภ่คม - 6 มิถุนายน 2554
2. โครงการฝึกอบรมตนเพื่อความมีชีวิตพรหมจรรย์ที่หมดจดงดงามรุ่นที่ 15 ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ตุลาคม 2554(สำหรับผู้ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานราชการให้ลาปฏิบัติธรรมได้ 3 เดือน ให้เข้าร่วอบรม 3 เดือนแรก ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2554
ทั้ง 2 โครงการรับจำนวนจำกัดโครงการละประมาณ 20 คน จึงต้องติดต่อขอระเบียบการและส่งใบสมัครล่วงหน้า

โครงการอาจารยบูชา วันที่ 28 พค.-6 มิย 54 หมดเขตรับสมัคร 30 เมย 54

โครงการฝึกอบรมตนเพื่อความมีชีวิตพรหมจรรย์ที่หมดจดงดงาม วันที่ 1 กค-31 ตค 54 หมดเขตรับสมัครวันที่ 15 พค 54

3. โครงการปฏิบัติเฉพาะตน เปิดโอกาสให้ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมได้มาใช้ประโยชน์จากสถานที่นี้ สามารถสมัครทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยผ่านการอบรมจากธรรมมาศรมธรรมมาตา โดยสมัครได้ตลอดปี(น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ตรงกันกับ 2 โครงการแรก) กำหนดส่งใบสมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนวันขอเข้าใช้สถานที่ เพื่อรอการตอบกลับจากคณะทำงาน

ติดต่อสอบถามรายละเอียดและขอรับใบสมัครได้ที่ธรรมทานมูลนิธิ
งดรับสมัครทาง e-mail ส่งใบสมัครทางไปรษณีย์เท่านั้น

สำนักงาน ธรรมาศรมธรรมมาตา(วารสารธรรมมาตา)
อาคารคณะธรรมทาน 68/1 หมู่ 6 ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี 84110
โทรศัพท์ 077-431596 ถึง 7 , 077-431661ถึง 2
e-mail : dharmamata@hotmail.com

เผื่อใครจะสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ




 

Create Date : 05 มีนาคม 2554   
Last Update : 5 มีนาคม 2554 11:49:49 น.   
Counter : 2406 Pageviews.  


พระสาน........มาฆะบูชา

ในวันมาฆะบูชาปีนี้ เนื่องจากได้มีโอกาสไปช่วยขับรถให้รุ่นพี่ไปทำงานที่ อ. แม่อาย เมื่อเสร็จธุระกำลังจะรีบกลับ ผ่านวัดหนึ่งซึ่งขาไปก็เห็นมีชาวบ้านนั่งเป็นกลุ่มในเต๊นท์หน้าวัด ก็คิดว่าทำบุญอะไรกันซักอย่างเนื่องในวันพระใหญ่ อาจจะจุลกฐินรึเปล่า ? ซึ่งก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย ขาไปก็รีบ ๆ ตอนกลับจริงๆ ก็รีบเพราะต้องเข้าเชียงใหม่ให้ได้ก่อนมืด แต่สายตาเหลือบเห็นฐานองค์พระองค์ใหญ่ ทำจากการสานไม้ไผ่ เลยขอจอดกลับรถมาดู เลยได้เห็นว่า ชาวบ้านกำลังช่วยกันจักตอกไม่ไผ่เพื่อจะเอามาสานเป็นพระประทานสำหรับวัด................


แวะลงมาดูเห็นเป็นฐานองค์พระขนาดใหญ่



เมื่อสอบถามชาวบ้านจึงทราบว่าเค้ามารวมตัวกันเหลาไม้ไผ่ซึ่งจะเอามาสานพระประธานสำหรับวัด...อืมชื่อวัดอะไรนี่ขอดูหน่อย


เป็นบุญจริง ๆ เมื่อเช้ารีบออกมาจากบ้านวัดก็ไม่ได้ไป เอาล่ะทำบุญสร้างพระพุทธรูปซะเลย.........



พระท่านให้ตะกร้าเล็ก ๆ มาใส่เงินบอกว่าคือขมวดเส้นผมขององค์พระ แล้วให้เอาไปวางที่ถาด.............งบน้อยมาไกลแต่ตั้งใจนะ




ขมวดพระเกศาที่ทำเอาไว้แล้ว


ชาวบ้านมาร่วมแรงร่วมใจเหลาไม้ไผ่ทุกเพศ ทุกวัย


ยืนยันว่าทุกเพศทุกวัยจริง ๆ




ไม้ไผ่วัสดุสำคัญ ต้องเป็นไผ่มุงเมือง ซึ่งไม่มีในเขตนั้น ต้องขึ้นป่าไปเอามาจากบนดอบสูง มีคุณสมบัติตอนที่ยังไม่แห้ง เหนียว เนื้อค่อนข้างนิ่ม(จับดูแล้วนิ่มจริง ๆ ) และไม่มีมอด


จะเห็นว่าองค์พระขึ้นโครงด้วยเหล็กเส้น ช่างเป็นพระที่มาจากรัฐฉานฝั่งพม่า เห็นพระมานอนกันเต็มศาลาจริง ๆ สอบถามว่าน่าจะเสร็จและฉลองประมาณเดือนเมษายน


นอกจากมีดเหลาไม้ทั่ว ๆไปก็ใช้อุปกรณ์เหลาไม้ที่ทำได้หลายขนาดตามขนาดของรู


แล้วก็เอามาขัดกระดาษทรายในขั้นสุดท้าย ก็ดูคล้าย ๆ หวายนะ


ขึ้นรูปมือเอาไว้บางส่วนแล้ว


ท่อนไม้ที่เห็นใช้เป็นแบบในการขึ้นรูปนิ้วมือองค์พระ



ส่องเข้าไปใกล้ ๆ


ขอจบด้วยภาพการร่วมแรงร่วมใจในการประกอบบุญ แม้ไม่มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่การลงแรงเป็นบุญก็ไม่ค่อยมีให้เห็นในสังคมเมืองบ้านเรา

บางครั้งก็มาคิดว่าเราก็ใช้แต่เงินจนเคยตัว พอไม่มีเงินก็คิดว่าจะทำอะไรไม่ได้ อย่างการทำบุญสร้างพระประธานของชาวบ้านหมู่บ้านนี้ ทำให้รู้สึกว่าทุกคนร่วมกันสร้างพระ ดังนั้นพระองค์นี้ก็เป็นเหมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทั้งหมู่บ้าน ไม่แน่ใจว่าอาจจะมีคนจากต่างถิ่นมาร่วมช่วยกันบ้าน อันเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยอะไรมากมาย...............สาธุ




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2554   
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2554 10:38:34 น.   
Counter : 1186 Pageviews.  


ไปทำบุญ

สื่บเนื่องมาจากไอเดียของรุ่นพี่ที่เคยทำงานร่วมกันท่านหนึ่งได้รวบรวมพรรคพวกชวนกันไปทำบุญถวายสังฆทานให้เจ้ากรรมนายเวรของแต่ละคน ของเน้นอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรค่ะ

แล้วก็ใกล้สิ้นปีแล้วคิดว่าเพื่อเป็นการเปิดปีใหม่อย่างสดใสไร้ความหมองหม่นเลยคิดว่าทำบุญก็ดีเหมือนกัน เผื่อไปทำให้ใครไม่พอใจ หรือ เคยทำอะไรไม่ดีไว้ ก็จะได้ขออโหสิกรรมกันไปซะ แล้วก็ได้ข้อมูลดี ๆ มาจากพี่เดี่ยว(หัวหน้าทีมทำบุญ) เลยคิดว่าน่าจะเอามาโพสลง blog ซะหน่อย ดังนี้ค่ะ

เรียนทุกท่าน
เนื่องจากมีความคิดเห็นว่า ในชีวิตของทุกท่านน่าจะได้ทำสังฆทานมาบ้างแล้ว แต่อยากจะถามว่า สังฆทานใหญ่เพื่ออุทิศให้เจ้ากร รมนายเวร โดยเฉพาะ ได้ทำกันบ้างไหมน้อ ? ถึงแม้ว่าเคยทำแล้ว หรือ ไม่เคยทำ ก็ตาม .. ที่ส่ง mail มาให้นี้ ก็เพราะอยากจะเชิญชวนให้มาร่วมทำสังฆทานใหญ่ ด้วยกัน เป็นจำนวน 9 ครั้ง ระยะเวลา ทั้งหมด 9 เดือน หรือ เดือนละครั้งนั้นแหละ ... แต่อาจจะไม่ 9 วัดนะ .. อาจจะไปวัดไหน 2 - 3 ครั้ง ก็เป็นได้ ทั้งนี้ขึ้นกับพระที่จะไปถวายสังฆทานด้วย เพราะอยากจะให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่เราต้องการอุทิศส่วนกุศลให้

เรา (ณ ตอนนี้) มิอาจจะรู้ได้ ว่าในภพชาติที่แล้ว หรือ แม้กระทั่งชาตินี้ ได้กระทำการอันเลวร้ายไว้กับผู้อื่นอย่างไรบ้าง ... การถวายสังฆทาน ก็จะเป็นการขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรที่ยังมีชีวิตในชาตินี้ให้แล้วสิ้นต่อกันเสีย หรือไม่ก็เป็นการยกระดับสภาวะความเป็นอยู่ของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้ได้มีสภาวะที่ดีขึ้น สุขสบายขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของผู้ตั้งใจถวายและบารมีของพระที่เป็นพระสุปฏิปัญโณ (สาวกของพระพุทธเจ้าจริงๆ) ด้วย

ดังนั้น สังฆทาน มิได้จำกัดไว้สำหรับคนที่ตายไปแล้วเท่านั้น เราสามารถทำสังฆทานให้คนที่มีชีวิตอยู่ก็ได้ด้วยเน่อ... และดูเหมือนว่า ทำครั้งเดียวก็น่าจะพอ ใช่ไหม ? ถ้าโชคดี ทำสังฆทานกับพระสุปฏิปัญโณจริงๆ ก็เหมือนถูกหวยรางวัลที่ 1 ผู้ที่เราตั้งใจถวายไปให้ ก็เหมือนได้เงินล้าน เพียงพอที่จะยกสถานะของตนเองให้ไป อยู่ในสถานที่ใหม่ ที่สะดวกสบายกว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เมื่อทำให้ดังนี้แล้ว ถ้าเป็นเรา คิดว่าจะอภัยให้เขา (คนที่เขาทำไม่ดีกับเรา) ได้หรือเปล่าหล่ะ ?

แต่ในสภาวะปัจจุบัน เราไม่อาจจะแน่ใจได้ว่า เขาจะได้รับส่วนกุศลอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือเปล่า จึงเป็นที่มาของการทำสังฑทาน 9 ครั้ง แล้วทำไมต้อง 9 ครั้ง .. ที่ตั้งไว้ 9 ครั้ง เพราะอยากให้เขา (ผู้ที่เราได้ต้องการอุทิศส่วนกุศลให้) ได้รับทราบถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ว่าเราต้องการที่ขออโหสิกรรมจริงๆ และเพื่อให้เขาได้รับผลจริงๆ เหมือนกัน เพราะเราไม่อาจจะรู้ได้เช่นกันว่า เขาอาจจะตกอยู่ในสภาวะที่เลวร้ายมาก มีแต่ความเคียดแค้น อาฆาตในการกระทำของเรา

ดังนั้น ถ้าเราตั้งใจแน่วแน่ ... ที่จะถวายสังฆทานให้ครบทั้ง 9 ครั้ง ก็ต้องมีอานิสงค์เพียงพอที่จะทำให้เขาพ้นจากสภาวะอันไม่พึงประสงค์ และยิ่งกว่านั้น เราก็ปราถนาให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ได้ให้อภัยในความโง่เขลา เบาปัญญา ของเราที่ได้กระทำลงไปแล้วในอดีตชาติหรือในชาตินี้

โปรดทราบไว้ว่า ถ้าเราตั้งใจที่จะทำแล้ว มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่ตั้งใจ นะ เพราะเราอาจจะถูกทดสอบด้วย ว่าตั้งใจทำจริงหรือไม่ ? สามารถที่จะทำให้ครบ 9 ครั้งหรือไม่ ? บางคนทำไปได้สัก 2 - 3 ครั้ง ก็จะเกิดอาการตีรวนแล้ว (จิตจะคิดว่า 2 - 3 ครั้งก็น่าจะพอแล้ว เอาอะไรมากมาย เปลืองเงิน .. ซึ่งจะทำลายความตั้งใจให้ไม่สามารถทำได้ ครบ 9 ครั้ง) ... การทดสอบอาจจะมีมาในหลายรูปแบบ ทั้งแบบขัดขวาง หรือ ให้พลาดไป ... ซึ่งอันนี้เราก็จะได้เจอเป็นคนๆ ไปเน่อ ...


อันนี้ก็ต้องขอบพระคุณในความเมตตาของพี่เดี่ยวไว้ ณ ที่นี้ด้วย การไปทำบุญถวายสังฆทานครั้งแรกพวกเราไปกันที่ วัดถำดอยโตน อ.แม่วาง เชียงใหม่



แล้วก็ได้ข้อมูลมาอีกจากพี่เดี่ยวคนเดิม

เพื่อเป็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการถวายสังฆทาน จึงขอนำเรื่องดังกล่าวมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

การถวายสังฆทานนั้น สามารถดำเนินการได้ตลอดทั้งปี เมื่อไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้ที่บ้านก็สามารถทำได้ โดยแจ้งแก่ทางวัดให้จัด พระสงฆ์ ไป รับสังฆทาน ตามจำนวนที่ต้องการถวาย หัวหน้าสงฆ์ หรือ เจ้าอาวาส ของวัดนั้น ก็จะจัดภิกษุรูปใดหรือหลายรูปไปรับก็ได้ ขอให้ผู้ที่จะถวายพึงทำใจว่า ท่านมารับในนามของ สงฆ์ หรือเป็นผู้แทนของสงฆ์ทั้งหมด ไม่ควรพึงเพ่งเล็งว่าเป็นพระรูปใดรูปหนึ่ง อาจจะเป็นพระรูปที่เราไม่รู้จัก หรือไม่ชอบก็ได้

การถวายสังฆทานนี้ จะนำไปถวายที่วัดก็ได้มิใช่จะต้องไปที่วัดเสมอ พึงไปพบหัวหน้าสงฆ์หรือเจ้าอาวาส แจ้งความประสงค์ต้องการที่จะถวายสังฆทานจำนวนกี่รูป ท่านจะจัดภิกษุรูปใดก็ได้เป็นตัวแทนมารับตามจำนวนที่ต้องการถวาย หรือท่านจะเป็นผู้รับเองก็ได้


งานนี้เราเตรียมแต่ตัว(ให้ว่าง) เตรียมใจไปทำบุญ(ดีจัง)

ขาไปมัวลุ้นว่าจะหลงรึเปล่า เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่ได้ถ่ายรูปวิวหน้าวัดไว้ค่ะ


ถึงวัดแล้วดูเหมือนรีสอร์ทเลย เงียบจริง ๆ


รูปชัดมั้ยล่ะเนี่ย ตอนถวายสังฆทานไม่กล้าถ่ายค่ะ ดูทุกคนจริงจังมาก แล้วเราก็ส่งบุญไปไม่ถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วย


แล้วก็ไปดูถ้ำกัน จริง ๆ มีคนกำลังปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิอยู่หนึ่งท่าน แต่ก็หลบไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเรามาค่ะ ขอโทษนะคะที่รบกวน


บรรยากาศเหมาะแก่การปฏิบัติจริง ๆ แต่หนาวมากสำหรับคนไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไป


เสร็จแล้วก็เดินสำรวจโดยรวบ อาคารปฏิบัติธรรมหลังใหม่กำลังสร้าง


ส่วนอาคารนี้เป็นอาคารปฏิบัติธรรม..........สวยจัง


ขึ้นไปบนชั้น 2 ค่ะ


อันนี้ตรงหน้าระเบียง


มีพระธาตุให้บูชา


ต้องรีบไปแล้วล่ะ......ฝนมาแล้ว


ก่อนกลับเก็บมา 1 ภาพ

อิ่มบุญกันทั่วหน้าแต่หิวแล้วค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ติดตามด้วยนะคะ




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2553   
Last Update : 15 ธันวาคม 2553 16:05:51 น.   
Counter : 399 Pageviews.  


1  2  

อันต้า
 
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Logo           พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง  Smileyไม่เบียดเบียนตนอื่น(ระวังคนอื่นเบียดเบียนเราด้วย) Smiley มีน้ำใจมาก ๆ (เตือนตัวเองบ่อย ๆ ) หวังไว้ว่าแก่ตัวมาจะได้มีสังคมที่ดี ไม่ต้องย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น(เพราะทนอยู่ไม่ได้) ......แต่ไปอยู่ไหนดีล่ะ Smiley  เอาวะช่วยกันสร้างดีกว่า อย่างน้อยก็อย่าทำลายเนอะ Smiley

Free TextEditor        comment box
New Comments
[Add อันต้า's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com