Q[-___-Q ma leaw ja
Group Blog
 
All Blogs
 

คลายเครียดตามเดือนเกิด

คนเราต่างมีเรื่องที่ต้องทำให้เครียดมากมายจนไม่รู้จะทำอย่างไร เร่องที่เข้ามาบ้างก๋ว่าก็มักจะเป็นไปตามดวงบ้าง อะไรต่อมิอะไรบ้าง ดวงไม่ดีบ้าง เราเลยนำเอาวิธีคลายเครียมตามเดือนเกิดของแต่ละคนมาให้ดูซะเลยค่ะ ใครเกิดเดือนไหนก็ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ หรือชอบของเดือนอื่นจะเอาไปลองทำดูก็ไม่ว่ากันค่ะ

มกราคม เธอเป็นคนที่เห็นทุกสิ่งในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง เพราะชอบสะสมความเครียดมากไปหน่อย เอาเป็นว่า... เจียดเวลารีแลกซ์ด้วยการเล่นกีฬาโปรดดูบ้าง หรือถ้าไม่ว่างจริงๆ การอาบน้ำด้วยครีมสมุนไพรก็พอจะช่วยให้เธอผ่อนคลายได้เหมือนกันจ๊ะ

กุมภาพันธ์ เธอเปนคนที่เครียดได้ง่ายมากๆ ถึงเธอจะไม่โวยวายแต่ก็เก็บความโกรธไว้ การผ่านคลายที่เหมาะกับ เธอคือการได้อยู่คนเดียวเงียบๆ หรือทำกิจกรรมส่วนตัว หรือไม่ก็เล่นอินเตอร์เน็ตท่องโลกกว้าง

มีนาคม เธอเป็นคนที่อ่อนไหวและชอบยกหัวใจให้อยุ่ในกำมือของคนอื่น การคาดหวังมากเกินไปอาจทำให้เสียจิตคิดแล้วก็เครียด การผ่อนคลายของเธออาจจะเป็นการเล่นดนตรี หรือไม่ก็วาดภาพ แต่ถ้ามีเวลาสั้นๆก้อแค่เอาตัวลงไปจุ่มในน้ำแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว

เมษายน เธอเป็นคนที่มีสมาธิในการทำงานมาก จนบางครั้งลืมขยับเขยื้อนร่างกาย ทำให้อาการเมื่อยเข้าครอบงำ วิธีผ่อนคลายของเธอคือ การได้ออกแรงมากๆกับกีฬาผาดโผน หรือไปเล่นเครื่องเล่นเสี่ยงตายในสวนสนุก มันจะทำให้สมองเธอโล่งขึ้นค่ะ

พฤษภาคม เธอเป็นคนที่มีสารเครียดอยู่ในร่างกายพอสมควร รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง หัวใจที่เพิ่มไม่ได้ทำให้เป็นคนหลายใจ แต่ทำให้เธอเข้ากับคนอื่นได้มากขึ้น วิธีผ่อนคลายของเธอคือ การได้เดินดูของสวยๆงามๆ ก็ทำให้รีแลกซ์แล้วค่ะ

มิถุนายน เธอเป็นคนชอบพบปะผู้คน ดังนั้นถ้าเธอรู้สึกเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร meeting กับเพื่อนน่าจะเป็นวิธีผ่อนคลายที่เธทำได้ดีที่สุด หรือไม่ก็การช้อปปิ้งค่ะ

กรกฎาคม สิ่งที่ทำให้เธอเครียดสุดก็คือเรื่องการเดินทาง หรือต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย เพราะเธอเป็น คนเหนื่อยง่ายแถมถ้าเหนื่อยใจยิ่งแย่ไหญ่ การผ่อนคลายของเธอ น่าจะเป็นการได้เล่นกับสัตว์เลี้ยง ปลูกต้นไม้ หรือไม่ก็หลับยาวไปเลย ก็ได้นะ

สิงหาคม เรื่องที่ทำให้เธอเครียดมากที่สุดก็คือ ความพ่ายแพ้ เพราะเธอไม่ชอบแพ้ใครแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ วิธีผ่อนคลายของเธอคือการได้ ดูหนังฟังเพลง ช้อปดื่มกินเที่ยว ของอย่างเดียวต้องดูดีมีระดับ แค่นั้นมันก้อทำให้เธอหายเครียดไปเยอะแล้ว

กันยายน การได้นอนเกลือกกลิ้งอยู่กับคนรักมันก็เป็นการผ่อนคลายที่มีความสุกของเธอแล้วค่ะ

ตุลาคม เธอชอบอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย สิ่งที่ทำให้เธอเครียดได้ ก็คือความเหงา แต่ได้แค่วุ่นวายกับเสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผม แบบโน้นแบบนี้ ก็เป็นการผ่อนคลายสำหรับเธอแล้วค่ะ

พฤศจิกายน เธอเป็นคนที่เกิดอาการเครียดได้บ่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องความรัก การผ่อนคลายขอเธอน่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิยายรัก กุ๊กกิ๊ก ก็ช่วยเธอได้เหมือนกันนะค่ะ

ธันวาคม สิ่งที่ทำให้เธอเครียดก็คือการที่ต้องทนอยู่กันอะไรนานๆ เพราะเธอเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง ออกแนวไฮเปอร์หน่อยๆ การผ่อนคลายของเธอคือการได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ ไม่งั้นก็อ่านหนังสือแบบไม่จำกัดแนว ก็ช่วยให้สมองเธอโปร่งได้นะ





 

Create Date : 11 สิงหาคม 2551    
Last Update : 11 สิงหาคม 2551 7:10:40 น.
Counter : 285 Pageviews.  

เรื่องที่เจ้าบ่าวควรรู้



เมื่อถึงช่วงเวลาที่หนุ่มสาวหลายคู่ ที่สั่งสมบ่มความรักกันมานาน หวังที่จะได้เข้าห้องหอ เป็นของกันและกันเสียที

ดังนั้น เจ้าบ่าวจะต้องรู้และควรรู้ ในเรื่องราวต่างๆ ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้


เธอกลัวเจ็บ

ในใจลึกๆ ที่เจ้าสาวกังวลนั้น ก็เป็นเรื่องของความเจ็บนี่แหละ เป็นอันดับแรก เอาละ คุณเจ้าบ่าวทั้งหลาย คุณต้องเป็นคนทำให้น้ำผึ้งพระจันทร์ของคุณหวานมัน ไม่ใช่แสบร้อน


เริ่มตั้งแต่ พยายามอย่าพูดกับเธอถึงเรื่องการเผด็จสวาทให้มากนัก ถ้าคุณไม่เคยกันมาก่อน คืนแรกๆ ก็พยายามนอนกอดก่ายกันไปก่อน หอมแก้มเธอหน่อย จูบปากให้ดูดดื่มอีกนิด ลูบไล้ผิวกายของเธอไปเรื่อยๆ ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง อย่าเพิ่งบุกโจมตีจดยุทธศาสตร์ ค่อยๆ ลุกล้ำอธิปไตยของเธอทีละส่วน ทีละส่วน


ถ้าเธอทำท่ากลัวอยู่ ก็งดการยกพลขึ้นบกเสียก่อน เอาแค่ซ้อมลอยเรือรออยู่นอกฝั่ง สังเกตสังกาชายฝั่งให้ดี ว่าเวลาโจมตีจะยกพลขึ้นบกที่จุดใด ก็น่าจะพอแล้ว


คราวนี้เธอก็จะเริ่มสบายใจ หายกลัวขึ้นบ้าง จากนั้นคุณก็ค่อยๆ รุกตามลำดับขึ้นในวันหลังๆ จนในที่สุดเธอก็คงจะเป็นคนยินยอมพร้อมใจ เปิดทางให้คุณผ่านความเป็นชายของคุณเข้าไปสัมผัสรักในก้นบึ้งแห่งความลึกล้ำของส่วนสงวนของเธอ... หลอมร่างกายเป็นร่างเดียวกันเหมือนดังความฝัน





เธอไม่กล้าเห็น...ความเป็นชายของคุณ

ผู้หญิงเกือบทุกคน กลัวที่จะได้เห็นได้จับส่วนนั้นของคุณผู้ชาย ครั้งแรกๆ ในการเป็นของกันและกัน ดับไฟเสียก่อนก็ดี ใช้มือคลำเอา ได้อารมณ์ไปอีกรูปแบบ จนคุณแน่ใจแล้วว่า ส่วนนั้นของคุณและเธอเกิดมาเพื่อที่จะเป็นเนื้อคู่กัน มีขนาดที่สนองตอบต่อสัมผัสรักในแบบที่เนื้อแนบเนื้อแล้ว คุณค่อยให้เธอจับบ้างให้เคยมือ ในอนาคตเธออาจจะใช้มือของเธอปลุกเจ้าหนูน้อยให้ตื่นในยามจำเป็นได้บ้าง

อย่าลืมนะครับ ปรมาจารย์ทุกสำนักให้เคล็ดลับตรงกันในเรื่องนี้ว่า อย่าให้เธอเห็น ก่อนเห็นของกันและกันอย่างเด็ดขาด

เพราะถ้าเธอเห็นขนาดของมังกรผงาด เธออาจจะกลัวจนเกร็ง จนคุณผ่านเข้าไปสัมผัสรักไม่ได้ ถ้าเห็นเธอเริ่มเกร็ง บอกเธอว่า อย่าเกร็ง ให้เบ่งแทนก็เรียบร้อย เพราะเวลาผู้หญิงเบ่งถ่ายนั้น กล้ามเนื้อโดยรอบช่องทางส่วนสงวนของเธอจะคลายตัวออก ทำให้คุณผ่านความเป็นชายของคุณเข้าไปได้โดยสะดวกขึ้น


เธอกลัวว่ารูปร่างของเธอไม่เร้าใจ

เจ้าสาวหลายราย กลัวเหลือเกินที่เจ้าบ่าวจะเห็นสัดส่วนของเธอ แล้วจะไม่หลงใหลเธอ เพราะแน่นอนคงจะไม่มีใครที่รูปร่างสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด บางคนหน้าอกเต่งตึง แต่ก้นแฟบ บางคนก้นงอนงามแต่หน้าอกเป็นไข่ดาว บางคนน่องทู่ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ เจ้าสาวบางรายก็เลยกลัวที่จะให้เจ้าบ่าวเห็น เธอเลยมักจะขอร้องที่จะเป็นของกันและกันในความมืดมิด

"อันสตรีงามสรรพเมื่อดับไฟ" จึงเป็นสุภาษิตคำคมที่ยังคงใช้มาได้ในทุกยุคทุกสมัย

เจ้าบ่าวทั้งหลาย หลังจากได้ลิ้มรสสวาทจากเจ้าสาวแล้ว จึงควรสรรหาคำพูดที่จะมาชมเชยเธอ เพื่อทำให้เธอมีความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น เช่น

"แหม..ผิวคุณที่ลูบ ลื่นราวแพรไหมเทียวนะครับ ผมมีความสุขมากที่เราเป็นของกันและกัน"

"มันวิเศษจริงๆ นะที่รัก ยังกับธรรมชาติสร้างให้เรามาเป็นเนื้อคู่กันเลย ผมไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อน"

"ยังไม่เคยเห็นใครที่มีก้นงอนงามเหมือนน้องเลย นี่นึกถึงทีไร อยากให้มืดค่ำไวๆ จะได้นอนกอดกันอีก"


ใหม่ๆ เธออาจจะต่อว่า ว่า พูดอะไรก็ไม่รู้ แต่ในใจลึกๆ เธอก็คงจะมีความพอใจอยู่เงียบๆ แต่ต้องชมตามความเป็นจริงนะครับ ไม่ใช่โมเมชม แบบนั้นอาจทำให้เธอเสียความรู้สึกยิ่งขึ้นไปอีก


เธอกลัวไม่สะอาด

ผู้หญิงทั้งหลายยังมีความเข้าใจผิดๆ อยู่เสมอว่า ส่วนนั้นของเธอ เป็นส่วนที่ไม่สะอาด รวมทั้งกิจกรรมที่เธอกับเจ้าบ่าวของเธอกำลังกระทำนั้น เป็นกิจกรรมที่ไม่สะอาด พอเสร็จสมแล้วจะต้องรีบลุกขึ้น วิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำ ไปทำการชำระล้างจนสะอาดในทันทีทันใด และยิ่งถ้าเจ้าสาวของคุณเป็นคุณครู หรือคุณพยาบาลแล้ว เจ้าบ่าวอาจจะต้องอาบน้ำฟอกสบู่จนตัวซีด ก่อนที่จะได้สัมผัสรักกับเธอก็ได้

ที่จริง การอาบน้ำวันละครั้งนั้น ถ้าไม่ได้ทำงานที่สกปรก หรือมีเหงื่อออกมา ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ที่จะรักษาความสะอาดของร่างกายและส่วนนั้น

การแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ยังจำเป็นมากกว่าอีก เพราะช่องปากของคนเรา อาจมีซากเศษอาหารไปติดตามซอกฟัน ทำให้เกิดการหมักหมมได้มากเสียกว่า

พูดง่ายๆ ก็คือ ปากของคนเรานั้น ความจริงยังสกปรกกว่าส่วนนั้นของกันและกันเสียอีก

ดังนั้น ถ้าอารมณ์พิศวาสเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปอาบน้ำก่อนหรอกนะครับ แต่ถ้าจะเข้าไปอาบน้ำพร้อมกัน ช่วยกันขัดช่วยกันถู หรือใครมีอ่างน้ำจะแช่น้ำอุ่นในอ่างเป็นการอบอุ่นร่างกายที่เขาเรียกว่าวอร์มอัพก่อนก็ได้ ไม่ว่ากันทำให้มีอารมณ์รักใคร่มากขึ้นเสียอีก

และถ้าคุณอยากมีลูกเร็วๆ อย่ารีบลุกจากเตียงนอนหลังจากสุขสมแล้วทันที คุณต้องให้เจ้าสาวของคุณนอนต่ออีกสัก 30 นาที ถ้าจะให้ดี ให้นอนชันขาขึ้น และใช้หมอนรองก้นไว้ด้วย ยิ่งจะทำให้น้ำอสุจิไปขังที่ปากมดลูกภายในส่วนสงวนของเจ้าสาวได้นานขึ้น โอกาสเกิดการตั้งครรภ์ก็จะมากขึ้นเป็นธรรมดา


เธอไปถึงดวงดาวได้ยากกว่าคุณ

แน่นอนว่าเจ้าสาวของคุณต้องใช้เวลามากกว่า 10 นาที ในการที่จะไปถึงจุดสุดยอด ส่วนคุณผู้ชายทั้งหลายนั้นแค่ 2 นาทีครึ่งเท่านั้น ความรักของคุณก็กลั่นออกมาเป็นน้ำรักที่พุ่งกระฉูดออกจากท่อจ่ายความรักของคุณเสียแล้ว

ดังนั้น คุณคงจะต้องใช้ความพยายามในการถมช่องว่างหลายท่าทีที่ห่างกันนั้น โดยการเล้าโลมเธอด้วยวิธีการต่างๆ ที่คิดว่าจะทำให้เธอมีอารมณ์มากขึ้น จนภูเขาไฟใกล้ระเบิดแล้ว คุณค่อยไปต่อยอด โดยการสอดกายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ไม่อย่างนั้น สวรรค์อาจจะล่มเร็วกว่าที่คุณคาดการณ์ไว้ ก็เป็นได้

เจ้าสาวแต่ละคนมีจุดสัมผัสเสน่หาที่จะเร้าอารมณ์เธอต่างๆ กัน บางคนไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน บางคนเคยช่วยตัวเองมาก่อน และแน่นอนว่า หลายรายอาจจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับใครสักคนมาก่อน แต่นานแล้วจนจำไม่ได้ และไม่อยากจำ

เวลาคุณคลำหรือสัมผัสที่จุดไหน ลองสังเกตอาการของเธอดูซิครับว่า ตอบสนองในแบบใด และจำไว้ว่าจุดไหนสามารถกระตุ้นเธอให้มีอารมณ์เร็วกว่าที่กระตุ้นในจุดนั้น จุดไหนกระตุ้นจนเหนื่อยแล้วเธอไม่ตอบสนองก็ข้ามๆไปเสียบ้าง จะได้ไม่เสียเวลา

แต่ถ้าคุณบรรเลงบทเพลงแห่งความรักใคร่กับเธอด้วยความรักแล้ว เธอจะรับรู้ได้และตอบสนองต่อความรักที่เจ้าบ่าวยอมให้อย่างเต็มอิ่ม และเปี่ยมไปด้วยความสุข


เธอมีนิสัยอนุรักษ์นิยม

ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังคงหัวโบราณในเรื่องนี้ แม้ว่าผู้หญิงยุคใหม่จะเป็นคนที่เปิดเผยมากขึ้นแล้วก็ตาม ผู้หญิงหลายราย ถ้าจะไปให้ถึงจุดสุดยอดจะต้องมีท่วงท่าแบบนั้นแบบนี้โดยเฉพาะ และพวกเธอไม่ชอบอะไรที่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
ดังนั้น การมีความสัมพันธ์กันใหม่ๆ ท่วงท่าที่เรียกว่า มิชชันนารี จึงเป็นท่วงท่ามาตรฐาน เพราะเป็นท่วงท่าที่ผู้หญิงจะสบาย ถ้าเจ้าบ่าวไม่โถมน้ำหนักทั้งตัวลงไปทับเธอมากนัก อย่าลืมใช้แขน 2 ข้างยันกับพื้น เพื่อยกส่วนบนของลำตัวคุณเอาไว้ไม่ให้ทาบทับเธอในขณะที่ส่วนกลางตัวของคุณกำลังเคลื่อนไหวอยู่ จนเมื่อสวรรค์ลอยลงมาแล้ว ค่อยโน้มตัวลงไปสัมผัสรักให้แนบแน่น

การขอเปลี่ยนท่วงท่าและลีลาแห่งความรักที่แปลกใหม่ ควรจะต้องทำหลังจากผ่านวันเวลาแห่งการใช้ชีวิตคู่กันไปสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว และแน่ใจว่า เราสองเป็นประเภท วัวเคยขาม้าเคยขี่ แบบนั้นจะพลิกแพลงอะไรก็น่าจะไปด้วยกันได้


อย่าผละจากไป โดยไม่พูดคำว่า "ผมรักคุณ"

ผู้หญิงทุกคน เมื่อมีสัมผัสสวาทกับชายในดวงใจแล้ว สิ่งหนึ่งที่เธอต้องการก็คือ ความประทับใจของเขาที่มีต่อเธอ เธอกลัวเหลือเกินว่าบทรักที่เธอมอบให้จะไม่ประทับใจเขา และเขาจะเบื่อเธอในอนาคต

ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะเป็นเจ้าบ่าวที่น่ารัก แสนดี เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แล้วล่ะก็ อย่าลืมกระซิบคำว่า "ผมรักคุณ" ที่ข้างหูของเธอ หลังจากมีความสุขสมร่วมกันแล้ว แล้วคุณก็จะเป็นเจ้าบ่าวในดวงใจของเธอตลอดกาล...




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 16:19:22 น.
Counter : 337 Pageviews.  

เรื่องน่ารู้ก่อนเข้าสู่ประตูวิวาห์




การแต่งงานเป็นความคาดหวังว่าทุกอย่างจะลงตัว แม้จะไม่เพอร์เฟ็กต์สมบูรณ์แบบก็พอใจได้ เรื่องจะรักกันจับจิตจับใจหรือมีปากเสียงหรือไม่ ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน ผู้หวังดีทั้งหลายก็มักจะให้คำแนะนำว่าจะทำตัวก่อนแต่งอย่างไร โบราณทักเอาไว้หรือต้องมีเคล็ดลับหรือเทคนิคมากมาย ต่างฝ่ายต่างก็ใส่กันเป็นเล่มเกวียนให้บ่าวสาวเก็บไว้เป็นทุนทางข้อมูลและเครื่องมือประมาณว่าใครจะถือไพ่เหนือกว่ากัน

ในส่วนของกฎหมายก็ขอฝากใบเรื่องของความสัมพันธ์หรือความผูกพันทางกฎหมายที่อาจจะมัดแน่นกว่าความผูกพันทางใจ แบบว่าไม่อยากจะให้เป็นอย่างนั้น แต่กฎหมายท่านจัดสรรในเรื่องสิทธิและหน้าที่เอาไว้ให้ ก็เลยไม่แน่ใจว่าฝ่าฝืนให้เป็นไปตามหัวใจได้หรือไม่ เรื่องดูใจหรือตรวจสอบประวัติอีกฝ่ายนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะผ่านขั้นตอนมาจนถึงการตัดสินใจที่จะผูกขาดเป็นสามีหรือภรรยากันแล้ว สิ่งที่ต้องมองต่อไปจึงเป็นเรื่องที่อยู่หลังประตูวิวาห์ต่างหาก


~ ของขวัญแต่งงาน ~

ไม่ว่าจะเปิดกล่องหรือแกะซองของขวัญกันตอนไหน สิ่งที่ได้มาเป็นการให้ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับร่วมกัน และทำให้สถานะของทรัพย์นั้นเป็น สินสมรส

การที่กฎหมายบัญญัติเอาไว้ว่า ทรัพย์สินที่คนเขาให้ในระหว่างแต่งงานจะเป็นสินส่วนตัวของคนที่ได้รับไป เว้นแต่จะระบุเอาไว้ชัดเจนว่าให้ทั้งสองคน ถึงจะเป็นสินสมรส เมื่อของที่ได้ไม่ระบุว่าให้ใคร แต่เขาให้ในงานแต่งงานก็ต้องเป็นการให้บ่าวสาว ไม่ต้องไปตามเรื่องตามราวว่า เขาคนนั้นเป็นแขกของฝ่ายไหน จึงทำให้ของขวัญที่ได้จากการแต่งงานเป็นสินสมรส แม้ไม่ระบุว่าให้ใครก็สื่อความได้ว่าให้สองคน

ทีนี้ก็อาจมีข้อสงสัยว่าเช็คที่แขกร่วมงานเซ็นมาให้ระบุว่าสั่งจ่ายให้เจ้าสาว เท่ากับว่าจงใจเจตนาจะให้คนเดียวหรืออย่างไร ทำไมไม่ใส่ชื่อเจ้าบ่าวเข้ามาด้วย จะว่าไม่รู้ชื่อก็เกินไป การ์ดแต่งงานก็ใส่ชื่อเอาไว้เด่นชัด ครั้นจะไปถามคนจะไปถามคนให้ก็จะไร้มารยาทเกินไป และทำให้เขาจับได้ถึงความเค็มจัดของเรา กรณีแบบนี้ถ้ามีข้อโต้เถียงกันก็คงต้องหาจุดลงตัวให้ได้ โดยเห็นว่าน่าจะเป็นสินสมรสของทั้งสองฝ่ายด้วยเหตุผลเดิม ๆ ข้างต้นที่ว่าเขาให้เนื่องในงานแต่งงาน ไม่ได้ให้เพื่อเพื่อแสดงความยินดีที่หลุดจากคานเป็นการส่วนตัว

แต่ถ้ามีการให้กันนอกรอบนอกงาน ซึ่งไม่ได้เป็นการให้เพราะลืมไปร่วมพิธี ก็อาจต้องตีความจากพฤติการณ์ที่ให้ว่าจงใจจะเจาะจงเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวเท่านั้นหรือเปล่า ถ้าไม่ได้จำเพาะเอาไว้ เพียงบอกว่าให้ในการแต่งงานก็ถือเป็นสินสมรสไป ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวบางรายให้ของขวัญกันไว้ก่อนวันงานเพราะติดราชการหรือด้วยสาเหตุอื่นใดก็ตามที แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน การให้นั้นก็ไม่ทำให้เป็นสินส่วนตัวของคนที่รับไว้ เพราะเป็นการให้เนื่องในโอกาสแต่งงานอีกนั่นแหละ เว้นแต่เน้นว่าให้เธอเท่านั้น จึงค่อยเป็นสินส่วนตัว

อย่าคิดว่า งกเกินไปหรือเปล่า การเอาเรื่องทรัพย์สินมาแจงทั้ง ๆ ที่เพิ่งแต่งไม่กี่วันแบบนี้ เพราะมีทะเลาะมาให้เห็นตัวเป็น ๆ มาแล้วและจะอัดอั้นกันเอาไว้รอวันและเวลาที่จะระเบิดอารมณ์ใส่เมื่อมีเหตุปัจจัยอื่นมาส่งเสริมให้แตกหักกัน เรื่องของบ้านของเรือนหอและของแต่งงานก็จะกลายเป็นประเด็นย่อยที่ทำให้เรื่องใหญ่ไม่สามารถจัดการประนีประนอมได้ รู้หลีกเอาไว้เป็นดี


~ จัดการทรัพย์สิน ~

หลังจากงานฉลองก็ต้องกลับเข้าสู่วิถีปกติ ใคร ๆ ต้องทำงานก็ทำไปใครต้องบริหารกิจการ หรือต้องทำตัวเป็นแม่บ้านแสนดีให้สามีก็กระวีกระวาด เพราะยังข้าวใหม่ปลามัน ยังตื่นตาตื่นใจกับรูปแบบชีวิตที่เพิ่มเข้ามาใหม่กันระยะหนึ่ง

เมื่อไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป ค่าใช้จ่ายและรายรับทั้งหลายก็ต้องจัดสรรให้ลงตัว กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าไป แต่ถ้าออกแบบให้เข้ากับชีวิตจริงของแต่ละคู่ก็ต้องดูรายละเอียดกันไป หากตกลงแตกต่างกับกฎหมายก็ไม่ได้มีความผิดอะไร เพียงแต่จะใช้ยืนยันกับคนนอกไม่ได้ กฎหมายถือว่าเป็นเรื่องของคนใน คือคู่บ่าวสาวเอง

ถ้าอยากให้ชาวบ้านเขารู้ก็ต้องใช้วิธีทำสัญญาก่อนสมรสเอาไว้ตอนที่จดทะเบียนกันแบบนั้น ต่อให้ไม่รู้ทุกคนก็ย่อมมีผลผูกพันซึ่งรายละเอียดเคยว่ากันไว้ในเล่มก่อน ๆ แล้ว การจัดการทรัพย์สินตามกฎหมาย สามีหรือภรรยาต่างก็มีอิสระจะจัดการได้ตามที่เห็นสมควร ไม่ต้องขออนุญาตอีกฝ่ายให้เสียเวลา แต่ก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของครอบครัวเอาไว้ด้วย

ถ้าเกิดไปจัดการจนเสียหายหรือเดือดร้อนอีกฝ่าย ก็เป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายร้องขอต่อศาลขอแยกสินสมรส หรือห้ามเราจัดการทรัพย์สินได้ เช่นเดียวกับที่เราก็มีสิทธิร้องขอห้ามอีกฝ่ายได้เหมือนกัน

มีเพียงการจัดการบางอย่างที่ต้องการความยินยอมของอีกฝ่ายเสียก่อนจึงทำได้ นั่นคือ เรื่องที่เกี่ยวกับการขายหรือไปสร้างภาระทั้งหลายติดพันกับที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ทั้งหลาย เช่น จะจำนองที่ดินเป็นประกัน หรือนำที่ดินไปให้ใครเขาเช่าเกินกว่าสามปีขึ้นไป หรือไปให้ใครกู้ยืมเงิน เป็นต้น

นอกจากคิดเรื่องทรัพย์สินที่มีอยู่ ก็ต้องดูทรัพย์สินที่จะได้ บางรายซื้อรถเอาไว้ใส่ชื่อภรรยา เวลาจะขาย ซึ่งตามกฎหมายไม่ต้องขออนุญาตอีกฝ่าย แต่ภรรยาไม่ยอมเซ็นชื่อโอนทางทะเบียนให้ เกี่ยงให้เอาเงินมาใส่บัญชีส่วนตัวของเธอก่อน อย่างนี้ก็ต้องมีทะเลาะกันเพราะตามกฎหมายรถนั้นได้ขายขาดไปแล้ว ไม่ว่าจะได้ทำการโอนทางทะเบียนหรือไม่ ภรรยาหรือสามีก็ไม่มีใครได้สิทธิในรถทั้งนั้นจึงต้องเป็นเรื่องพิพาทกันระหว่างคนซื้อกับคนขาย ไม่ใช่เรื่องสามีภรรยาเสียแล้ว และภรรยาจะมาอ้างว่ายังไม่ได้รับเงินไม่ได้ เพราะเงินอยู่ในกระเป๋าสามีแล้ว ขืนดื้อไปดำเนินการทางทะเบียนให้ อาจได้ไปเถียงกับคนซื้อต่อที่ศาล เพราะไม่เข้าใจสถานการณ์นั่นเอง


~ การทำมาหากิน ~

มีหลายรายที่เกรงใจ ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องการงานของอีกฝ่าย บางรายไม่กล้าเยี่ยมหน้าไปที่ทำงาน เดี๋ยวจะเป็นการล้วงลูกมากไปก็เลยพาลไม่รู้ว่าสามีหรือภรรยาเลื่อนตำแหน่งไปถึงไหน หรือมีรายได้เท่าไหร่เพราะไม่ไต้อัพเดตไว้ ยิ่งรายที่แต่งงานโดยไม่ได้ประกาศจัดเลี้ยง เพื่อนร่วมงานยังคิดว่าโสดอยู่ ก็จะมีความเสี่ยงต่อการถูกจับจองได้ กว่าจะแก้ไขก็อาจสายไปเสียแล้ว

คนรักของเราทำงานอะไร ถ้าไม่ทราบก็ต้องเอาศีรษะไปกระแทกกำแพงได้แล้ว มีอย่างที่ไหนจะแต่งงานกันยังไม่รู้ชัดว่าเขาทำงานอะไร มีรายได้เท่าไหร่ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของครอบครัวในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซ้ำร้ายไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาเงินที่ได้ไปฝากไว้ที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินไหน รู้แต่ว่าถึงเวลาสิ้นเดือนทีไร ก็มีเงินมาให้ครอบครัวสำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไปทั้งหลาย

ตัวเราก็รับภาระค่าใช้จ่ายอีกส่วนไปตามที่แบ่งภาระรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอาไว้ เงินได้ก็เข้าบัญชีของใครของมันไป จะใช้จ่ายอย่างไรอีกฝ่ายไม่ขอรับรู้ โดยเฉพาะคนเป็นภรรยาแค่ทราบว่าสามีให้เงินติดกระเป๋าไว้ใช้จ่ายพร้อมเครดิตการ์ดที่รูดได้สบาย ๆ ไม่ลำบากสักเดือนก็พอใจแล้ว

อยากจะบอกว่า อาจเหมาะกับบ่าวสาวบางประเภท แต่จะมีผลสัมฤทธิ์ในทางลบได้ หากยังรักษาความเป็นส่วนตัวเกินไปอย่างนี้ คนเป็นสามีภรรยาต้องรู้ว่า การทำมาหากินของอีกฝ่ายก่อให้เกิดรายได้และหนี้สินอย่างไร ยิ่งเป็นธุรกิจของตนเองด้วยแล้ว ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการได้เสียของการเงินในครอบครัว

หากมีการสร้างหนี้สินในการประกอบอาชีพไว้ เพราะต้องนำรายได้มาใช้จ่ายให้ครอบครัว หนี้สินนี้ก็จะถือเป็นหนี้สินสมรสที่ผูกพันมาที่ครอบครัวด้วย แบบนี้ไม่มีเรื่องก็แล้วไป แต่ถ้ามีปัญหาเข้ามาเมื่อไหร่ล่ะก็ บ้านแตก เตียงหักกันไปหลายรายแล้ว

อย่าคิดมากหากจะหาว่าสนใจเงินในกระเป๋าของอีกฝ่าย หรือวุ่นวายเรื่องการงานของเขา เพราะมันมีผลต่อเรา และลูก ๆ ด้วยการเอาใจใส่ถามไถ่รับรู้ ไม่ใช่การสอดรู้สอดเห็น เป็นเรื่องจำเป็นที่สามีภรรยาต้องมี และควรที่จะคุยกันให้ดีก่อนที่จะก้าวเข้าประตูเรือนหอสำหรับเงินได้ที่ใส่ไว้ในบัญชีทั้งหลาย เอาไว้จากรายได้หรือเงินเดือน แม้จะแบ่งแยกกันชัดเจนแค่ไหนก็ไม่ทำให้กลายเป็นเรื่องส่วนตัวของตัวเองได้ ยังเป็นสินสมรสของทั้งสองฝ่ายที่มีสิทธิร่วมกันอยู่นั่นเอง


~ ก่อนเข้าสู่ประตูวิวาห์ ~

แม้ว่าจะเป็นเรื่องไกลไปจากความรักความเข้าใจ ที่หากพูดออกไปแล้วจะบาดหมางทางใจเสียความรู้สึกได้ ก็ไม่ได้แนะนำให้เอ่ยปากเจรจาว่ากันเป็นทางการเสียที่ไหน เพียงต้องการให้ว่าที่บ่าวสาวควรเข้าใจว่าเมื่อแต่งงานกันเมื่อไหร่ มันมีอะไรที่ควรรู้เอาไว้จะได้บริหารจัดการได้ดี

อย่าคิดว่าน่าจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อยู่ ๆ ไปอะไร ๆ ก็จะเข้าที่เข้าทางเอง เพราะกว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ขวางหูขวางตาและมีปัญหาชีวิตได้ เรื่องบางเรื่องจึงไม่จำเป็นต้องคุยหรือต่อรองกันก่อนแต่งงาน แต่เป็นเรื่องของความรู้และเข้าใจสิทธิที่เรามี หรือเขาจะได้ตามกฎหมาย เวลาเดินผ่านประตูวิวาห์เมื่อไหร่ก็ค่อยจัดการไปโดยมีกฎหมายเป็นไฟนำทาง ถ้ารู้บทบาทต่าง ๆ ก็จะหลีกเลี่ยงข้อบาดหมางได้ และไม่ใช่จะรู้ไว้เพื่อใช้กับเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวของเราเสียที่ไหน บางเรื่องที่ควรรู้ไว้อาจจำเป็นต้องนำมาใช้กับคนที่มาเกี่ยวของในชีวิตสมรส เพี่อรักษาประโยชน์ของเราสองได้

รู้แล้วก็ขอให้ก้าวเท้าผ่านประตูวิวาห์ไปอย่างมั่นใจพร้อม ๆ กัน





 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 16:10:34 น.
Counter : 280 Pageviews.  

เช็คระยะความสัมพันธ์ เพื่อรักยืนยง



ความสัมพันธ์นั้นต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดหมายปลายทาง แต่คุณเคยมีเวลาได้หยุดเช็คความสัมพันธ์ของคุณบ้างหรือไม่ว่าเดินทางมาถึงไหนแล้วและพร้อมจะก้าวเดินสู่จุดต่อไปได้หรือยัง ถ้ายังไม่เคย คงต้องเริ่มเช็คกันได้แล้ว เพื่อให้รักนี้ผ่านฉลุยไปถึงเส้นชัย...


จุดเช็คระยะที่ 1 : แบบนี้เรียกว่าแฟนได้หรือยังนะ?
หลังจากออกเดทกันได้พักใหญ่และใช้สรรพนามเรียกเขาว่า “กิ๊ก” มาได้ระยะหนึ่ง ความรู้สึกวันนี้มันเริ่มแปลกไป ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาหัวใจเรามันชุ่มขื่นพิกล ที่เคยคอยกันว่าเราแค่ลองดูๆ กันไป ต่างคนต่างมีสิทธิ์จะคบใครก็ได้ ทำไมวันนี้ฉันไม่อยากคบใครแล้วล่ะ แล้วก็ไม่อยากให้เขาไปคบใครแล้วด้วย
ถ้าคุณเริ่มมีความรู้สึกประมาณนี้ อย่าทึกทักไปคนเดียว เช็คหัวใจเขาให้แน่ด้วยว่าเขาก็คิดแบบเดียวกับเรา ถ้าเขาเริ่มหวงเราเป็นพิเศษ เริ่มพาเราไปออกงานโชว์ตัวมากขึ้น หรือเริ่มส่งสายตาห่วงหาอาทรมากกว่าปกติ ให้เริ่มคิดเข้าข้างตัวเองได้เลยว่าเขาเห็นเราเป็นคนพิเศษแล้วล่ะ ทีนี้ก็อยู่ที่ว่าจะเป็นเขาหรือคุณที่เอ่ยปากก่อนกันว่า “อย่างที่เราเป็นนี่เรียกว่าแฟนได้รึเปล่านะ” หวังว่าคำตอบคงไม่ทำให้คุณผิดหวังนะ


จุดเช็คระยะที่ 2 : ได้เวลากับเรื่องบนเตียงหรือยัง?
หลังจากเป็นแฟนกันได้ระยะหนึ่ง เขาก็น่ารักดูแลเอาใจเราทุกอย่าง แถมยามมีโอกาสก็ไม่เคยคิดล่วงเกิน อย่างมากก็เดินจูงมือกันหรือจูจุ๊บเล็กๆ พอให้ชื่นใจ เขาทำให้เรามั่นใจในคำว่า “รัก” ที่เขาพูดทุกครั้ง วันหยุดยาวคราวนี้เขาชวนฉันไปทริปต่างจังหวัดด้วยกันครั้งแรก ฉันจะไปดีไหม แล้วถ้าไป ฉันจะมีอะไรกับเขาได้ไหมเนี่ย?
ถ้าคุณมั่นใจว่าสิ่งที่คุณทั้งสองมีร่วมกันนั้นเรียกว่า “รัก” แน่นอนแล้วละก็ เราคงไม่หยุดยั้งคุณไว้หรอก ถ้าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่คุณมั่นใจแล้วว่าห่วงใยคุณจริงและรักนี้น่าจะยาวนานไม่น้อย คงจะได้เวลากระชับความสัมพันธ์นี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วยสัมผัสรักบนเตียง อย่าลืมระวังป้องกันให้ดีก็แล้วกัน คุณคงไม่อยากท้องก่อนแต่งเป็นแน่


จุดเช็คระยะที่ 3 : เขาคือคนที่เรารอมาทั้งชีวิตหรือเปล่า?
เอาล่ะ...เราก็คบกันมาได้พักใหญ่ ดูเหมือนอะไรๆ ระหว่างฉันกับเขาก็ดูจะดีไปหมด นั่งคุยกันได้นานๆ ไม่เห็นว่าเขาจะเบื่อ เวลาไปไหนกับเพื่อนเขาก็พาเราไปเสมอ เรื่องบนเตียงก็สุดจะวี้ดวิ้ว แถมเวลาฉันไปข้อปปิ้งเขายังไม่เกี่ยงที่จะไปเป็นเพื่อนด้วยนะ ที่สำคัญทั้งฉันและเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างที่สุดแต่จะมั่นใจได้ยังไงว่าเขานี่แหละคือคนที่ใช่และฉันควรจะเลิกมองใครอื่นได้แล้ว แค่สังเกตพฤติกรรมเขาสักหน่อยว่าอยู่ในร่องในรอยดีแค่ไหน
ถ้าวันนี้เขายังดีเหมือนวันเก่า ๆ มองตาทีไรยังมีอารมณ์สปาร์คกันอยู่ และทุกครั้งที่มีใครใหม่เดินเข้ามาในชีวิตคุณ คุณแทบจะไม่สนใจอยากรู้จักซะด้วยซ้ำ นั่นแสดงให้เห็นชัดแล้วว่า เขาคือคนที่ใช่สำหรับคุณเข้าแล้ว


จุดเช็คระยะที่ 4 : ถึงเวลาใช้ชีวิตร่วมกันแล้วยัง?
และแล้วเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขารักฉันจริงและฉันก็รักเขาเต็มหัวใจ ที่สำคัญเขายังรักครอบครัวของฉันด้วยสิ แถมไม่ว่าจะทะเลาะกันยังไง เราสองคนก็ไม่เคยคิดแก้ปัญหาด้วยการเลิกกันสักครั้งเดียว ช่วงนี้เราเริ่มคุยกันเรื่องแบบบ้านที่เราชอบ เงินในบัญชีที่เรามี บางทีเวลาเห็นเด็กเล็กๆ วิ่งไปมา เราก็หันมามองหน้ากันด้วยสายตาแบบรู้กันว่าเราก็อยากมีแบบนี้บ้างแล้วล่ะ
ถ้าความรักดูลงตัวไปหมดและคุณทั้งสองก็พร้อมทั้งการเงินและจิตใจพร้อมที่จะให้คำมั่นว่าจะซื่อสัตย์และมั่นคงต่อกันตลอดไป พร้อมที่จะคิดถึงคำว่า “เรา” มากกว่า “ตัวฉัน” และพร้อมที่จะแบ่งปันให้กันในทุกสิ่งไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ถ้าเช่นนั้นเราคิดว่าคงถึงเวลาแล้วล่ะ ที่คุณทั้งสองจะลั่นระฆังวิวาห์และอยู่ครองรักกันตลอดไป


จุดเช็คระยะที่ 5 : เซ็กซ์ของเราเริ่มเสื่อมถอยหรือยัง?
คนเราคบกันแรกๆ อะไรๆ มันก็เร่าร้อนไปหมดมีเซ็กซ์มาราธอนกันทั้งคืนก็ไม่มีใครบ่น แต่ลองดูสิ พอเวลาผ่านไปอะไรๆ ก็จะเปลี่ยนไปด้วยปีที่ 1 อาจยังคึกคักดีอยู่ พอปีที่ 2 อาจจะเริ่มมีบ่นเหนื่อยบ้าง พอปีที 3 อาจมีปัญหาปลุกไม่ตื่นแล้ว อันที่จริงหากความต้องการทางเพศของเขาจะซาลงไปบ้างหลังผ่านไปช่วงหนึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก ผู้ชายจะตื่นเต้นแทบไม่เป็นอันหลับอันนอนได้พักหนึ่งเท่านั้นแหละ เมื่อเขาได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่แล้วความตื่นเต้นนั้นก็จะลดลงไปเองเป็นธรรมชาติ แต่คุณต้องไม่ปล่อยจนชินชาและตายด้านไปนะ
คุณต้องหมั่นสร้างสีสันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการแอบเซอร์ไพร์เขาด้วยขุดชั้นในสุดเซ็กซี่หรือแม้แต่วางแผนมีเซ็กซ์สุดโรแมนติกแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เติมสีสันกันบ่อย ๆ เพื่อให้ชีวิตเซ็กซ์และชีวิตรักของคุณกระชุ่มกระชวยไม่มีวันจืดจางแน่นอน




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 16:04:58 น.
Counter : 269 Pageviews.  

ชวนสาวใหญ่วัยเลข 3 สละโสด

คุณสาวๆ ที่วัยเข้าสู่เลข 3 แล้วยังโสดทั้งหลาย มักจะถูกคนรอบข้างเหน็บแนมเอาบ่อยๆ เรื่องหมู่บ้านคานทองใช่ไหมคะ ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปสนใจแล้วล่ะค่ะ เพราะผู้หญิงเรามีแนวโน้มแต่งงานช้ามากขึ้นทุกที จะว่าไปแล้ว 30 ยังไม่ค่อยรู้ร้อน พอ 31 ยังไม่ค่อยรู้หนาว แต่พอ 33 ,34, 35 เนี่ยสิ จะไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่เห็นท่าจะไม่ได้แล้ว เอาล่ะค่ะ ทำใจดีๆ แล้วมาดูวิธีสละโสดกันดีกว่าค่ะ แล้วคุณจะเห็นว่า หลายวิธีที่เคยใช้ได้ผลในอดีตน่ะ เอ๊าท์ไปซะแล้ว



ไปงานปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนสาว : มุขนี้ไม่ค่อยจะเวิร์คแล้วค่ะ เพราะการที่คุณไปไหนมาไหนกับเพื่อนกลุ่มสาวโสดทั้งกลุ่มแล้วมันส์อยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืนนั้น มันจะทำให้ไม่มีหนุ่มไหนกล้าย่างกรายเข้ามาทำความรู้จักกับคุณ ทางที่ดีคือเมื่อถึงงานแล้ว คุณกับเพื่อนก็แยกกันซะ รู้ไว้ด้วยว่า หนุ่มๆ เขามักจะหาโอกาสเข้าไปทำความรู้จักกับสาวที่ยืนอยู่คนเดียวมากกว่า นอกจากนั้น คุณอาจจะได้เจอกับกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ ที่อาจจะมีเพื่อนชายโสดหลงเหลืออยู่


เข้าฟิตเนส : เมื่อหลายปีก่อน มีเพื่อนของดิฉันหลายคนทีเดียว ที่ได้พบกับหนุ่มในฝัน หล่อล่ำบึกตามฟิตเนส แต่เดี๋ยวนี้เห็นจะยากแล้วค่ะ เพราะหนุ่มเหล่านั้นถูกฉกไปหมดแล้ว แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่มีกิจกรรมในการเข้าฟิตเนสเป็นประจำแล้วล่ะก็ ลองปรับเปลี่ยนเวลาการเข้าฟิตเนสของคุณ เป็นช่วงที่มีคนเยอะสักหน่อย จะได้เจอคนใหม่ๆ แล้วก็อย่ามัวแต่ไปโยคะ หรือแอโรบิกอย่างเดียว ลองไปว่ายน้ำ ยกน้ำหนัก หรือวิ้งบนลู่วิ่งที่มีชายหนุ่มวิ่งอยู่ลู่ข้างๆ ดูบ้างนะ


เข้าร้านหนังสือเสียบ้าง : สาวสมัยใหม่ไม่ค่อยมีเวลา ก็จะบอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารที่ตัวเองชอบซะเลย ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ผิดค่ะ คุณควรจะไปร้านหนังสือ แล้วก็หัดไปนั่งมุมกาแฟ จิบไป อ่านไป ดูโต๊ะข้างๆ ไปเสียบ้าง อาจจะได้เจอใครใหม่ๆ หรือคนที่มีรสนิยมในการอ่านเหมือนกันมาเป็นเพื่อนใจก็ได้ค่ะ


หาอะไรทำในช่วงพักกลางวัน : Working Woman หลายคนเลิกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านแล้ว เปลี่ยนมาเป็นนั่งทานข้าวกล่องที่โต๊ะแทน พฤติกรรมดังกล่าว นอกจากจะทำให้คุณกลายเป็นคนขี้เกียจและลงพุงแล้ว ยังปิดกั้นโอกาสดีๆ ในชีวิตด้วย ใครที่ทำอย่างนี้อยู่เลิกซะนะคะ ลุกขึ้นมาเดินเล่น ออกไปหาอาหารทานข้างนอกเสียบ้าง จะได้ไปมองดูผู้คนและให้ผู้คนเขามองดูคุณค่ะ


อย่านั่งอ่านหนังสือเวลารอคิว : ไม่ว่าจะเป็นการรอคิวที่ธนาคาร หรือคิวอะไรก็แล้วแต่ที่ต้องใช้เวลา สาวๆ ส่วนใหญ่ชอบหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน นั่นเป็นการปิดกั้นตัวเองค่ะ วิธีที่ถูกคือหากรอนาน ก็ให้เริ่มบทสนทนากับคนข้างๆ แต่ต้องดูกาลเทศะหน่อยนะคะ


ไปช๊อปปิ้งคนเดียว : สาวๆ ที่เดินช๊อปปิ้งคนเดียว ก็มักจะรีบๆ ซื้อ เข้าไปซื้อในร้านที่ตนเองตั้งใจเท่านั้น ซึ่งมักจะเป็นร้านเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับสำหรับผู้หญิง ร้านแบบนี้ ผู้ชายไม่เข้าหรอกค่ะ คุณควรหาเวลาเข้าไปในร้านที่ผู้ชายเขาชอบเข้าบ้าง เช่นร้านซีดี ร้านขายอุปกรณ์กีฬา หรือว่าร้านคอมพิวเตอร์ แล้วก็ลองขอคำแนะนำในการเลือกซื้อจากคนข้างๆ ดูนะ


การใช้เวลาว่าง : แทนที่จะไปนั่งทำเค้ก เรียนแต่งหน้า นวดหน้า สปา ก็ให้เปลี่ยนไปเป็นกิจกรรมที่ผู้ชายเขาชอบ เช่น ตีกอล์ฟ ตกปลา คอมพิวเตอร์ เป็นต้นค่ะ


กิจกรรมสุดสัปดาห์ : แทนที่จะไปแต่บ้านเพื่อน ก็ลองวางแผนเที่ยว หรือทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองได้เจอคนใหม่ๆ ซะบ้างค่ะ




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 16:01:54 น.
Counter : 472 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  

นากาชิม่า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Tried to take a picture
Of love
Didn't think I'd miss her
That much
I want to fill this new frame
But it's empty

Tried to write a letter
In ink
It's been getting better
I think
I got a piece of paper
But it's empty
It's empty

Maybe we're trying
Trying too hard
Maybe we're torn apart
Maybe the timing
Is beating our hearts
We're empty

And I even wonder
If we
Should be getting under
These sheets
We could lie in this bed
But it's empty
It's empty
Friends' blogs
[Add นากาชิม่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.