4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
All blogs
 
อนาโตลี อโนพรินโก : เสียงเรียกของพระเจ้า

ยูเครนเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป หลังจากที่โซเวียตล่มสลาย ประเทศตั้งอยู่ในยุโรปตะวันออก มีอาณาเขตติดกับรัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ สโลวาเกีย ฮังการี มอนโดวา และโรมาเนีย มีประชากรกว่า 50 ล้าน ดินแดนของยูเครนส่วนใหญ่เป็นดินแดนที่ไม่ค่อยมีต้นไม้ จุดเด่นคือเทือกเขาไครเทียในคาบสมุทรไครเมีย และเทือกเขาคาร์พาเทียนทางทิศตะวันตก สภาพภูมิอากาศอยู่ในระดับปานกลางและฤดูหนาวค่อนข้างหนาว พื้นที่ส่วนใหญ่เน้นการเกษตร ชาวนาปลูกข้าวสาลี ข้าวโพด โซบะ และผักผลไม้หลากหลาย ยูเครนยังเป็นศูนย์ของโลกที่ผลิตน้ำตาล

นอกจากนี้ประเทศยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่เหล็ก ถ่านหิน แร่โลหะต่าง ๆ น้ำมัน ก๊าซ ฯลฯ และมีความหลากหลายของอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่กระจุกตัวมในเมืองใหญ่ เช่น เคียฟ, ดนีโปรเปตรอฟสค์ และซาโปริจเจีย พวกเขาผลิตเครื่องบิน เรือ รถยนต์ รถโดยสาร หัวรถจักร เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการวัด เครื่องจักรการเกษตร และสินค้าอุปโภค บริโภคต่าง ๆ ณ เมืองแห่งหนึ่ง ชื่อซิตโทเมียในยูเครนตะวันตก เมืองแห่งนี้เคยเป็นฐานทัพขนาดใหญ่ของทหารโซเวียตในช่วงสงครามเย็น แต่หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง เมืองดังกล่าวก็เงียบเหงา ฐานทัพของเมืองมีเพียงตำรวจตรวจการณ์นาน ๆ ครั้งจะออกมาดูความสงบเรียบร้อยเท่านั้นเอง 

และแล้วในวันที่ 16 เมษายน 1996 ที่เมืองแห่งนี้เองก็ได้ตำรวจธรรมดา 2 นายได้จับกุมชายคนหนึ่ง ที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นในเวลาต่อมาได้รับการจารึกว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของยูเครน


อนาโตลี อโนพรินโก เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวยูเครนที่ได้รับฉายาว่า "สัตว์ป่าแห่งยูเครน, พลเมือง O, คนเหล็ก " ที่ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1989-1996 ซึ่งสารภาพว่าฆ่าคนไปถึง 52 คน อนาโตลี อโนพรินโก เกิด 25 กรกฏาคม 1959 ในเมืองเลสิค ประเทศยูเครน มีพี่คนหนึ่ง (อายุ 13 ปี) พ่อของเขา ยูริ อโนพรินโก เคยเป็นทหารกล้าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กระนั้นก็ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูอนาโตลีที่สูญเสียแม่ไป ตั้งแต่ 4 ขวบ เขาเลยถูกส่งให้ญาติเลี้ยงดู สุดท้ายเขาก็ถูกโยนทิ้งขว้างไปให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ายูเครนช่วยเลี้ยงดู ซึ่งอนาโตลีได้เล่าภายหลังว่าสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้านั้นถือว่าเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในอนาคตก็ว่าได้ เพราะมันเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการก่ออาชญากรรมในอนาคตของเขา เขาเติบโตด้วยความเกลียดชังเพราะเป็นเขาเป็นเด็กที่ใคร ๆ ไม่ต้องการ ในปี 1989 อนาโตลีเกิดปัญหาทางจิตและเครียดจากงาน เขาเริ่มฆ่าเหยื่อครั้งแรกเมื่ออายุ 30 ปีตามมาตรฐานอายุเฉลี่ยฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีฆ่าครั้งแรก โดยเขายิงคนที่ขับรถยนต์ด้วยความรู้สึกที่ว่า "ผมเพิ่งยิงพวกเขา มันใช่ว่าผมจะมีความสุข แต่ผมก็รู้สึกว่ากระตุ้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็ฆ่าคนเหมือนกับเป็นเกม"

ดูเหมือนว่าอนาโตลีจะเป็นคนที่เกลียดครอบครัวที่อบอุ่น เพราะว่ารูปแบบการฆ่าของอนาโตลี เป็นการฆ่าแบบยกครัว โดยเขาจะเลือกบ้านที่ห่างไกลจากชุมชนโดดเดี่ยว จากนั้นเขาก็บุกรุกบ้าน จัดการฆ่าผู้อยู่อาศัยในบ้านทั้งหมด เริ่มต้นฆ่าจากเพศชาย หญิง คู่สามีภรรยา และสุดท้ายก็ลงมือกับเด็กเล็กในที่สุด จากนั้นก็เก็บหลักฐาน ปกปิดร่องรอย ซ้ำบางครั้งเขายังฆ่าพยานที่โชคร้ายที่เห็นเขาระหว่างทางกลับจากการฆ่า หลายครอบครัวถูกฆ่าติด ๆ กันไม่นานในหมู่บ้านเดียวกัน เมื่อตำรวจเข้ามาตรวจและรักษาความปลอดภัยทั่วบริเวณ เขาจะหนีไปหมู่บ้านอื่น ๆ และก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องต่อไป อนาโตลีถูกจับกุมเมื่อวันที่ 1996 ในข้อหามีอาวุธปืนยาวล่าสัตว์ครอบครองแบบผิดกฎหมาย เมื่อตำรวจทำการตรวจสอบทรัพย์สินอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเพชรพลอย เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็พบว่ามันตรงกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นเวลานี้ อาวุธที่ใช้หลายชนิดมีหมายเลขตรงกับรายการที่เป็นของที่หายไปของเหยื่อ ในขณะที่คุมขังอนาโตลีก็สารภาพว่าเขาได้ฆ่าคนแปดคนระหว่างปี 1989-1995 หากแต่เมื่อเขาถูกรุกหนัก ในที่สุดเขาก็สารภาพว่าเขาฆ่าผู้บริสุทธิ์ถึง 52 คน ในช่วง 6 ปี โดยสาเหตุที่ฆ่าเขาได้อ้างว่าเขาได้ปฏิบัติตามคำสั่งเสียงภายในสมองของเขาเพื่อฆ่าคน

อนาโตลีได้เล่าว่าเขาเริ่มฆ่าคนในปี 1989 ซึ่งเขาได้ร่วมมือกับชายคนหนึ่งชื่อ เซอร์เก โรโกซิน (Serhiy Rogozin) ปล้นฆ่าคนเก้าคน ส่วนเสียงเขาได้ยินตั้งแต่อายุ 7 ปี หลังจากพี่สาวของเขาส่งเขาไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังจากแม่ของเขาเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าเขาไม่มีความสุขในการฆ่า ศพมันน่าเกลียด เขากล่าวอย่างไม่พอใจ พวกเขาส่งกลิ่นเหม็นร้ายเกินทน ครั้งหนึ่งเมื่อผมฆ่าคนห้าคนจากนั้นก็นั่งอยู่ในรถ ผมก็ไม่พบว่าร่างกายของศพเมื่อผ่านไปสองชั่วโมง กลิ่นเหลือทนมาก อนาโตลียังคงออกอาละวาดตัวคนเดียวในปลายปี 19925 ซึ่งในหกเดือนถัดไปเขาฆ่าไปอีก 43 คน ในเดือนมีนาคม 1995 ตำรวจเริ่มหวาดกลัวกับตัวเลวของเหยื่อฆาตกรรต่อเนื่องในยูเครนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ฆาตกรเริ่มอย่าเหยื่อไปทั่วทางตะวันตกของยูเครน หลังจากมี 8 ครอบครัวถูกฆ่าตายอย่างทารุณในบ้านของพวกเขา หลายคนตกเป็นเหยื่อของอนาโตลีอาศัยอยู่ในบ้านห่างไกลใกล้ชายแดนของโปแลนด์

เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของอนาโตลีหายไป มาโผล่อีกทีก็อยู่ในฐานะฆาตกรต่อเนื่องแล้ว แต่พออธืบายได้ว่าในช่องว่างระหว่าง 5 ปี (1989-1995) เขาได้ออกจากประเทศยูเครนและเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรียและเยอรมัน หากแต่เขาก็ถูกเนรเทศออกจากสองประเทศ แม้ว่าทั้งสองประเทศจะให้การปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก็ตาม อนาโตลีได้เล่าว่าเขาทำงานเป็นกรรกรใช้แรงงานในเวลานั้น แต่หลังจากเขาเป็นฆาตกรรายได้หลักเขามาจากการขโมยทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเหยื่อ ย่องเบา หรือว่าปล้น แต่เขาปฏิเสธคำรับสารภาพว่าเคยฆ่าเหยื่อนอกประเทศยุโรป

เขาได้เหยื่อ 52 คน ตามแบบของเขา เขาเลือกบ้านที่ห่างไกลจากผู้คน ลงมือก่อนฟ้าสาง เดินไปรอบ ๆ ก่อนบุกเข้าไปในบ้านและยิงพวกเขาจนหมด (รวมทั้งเด็กๆ) อาวุธส่วนใหญ่เป็นปนลูกซอง 12 บางครั้งก็ใช้ขวานหรือค้อน จากนั้นเขาก็ไฟบ้านและฆ่าพยานหรือคนที่เห็นเขาอยู่ในบริเวณนั้น เขามักจะขโมยของมีค่าจากเหยื่อของเขาติดมือไป มีอยู่ครั้งหนึ่งอนาโตลีฆ่าเหยื่อบนเตียง และเด็กหญิงคนหนึ่งเห็นเขาฆ่าพ่อแม่ของเธอทั้งสอง แต่เขาไม่ได้ใส่ใจซ้ำยังทุบหัวเธออย่างโหดเหี้ยม เธอจ้องมองผมด้วยความโกรธและพูดท้าทายผม อนาโตลีเล่า นั่นคือความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ผมไม่รู้สึกว่าไม่มีอะไรพิเศษ สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความเลือดเย็นของฆาตกรได้เป็นอย่างดี เขาไม่เคยสำนึกผิดในการฆ่ายกครัวอย่างโหดเหี้ยม ซ้ำยังตีเด็กและข่มขืนผู้หญิงหลังจากยิงเธอบนใบหน้า อย่างไรก็ตาม อนาโตลีปฏิเสธว่าเขาไม่ได้บ้า แต่เขายืนยันว่าเขาได้ยินเสียงที่เชื่อว่าเป็นเสียงจากพระเจ้าที่สั่งให้ฆ่าคน เขาอ้างว่าเขาได้รับเลือก มีอำนาจวิเศษ พลังจิตที่แข็งแกร่ง สามารถควบคุมสัตว์ผ่านกระแสจิต


ทางยูเครนเวลานานนั้นใช่ว่าจะไม่ใส่ใจ รัฐบาลยูเครนส่งกองกำลังป้องกันดินแดนแห่งชาติ ไม่ว่ากำลังชุดเกราะหรือทหารฝีมือดีมาตามล่าฆาตกรซาดิสต์เพียงคนเดียวมาแล้ว แต่กระนั้นทหารและตำรวจยูเครนท้องถิ่นมีเพียง 2,000 คนเท่านั้น จึงไม่สามารถตามฆาตกรต่อเนื่องผู้นี้ทันเสียที ตำรวจพยายามใช้ชั้นเชิงจับตัวฆาตกร แต่อนาโตลีสามารถเล็ดรอดผ่านกับดักตำรวจได้อย่างง่ายดาย และย้ายไปหมู่บ้านใกล้เคียงและทำการฆาตกรรมต่อเนื่องอย่างสนุกสนาน ลายเซ็นฆาตกรของเขาก็คือเขามักเข้าหาบ้านที่เงียบสงบและโดดเดี่ยวมากที่สุดในหมู่บ้าน อนาโตลีได้อ้างถึงคดีฆาตกรรมครั้งสุดท้ายของเขาว่าเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 1996 เมื่อเขาเดินทางไปหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งใน Bratkovichi และได้ทำการฆาตกรรมครอบครัวโนวาสาด (Novosad) ยิงทั้งสี่คนตายหมด และทำลายหลักฐาน 



อนาโตลีปรากฏตัวในชั้นศาล เขาอยู่กรงขนาดใหญ่สีน้ำตาล เพื่อป้องกันความปลอดภัยจากประชากรทั่วยูเครนต่างโกลาหลกับคดีฆาตกรรมต่างๆ ที่เขาก่อ และเปรียบเทียบเขาว่าเหมือนอันเดร ชิกาโล นักฆ่ารัสเซียจอมโหดที่นั่งอยู่ในศาลและมีกรงเหล็กเล็กๆ ล้อมรอบเช่นเดียวกับเขา ประชาชนยูเครนหลายคน โดยเพราะครอบครัวของเหยื่อที่ถูกฆ่าฆ่าตาย ล้วนโกรธและสาปแช่งอยากฆ่าฉีกเนื้อเขาทั้งสิ้น ในขณะที่พิจารณาคดีในชั้นศาลผู้หญิงจากด้านหลังตะโกนด้วยคำหยาบคานอยากให้ศาลตัดสินให้เขาตายอย่างช้าๆ และทุกข์ทรมาน ทำให้ศาลต้องมีการตรวจต้องใช้เครื่องจับโลหะแบบสนามบินมาตรวจคนก่อนเข้าศาลเพื่อความปลอดภัยทุกครั้งที่พิจารณาคดี ในขณะที่อนาโตลียังคงเยือกเย็น ไม่รู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ตนกระทำ เขายังพูดรายละเอียด คดีที่เขาก่ออย่างไม่สะทกสะท้าน แม้ว่าเขาจะพูดถึงเสียงพระเจ้าที่เขาได้ยินในหัวเพื่อบงการเขาฆ่าคน แต่จากการตรวจสอบอาการทางจิตก็พบว่า เขาไม่มีอาการของโรคจิตเวช เขายังคงมีสติและอยู่ในการควบคุมการกระทำของเขาและไม่จำเป็นต้องตรวจสอบทางจิตเวชเสริม

อนาโตลีได้กล่าวว่าเขารู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนมานานหลายปีโดยอำนาจมืด หลังจากนั้นเขาก็เงียบหลายนาที ศาลถามว่าเขามีอะไรจะพูดหรือเปล่า เขาตอบว่า ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร เขายังยอมรับว่าเตรียมที่จะฆ่าลูกชายของตนเอง เมื่อศาลถามเขาเพื่อระบุสัญชาติ เขากล่าวว่า ไม่มี เมื่อผู้พิพากษาตอบว่าเป็นไปไม่ได้ อนาโตลีก็ตอบว่า ตัดสินผมด้วยกฎหมายยูเครนได้เลย อนาโตลีพบว่ามีความผิดจริงทุกข้อกล่าวหาและถูกตัดสินให้ประหารชีวิต แต่สุดท้ายการตัดสินประหารดังกล่าวก็ได้ถูกยกเลิก เนื่องจากยูเครนได้ทำคำมั่นสัญญาในฐานะสมาชิกคณะรัฐมนตรีของยุโรปว่าจะยกเลิกโทษประหารซึ่งจะต้องทำตาม แต่กระนั้นทางภาครัฐและการเมืองยังคงมีการถกเถียงถึงการยกเลิกโทษประหารชิวิตอนาโตลีในฐานะข้อยกเว้น หลังจากได้ยินคำตัดสิน อนาโตลียังคงไม่รู้สึกสำนึกเสียใจ 

ภายหลังเขาได้สัมภาษณ์แก่นักข่าวลอนดอนไทม์กล่าวประโยคที่ทำให้หลายฝ่ายเจ็บแค้นอีกครั้งว่า ครั้งแรกที่ผมยิงกวางในป่า ผมอยู่ในวัยยี่สิบต้น ๆ ผมจำได้ว่าผมรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมากเมื่อมันตาย ผมไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมผมถึงทำเช่นนั้นได้และผมรู้สึกเสียใจกับมัน และนับจากวันนั้นผมก็ไม่รู้สึกใด ๆ อีกเลย ผมฆ่าคนเหมือนชำแหละผ้านวม.....ผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ เด็ก ผมไม่เคยเสียใจสำหรับคนที่ผมฆ่าเหล่านี้ ผมไม่มีความรัก มีแต่ความเกลียดชัง ไม่แยแสแม้แต่คนตาบอด ผมไม่เห็นพวกเขาเป็นคน เห็นเป็นฝูงมากกว่า ถ้าผมออกจากคุกผมก็จะเริ่มฆ่าคนอีกครั้ง" อนาโตลีกล่าวถึงท้าย ปัจจุบันเขายังคงถูกตัดสินจำคุกมากกว่า 13 ปี และช่องว่างในชีวิตระหว่างปี 1989 และปี 1995 ยังคงเป็นปริศนาว่า เขาไปพบอะไรถึงได้กลายเป็นฆาตกรหฤโหดถึงเพียงนี้.








Create Date : 16 กรกฎาคม 2558
Last Update : 16 กรกฎาคม 2558 13:20:08 น. 0 comments
Counter : 1314 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.