การภาวนาแบบสุกขวิปัสสโก คือทำฌานให้แห้งแล้ง หรือ? คำถามจากสมาชิกท่านหนึ่งทางหลังไมค์ ขอโทษด้วยนะครับ ส่งมาเยอะเหลือเกิน มีอีกประเด็นนึงที่ใช้พูดกันมากครับ ประเด็นตรงนี้ น่าวิเคราะห์ครับ คำถาม :- มีการบอกว่า การทำแบบนี้ เป็นการภาวนาแบบ สุกขวิปัสสโก คือ ทำฌานให้แห้งแล้ง แล้วก็มีการบอกว่า ยุคนี้ สังคมแบบนี้ ทำฌาน ได้น้อยเต็มที (ซึ่งผมเอง ก็เชื่ออย่างนั้น เพราะตัวเอง แค่จิตรวม ยังเข้าไม่ถึงเลย) ตรงนี้ อาจจะต้องมีการอธิบายครับ ว่า การปฏิบัติแบบสุกขวิปัสสโก แท้จริงแล้วเป็นเช่นไรครับ คำตอบ :- การปฏิบัติแบบสุกขวิปัสสโก คือ แบบสายพุทโธ นั่นแหละครับ เน้นการปล่อยวางอารมณ์ออกไปจากจิต จนจิตสงบถึงขีดสุด จิตแยกออกจากอารมณ์ ไม่สนใจที่จะไปเห็นผี เห็นนรก เห็นเทวดา เห็นสวรรค์ ไม่สนใจเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เรื่องหูทิพย์ ตาทิพย์ สุกขวิปัสสโก ไม่ใช่ทำฌานให้แห้งแล้ง จริงๆแล้วทำไม่ใช่ง่ายเลย เพราะจิตต้องปล่อยวางอารมณ์ต่างๆที่เข้ามากระทบจิตออกไปให้ได้หมดทุกอารมณ์ ซึ่งเป็นการสวนทางกับธรรมชาติของจิต ที่มีปกติตกไปในอารมณ์และปรุงแต่งไปตามอารมณ์ ซึ่งจิตจะแยกออกจากอารมณ์ จนอยู่กันคนละส่วนได้นี้ ต้องระดับฌาน ๔ ในสัมมาสมาธิเท่านั้น และต้องฝึกฝนจนเป็นวสี ชนิดที่น้อมจิตปุ๊บก็เข้าฌาน ๔ ได้ปั๊บ ธรรมภูต ★ ★ ★ คำถามหลังไมค์ (ต่อ) คำถาม :- อ่า อ่านแล้วชวนหมดกำลังใจครับ จะพ้นทุกข์ได้ ต้องเข้าฌาน 4 ให้ได้ งั้นเหรอครับ? คำตอบ :- ครับ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจครับ ความเพียรมีผล ความพยายามมีผลครับ ชาตินี้อาจไม่ทัน ชาติหน้าก็ยังดี ต้องปฏิบัติสม่ำเสมอไปครับ เป็นการสะสมบารมี เหมือนน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ธรรมภูต ★ ★ ★ คำถามหลังไมค์ (ต่อ) คำถาม :- อืม รบกวนพี่ช่วยอธิบาย สัมมาสมาธิ ว่า ต่างจากที่พี่บอกว่า เป็นสมาธินอกตัว สงบอย่างเดียว ได้ไหมครับ คำตอบ :- ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า การปฏิบัติสมาธินั้น มีมาก่อนพุทธกาล และพระพุทธองค์ก็เคยทรงศึกษามาเช่นกัน ที่สำนักอาฬารดาบส และอุทกดาบส ...อากิญจัญญายตนะ (ฌาน ๗) เนวสัญญานาสัญญายตนะ (ฌาน ๘)... พระองค์ทรงตระหนักได้ว่า ฌานเหล่านั้นเป็นไปเพื่อความสงบ ทำให้กิเลสเบาบาง แต่ไม่เป็นไปเพื่อตัดกิเลส เพื่อความพ้นทุกข์ เพราะจิตยังยึดอารมณ์ละเอียดนั้นอยู่อย่างเหนียวแน่น และเกรงว่าอารมณ์นั้นๆจะจืดจางหายไป ทรงพบว่าการปฏิบัติสัมมาสมาธิ ฌาน ๔ ซึ่งไม่จัดว่าเป็นรูปฌานหรืออรูปฌาน เป็นวิธีที่ทำให้จิตสงบถึงขีดสุด จิตไม่ยึดถืออารมณ์ใดๆเลย จิตปล่อยวางอารมณ์ทั้งสุข ทั้งทุกข์ จิตเป็นอิสระไม่เกาะเกี่ยวกับอารมณ์ใดๆ สัมมาสมาธิ ทำให้เกิด ปัญญาญาณ (ญาณรู้อริยสัจ ๔) เพราะจิตจะเห็นคู่เทียบ ๒ ฝั่ง คือ จิตที่กระสับกระส่ายหวั่นไหวเมื่อเจือกับอารมณ์ กับ จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิไม่มีอารมณ์เจือ จิตเมื่อออกจากฐานที่ตั้งสติ หรือที่เรียกว่าจิตส่งออกไปรับรู้เรื่องราว(อารมณ์) จะกระสับกระส่ายหวั่นไหวไปตามอารมณ์ ทำให้เกิดทุกข์ขึ้น...ทุกข์ การที่จิตส่งออกจากฐานที่ตั้งสติ หรือออกไปรับรู้เรื่องราว(อารมณ์) ทุกข์ไม่เกิดขึ้นเป็นไม่มี นั่นแลคือเหตุแห่งทุกข์...สมุทัย จิต เมื่อปล่อยวาง-ไม่ยึดถืออารมณ์ใดๆเลย ไม่ทุกข์...นิโรธ การดึงจิตกลับมาอยู่ที่ฐาน(สัมมาสติ) คอยประคองไม่ให้จิตแลบออก(สัมมาวายามะ) ทำให้จิตสงบตั้งมั่น(สัมมาสมาธิ) เป็นสมาธิ เป็นวิธีที่จะทำให้จิตปล่อยวาง-ไม่ยึดถืออารมณ์ใดๆ (สัมมาทิฐิ-สัมมาสังกัปปะ) ซึ่งจะทำได้ต้องมีศีลกำกับด้วย(สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ) ...มรรค ธรรมภูต ★ ★ ★ คำถามหลังไมค์ (ต่อ) คำถาม :- เอ่อ แล้วแบบนี้ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า 7 วัน 7 เดือน 7 ปี งี้ก็ไม่ถูกดิครับ ผมต้องรอถึงชาติถัดๆไปเชียวหรือครับนี่ ? คำตอบ :- ท่านครับ ถ้ายังไม่ได้ฌาน ๔ และยังทำให้เป็นวสีไม่ได้ อย่าไปพูดถึง ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี เลยครับ ยังไม่ได้สัมมาสมาธิฌาน ๔ มรรคยังไม่สมังคี ครับ มรรคจะสมังคีครั้งแรก เป็นพระโสดาบัน นั่นหมายความว่า ต้องเข้าออกฌาน ๔ จนชำนาญ จากนั้นปฏิบัติต่อไป ค่อยๆถอดถอนกิเลส...ฯลฯ... จากนี้ไปครับถึงจะ ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี... เจริญในธรรมทุกๆท่าน ธรรมภูต ไม่สนใจ ที่ว่ามาค่ะ
เคยปฏิบัติดูจิตลงภวังค์ไปลึกมาก จนเหมือนหายไปหมด เสียงดับ ความรับรู้ก็ดับ นิ่งอยู่แบบนั้น เหมือนว่าง ทุกสิ่ง ทุกอย่างหายไป แต่ไม่บ่อยนัก รู้ตัวค่ะ ว่ายังไม่สามารถทำให้เป็นวสีได้เลย โดย: พ่อระนาด วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:0:45:39 น. ......................................... ท่านพ่อระนาดครับ ที่ท่านบอกว่าตกภวังค์ ทุกอย่างดับหมด ยังมี"รู้"อยู่มั้ยครับ? ถ้ายังมีรู้อยู่แสดงว่าภาวนาจนกระทั่งจิตรวมลงเป็นหนึ่งได้ หมั่นเข้าให้ถึงสถาวะนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเป็นวสีนะครับ ลองฝึกฝนวิธีนี้ดูสิครับ เผื่อจะได้ชำนาญเป็นวสืได้รวดเร็วขึ้น ขณะที่อยู่ในสภาวะนั้น ให้ลองทำลมให้หยาบขึ้นช้าๆโดยลำดับ เพื่อออกมาจากสภาวะตรงนั้นชั่วคราว แล้วลองกลับเข้าไปใหม่ ลองทำสักสองถึงสามครั้งดู ก่อนออกจากสภาวะตรงนั้นครับ เจริญในธรรม ธรรมภูต โดย: ในความฝันของใครสักคน
![]() มีค่ะ ยังมี "รู้" อยู่ค่ะ
รู้ว่าอยู่ในสภาวะนั้น เคยฝึกเข้าออก คือออกมาได้ แต่พอกลับเข้าไปได้ ไม่ลงภวังค์ไปแบบนั้น อย่างมากก็ยังได้ยิน ยังรู้สึก น้อยมากที่จะลงไปลึกแบบนั้น คงต้องฝึกทำบ่อยๆ ให้มากเข้าจะได้เป็นวสี ยอมรับหน่อยๆ นะคะ ว่าติดกับสภาวะนั้นอยู่บ้าง รู้สึกว่าดีจัง ไม่มีอะไร ว่างดี ขนาดนั่งอยู่ในแอร์ ก็ไม่รู้สึกถึงความเย็น แต่พอออกมาแล้ว งงเลยค่ะ เพราะหนาวมาก กายดับ เวทนาดับ เหลือแต่จิตยังไม่ดับ ![]() ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ อนุโมทนา สาธุค่ะ ![]() ปล.ไม่ต้องเรียกท่านพ่อระนาดหรอกนะคะ เรียกพ่อระนาดเฉยๆ ก็พอค่ะ โดย: พ่อระนาด
![]() ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ตอนนี้กำลังฝึกความรู้สึกตัวทั่วพร้อมให้เป็นวสีอยู่ค่ะ ![]() โดย: พ่อระนาด
![]() ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ตอนนี้กำลังฝึกความรู้สึกตัวทั่วพร้อมให้เป็นวสีอยู่ค่ะ โดย: พ่อระนาด วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:12:40 น. ............................. อนุโมทนาครับคุณปุ๊ก กับความก้าวหน้าในความเพียร เพื่อความเป็นวสีในการรู้ตัวทั่วพร้อม... เจริญในธรรมครับ ธรรมภูต โดย: ในความฝันของใครสักคน
![]() หลวงตาท่านบอกว่าจะปฏิบัติก็อย่าข้ามขั้นตอน(เดี๋ยวจะเพี้ยน)
ต้องรักษาศีล 5 ทำสมาธิภาวนา(พุธโธ)ไป แค่นี้แหละ เรื่องดูจิต....ศีลกับสมาธิยังทำไม่ได้เสียเวลาที่จะไปดูมันเอาเวลามาภาวนา "พุทโธ" ดีกว่า มันจะสงบหรือไม่สงบก็ไม่ต้องไปคิด....เอาแค่ พุธโธ ก็พอ....อิๆๆ โดย: ตามลำดับขั้น IP: 223.205.138.192 วันที่: 30 พฤษภาคม 2556 เวลา:10:30:08 น.
|
ในความฝันของใครสักคน
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หน้าแรก Blog ธรรมภูต - พระภัทรสิทธิ์ Group Blog All Blog |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ไม่สนใจเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เรื่องหูทิพย์ ตาทิพย์
^
^
ไม่สนใจ ที่ว่ามาค่ะ
เคยปฏิบัติดูจิตลงภวังค์ไปลึกมาก
จนเหมือนหายไปหมด
เสียงดับ ความรับรู้ก็ดับ นิ่งอยู่แบบนั้น
เหมือนว่าง ทุกสิ่ง ทุกอย่างหายไป แต่ไม่บ่อยนัก
รู้ตัวค่ะ ว่ายังไม่สามารถทำให้เป็นวสีได้เลย
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ