เพชรโฮป ตำนานและคำสาป เรื่องลึกลับ EP 4 เพชรโฮป (อังกฤษ: Hope Diamond) เป็นเพชรขนาดใหญ่ หนัก 45.52 กะรัต (9.10 กรัม) สีน้ำเงินเข้ม ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาสมิธโซเนียนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพชรโฮปมองด้วยตาเปล่าเห็นเป็นสีน้ำเงินเพราะมีธาตุโบรอนปริมาณเล็กน้อยอยู่ในโครงสร้างผลึก แต่จะเรืองแสงสีแดงเมื่ออาบแสงอัลตราไวโอเล็ตเพชรดังกล่าวจัดเป็นเพชรประเภท 2 บี และดังกระฉ่อนเพราะเล่าว่าเป็นเพชรต้องคำสาป มันมีประวัติศาสตร์บันทึกยาวนานโดยมีช่องว่างอยู่บ้างเมื่อมันได้เปลี่ยนมือหลายครั้งระหว่างทางจากอินเดียไปฝรั่งเศส ไปอังกฤษและสหรัฐอเมริกา เพชรโฮปได้รับการอธิบายว่าเป็น "เพชรที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก" และเป็นงานศิลปะที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากภาพโมนาลิซา คุณสมบัติของเพชร
ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับเพชรที่มีชื่อว่า “เพชรโฮป (Hope Diamond)” เริ่มขึ้นเมื่อ พ่อค้าชาวฝรั่งเศส ชื่อ จอง แบปทิส ทาเวอร์เนีย (Jean Baptiste Tavernier) ได้ซื้อเพชรดิบน้ำหนัก 112 3/16 กะรัต จากเหมืองคอลเลอ (Kollur) เมืองกอลคอนดา (Golconda) ประเทศอินเดีย แล้วนำมาถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในปี ค.ศ. 1668 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้มีบัญชาให้ช่างเพชรแห่งราชสำนักเจียระไนเพชรเม็ดนี้ขึ้น เป็นเพชรเม็ดที่รู้จักกันในชื่อว่า “Blue Diamond of the Crown” หรือ “French Blue” ซึ่งนำไปตกแต่งบนสายสะพายเครื่องอิสริยาภรณ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พื่อใช้สวมใส่ในงานพิธีการต่างๆ ต่อมาเพชรเม็ดนี้ได้ตกทอดมาสู่ พระนางแมรี่ อังตัวเนตต์ (Marrie Antoinette) ซึ่งภายหลังจากเกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ เพชรเม็ดนี้ได้สูญหายไป จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1830 เฮนรี่ ฟิลิป โฮป (Henry Philip Hope) ได้ซื้อเพชรเม็ดนี้ไว้ และหลังจากนั้นเขาก็ได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1839 ทำให้เพชรแห่งความหวังตกทอดไปสู่ญาติพี่น้องตระกูลโฮป ในปี ค.ศ.1906 เพชรเม็ดดังกล่าวได้ผ่านจากมือของบุคคลผู้เป็นสมาชิกในครอบครัวของโฮป ไปอยู่ในมือของจาคส์ เซลอท ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายเพชรชาวเปอร์เซีย ซึ่งต่อมาเขาได้กระทำอัตตวินิบาตกรรม เจ้าของคนถัดมาคือ เจ้าชายคานิตอฟกีแห่งรัสเซีย ทรงซื้อเพชรเม็ดนี้ไว้ และมอบให้แก่นางสนมชาวฝรั่งเศส เพื่อใส่ไปแสดงละครที่ฟัวเยร์เบอร์เกร์ แต่ขณะที่เธอกำลังแสดงอยู่นั้นเจ้าชายก็ทรงปลิดชีพเธอด้วยอาวุธปืน และอีกสองวันต่อมาพระองค์ก็ถูกปลงพระชนม์โดยผู้ปฏิวัติชาวรัสเซีย
เจ้าของคนต่อมาเป็นชาวอียิปต์ที่ต้องจมน้ำตายทั้งครอบครัว เมื่อเกิดอุบัติเหตุเรือสำราญชนกันที่สิงคโปร์ นายหน้าคนต่อมาได้นำเพชรเม็ดนี้ไปขายให้กับสุลต่านแห่งตุรกี และนายหน้าคนดังกล่าวก็ต้องตายพร้อมภรรยาและลูกจากอุบัติเหตุรถยนต์ตกหน้าผา และสุลต่านแห่งตุรกีทรงมอบเพชรเม็ดนั้นให้แก่พระสนม แต่ตอนที่ถูกทหารของพระองค์กระทำรัฐประหารนั้นเอง กระสุนปืนได้พลาดไปถูกหล่อนจนถึงแก่ความตาย ส่วนสุลต่านถูกเนรเทศและขันทีผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาเพชรเม็ดดังกล่าวก็ถูกจับแขวนคอ จากนั้นบริษัทคาร์เทียร์เป็นผู้รับซื้อเพชรโฮปเม็ดนั้นไว้ แล้วนำไปขายต่อให้กับ ครอบครัวแมคลีน (McLean) อาถรรพ์ที่เกิดกับพวกเขาก็คือบุตรชายวัยแปดขวบของพวกเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน บุตรสาวและหลานสาวของพวกเขา ก็ตายเนื่องจากใช้ยาบาบิตูเรตเกินขนาด ส่วน เอ็ดเวิร์ด แมคลีน มีอาการคลุ้มคลั่ง วิกลจริต และเสียชีวิตในโรงพยาบาลโรคจิตแห่งหนึ่ง ในที่สุด แฮรี่ วินสตัน (Harry Winston) ซึ่งเป็นพ่อค้าเพชรชาวนิวยอร์ก ได้ซื้อเพชรโฮป และมอบให้แก่สถาบัน สมิธโซเนียน (Smithsonian Institute) ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งดูเหมือนคำสาปแช่งจะยุติลงเพียงแค่นั้น อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางจดหมายจำนวนนับพันๆ ฉบับที่ส่งมาขอบคุณในการบริจาคของเขาครั้งนั้น ข้อมูลเพชรโฮป (Hope Diamond)
อ้างอิงข้อมูลจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%9B
รูปเพชรโฮป
|
สมาชิกหมายเลข 6567373
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] https://phiphathnrakseng.wixsite.com/phiphatmemeuniverse Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |