BACK to the Future!!!
Group Blog
 
All blogs
 

I'm coming BACK

หลังจากห่างหายไป 2 ปีเต็ม

เหมี่ยวมันกำลังจะกลับมาค่ะ!!!



อาจเนื่องด้วยตอนนี้อยู่วอร์ดเด็กที่ว่างเกินพิกัด
เน็ตเร็วที่หอ
ดงบังไม่มีข่าวอะไร update (ยกเว้นเรื่องที่ทะเลาะกับค่ายอยู่)

อีกใม่นานเกินรอแน่นอน


เตรียมพบกับ REVIEW trip เกาะล้าน + เกาะกูด



เร็วๆนี้


จริงๆ



(รับรองต่อไปจะไม่ดองนาน)

2 ปีนี่นานเกิน
นานจนลืมไปแล้วว่ากรูเองก็เคยมี blog นี่หว่า

เลยกลับมาจัดการ modified ใหม่เกือบหมด


แล้วก็เห็นว่าความคิดความอ่านอะไรของตัวเองก็เปลี่ยนไปเยอะแยะพร้อมๆกับความเปลี่ยนแปลงของ bloggang


แล้วเจอกันนะ


*ว่าแต่จะมีใครมาทักกันมั่งมั้ยเนี่ย หายไปนานขนาดนี้*

เอารูปไปดูเล่นๆ เป็น Preview ก่อนนะ





เกาะล้าน










แล้วก็เกาะกูด






แล้วเจอกันเน้อ




 

Create Date : 27 ตุลาคม 2552    
Last Update : 28 ตุลาคม 2552 0:12:10 น.
Counter : 1081 Pageviews.  

TVXQ Fighting!!!

*คำเตือน... บล็อกวันนี้ยาวได้อีก จะได้คุ้มกับที่ไม่ได้อัพมา 4 เดือนไง แล้วไม่รู้ว่าจะได้อัพอีกทีเมื่อไหร่*





ฉันเริ่มชอบทงบังครั้งแรกตอนปี 1 ก่อนคอนครั้งแรกเกือบเดือน
เดินผ่านร้านขายวีซีดีร้านหนึ่งซึ่งตอนนั้นกำลังเปิด Dangerous Love อันลือลั่นอยู่



ฉากตอนนั้นเป็นฉากที่ยุนโฮอุ้มแจจุงที่ไปสะดุดล้มในห้องน้ำผ่านข้างหลังยูชอนที่กำลังกินข้าวอยู่
ก็เลยไม่รู้ว่าฉันชอบทงบังเพราะใครกันแน่ (ฮา)



ตอนคอนครั้งแรก แหวนได้บัตรฟรีมา (ช่วงนั้นเพิ่งเริ่มชอบ ร้องเพลงไม่เป็น)
ก็เลยเกรงใจแหวน ไม่ไปดีกว่า (บัตรฟรี 4500 เลยนะเฟร้ยยยยย)



พอได้อ่านรีวิวคอนเสิร์ตครั้งนั้นแล้วยังเจ็บใจไม่หาย
ทำไมต้องคิดจะเกรงใจแหวนวันนั้นฟระ???






พอรู้ว่าทงบังจะเปิดคอนเสิร์ตครั้งที่ 2 เลยบอกกับตัวเองว่าคราวนี้ฉันต้องไม่พลาด
ยิ่งพอรู้ว่าจะมาแถลงข่าววันที่ 14 ตุลา


ฉันรีบเคลียร์คิวตัวเองให้ว่างที่สุด
(ที่จริงมีงาน Medical Expo ของคณะ ที่สีลมแต่ขอเลวด้วยการไม่ไปและไปทำงานวันอื่นแทน 55+)




เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 ต.ค. 2550 (เมื่อ 2 วันที่แล้ว)
ฉันกับปุ๋ยไปรอซื้อตั๋วที่หน้าพารากอนตั้งแต่ 7.30 (เร็วกว่าไปเรียน ขอบอก)
กลัวบัตรโซนที่อยากได้จะหมดก่อน เพราะมันมีพรีเซลล์ไปแล้วส่วนหนึ่ง (แล้วทำไมตรูไม่ซื้อพรีเซลล์วะ)


ในเว็บอดามาสบอกว่าจะเปิดประตูรั้วให้เข้าไปรอตอน 8 โมง
แต่สุดท้ายรั้วก็เปิด 10 โมงอยู่ดี (แล้วจะให้ตรูตื่นเช้าเพื่อ?????)


พอประตูเปิดปุ๊บ คนก็วุ่นวายๆ ปุ๋ยล้ม โดนทับต่อๆกันจนลุกไม่ได้
ฉันก็ใช้ความถึกส่วนบุคคลดึงปุ๋ยขึ้นมาจากกองแล้ววิ่งไปต่อแถวซึ่งมั่วจนไม่รู้จะเรียกว่าแถวดีรึเปล่า??

อยากรู้ว่าใครมันเป็นต้นคิดให้เอาที่ขายบัตรมาอยู่ที่เดียวกับที่แถลงข่าว (ลานพาร์ค พารากอน) วะ
ก็เลยมีทั้งพวกมาซื้อบัตรกะพวกมารอดูอัดกันอยู่เต็มลาน


คนเยอะจนฉันทนอยู่ต่อไปไม่ไหว
ฉัน ปุ๋ย กับนุกนิก และปู (ซึ่งตามมาทีหลัง) จึงตกลงไปหาอะไรกินกันก่อน
แต่ด้วยความตื่นเต้น (ซึ่งเป็นมาตั้งแต่คืนก่อนหน้า) ทำให้ระบบประสาทซิมพาเทติกทำงานอย่างหนักหน่วง

เกิดอาการเบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย หูรูดกระเพาะเปิดค้าง และจะอ้วกกกก.......
สรุปคือ กินอะไรไม่ลง




นั่งเล่นกันไปเรื่อยๆ จนใกล้เที่ยง ปุ๋ยก็โทรไปถามข่าวคราวจากพอ (ผู้ซึ่งเฝ้ารอเครื่องลงอยู่ที่สุวรรณภูมิ)
จะเห็นได้ว่า ปีสองมีกันเป็นเครือข่ายเลยทีเดียว
พอบอกว่าถ้าเครื่องลงแล้วก็จะให้รถตู้ตาม แล้วจะโทรมาบอกอีกที


กินข้าวเสร็จ นุกนิกก็ไปเจอเด็กๆชุดแดง (สีประจำวงของทงบัง) กำลังวิ่งขึ้นลิฟท์อย่างเอาเป็นเอาตาย
ถามได้ความว่า เค้าเปลี่ยนที่ขายบัตรไปเป็นเคานเตอร์ไทยทิคเก็ตข้างบนแทน เพราะข้างล่างคนเยอะจนคุมอะไรๆไม่ได้แล้ว



ฉันก็ขึ้นไปกับเค้า ได้คิวที่เท่าไหร่ไม่รู้ เพราะมันยาวเหลือเกิน
สักพักก็มีจนท.มาประกาศว่าที่ไทยทิคเก็ตเซ็นทรัลเวิร์ลด์และที่อื่นๆก็จะเปิดขายพร้อมพารากอนตอนบ่ายสอง (ขณะนั้นเที่ยงนิดๆ)
ก็เลยตัดสินใจฝากเงินสดทั้งหมดไว้กะนุกนิกและปูให้รอที่พารากอน



ส่วนฉันกับปุ๋ย (ผู้ซึ่งมีตังค์ในธนาคารพอที่จะจ่ายค่าบัตรของ 5 คนได้ --- มีโบโบ้ฝากซื้ออีกคน) ก็ไปเซ็นทรัลเวิร์ลด์กัน กะว่าใครซื้อได้ก่อนก็เอาตรงนั้น
ตอนแรกไปที่หน้า B2S ได้คิวที่ 124 ก็เลยตัดสินใจไปเซอร์เวย์ข้างบน เพราะมีเคานเตอร์ไทยทิคเก็ตที่เมเจอร์ด้วย



ขึ้นไปถึงมีคนต่อแถวอยู่ 2 คน โชคดีสุดชีวิต
ก็รอไปรอมา พอใกล้ๆบ่ายสองก็ให้ปุ๋ยไปกดตังค์
เรื่องระทึกก็มาถึงเมื่อปุ๋ยกดตังค์ได้แค่หมื่นเดียว (เพราะตอนเช้าปุ๋ยกดตังค์ค่าบัตรไปแล้ว 10000 ฝากไว้กะนุกนิกที่พารากอน
แล้วก็เพิ่งจะรู้ว่า ATM เค้าไม่ให้เบิกเกินวันละ 20000



ซวยแล้วสิ เอาไงดีวะ?????
ฉันก็เลยไปเบิกตังค์เท่าที่ฉันมีในบัญชีมาให้ ได้มาอีก 5000
(ตอนแรกก็ว่าจะให้ปุ๋ยโอนเข้าบัญชีฉัน แล้วเบิกจากบัตรของฉัน แต่ก็ไม่รู้เลขที่บัญชี)



จนสุดท้าย ฉันจำได้ว่าเพิ่งเจอเอมมี่กับลูกโม่เมื่อกี้แวบๆ มาดูหนังที่เมเจอร์พอดี
ปุ๋ยเลยโทรเข้าไปขอยืมตังค์ลูกโม่ (ขณะนั้นเปิดขายบัตรแล้ว และฉันเป็นคิวต่อไป ระทึกมาก)
ปรากฎว่าลูกโม่ตังค์ไม่พอ และหนังก็เริ่มฉายแล้ว......
*จะร้องไห้กันอยู่แล้ว 2 คนน่ะ*


จะให้นุกนิกวิ่งเอามาให้ก็ไม่ทันแล้ว



สุดท้ายลูกโม่ก็เอาตังค์ของตัวเองรวมกับเอมมี่ออกมาให้ยืมจนเกือบหมดตัว
เป็นหนี้บุญคุณ 2 คนนี้มากๆ ถ้าไม่ได้เอมมี่กับลูกโม่ คงร้องไห้กันอยู่ตรงนั้นล่ะ



สุดท้ายก็ได้บัตรมา โซน BL วันที่ 15 ธ.ค. (เพราะตั้งใจจะไปส่องคู่ยูซูในวันเกิดจุนซูโดยเฉพาะ)






เดินกลับมาหาปูกับนุกนิกที่พารากอน (เริ่มเหนื่อยแล้วเพราะวิ่งไปวิ่งมา)
พอโทรเข้ามารายงานสดว่า ตอนนี้ทงบังเข้าไปดุสิตธานี แล้วจะออกมาอีกทีเมื่อไหร่ไม่รู้


ที่สำคัญพอได้เจอใกล้มากๆ และมีคนไปตามที่ดุสิตน้อยมากๆ



เลยพากันไปดุสิตธานี (ที่โดดงานคณะมาจากสีลมนั่นแหละ *เจ็บใจ*)
ไปถึง ยามไม่ให้เข้าซะงั้น
ยืนรอข้างนอกก็ได้ฟระ!!!



ต่อมาฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ฉันกับเพื่อนๆวิ่งเข้าไปหลบฝนใต้หลืบทางขึ้นลอบบี้
สุดท้ายทนไม่ไหว ตัดสินใจลุยฝนกลับไปประตูเดิม



แต่คราวนี้พี่ยามเปิดรับให้เข้าเลยเว้ยเฮ้ยยยยยย.........
อะไรกันเนี่ย????



เอาเหอะ...ยังไงก็เข้ามาได้แล้ว
เดินเอ้อระเหยไปอยู่กับพอตรงหน้าลอบบี้
มีพี่การ์ดยืนอยู่พอสมควร ก็ยืนคุยกันไปซักพัก รอทงบังลงมา



ฉันเลยเพื่อนๆก็ยืนอยู่แถวหน้าสุด (ติดการ์ด)
เม้าท์กันไปเรื่อยๆ ชิลล์ๆ (กับพี่การ์ดเเละผองเพื่อน)





จนได้เวลาที่รอคอย
ทงบังลงมากันแล้วววววววว.............(ขณะพิมพ์ยังตื่นเต้นอยู่ *ช่วยด้วย*)


คนแรกที่เดินลงมาคือยุนโฮ (ที่ยอมรับว่าไม่เคยเห็นว่าหล่อ)
ตัวจริงแบบ.......หล่อมากกกกกกกกกกกกกกกก.................ขาว ใส หน้าเล็กๆ พระเจ้า!!!!


คนต่อมา น้องมินมั้ง ไม่รู้ เพราะช็อคจากความหล่อของยุนอยู่


ต่อมาก็เห็นแจจุง (เพราะผมสีทองและเสื้อขาวของคุณเธอ)
ตอนนี้ยังไม่เห็นความงามของแจ เพราะยังช็อคอย่างต่อเนื่อง


ต่อมาก็เป็นคิมจุนซู อ๊ากกกกกกกกกกกกกก....................
น่ารักมากกกกกก...............ค่อดๆๆๆๆๆๆ..................
จุนซูใส่เสื้อแขนยาวสีขาว เสื้อกั๊กสีเทา ผูกหูกระต่าย มาดคุณชายมากกกกกกก......
ที่สำคัญ "ใส่แว่น" อ๊ากก.........*ละลาย*


ยังไม่ทันหายตาพร่าจากออร่าความน่ารักของคิมจุนซู




คนสุดท้าย คนที่ฉันรอคอยมากที่สุด คนนั้นนั่นแหละ



"ปาร์คยูชอน" หรือ "ชายปาร์ค" หรือ "มิกกี้" ของฉัน (55+) ก็เดินตามจุนซูมาทันที

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด.......................................(ในใจ)

เพราะมัวแต่ตะลึงในความหล่อ 55+
ผมทรงกะลาครอบน่ารักมากกกกก.........ใส่ชุดสไตล์เดิม
เสื้อยืดโชว์ไหปลาร้า (สวยจริงๆนะเออ) แจ็คเก็ต และกางเกงขาเดฟที่ดูกี่ทีก็รู้ว่าคนใส่คือใคร 55+


สมองไม่สั่งการยับยั้งชั่งใจอีกต่อไป ตะโกนเรียก "ยูชอนอุปป้า (พี่ยูชอน)" สุดชีวิต
แต่คงไม่ได้ยินหรอก เพราะเสียงกรี๊ดมันดังกว่า 555+


(เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดในระยะเวลาประมาณ 10 วินาที มันยังอุตส่าห์บรรยายได้ขนาดนี้)



วิ่งตามออกไปไม่ได้เพราะพี่การ์ดยืนกันอยู่ เลยได้แค่มองจนลับตา
พอขบวนรถทงบังออกไปแล้ว ฉันเลยวิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้ากลับสยาม






กลับไปถึงพร้อมกับทงบังพอดี ตอนกำลังวิ่งๆอยู่ในสยามเซ็นเตอร์ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดเป็นระยะ


ทงบังลงรถที่สยามดิส แล้วเดินแคทวอร์ค (เหมือนจริงๆนะ) ทะลุสยามเซ็นมาที่ลานพารากอน
ระยะทางเป็นร้อยเมตร แต่มีแฟนคลับเกาะตามรั้วกั้นตลอดทาง (เห็น นสพ. บอกว่าคนไปร่วมหมื่น เห็นจะจริง)



ฉันไปปักหลักได้ตรงทางขึ้นลานพารากอน คนเยอะมากๆๆๆ
อาศัยว่าสูงเลยเขย่งเอา 55+ (ตอนนั้นพลัดหลงกับเพื่อนๆเรียบร้อยแล้ว ผู้ชายต้องมาก่อน)



ตำแหน่งนั้นคุ้มมากกกก......
เพราะเป็นทางผ่านของทงบัง คนเดินนำคือยุนโฮอีกแล้ว
คนต่อไปคือน้องมิน (ซึ่งไม่คอยเล่นกะแฟนๆ)
แล้วก็เป็นแจจุง....ที่ความนี้คุณเธอทำให้ฉันรู้ซึ้งที่คำว่า "แจโมเม้นท์" อย่างแท้จริง


ฉันก็เห็นด้วยนะว่าแจเป็นผู้ชายที่สวยมากกกกก......
แต่มันสวยเกินไปอ่ะ ไม่ชอบ


ฉันชอบแบบยิ้มน่ารัก ตอนเก๊กเท่ๆ แต่ปกติรั่วมาก และหลุดทำหน้าอุบาทว์บ่อยๆ แบบยูชอนมากกว่า



แต่ ณ ตอนนั้น ที่แจเดินเข้ามาหากลุ่มแฟนคลับที่เกาะรั้วอยู่ (ตรงที่ฉันเบียดๆเค้าอยู่นั่นแล)
เธอเดินเข้ามา แล้วส่งยิ้มแบบที่เห็นบ่อยๆตามรายการ


เทียบไม่ได้กับของจริงแม้แต่น้อยเลยว่ะ
ตัวจริงแบบ ยิ้มสวยมากกกก...........ทำให้ฉันหลงไปเลย



มือที่ถ่ายคลิปอยู่สั่นระริก และดร็อปหน้ากล้องลงโดยอัตโนมัติ
สรุปคือถ่ายรูปไม่ได้เลยนั่นเอง (เหมือนเป็นอาถรรพ์เทพยังไงไม่รู้)


ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมาก (เพราะเธอนะแจจุง)
เพราะต่อจากแจโมเม้นท์ ก็เป็น "ยูชอนโมเม้นท์"



ทำม้ายยยยยยย.............ทำไมต้องมามือสั่นคุมกล้องไม่ได้เอาตอนนี้
อดถ่ายรูปมิกกี้เลยง่า........อุตส่าห์เห็นระยะใกล้ขนาดนั้นแล้วด้วย


ยูชอนโมเม้นท์ก็ประทับใจไม่แพ้แจโมเม้นท์หรอกนะ
ตราตรึงในสมองตราบนานเท่านานกับรอยยิ้มตาหยีของยูชอน (อีนี่มันเว่อร์)


หลังจากการโจมตีอย่างหนักหน่วง 2 ครั้งผ่านไป ก็มาถึงจุนซู
ที่ดูยังไงก็น่ารักสมเป็นของยูชอน (555+ เชียร์ยูซูสุดฤทธิ์)
โดนไปอีกดอก หมดสติกลางอากาศ







พอทงบังเดินผ่านไป
ฉันก็ต้องวิ่งลงข้างล่างเพื่ออ้อมไปพารากอน (เค้าปิดทางเชื่อมที่ทงบังผ่านหมดเลย)
แล้วก็ไปแทรกตัวอยู่ในลานแถลงข่าว ได้เห็นจากไกลๆ ก็โอเคล่ะ







เค้าพูดอะไรกันฟังไม่รู้เรื่องเลย
แต่มีช็อตยูซูเยอะมาก ไม่ว่าจะ (เกือบ)จับมือคุยกันจุ๊กจิ๊กๆ ยูชอนมองหน้าจุนซูตาเยิ้ม (เห็นถึงขนาดนั้น 555+)


แต่ช็อตเด็ดสุด คือ ตอนยุนกำลังให้สัมภาษณ์
แล้วคู่ยูซูก้มลงไปกระซิบข้างหูกันในระยะประชิด (อันนี้จริงๆ ไม่ได้จิ้นเอง)
บรรดาแฟนคลับก็พากันกรี๊ดดดดดด............(รวมฉันด้วย)







สนุกมากๆ
เห็นช็อตยูซูขำกลิ้งด้วย กลิ้งแบบจริงๆจังๆ
ขำแล้วลงไปกลิ้งหน้าอยู่บนโต๊ะแถลงข่าวกัน 2 คน ขำอะไรกันก็ไม่รู้เพราะไม่ได้ยิน
แต่ก็ให้แฟนคลับจิ้นได้อีกแหละ (มันเป็นของจริงๆแน่ๆเลย คู่เนี้ย)





เพิ่งมารู้ที่หลังว่า ตาปาร์คพูดคำว่า "อย่าแอ๊บแบ๊ว"
แล้วทำไมหัวเราะกันแค่ 2 คนอ่ะ หรือว่ามีความนัยแอบแฝง????
ตาปาร์คเคยเอาไปพูดกะจุนซูหรืออย่างไร???


สรุปแล้ว เป็นแถลงข่าวที่สนุกมาก (เพราะมีคู่วายให้จิ้นตลอด)
จุนซูได้ของที่ระลึกเป็นมะพร้าว ของแจเป็นช้าง (แหม คนจัดช่างรู้ใจ)
ก็มีถ่ายรูปกับสปอนเซอร์ อะไรต่อมิอะไรมากมาย


แต่ที่ประทับใจที่สุด คือ ทงบังชินกิยืนหันหลังให้ทุกคน
แล้วให้ช่างภาพถ่ายรูปพวกเขาโดยมี บรรดาแคสสิโอเปีย (แฟนคลับของทงบัง) เป็นฉากหลัง
เห็นกระทั่งว่ามีแคสซี่ยืนอยู่เต็มชานชาลารถไฟฟ้าทุกชั้น
ทุกที่ที่มองเห็นลานแถลงข่าวคนยืนเต็มหมด (สุดยอดมากกกกก)





ถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ทงบังก็ไปให้สัมภาษณ์ต่อในสยามเซ็น ตรง S club ใกล้ๆ กับซิซเล่อร์

มีแฟนอีกส่วนหนึ่งไม่ออกมาที่ลานแถลงข่าว แต่คอยอยู่ตามรั้วกั้นทางที่ทงบังจะเดินกลับไปในสยามเซ็น
ส่วนฉันเห็นแค่นี้ก็พอแล้ว เลยว่าจะกลับ





พอเจอปุ๋ยแล้วก็เตรียมกลับกัน แต่อันอันก็โทรมาพอดี บอกว่าทงบังให้สัมภาษณ์อยู่คนไปรอส่งน้อยด้วย
ก็เลยตัดสินใจไปตามต่อ
ปูกะนุกนิกกลับไป ได้แหวนกับอันอันมาอยู่ด้วยแทน


ก็ยืนรอกันตั้งแต่หกโมงกว่าจนสองทุ่ม
ระหว่างนั้นก็ยืนเม้าท์กับพี่ๆที่มาตามเหมือนกัน
มียุนโฮกับจุนซูเดินไปเข้าห้องน้ำให้ดูครั้งนึง (55+ ยังอุตส่าห์จะไปดู)



จนสองทุ่มกว่าก็ได้เวลากลับของทงบังชินกิ
คนเดินนำออกมาเป็นยุนโฮอีกแล้ว (ตอนนี้ไม่ตะลึงกับความหล่อแล้ว เริ่มมีภูมิต้านทาน)
คนต่อมาเป็นแจจุง ที่เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อแขนกุดกับแจ็คเก็ตที่ดึงลงมาโชว์ไหล่ขาวเนียน 555+

พอมาถึงตรงหัวมุมซิซเลอร์ก่อนจะเลี้ยวไปสยามดิส แจหันมาทิศที่ฉัน (และแคสสิโอเปียมากมาย) ยืนอยู่และส่งยิ้มนางฟ้ามาให้อีกครั้ง.....อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก.....................

แล้วอาถรรพ์มันก็มาอีกครั้ง
ฉันมือสั่นจนคุมกล้องไม่อยู่ และดร็อปหน้ากล้องลง "อีกครั้ง"
ถ่ายคลิปแจยิ้มไม่เคยได้ มันต้องเป็นคำสาปแน่ๆ
พาลเอาถ่ายมิกกี้ไม่ได้ไปด้วยตลอด


คราวนี้เจอยิ้มแจเข้าไป แล้วต่อด้วยชางมินในชุดเสื้อแขนกุดใส่ฮู้ดสีขาว
*ยังคงเคลิ้มตามรอยยิ้มแจ*

เห็นจุนซูแว้บๆ ใส่แว่นแล้วน่ารักตลอด รู้สึกจะเปลี่ยนเสื้อเป็นแจ็คเก็ตธรรมดาแล้ว


พยายามมองหายูชอน.....หลังจากตั้งสติได้
ไหงมันเป็นการ์ดแล้ววะ???
แล้วมิกกรี้ของฉันล่ะ?????


สรุปคือ ครั้งสุดท้ายนั่น มิกกี้อยู่ตรงไหนไม่รู้ มองไม่เห็น
แต่น่าจะเดินเยื้องๆ ไปทางซิซเลอร์ และกลมกลืนกับบรรดาการ์ด 555+
แอบเสียดายเล็กน้อย(ที่จริงเสียดายมากกกกก...) ที่ครั้งสุดท้ายไม่ได้เจอ


แต่เอาเหอะ คุ้มแล้ว


มีบางคนไปตามทงบังต่อ (ไปส่งที่สุวรรณภูมิ)
แต่ฉันไปต่อไม่ไหวแล้ว




วันนี้วิ่งไปๆมาๆตั้งแต่เช้า
รวมๆแล้วเดินน่าจะเกือบ 10 โลได้ (มีทั้งแนวราบ และแนวดิ่งอย่างวิ่งขึ้นบันได)
เมื่อยแขน (เพราะดึงปุ๋ยขึ้นมาจากกองที่ล้มทับๆกับ)
ปวดน่อง (ยืนเขย่งรวมกันเกือบ 3 ชั่วโมง)


แต่เพื่อทงบังแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว (ขนาดคอนเสิร์ตทรูที่เอสเจมา ยังทำได้เลย)
ถ้าเป็นทงบังชินกิแล้ว เราต้องทำได้มากกว่านั้น 555+



เหนื่อยแค่ไหนก็คุ้มแล้ว

ทงบัง!!! ทงบัง!!!
ทงบังชินกิ FIGHTING!!!


Cassiopeia FIGHTING!!!


แล้วเจอกันใหม่ในคอนเสิร์ตเดือนธันวานะ
จะเตรียมตาไปส่องคู่ยูชอน + จุนซู ในวันเกิดจุนซูโดยเฉพาะเลย









รักนะปาร์คยูชอน (แต่ถ้าเป็นยูซูจะรักยิ่งกว่า 555+)







ป.ล. - ขอโทษแฟนๆ ของน้องมินด้วยที่กล่าวถึงน้อยมากๆ ก็ฉันแทบไม่เห็นน้องเค้าเลยนี่นา


CREDIT: In Pictures ขอบคุณเจ้าของรูปมากๆเลยนะคะ




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2550    
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 2:40:31 น.
Counter : 1215 Pageviews.  

=== อาจารย์ใหญ่... กับกรอสอนาโตมี ===

ขึ้นปี 2 แล้วค่า........


หลังจากที่ปี 1 เต็มไปด้วยความร่าเริงสนุกสนาน โอ้หลั่นล้านอกคณะ


มาปีนี้....



ชีวิตอันสุโขได้จบสิ้นลงแล้ว
และไม่มีวันได้กลับมาอีกแล้วด้วย
*เศร้า*


ปี 1 ที่ได้เรียนวิชาเลือกมากมายตามใจอยาก
(ที่ฉันเลือกดนตรีคลาสสิก ภาพยนตร์ ค่ายพัฒนาชนบท บลาๆๆๆๆ)
มาปีนี้มันไม่มีอีกแร้วววววว.......



ขอโทษด้วยที่สัญญาว่าจะอัพตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลาซะที

เปิดเทอมมา 2 อาทิตย์แรกเป็นบล็อก intro to medical science ค่ะ
ที่จุฬาเรียนเป็นบล็อกค่ะ สบายกว่าที่อื่นเยอะ (รึเปล่า???)

จบเรื่องนึงก็สอบ แล้วก็ลืม!!!


บล็อกแรกจะเป็นการแนะนำให้นิสิตแพทย์รู้จักกับวิชาทางพรีคลินิกทั้งหมดที่ต้องเรียนภายใน 2 ปี
ทำพรีเซ็นต์กันเป็นหนังสั้นซะทุกกลุ่ม (ตามกระแสกันเข้าไป)
แต่ก็โคตรขำ

จนอาจารย์จะเปลี่ยนชื่อคณะใหม่เป็น "คณะแพทยศาสตร์และการบันเทิง" แล้ว




พอจบ 2 อาทิตย์ปุ๊บก็ขึ้นบล็อกใหม่ (ไม่มีสอบ เพราะเอาไปรวมกับมิดเทอมที่เป็นเนื่อหาส่วนเล็คเชอร์ทั้งหมด)


บล็อกใหม่คือ Musculoskeletal ค่ะ


ฟังจากชื่อคงพอรู้ว่ารายวิชานรกแตกของนิสิตแพทย์ปี 2 ได้เริ่มขึ้นแล้ว

นั่นคือ.........Gross Anatomy หรือการผ่าอาจารย์ใหญ่นั่นเองค่ะ



เชื่อเถอะว่าไม่ว่าจะถามคนไหน ทุกคนต้องเคยรู้สึกกลัวการผ่าอาจารย์ใหญ่มาแล้วทั้งนั้น
ฉันก็กลัวเหมือนกัน


วันแรกที่ต้องขึ้นตึกกรอส ทางชั้นปีจัดพวงมาลัยสำหรับไหว้อาจารย์ใหญ่ให้โต๊ะละ 1 พวง
นิสิต 6 คน ยืนรอบโต๊ะ และกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าอาจารย์ใหญ่พร้อมกัน


โต๊ะของฉันเป็นผู้หญิงทั้ง 6 คนเลยค่ะ
ซึ่งเค้าว่ากันว่า ถ้าโต๊ะไหนไม่มีผู้ชายมักจะผ่าเสร็จช้า

แต่ไม่ใช่โต๊ะฉัน.....

เสร็จเร็วมากกกกก..... (ไม่ใช่ฝั่งฉันหรอก อีกฝั่งหนึ่งตะหาก ที่เสร็จเร็ว แต่ฝั่งฉันก็ไม่ได้ช้านะ ^^)
อาจารย์เลยชอบมาใช้อาจารย์ใหญ่โต๊ะฉันเป็น demonstration

*ภูมิใจ*



อาจารย์ใหญ่โต๊ะฉันเป็นผู้ชายค่ะ
ท่าทางเหมือนคุณตาใจดีๆ และที่สำคัญยังอยู่ในสภาพดีมากๆ

บางโต๊ะนี่ก็มือแห้งต้องตัดแขนบ้าง ดองนานเกินไปบ้าง
แต่อาจารย์ใหญ่ของฉันชั้นไขมันก็ไม่ค่อยหนา กล้ามเนื้อ เส้นประสาท เส้นเลือด บลาๆ ก็หาง่ายหมด



ตอนแรกๆกลัวมาก ไม่กล้าลงมีดเลาะสกินกันเลย
แต่พอมีคนเริ่ม ทุกคนก็รุมๆกันทำ เพราะกลัวไม่เสร็จนั่นล่ะ


สรุปแล้ว เรียนกรอสและผ่าอาจารย์ใหญ่มาทั้งหมด 6 วัน (จากทั้งหมด 9 วันตั้งแต่เปิดบล็อกนี้)


มันหนักหนากว่าที่ฉันเรียนมาทั้งหมด 13 ปีซะอีก


โทรไประบายกับแม่บ่อยๆมาก
ประมาณว่า "หนูเหนื่อยมากเลย ไม่อยากเรียนแล้ว"


แม่ก็ตอบมาขำๆ ว่า

"ก็ดีแล้วไง แม่จะได้ไปบอกใครต่อใครเค้าซักทีว่า ในที่สุดเหมี่ยวมันก็ต้องใช้ความพยายามและขยันเรียนบ้างแล้ว"

ขอบคุณค่ะ....

นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังซ้ำเติมถึงชีวิตในอดีต (และปัจจุบัน) ที่ยังคงนอนอืดไปวันๆ หาสาระมิได้ของฉัน



เอาเถอะ

ชีวิตนิสิตแพทย์ก็เงี้ย ไม่ได้มีแค่คณะเดียวซะหน่อยที่เรียนหนัก
ทุกคนเค้าก็มีความหนักหนาของตัวเองแตกต่างกันไปทั้งนั้น

((( แค่ไม่ต้องเรียนเลขกะฟิสิกส์อีกตลอดชีวิตก็ดีใจจนไม่รู้จะไปขอบคุณใครที่ไหนแล้ว )))




เค้าว่าเอาไว้ว่า....


คิดจะเป็นหมอ ต้องอดทนเพื่อคนอื่น

เพื่อคนที่เค้าเจ็บปวดทรมาน


ที่ทำได้ตอนนี้ คือ
" อดทนเพื่อคนที่เขารออยู่ "


เพราะ....หมอต้องเรียนเพื่อคนอื่น
" ไม่ใช่เรียนเพื่อตัวเอง "


--------------------------------------


ป.ล. - เพิ่งไปดัดฟันมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ เหล็กบาดปากเป็นแผลร้อนในเต็มเลย (เวลาพูดเจ็บปวดทรมาน แต่ก็ยังพูดมาได้อีก)

ป.ล. 2 - วันนี้เป็นวันเกิดครบ 12 ขวบของน้องชายฉันค่ะ จะว่าจริงๆแล้ว ฉันก็รักน้องชายของฉันนะ ถึงแม้เวลากลับบ้านจะชอบทะเลาะกันก็เหอะ 55+

ป.ล. 3 - วันนี้ลงจากตึกกรอสตอนเกือบ 2 ทุ่ม เหนื่อยโคดดดดดดด...................

ป.ล. 4 - วันนี้เอากระดูก femur (ต้นขา) ของอาจารย์ใหญ่กลับมาดูที่บ้านด้วยล่ะ

ป.ล. 5 - เมื่อวันอังคารเพิ่งมีการซ้อมสอบแล็บกริ๊งไป ทำได้เกินกว่าที่คาดหมาย เพราะไม่เคยอ่านหนังสือเลยแม้แต่นิดเดียว เอาเท่าที่จำได้ตอนเรียนกะตอนผ่าแค่นั้น

ป.ล. 6 - คงต้องดองแท็กต่อไปนะคะพี่บิว ขอโทษด้วยน้า *โค้งๆๆๆ*

ป.ล. 7 - ฉันยังคงแอบชอบเธออยู่นะ ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่แล้วก็เถอะ

ป.ล. 8 - รักดงบังชินกิ มิกกี้ยูชอน และ เซียจุนซู แล้วเราจะเจอกัน "ต้นปีหน้า" มาให้ได้ตามที่สัญญาไว้ล่ะ






 

Create Date : 21 มิถุนายน 2550    
Last Update : 21 มิถุนายน 2550 23:05:17 น.
Counter : 1434 Pageviews.  

Super Junior in SEED Awardsssss.......!!!!

เมื่อวันพุธที่ 31 ม.ค. 2549
ข้าพเจ้าได้ไปงานซี๊ดที่ BEC tero Hall มาเจ้าค่ะ!


งานซี๊ดเป็นงานประกาศรางวัลสำหรับคนดนตรีที่ตัดสินกันด้วยผลโหวตจากผู้ฟังทั้งประเทศ (จริงอ่ะ???)
จุดสนใจหลักของงานนี้สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ไม่ใช่ผลรางวัลหรอกค่ะ


แต่เป็นหนุ่ม Super Junior ทั้ง 12 คนต่างหาก (ที่จริงต้องมา 13 คน แต่เจ๊ฮีชอลดันงอแงไม่มาซะงั้น)



ข้าพเจ้าได้อาศัยใบบุญของเพื่อนบูมใช้สิทธิ์เข้าไปดูด้วย เพราะบัตรเข้างานต้องแย่งชิงกันผ่านทาง sms
ที่ข้าพเจ้าพยายามส่งอยู่หลายวันแต่ไม่ได้




ภาพงานโดยรวม >>>>> ไม่ประทับใจ และเสียความรู้สึกกับทางผู้จัดมากๆ


บัตรเข้างานแบ่งเป็น 3 โซน ตามความยากง่ายของช่วงเวลาที่เปิดให้ส่ง sms มาแย่งชิงบัตร
มีบัตรนั่ง บัตรยืนพิเศษ และบัตรยืนธรรมดา(ที่ข้าพเจ้าได้มา)


โซนบัตรนั่งจะเป็นอัฒจันทร์อยู่ข้างเวที ใกล้มากๆ (แต่โดนสั่งห้ามยืนโดยเด็ดขาด)
บัตรยืนพิเศษจะอยู่แถวหลังโซนที่นั่งของศิลปินที่มาร่วมงาน เป็นโซนเดียวกับบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายแหล่ แถมอยู่ติดกับ Red Carpet อีกต่างหาก
ส่วนของฉันอยู่ข้างหลังสื่อมวลชนอีกที มีรั้วแน่นหนา(มาก)กั้นอยู่ แถมยังมีฉากของ Red Carpet มาบังตรงแถวๆกลางเวทีพอดี

จากที่ไกลเวทีอยู่แล้ว ดันมีไอ้ฉากนรกนี่มาบังอีก คนที่จะดูตัวเป็นๆก็ต้องอาศัยดูเอาจากมุมเฉียง หรือไม่ก็ขึ้นบันไดที่อยู่สุดปลายฮอลล์ขึ้นไปด้านบน ซึ่งมีคนคิดวิธีนี้ได้มากมายจนบนบันไดไม่มีที่ยืน


ข้าพเจ้าก็เลยปลง แมร่งงงง.......
กรูอุตส่าห์แย่งชิงบัตรมาแทบตายเพื่อดูตัวเป็นๆ ดูทางจอก็ได้วะ ประชดมันให้สะใจไปเลยสาดดดดด.....


ตอนเข้ามาตอนแรกก็อุตส่าห์ดีใจ ที่โซนยืนเป็นโซนที่เป็นฉากถ่ายรูป Red carpet จะได้มีดารามาโพสท์ให้ถ่ายรูปใกล้ๆ
แต่ไปๆมาๆ ไอ่พวกสื่อมวลชนนี่ดิ มายืนบังหมด

ถ้ายืนถ่ายรูปกันเฉยๆ อย่างคนที่มีมารยาทเค้าทำกันจะไม่ว่าเลย
นี่อะไร.... มาถือสิทธิว่าตัวเองเป็นสื่อ จะยืนยังไงก็ได้ จะหาลังมาต่อขาสั้นๆ หัวต่ำๆ ของตัวเองให้สูงแค่ไหนก็ได้เหรอไงฟระ???
พอดารามาที ก็ปีนขึ้นลังส่วนตัวที่อุตส่าห์แบกมาเพิ่มความสูงมาบังชาวบ้านเค้า
แสรดดดดดเอ๊ยยยยยยยยย.....
*แค่สื่อบางตัวเท่านั้น สื่อที่เป็น "คน" ดีๆยังมีอีกเยอะ*



ข้าพเจ้าก็คิดว่าพอเดิน Red carpet กันเสร็จคงจะเลื่อนฉากไปเก็บให้คนดูได้เลื่อนขึ้นไปใกล้ๆ
แต่ที่ไหนได้ พอเดินเสร็จ ข้าพเจ้าเดินออกไปหาอะไรกินด้านนอก กลับเข้ามาอีกที ไอ้ฉากนรกนั่นก็ยังคง stand still อยู่ที่เดิม
เลยเซ็งเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน..........


ข้าพเจ้าตัดสินใจเดินออกไปรอข้างนอกกับบูม กะว่า Super Junior ขึ้นรับรางวัลเมื่อไหร่ค่อยเข้าไป เพราะยังไงก็ไม่เห็นตัวจริงที่ถูกไอ้ฉากนรกนั่นบังอยู่แล้ว
ต้องดูจากจออยู่ดี ดูจากมุมไหนก็ไม่ต่างกัน




ข้าพเจ้าก็เจอกับเพื่อนที่คณะที่ได้บัตรโซนยืนพิเศษ ที่ไม่สามารถเข้าไปในโซนได้เนื่องจากสตาฟไม่ให้เพราะหน้างานระบุให้โซนไฮโซทั้งสองต้องเข้างานก่อน 6 โมงเย็น
ทั้งๆที่ในบัตรเขียนว่างานเริ่ม 19.00 - 24.00 น.
ไม่ประกาศล่วงหน้าอะไรซักคำ แล้วใครที่ไหนมันจะไปตรัสรู้วะ?????

เพื่อนๆพยายามอ้อนวอนสตาฟอยู่หลายคน แต่ทุกคนตอบแค่ว่า เบื้องบนสั่งมา พี่ทำอะไรไม่ได้ค่ะ น้องเข้าได้แค่โซนยืนธรรมดา

ข้าพเจ้าอยากรู้จริงๆว่า ทำไมไม่ให้เข้าวะ???
ทั้งๆที่คนเดินเข้าเดินออกจากโซนนั้นก็ออกเยอะแยะ ถ้าจะห้ามเข้าจริงๆก็ต้องห้ามออกด้วยดิ สราดดดดด........
คิดว่าบัตรที่ตัวเองแจกเป็นบัตรฟรีแล้วจะทำยังไงก็ได้เหรอไง???

ไม่รู้เหรอว่าคนที่เค้าส่ง sms ไปน่ะ เค้าเสียตังค์ให้พวกคุณไปตั้งเท่าไหร่แล้ว... ชริ!!!!
สงสารเพื่อนชิบเป๋ง....
*วันนี้ออกจะสถุลเล็กน้อย เพราะเคืองจริงๆ*


เซ็งมันไปแล้วทั้ววันก็เลยดูการประกาศรางวัล การแสดงจากศิลปินอื่นอย่างเนือยๆ
นั่งเม้าท์กับเพื่อนไปเรื่อยๆ เพราะ SJ แสดงเป็นวงสุดท้ายก่อนจบงาน (เพราะรู้ว่าคนส่วนใหญ่มาดู SJ ถ้าให้เล่นก่อนคนก็กลับหมด)


บนเวทีทำได้ดีผิดกับงานด้านอื่นๆ
พิธีกร การประกาศ การแสดง บลาๆ ดูดีใช้ได้ มีมุขสดจากเหล่าพิธีกรเป็นระยะๆ
นั่งรอมาเรื่อยๆ จนถึงการแสดงของ SJ ที่สนุกสุดแล้วในงานคืนนี้

SJ เล่นไป 4 เพลง พร้อมๆกับเสียงกรี๊ดมหาศาลจากทั้งบรรดาแฟนคลับ(อย่างเพื่อนข้าพเจ้า) และที่ไม่ใช่แฟนคลับ(อย่างข้าพเจ้า)
พอเล่นเสร็จ เป็นดังคาด ทุกคนกรูกันออก (ด้วยเวลาที่ดึกแล้วหรือด้วยความเหม็นขี้หน้าบรรดาผู้จัดงานก็มิอาจรู้ได้)



เพื่อนข้าพเจ้าก็ลากข้าพเจ้าออกมาด้วยเพื่อไปรอส่งเหล่าบรรดาหนุ่ม SJ ที่ทางออกของรถข้างๆฮอลล์
แล้วข้าพเจ้าก็พบว่ามีคนมากมายมารอส่งเหมือนกัน ยืนเรียงเป็นแถวเต็มข้างทาง
รออยู่ไม่นานรถบัสก็ออกมาพร้อมกับเหล่าลิงๆ ที่น่ารักทั้ง 12 ตัว


รถผ่านไปไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ แต่ข้าพเจ้าเห็นแค่ 3 คน นั่น คือ ป๋าฮันคยอง คิบอม และคยูฮยอน
ด้วยความที่ข้าพเจ้าชอบซีวอนและคิบอมเป็นทุนเดิม จึงตั้งใจจดจำตำแหน่งของคิบอมเป็นพิเศษ

แฟนคลับส่วนใหญ่วิ่งตามรถไป (รถต้องวนรอบฮอลล์ไปออกอีกทางหนึ่งเนื่องจากเป็นวันเวย์)
ข้าพเจ้ากำลังคิดว่าจะกลับบ้านเพราะตอนนั้นก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่เพื่อนของข้าพเจ้าชวนวิ่งอ้อมไปดักรถตรงทางออก เผื่อจะได้เห็นอีกซักที


พอวิ่งไปถึงรถก็กำลังมาพอดี ตรงแถวๆนั้นมีคนอยู่ไม่มาก (เพราะส่วนใหญ่วิ่งตามอยู่ข้างหลัง 555+)


กรุณานึกภาพตาม>>>

รถบัสค่อยๆวิ่งมาตรงที่ที่ข้าพเจ้ายืนอยู่อย่างช้าๆ เพราะรถค่อนข้างติด
เมื่อรถค่อยๆผ่านมาตรงหน้า ข้าพเจ้าและเพื่อนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ค่อยๆล็อกเป้าหมายของตนเอง (ซึ่งพอดีว่าเป็นคนละคนทั้งหมด)


ข้าพเจ้าจ้องตรงไปยังคิบอม (ที่นั่งแถวที่สองจากด้านหน้า)
พอดีกับที่คิบอมกำลังมองลงมา (โอ้ววว....กรี๊ดดดด.....นึกถึงทีไรมือไม้สั่น ตอนพิมพ์นี่ก็ตื่นเต้นอยู่)
ข้าพเจ้าโบกมือบ๊ายบายให้คิบอมอย่างเอาเป็นเอาตาย (เค้ายังจ้องหน้าชั้นอยู่ อ๊ากกกกก......หล่อมากกกกกก.......หล่อกว่าในรูปกับทีวีอีก......)
คิบอมยิ้มตอบฉัน (โคตรน่ารักเลยว้อยยยยยย.....) และพยักหน้าให้นิดนึง พร้อมกับค่อยๆยกมือขึ้นมาบ๊ายบายตอบ



ข้าพเจ้าเข้าใจเลยว่า "เวลาหยุดเดินไปชั่วขณะหนึ่ง" เป็นยังไง มันเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วครู่
เวลาแค่ 3 วินาทีที่เราสบตากันเหมือนเป็นสัก 3 นาทีสำหรับข้าพเจ้า
มีความสุขที่สุดในโลกกกก.................................
*ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากรูเพ้อได้ขนาดนี้ TT_TT*



ขอสาบานว่าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง เพราะตรงนั้นมีกลุ่มข้าพเจ้ายืนอยู่แค่ไม่กี่คน
และแต่ละคนก็จ้องไปแต่เป้าหมายของตัวเองทั้งนั้น โจที่ยืนอยู่ข้างๆก็กำลังชู 2 นิ้วให้คยูฮยอน (และได้รับการตอบกลับมาเป็น 2 นิ้วงามๆของคยูเหมือนกัน)
ข้างหลังก็เป็นพุ่มไม้และลานจอดรถที่ไม่มีใคร


และที่สำคัญคิบอมสบตาและพยักหน้าให้ข้าพเจ้าก่อนบ๊ายบายกลับ เหมือนจะบอกว่า

ผมรับรู้นะว่าคุณกำลังบ๊ายบายผม




สติของข้าพเจ้าหลุดลอยออกจากร่างหายไปกับสายลม แค่นี้ชีวิตฉันก็ตายตาหลับแล้ว
เพื่อนบางคนยังวิ่งตามรถไปจนถึงหัวมุม แต่ข้าพเจ้าไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว (เคลิ้มกับรอยยิ้มงามๆ ของบ่อมบ๊อมอยู่)
พอรถผ่านไปก็มีแฟนคลับฝูงหนึ่งวิ่งตามไปส่งจนรถออกถนนใหญ่ไป


พอเรียกสติกลับมาได้ก็เดินไปหาเพื่อน ผ่านกลุ่มเด็กม.ต้นกลุ่มหนึ่งที่ยืนร้องไห้กันอยู่
เลยย้อนนึกถึงตัวเองว่าข้าพเจ้าไม่เคยมีช่วงเวลาเเบบนี้เลย (ที่บ้าดาราตอนม.ต้น)
มาบ้าเอาตอนแก่ เข้ามหาลัยแล้ว วุฒิภาวะสูงพอที่จะไม่ร้องไห้


ได้แต่ยิ้มแก้มปริ ปลื้มอกปลื้มใจ เพ้อนิดหน่อย


กะอีแค่เค้ากลับประเทศกัน เดี๋ยวแป๊บๆ ก็กลับมาใหม่ จะไปร้องไห้ให้เค้าทำไมล่ะหนูๆ???




คืนนั้นก็เลยกลับบ้านแบบเบลอๆ เพ้อๆ
ตอนอยู่บนรถบูมก็เพ้อแต่ "คิบอมชิ (คุณคิบอม)" กับ "ยูชอนอุปป้า (พี่ยูชอน)"
*ได้ข่าวว่าคนหลังไม่ได้มา แค่ส่งวิดีโอมาทักทาย*


พอถึงบ้านก็นอนไม่หลับ
ประมาณว่า หลับตาลงก็เห็นแต่ภาพเธอ 555+ (ขำตัวเอง)
วันต่อมาก็มาเพ้อให้เพื่อนๆที่คณะฟัง เหมือนดังที่เล่ามาทั้งหมด

เพื่อนๆคงคิดว่าข้าพเจ้าบ้าไปแล้วแน่ๆ
จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงเพ้ออยู่เป็นระยะๆ อารมณ์ดีสุดๆมาหลายวันติดกันแล้ว


สรุปแล้ว
สิ่งที่คุ้มค่ากับการไปงานซี้ดครั้งนี้ มีแค่รอยยิ้มของคิบอมเท่านั้น (ที่ตอนนั้นส่งให้ข้าพเจ้าคนเดียว 555+ ยังเพ้อไม่หยุด)
และการได้เห็นตัวจริงของเหล่าลิงๆ ทั้งหลาย ที่แม้จะเห็นเป็นตัวเล็กๆ แต่รังสีความหล่อก็เปล่งประกายไม่หยุด


จากที่ตอนแรกข้าพเจ้าไม่ได้เป็นแฟนคลับ ก็กลายมาเป็น semifan(กึ่งแฟนคลับ ไม่เป็นเต็มตัว เพราะชอบอยู่แค่ไม่กี่คน) แล้วตอนนี้






และที่สำคัญ ข้าพเจ้าได้หนุ่มในสังกัดมาเพิ่มอีก 1 คน กลายเป็น 3 คน (ตัดจุนกิออกไปแล้ว เลื่อนตำแหน่งให้เป็นคนสวยในสังกัดกับ hyde แทน 55+)
อันได้แก่

Micky Yuchun ณ TVXQ








แวนเนส F4








และสุดท้ายเด็กใหม่สดๆร้อน Kimkibum แห่ง Super Junior







และข้าพเจ้าสามารถหาจุดร่วมสำคัญของ 3 คนนี้ได้แล้วนั่นคือ

เป็นหนุ่มเอเชีย
ตาตี่ (ที่โตนิดหน่อยในกรณีของบ่อมบ๊อม)
โตเมืองนอกก่อนกลับมาทำงานในวงการบันเทิง(ตกใจมากที่รู้ว่าบ่อมบ๊อมก็มาจากอเมริกาเหมือน 2 คนก่อนหน้า)
มาจากวงบอยแบนด์ชื่อดัง
มักได้รับหน้าที่ร้องท่อนแร็ป
เสียงนุ่มๆ ทุ้มแบบเมสโซเทเนอร์ (จากการฟังเอาเองน่าจะประมาณนี้)
เป็นคนคอยสร้างสีสันในวง
เต้นเก่งมากกกก......
มีกิริยาส่อวาย (แต่ไม่ใช่คู่เอกของวง)
สายตาสั้น (ไม่แน่ใจในกรณีแวนเนส????)
ที่สำคัญ หน้าบวมๆ ปากห้อยๆ 555+ (สังเกตได้แต่อะไรแปลกๆอ่ะ)


นี่สเป็กชั้นเป็นอย่างงี้เรอะ?????

จบเหอะนะ!!!
------------------------------------------


ป.ล. - ใครอ่านแล้วไม่เม้นขอให้........

ป.ล. 2 - เรื่องแท็กขอป๊ะไว้ก่อนนะ ทั้งพี่บิว แพร และธนภพ (แท็ก 3 คนต้องทำ 15 ข้อรึเปล่า) สัญญาว่าจะทำให้แน่นอน ตอนนี้ยังนึกเรื่องที่จะเล่าไม่ออก แหะๆ

ป.ล. 3 - ดงบังกำลังจะมีคอนเร็วๆนี้ (คำบอกเล่าจากคนของ SM entertainment ที่มารับรางวัลแทนดงบังในงานซี้ด (เก็บตังค์กันไม่ทันอีกแล้ว ชริ....)




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2550 9:38:53 น.
Counter : 809 Pageviews.  

Happy New Year ค่ะเน้อ~~~~

สวัสดีปีใหม่ค่ะเพื่อนๆชาวบล็อกแก๊งค์ และเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านทุกคน

ขอโทษจริงๆที่ดองบล็อกได้นานขนาดนี้ (ถ้าเป็นไข่เค็มคาดว่าดองจนเน่าไปแร้ววววว )

พอดีว่าจะมาอัพช่วงคริสต์มาสแต่ก็ดันติดสอบไอ่วิชาคณะ

วิชาเซลล์ชีววิทยาสำหรับนิสิตแพทย์
*อ่านชื่อแล้วดูชิลล์ๆ แต่เนื้อหา โอ้วววว.....พระเจ้าจ๊อด มากๆ*

ตัวเดียวที่ต้องใช้เวลาอ่านเป็นอาทิตย์
แต่ฉันอ่านอยู่ 2 วันกว่าๆ

ก็เล่นเอาหามรุ่งหามค่ำ สว่างคาตาอยู่เหมือนกัน

นี่ถือเป็นการอ่านหนังสือสอบที่หนักหนาที่สุดในชีวิตน้อยๆที่ผ่านมาของข้าพเจ้า
*เอ็นท์ยังไม่บ้าเลือด อ่านจนเช้าอย่างนี้เลยค่ะคู้ณ*

โอเค... จบประเด็นนี้ดีกว่า


เมื่อคืนวันส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมา
ข้าพเจ้าโชคดีมากที่ข้าพเจ้าอยู่ ณ บ้านเกิดเมืองโคราช

เพราะมิเช่นนั้น ข้าพเจ้าอาจเกิดอาการขวัญผวา สั่นประสาทจากเหตุระเบิดได้
เหตุเพราะข้าพเจ้าเป็นคนชอบเดินเล่นยามค่ำคืนในแหล่งชุมชน โดยเฉพาะเซ็นทรัลเวิร์ลดและสยามสแควร์

ถ้ามันเกิดตูมตามขึ้นมา ข้าพเจ้าอาจกลายเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บก็เป็นได้

ขอบคุณใครก็ตามที่มีส่วนทำให้ข้าพเจ้าได้อยู่ที่บ้านในวันเกิดเหตุ

โอเคจบประเด็นที่ 2


สุดท้าย ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ส่งเมสเสจมาสวัสดีปีใหม่กับข้าพเจ้า
แต่ข้าพเจ้ายังไม่มีโอกาสได้ส่งคำอวยพรกลับคืน เพราะเงินในมือถือของข้าพเจ้าเหลือไม่ถึง 1 บาทถ้วน

และข้าพเจ้ายังคงหมกตัวอยู่ที่บ้านเกิดต่อไปแม้วันนี้จะเป็นวันเปิดทำการของมหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม

เนื่องจากบรรดาวิชาเลือกทั้งหลายของข้าพเจ้านั้นหยุด (เพราะอาจารย์ไปเที่ยว)
การที่จะต้องกลับกรุงเทพไปเพื่อเรียนแค่ FE และ Eng MED นั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่า

ข้าพเจ้าก็เลยโดดมันซะเลย ไม่ต้องไปเบียดกับคนมากมายมหาศาลที่แห่กันกลับเมื่อวานนี้ด้วย

------------------------------------------

ฝ้ายน้อยส่งเมสเสจมาเชิญชวนให้ทำ New Year Resolution ข้าพเจ้าเลยขอพื้นที่ในการสนองเจตนาดีของเธอ และสนองความว้อนทของตัวเองซักเล็กน้อย

1.ข้าพเจ้าจะใช้เวลาไปกับการนอนให้น้อยลง (ปกติ 9 - 10 ชั่วโมง)

2.ข้าพเจ้าจะเก็บเงินให้ได้เดือนละ 500 บาทเป็นอย่างน้อย (ปัจจุบันติดลบ 500 เกือบทุกเดือน เพราะเอาไปปรนเปรอบรรดาชายชู้ เย่ยยยย.....ไม่ช่ายยยยย เอาไปซื้อซีดี ดงบังชินกิ ตะหาก)

3.วิ่งเพื่อสุขภาพให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ (อ่า...อันนี้ค่อยมีวี่แววหน่อย เพราะไปวิ่งสวนลุมหลังเลิกเรียนอาทิตย์ละหลายๆครั้งมาได้เดือนนึงแล้ว วิ่งเพื่อสุขภาพ ไฟท์ติ้ง!!!!)

4.มีวงดนตรีเป็นของตัวเองและเริ่มเรียนเบสซํกที (อันนี้มีแล้วเน้อ~~~ อยากบอกๆ เป็นวงของคณะที่ชั้นปีนึงจะมีหลายๆวง ไม่ได้เริ่มตั้งเองด้วย แต่มีคนเห็นแววเราเลยมาชวนเข้าวง กร๊ากกกก..... จะสงสารมันดีมั้ยเนี่ย??? แต่เอาวะ สู้ๆ เพื่อความเท่บนเวทีงานรับน้องเว้ย เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าเลยต้องไปหาเรียนเบสที่ปัจจุบัยสกิลมันงูๆปลาๆ อยู่)

5.เริ่มเรียนรู้การใช้กล้อง SLR ด้วยตนเองซักที (หลังจากจดๆจ้องๆมานานหลายเดือน ก็ได้เวลาอันสมควรที่ข้าพเจ้าจะได้เริ่มเล่นซักที (ของเก่าพ่อ) แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าฟิล์มมันแพงง่า....)

6.ออกกำลังกายหนักๆเพื่อฝึกพลังปอดและพลังเสียง (เนื่องด้วยข้าพเจ้าเป็นนักร้องคอรัสเสียงโซปราโน!!!! ของวงคอรัสหนึ่งเดียวของคณะ)

*รู้สึกมั้ยว่าทำไมคณะนี้มันกิจกรรมเยอะจังฟระ???? เอาเวลามาจากไหนนักหนา ได้ข่าวว่าเรียนหนัก????*

7.อ่านการ์ตูนวายให้น้อยลง (สืบเนื่องมาจากช่วงนี้เบื่อการ์ตูน Y เต็มแก่แล้ว มันเอียนฉาก เอียนเรื่อง เซ็งไปหมด ตอนนี้บริโภคแต่ฟิกดงบังเท่านั้น)

8.หาแฟน (อันนี้เป็นความว้อนทของคนทั้งคณะ ไม่รู้เป็นอะไรกันนักหนา อยู่ๆก็มาเม้าท์แตกกันเรื่องหาแฟน ข้าเจ้าก็เลยขอตามเทรนมั่ง)

9.ตั้งใจอ่านหนังสือสอบให้มากกว่าเดิม (อันนี้มันควรจะเป็นข้อแรกๆเลยไม่ใช่เรอะ)

10.ไปเที่ยวแบ็กแพ็กกับเพื่อนๆ (ท่าจะยาก เพราะอายุยังไม่ถึง 20 กันเลย จัดเป็นโครงการระยะยาวละกัน)

11.บ้านักร้องเกาหลี(โดยเฉพาะดงบัง)ให้น้อยลง (อันนี้คงยากมากกกกกกกก....... เพราะมันเริ่มสะสมวงใหม่ๆเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ปัจจุบันเริ่มมี Super Junior และ Paran ด้วยแล้วววววววววว)

12.กินอาหารดีๆ และตรงเวลา (ปัจจุบันข้าพเจ้าเป็นโรคกระเพาะ ซึ่งอาจเกิดจากการทานอาหารไม่ตรงเวลาและดื่มน้ำไม่สะอาด ซ้ำยังไม่กินผัก ท้องเสีย 6 วันต่อสัปดาห์ และปวดท้องบ่อยๆ ทั้งๆที่พ่อเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินอาหารในเด็ก!!!)

---พ่อบอกว่าโรคกระเพาะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำไม่สะอาดล่ะล่ะ!!! อันนี้เรื่องจริงไม่ได้อำ ตอนข้าพเจ้ารู้ข้าพเจ้าก็งงเหมือนกัน---

ข้ออีกซักข้อนึงละกัน เลขจะได้สวยๆ

13.อัพบล็อกให้สม่ำเสมอ ไม่ใช่ทิ้งไปทีละ 2 เดือนเหมือนปัจจุบัน (อันนี้จะพยายามทำให้ได้ แต่ก็อย่าหวังมากนักเน้อ)

------------------------------------------------

จบดีกว่า ทำไมมันยาวจังฮู้...

ป.ล. - แถมรูปดาร์ลิงคนใหม่ ที่ไม่ใช่นังไหอีกต่อไปแล้ว

หุหุหุ มิกกี้ยูชอน ณ ดงบังชินกิ นั่นเอง



ขอที่เม้าท์เรื่องมิกกี้ยูชอนนิดนึง

ตกลงมิกมันกิ๊กกะใครอยู่เหรอคะ??? เห็นมันร่อนไปทั้งวงเลยอ่ะ ตอนไปออกรายการกะหมียุน ก็โดนหมีลวนลามบ่อยๆ ทั้งกอด ทั้งหอม (หุหุหุ ของชอบ) ตอนอยู่กะเซียก็หวานซ้า...

แต่ไอ้ที่น่าสงสัยที่สุดเนี่ย เรื่องรอยสักอ่ะค่ะ
ที่หลังแจแจสักว่า TVXQ soul
แต่ที่เอวมิกสักว่า TVXQ mate
รวมกันเป็น TVXQ soulmate!!!!!!

มันหมายความว่ายังงายยยยย...........
ข้าพเจ้าเชียร์มิกเซียเท่าน้านนนนนน....

ใครรู้เบาะแสช่วยบอกข้าพเจ้าที
*มุ่งสายตาเต็มไปด้วยคำถามตรงไปที่พี่ฟ้า*

จบดีกว่า.......




 

Create Date : 03 มกราคม 2550    
Last Update : 3 มกราคม 2550 13:34:23 น.
Counter : 540 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

myo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add myo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.