Group Blog
 
All blogs
 

ทริป - สามชุก จ.สุพรรณบุรี

ทริป - สามชุก //// ลูกหลานมังกร จ.สุพรรณบุรี



ทริปนี้ไปรถน้องชายค่ะ ก็ช่วยกันออกค่าน้ำมันรถให้น้องมันอิอิ ไปแค่ 200 กว่ากิโลจากกรุงเทพค่ะ


ดูแผนที่ของสามชุกก่อนล่ะกันนะคะ



เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพไปรับเพื่อนที่อยุธยาก่อนค่ะ แล้วก็ไปวัดม่วง แล้วก็มาสามชุกกันต่อค่ะ ทริปนี้ไปกันทั้งหมด  6 คนค่ะ หุ้นเงินคนล่ะ 100 บาท ค่าน้ำมัน


เด๋วขอให้ข้อมูลของสามชุกก่อนนะคะ เผื่อเพื่อนๆ อยากมาเที่ยวบ้างค่ะ


ตลาดสามชุกเปิดทุกวันทำการค่ะ และเปิด 08.00-17.00 ของทุกวันนะคะ การเดินทางมาตลาดสามชุกมาได้หลายทางดังนี้ค่ะ


โดยรถตู้


ถ้าไปรถตู้ ขึ้นรถที่กองสลาก ข้างสภาทนายความ กรุงเทพ-สามชุก ค่ารถ120บาท ถึงหน้าตลาดเลยค่ะ


รถส่วนตัวเด๋วมาบอกอีกทีค่ะ






ประวัติตลาดสามชุก




“สามชุก เป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดสุพรรณบุรี โดย ในอดีตสามชุกคือแหล่งที่ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติทั้งไทย จีน มอญ ฯลฯ มามีสัมพันธ์ต่อกันในลักษณะของการแลกเปลี่ยน และซื้อขายสินค้า จนพัฒนาไปสู่ การลงหลักปักฐาน สร้างเมืองที่มั่นคงขึ้นมาตาม ประวัติของเมืองสามชุก กล่าวไว้ว่า ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2437 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เดิมชื่ออำเภอ “นางบวช” ตั้งอยู่บริเวณ ตำบลนางบวช โดยมีขุนพรมสภา (บุญรอด) เป็นนายอำเภอคนแรก ซึ่งยังมีภาพถ่ายปรากฎอยู่จนถึงปัจจุบัน

ต่อมาในปี 2457 ต้นรัชกาลที่ 6 ได้ย้ายอำเภอมาตั้งที่บ้าน “สำเพ็ง” ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญในสมัยนั้น จนกระทั่งปี 2481 สมัยรัชกาลที่ 8 ได้เปลี่ยนชื่อจาก “อำเภอนางบวช” มาเป็น “อำเภอสามชุก” และย้ายมาตั้ง อยู่ริมลำน้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) ซึ่งแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผ่านคลอง มะขามเฒ่า


แต่เดิมบริเวณที่ตั้งอำเภอสามชุกเรียกว่า “ท่ายาง” มีชาวบ้านนำของป่าจากทิศตะวันตกมาค้าขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ บ้างก็มาจากทางเหนือ บ้างก็มาจากทางใต้ เป็น 3 สาย จึงเรียกบริเวณที่ค้าขายนี้ว่า “ สามแพร่ง “ ต่อมาได้เพี้ยน เป็น สามเพ็ง และสำเพ็งในที่สุด ดังปรากฎหลักฐานกล่าวไว้ในนิทานพื้นบ้านย่านสุพรรณมีเรื่องกล่าวต่อไปว่า ในระหว่างที่คนมารอขายสินค้าก็ได้ตัดไม้ไผ่มาสานเป็นภาชนะสำหรับใส่ของขาย เรียกว่า “กระชุก” ชาวบ้านจึงเรียกว่า “สามชุก” มาถึงปัจจุบัน


อำเภอสามชุกเดิมมีพื้นที่ 774.9 ตารางกิโลเมตร ต่อมาในปี 2528 ได้มีการตั้งอำเภอหนองหญ้าไซ จึงแบ่งบางส่วนออกไป ยังคงเหลือเพียง 362 ตารางกิโลเมตร


ตลาดสามชุก เป็นตลาดสำคัญในการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญในอดีต ตั้งแต่เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสุพรรณบุรี แต่เมื่อถนนคือ เส้นทางจราจรทางบกที่เข้ามาแทนที่การเดินทางทางน้ำ ทำให้คนหันหลังให้กับแม่น้ำท่าจีน ความสำคัญของตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าริมน้ำเริ่มลดลง บรรยากาศการค้า ขายในตลาดสามชุกเริ่มซบเซา และเมื่อต้องแข่งขันกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และตลาดนัดภายนอก ทำให้ร้านค้าภายในตลาดต้องหาทางปรับตัว และเมื่อราชพัสดุ เจ้าของที่ดินที่ชาวบ้านเช่าที่ดินมายาวนาน ดำริจะรื้ออาคารตลาดเก่า สร้างตลาดใหม่ จึงทำให้ชาวบ้านพ่อค้าที่อยู่ในตลาดสามชุก ครูอาจารย์ที่เห็นคุณค่าตลาดเก่า รวมตัวเป็นคณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ระดมความคิด หาทางอนุรักษ์ตลาดและที่อยู่ของตนไว้ และหาทางฟื้นคืนชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เป็นที่มาของกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใช้การท่องเที่ยวศึกษาวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม ประวัติศาสตร์ชุมชน เป็นเครื่องมือการพัฒนาอาคารไม้เก่าแก่ ในตลาดสามชุก ที่ก่อสร้างเป็นแนวตั้งฉากกับแม่น้ำท่าจีน เป็นสิ่งบอกให้รู้ว่าเป็นลักษณะของตลาดจีนโบราณ เป็นชุมชนชาวไทย-จีน ที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ลวดลายฉลุไม้ที่เรียกว่าลายขนมปังขิง ซึ่งเท่าที่พบในตลาดนี้มีถึง 19 ลาย คือ ศิลปะตกแต่งอาคารไม้โบราณ ที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน หากไม่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ก็ย่อมสูญหายไปเช่นเดียวกับตลาดโบราณอื่นๆนอก จากสถาปัตยกรรม อาคารไม้โบราณที่พบเห็นได้ตลอดแนวทางเดิน 2 ข้างทางเดินในตลาด วิถีชีวิตบรรยากาศภายในตลาดการค้าขายที่ยังคงรักษาวิถีแบบดั้งเดิมเช่นใน อดีต และบรรยากาศน้ำใจอัธยาศัยไมตรีของแม่ค้า ข้าวของเครื่องใช้ ขนมอาหารที่นำมาตั้งขายในตลาด เป็นสิ่งยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งที่จำลองมาเพื่อให้ผู้ชมได้ดูชั่วครั้งชั่วคราว แต่เหล่านี้คือ วัฒนธรรมที่สืบเนื่องจากอดีต บ่มเพาะมาเป็น 100 ปี
นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสได้ ไม่รู้เบื่อ อิ่มตา อิ่มใจ อิ่มท้องอย่างไม่รู้ตัว และทำให้ตลาดสามชุก แห่งนี้ได้รับขนานนามว่าตลาด 100 ปี พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต






เราเดินหน้าไปสามชุก ก็ถ่ายป้ายสามชุกตามที่เค้าไปถ่ายกันค่ะ





ถ่ายกะเพื่อนร่วมทริป เพื่อนรัก เพื่อนที่ทำงาน



ผู้คนเยอะจริงๆ เดินไปดูข้างในกันดีกว่าค่ะ


ที่สามชุกเปิดเวลา  08.00-17.00 รีบมาก็ดีค่ะ เนื่องจาก มาก่อนก็มีที่จอดรถค่ะ คันล่ะ 20 บาท วนๆหาเอาล่ะกันนะคะ



ที่แรกที่เราไปคือ บ้าน ขุนนำนงค์ค่ะ



มุมไฮโซ





เตียงนอนสมัยก่อนอิอิเก่าดีจัง



ถ่ายกะเพื่อนค่ะ



ของขายเยอะจัง



เริ๊ด



5555 ช่วงนี้อืดมากมายเลยค่ะ




ร้านบ้านโค๊ก เสียค่าเข้าคนล่ะ 5 บาทค่ะ



ชื่อพี่ต้นค่ะ ผู้หญิงชื่อต้นอิอิ สวยป่ะล่ะ



คิดว่ามิดแล้วคะ



การ์ดสามชุก ใบล่ะ 15 บาท






ภาพไกลๆค่ะ


แล้วก็ไปพิพิธภัณฑ์ลูกหลานมังกรด้วยค่ะ ถ่ายที่ป้ายของศาลหลักเมืองไปเที่ยวกันคะ










 

Create Date : 07 มกราคม 2553    
Last Update : 2 มีนาคม 2553 19:52:14 น.
Counter : 1141 Pageviews.  

ทริป - วัดม่วง จ.อ่างทอง

 ทริปวัดม่วง จ.อ่างทอง


 




ทริปวัดม่วง พระองค์โต จาก จ.อ่างทอง


พอดีดูรายการวันหยุดสุดขีดมาค่ะ เลยอยากไปวัดนี้มาก เค้าว่าพระองค์โต๊โต. ได้มาสัมผัสโตจิงๆค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็ถึงวัดม่วง เห็นองค์พระมาแต่ไกล เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย

พระองค์ใหญ่ที่เห็น เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2550 ด้วยความศรัทธาของประชาชน และงบประมาณการก่อสร้างโดยประมาณ 106 ล้านบาท โดยองค์พระมืชื่อว่า "พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชายชาญ"
หน้าตักกว่า 63 เมตร ความสูง 95 เมตร


วัดม่วง วัดนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวสะพาน มีพระอุโบสถล้อมรอบด้วยกลีบบัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมีรูปปั้นเกจิอาจารย์ ชื่อดังทั่วประเทศ ระยะทางจากจังหวัดถึงวัดม่วงประมาณ 8 กิโลเมตร และยังสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ของดีเมือง อ่างทองได้อีกเขาว่าขอสิ่งใดให้สมปรารถนา ขอให้มีแต่ความสุขความเจริญ หายจาก
โรคภัยไข้เจ็บ รวยๆ ด้วยเถิด




























 

Create Date : 07 มกราคม 2553    
Last Update : 5 มกราคม 2554 9:58:09 น.
Counter : 4357 Pageviews.  

ทริป - แพะเมืองผี จ.แพร่


ทริป - แพะเมืองผี จ.แพร่



ทริปนี้เราไปเที่ยว แพะเมืองผีมาด้วยค่ะ เพราะว่าทางผ่านพอดี แต่มาก็ไกลพอตัว เลยถ่ายอย่างเดียวพอล่ะกันเนอะ




มาอ่านประวัติกันก่อนดูรูปดีกว่าค่ะ


วนอุทยานแพะเมืองผี อยู่ในท้องที่ตำบลแม่หล่าย ตำบลน้ำชำ ตำบลทุ่งทุ่งโฮ่ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2524
ลักษณะภูมิประเทศ
   วนอุทยานแพะเมืองผีมีสภาพเป็นป่าบนที่ราบลอนคลื่นบริเวณรอบนอกมีความลาดเทของพื้นที่น้อย สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200-210 เมตร
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
   ป่าไม้เป็นป่าเต็งรัง พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ยางเหียง พะยอม งิ้ว เปล้า สะแก ไผ่ไร่ และป่าที่ปลูกเพิ่มเติม ได้แก่ กระถินณรงค์ กัลปพฤกษ์ หางนกยูง
   สัตว์ป่าที่พบได้แก่ งู กิ้งก่า แย้ กระต่ายป่า และนกชนิดต่าง ๆ
บ้านพัก-บริการ
   วนอุทยานแพะเมืองผี ไม่มีที่พักบริการแก่นักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะเดินทางไปพักแรม โปรดนำเต็นท์ไปกางเองแล้วไปติดต่อขออนุญาตกับหัวหน้าวนอุทยานแพะเมืองผีโดยตรง หรือสำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) โทร. 0-5351-1162 หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายจัดการวนอุทยาน สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ 10900 โทร.0-2561-4292-3 ต่อ 719 ในวันและเวลาราชการ
แหล่งท่องเที่ยว
   แพะเมืองผี เป็นพื้นที่เนินเขาซึ่งสูงกว่าส่วนอื่น เกิดจากการพังทลายโดยการกัดเซาะตามธรรมชาติ โดยกระแสน้ำเป็นเวลานาน ทำให้พื้นที่บางส่วนเป็นที่สูงต่ำสลับกันไป หน้าผาและเสาดินมีรูปทรงแตกต่างกัน ก่อให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น
การเดินทาง
   รถยนต์ เดินทางจากจังหวัดแพร่ ตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ระหว่างจังหวัดแพร่-จังหวัดน่าน ห่างจากตัวจังหวัดแพร่ไปประมาณ 7 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือไปวนอุทยานแพะเมืองผีอีก 3 กิโลเมตร ถนนลาดยางตลอด ถ้าหากไม่มีรถไปเองก็ติดต่อว่าจ้างเหมาะรถโดยสารจากสถานีบ.ข.ส.จังหวัดแพร่ หรือมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็ได้ รวมระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
สถานที่ติดต่อ  วนอุทยานแพะเมืองผี



แพะเมืองผี : ผืนดินแห่งตำนาน
    แพะเมืองผี
ตั้งอยู่ระหว่างตำบลทุ่งโฮ้ง และตำบลน้ำชำ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ห่างจากตัวเมืองราว 15 กิโลเมตร บนเส้นทางสายแพร่ – ร้องกวาง แยกตรงกิโลเมตรที่ 9 เข้าไปอีก 6 กิโลเมตร โดยสถานที่ตั้งของแพเมืองผีมีลำธารสายเล็กๆ ไหลผ่าน ในสมัยโบราณเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านตำบลทุ่งโฮ้ง และใกล้เคียงให้ความนับถือมาก เพราะมีประวัติความเป็นมาที่ลึกลับโดยคนโบราณเล่าสืบต่อกันมาว่า มียายแก่เข้าไปเที่ยวในป่าหาผักหน่อไม้มาเป็นอาหาร ได้หลงไปในที่แห่งนี้แล้วพบหลุมเงินหลุมทองจึงเอาเงินเอาทองใส่หาบจนเต็มแล้วยกใส่บ่าเพื่อจะหาบกลับบ้านแต่ก็หลงไปหลงมาในป่าแห่งนั้น เพราะเทวดาเจ้าถิ่นนั้นไม่ให้เอาไป เพียงแต่เอามาอวดให้เห็น ยายผู้นั้นจึงหาหนทางเอาหาบนั้นกลับบ้านไม่ได้ จึงได้วางหาบนั้นไว้แล้วจัดแจงตัดไม้มาคาดทำเป็นราว แต่ก็ยังไม่สามารถนำหาบเงินหาบทองนั้นออกมาได้สักที ยิ่งยกเท้าไปข้างหน้าก็ยิ่งเหมือนยกถอยหลังไปอีกเหมือนหนึ่งว่ามีคนดึงหาบนั้นไว้ ยายแก่จึงวางหาบไว้ที่นั่นแล้วรีบไปบอกชาวบ้านให้มาดูหาบเงินหาบทองนั้น พอชาวบ้านหลั่งไหลไปเป็นจำนวนมาก ครั้นเมื่อไปถึงเงินทองนั้นกลับหายไปตามป่านั้น เมื่อพบรอยเท้าจึงสะกดจามรอยเท้าไปจนถึงเสาเมโร และไม่มีรอยปรากฏไปทางอื่นเลย ยายแก่กับชาวบ้านจึงได้ตั้งชื่อสถานที่นี้ว่า “แพะเมืองผี”
   แพะ หมายถึง ป่าละเมาะ
   เมืองผี หมายถึง ความเงียบเหงาเหมือนเมืองผี
   เสาเมโร หมายถึง เสารูปเหมือนปราสาทศพผู้ตายทางภาคเหนือ












 


 






 





 





 











 

Create Date : 07 มกราคม 2553    
Last Update : 9 มกราคม 2553 15:32:38 น.
Counter : 1244 Pageviews.  

ทริป - พระธาตุแช่แห้ง เมืองน่าน

 


ทริป - พระธาตุแช่แห้ง เมืองน่าน





ประวัติของพระธาตุแชแห้งก่อนนะคะ



ตัวพระธาตุตั้งอยู่บนเชิงเนินปูด้วยอิฐ ลาดขึ้นไปยังยอดเนิน กว้างประมาณ 20 วา มีบันไดนาคขนาบทั้งสองข้าง องค์พระเจดีย์เป็นแบบล้านนาไทย ฐานเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันขึ้นไปจนสูง ใช้แผ่นทองเหลืองบุรอบฐาน แล้วลงรักปิดทอง จากพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พระยาการเมือง เจ้านครน่านได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก กรุงสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ที่ดอยภูเพียงแช่แห้ง และตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่ง แม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง















และก็พระธาตุแช่แห้งมาค่ะ สนุกสนานกันน่าดู 


 


 


ทริปนี้เราแวะไปบ้านเพื่อนที่ อ.เชียงกลาง จ.น่านมาค่ะ และก็แวะไปเที่ยวน้ำตกตาดม่านและก็ พระธาตุจอมกิตติ


 


เรามาพักบ้านเพื่อนฟรีค่ะ ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากคุณพ่อและคุณแม่ของเพื่อน



 เพื่อนเรามีบ้านหลายหลังค่ะ มีที่เชียงใหม่ด้วย น่านด้วย นครสวรรค์ด้วยและก็ปทุมธานีค่ะ


ตรงนี้เรามาพักเต้นส์กันด้วยค่ะที่บ้านเพื่อน แหม อากาศกำลังหนาวเลยค่ะ ตอนเช้ามาบางคนกว่าจะอาบน้ำได้ทุลักทุเล


กลางคืนเราปล่อยโคมยี่เป็งกันอีกรอบค่ะ หลังจากที่ไปปล่อยที่เชียงใหม่กันมา




แล้วก็เล่นไฟในตอนกลางคืนค่ะ ช่างหนุกหนานเหลือเกินจริงๆ




 


 


เพื่อนมีรถหลายคันค่ะ นี่รถส่วนตัวพ่อเค้าเลยขับมาเที่ยวน้ำตกตาดม่านกันค่ะ  




หนาวค่ะ อิอิ



ตอนเช้าตื่นมาไปพระธาตุจอมกิตติกันค่ะ







แล้วก็น้ำตกตาดม่านค่ะ





ก่อนกลับเพื่อนเราได้ติดต่อพระอาจารย์วัดหนึ่งให้เราค่ะ เพื่อทำการสะเดาะเคราห์และเรียกขวัญค่ะ


 เป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ค่ะ ถ้าใครได้มาที่นี่ ก่อนกลับกรุงเทพต้องแวะมาทำพิธีทุกคนค่ะ ก็มารวมตัวกันในโบสถ์กันค่ะ


 แล้วพระท่านก็สวด พระที่นี่โดนตัวหญิงสาวได้ค่ะ เราก็ตกใจเหมือนกัน แต่แม่เพื่อนบอกว่าไม่เป็นไร


 เพราะว่าท่านต้องผูกสายสิญจ์ให้ค่ะ อาจมีโดนนิดหน่อย แต่เอาเป็นว่าเค้าว่ากันว่าไม่อาบัติค่ะ มาดูพิธีกันนะคะ



 












 

Create Date : 07 มกราคม 2553    
Last Update : 9 มกราคม 2553 16:07:54 น.
Counter : 1309 Pageviews.  

ทริป - แอ่ววัดร่องขุ่น จ.เชียงราย

วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย



 วัดร่องขุ่น อยู่ที่บ้านร่องขุ่นกม.ที่ 817-818 ทางขวามือ ก่อนจะถึงตัวเมือง ๑๒ กม. โดยมีอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้าของประเทศไทย เป็นผู้ออกแบบทั้งหมด โดยได้ทรัพย์สินส่วนตัว ของตัวอาจารย์เฉลิมชัยเอง บวกกับพื้นที่บริจาคประมาณ 7 ไร่เศษ ของคุณวันชัย วิชญชาคร และเงินบริจาค ของผู้ที่มีจิตศรัทธา
ลักษณะเด่นของวัดคือพระอุโบสถที่ประดับตกแต่งด้วยสีขาวเป็นพื้น ประดับด้วยกระจกบนปูนปั้นเป็นลายไทย โดยเฉพาะเหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ


 






























 





 

Create Date : 07 มกราคม 2553    
Last Update : 8 มกราคม 2553 14:43:54 น.
Counter : 735 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

Nenejung N Nuy
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Nenejung N Nuy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.