ทริป ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์
ตามล่าหาพระอาทิตย์ ขึ้นประตู 15 บาทแต่ มาไวไปหน่อย ยังไม่เจอค่ะ อดไปนะ
โดยในวันที่ 3-5 เมษายน และ 8-10 กันยายน ของทุกปี ดวงอาทิตย์ขึ้น ส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน ช่องชาวบ้านจะเดินเท้าขึ้นมาเพื่อชมความอลังการที่ผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างของบรรพชน นอกจากนี้ในวันที่ 6-8 มีนาคม และ 6-8 ตุลาคม ของทุกปี ดวงอาทิตย์ก็ตก ส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2555 เราเข้าฟรีค่ะ เฉพาะช่วงปีใหม่
ประวัติคร่าวๆนะคะ
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 (บ้านดอนหนองแหน) ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยโบราณสถานสำคัญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงประมาณ 200 เมตรจากพื้นราบ (ประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) คำว่า พนมรุ้ง นั้น มาจากภาษาเขมร คำว่า วนํรุง แปลว่า ภูเขาใหญ่
เราเดินทางจากจ.นครราชสีมา อ.ครบุรีค่ะ เนื่องจากไปบ้านพี่ชายมาก่อนแล้วแวะไปที่นี่ รู้สึกจะห่างกันแค่ 60 กิโลเมตรได้ค่ะ
การเดินทางไปที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
ในการเดินทางไปที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งโดยใช้รถยนต์ส่วนบุคคล สามารถเลือกเดินทางได้ 2 เส้นทางออกจากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ดังนี้
- เดินทางโดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 218 (บุรีรัมย์-นางรอง) เป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (สีคิ้ว-อุบลราชธานี) ไปจนถึงหมู่บ้านตะโก ประมาณ 14 กิโลเมตร แล้วจึงเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2117 ผ่านบ้านตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติอีกประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
- เดินทางโดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 (บุรีรัมย์-ประโคนชัย) เป็นระยะทางประมาณ 44 กิโลเมตร ถึงตัวอำเภอประโคนชัย จะเห็นทางแยกที่จะไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ซึ่งใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 21 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2075 และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2117 ก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
ถ้าเดินทางโดยใช้บริการรถโดยสารจากขนส่งบุรีรัมย์ ก็ให้ขึ้นรถโดยสารสายบุรีรัมย์-จันทบุรี พอถึงที่หมู่บ้านตะโก แล้วจึงลงจากรถ จากนั้นจะมีรถสองแถววิ่งไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือไม่ก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้
เวลาเปิดปิดของที่นี่นะคะ
ตู้ไปรษณีย์
ผู้คนมากมายหลั่งไหลกันมาเที่ยวช่วงปีใหม่ค่ะ
ราคาค่าเข้าค่ะ
แผนผังของที่นี่ค่ะ
มองแล้วเหมือนด้านล่างของภูกระดึงค่ะ 55
เอ่อ ใส่กระโปรงไม่อยากแนะนำให้ใส่เข้ามานะคะ เพราะว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และอาจอันตรายเวลาก้าวเดินขึ้นค่ะ เนื่องจากชันมาก
ต้องอย่างเรา 555 รัดกุมป่ะล่ะ
มาถึงต้องแปลกใจค่ะ เจอหินอะไรต่ออะไรซ้อนกัน
และหินสมัยโบราณเพียบ
จะมีประวัติและอธิบายตลอดทางค่ะ
บรรยากาศโดยรอบ
ห้ามโยนเหรียญนะรู้มั๊ยย
ทริปนี้ไปกะพี่ชายด้วยค่ะ นี่ไงพี่ชายเรา
โอ๊ววเดินทางกันต่อ โห สูงง่ะ
ปวดหนักเบา เรามีให้
อันนี้พี่สะใภ้เรา ซึ่งอายุน้อยกว่าเรา ป.ล.ไม่ได้ท้องนะคะ อิอิ
นาคราช ห้ามนั่งบริเวณนี้ด้วยนะ
ประวัติ
สะพานนาคราช
ถัดจากนั้นเป็นทางเดินทั้งสองข้างประดับด้วยเสามียอคล้ายดอกบัวตูมเรียกว่าเสานางเรียง จำนวนข้างละ 35 ต้น ทอดตัวไปยังสะพานนาคราช ซึ่งผังกากบาทยกพื้นสูง ราวสะพานทำเป็นลำตัวพญานาค 5 เศียร สะพานนาคราชนี้ ตามความเชื่อเป็นทางที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเทพเจ้า สิ่งที่น่าสนใจคือ จุดกึ่งกลางสะพาน มีภาพจำหลักรูปดอกบัวแปดกลีบ อาจหมายถึงเทพประจำทิศทั้งแปด ในศาสนาฮินดู หรือเป็นจุดที่ผู้มาทำการบูชา ตั้งจิตอธิษฐาน จากสะพานนาคราชชั้นที่ 1 มีบันไดจำนวน 52 ขั้นขึ้นไปยังลานบนยอดเขา
ที่หน้าซุ้มประตูระเบียงคดทิศตะวันออก มีสะพานนาคราชชั้นที่ 2 ระเบียงคดก่อเป็นห้องยาวต่อเนื่องกัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารอบลานปราสาทแต่ไม่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ เพราะมีผนังกั้นอยู่เป็นช่วง ๆ มีซุ้มประตูกึ่งกลางของแต่ละด้าน ที่มุมระเบียงคดทำเป็นซุ้มกากบาท ที่หน้าบันของระเบียงคดทิศตะวันออกด้านนอก มีภาพจำหลักรูปฤๅษีซึงหมายถึงพระศิวะในปางที่เป็นผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอาจรวมหมายถึง นเรนทราทิตย์ ผู้ก่อสร้างปราสาทประธานแห่งนี้ด้วย
เพื่อนร่วมทริป มีแม่เราด้วยนะ
มาถึงครึ่งทางแระ มองไปด้านหลัง ว๊าวว
ถึงแว้วว
คนเยอะ ถ่ายไปเจอแต่คน ถ่ายสระน้ำล่ะกัน
สวยมากค่ะ
ประตูมีหลายชั้นมาก ที่นี่ล่ะ ที่มีพระอาทิตย์หลายมุมอ่ะ
ประมาณว่า จะเป็นแบบนี้อ่ะค่ะ ถ้ามาเทศกาล
ขอขอบคุณเจ้าของภาพมากค่ะ เครดิตตามลิงค์ด้านล่างค่ะ
ง
ขากลับ เจอหนุ่มๆสาวๆ ตั้งกันใหญ่
ลืมถามเหมือนกันว่าทำเพราะว่าอะไร เพราะว่าที่ภูกระดึงก็เห็นเค้าทำกัน
เยอะอ่ะ
บรรดาของฝาก
จบทริปแล้วค่ะ มีอะไรรอบหน้าจะมาใหม่นะคะ