Group Blog
 
All blogs
 

23 ต.ค 2550


NAVIGATOR

navigator.mp3



สวัสดีค่ะ..

เนวิเกเตอร์ทริปนี้พี่ติ๊กพาไปจ.นครสวรรค์ วนอุทยานเขาหลวง
ในชื่อตอน "ฝายแห่งชีวิต พิชิตยอดเขากลางเมือง"
เนวิเกเตอร์ติ๊กจะไปทำกิจกรรมดีๆร่วมกับชาวบ้านในท้องที่คือช่วยกันสร้างฝายชลอน้ำ
ครั้งนี้เราขอบรรยายสั้นๆละกันน๊า แต่มีคลิปมาฝากคนที่ไม่ได้ดู
และคนที่อยากดูซ้ำนะจ๊ะ..













ถึงน้ำตกหินดาด ที่วนอุทยานเขาหลวง เพื่อขึ้นไปช่วยทำฝายชลอน้ำซึ่งเป็นฝายสุดท้ายของโครงการ
ซึ่งการสร้างฝายน้ำนี้ทำตามพระราชดำริของในหลวง
การทำฝายจะมีทั้งหมด 3 รูปแบบคือ แบบผสมผสาน แบบถาวร และแบบกึ่งถาวร
ที่ยอดเขาหลวงนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากท้องถิ่น 215 ฝาย
และในการทำฝายก็จะชาวบ้านและเยาวชนเข้ามาร่วมกันทำกิจกรรมครั้งนี้ด้วย
















แวะพักจิบกาแฟชมวิวเพื่อจะเดินทางต่อไปที่ถ้ำธารทิพย์ ไปดูค้างคาวแม่ไก่
ที่ด้านหลังของพี่ติ๊กคือเขาหลวงและอ่างเก็บน้ำของชุมชนนะคะ
อ๊ะ..มีใครสังเกตเห็นความอินเทรนด์ของพี่ติ๊กมั้ยค่ะ..ติ๊กต่อก..ติ๊กต่อกๆ
เฉลยก็ได้ เราเห็นพี่ติ๊กใช้ผ้าพันคอของ อาเล็กซานเด้อ แมคควีน (Alexander Mcqueen) ด้วยล่ะ คริคริ














เดินทางถึงถ้ำธารทิพย์ เข้าไปดู ค้างคาวแม่ไก่ แล้วก็ดูพี่ติ๊กสัมผัสอุนจิของค้างคาวด้วย
ฮาตอนเจ้าหน้าที่บอกว่าอุนจิของค้างคาวแม่ไก่จะมีรสเค็มแล้วบอกให้พี่ติ๊กลองชิมดู
นอกจากนี้ในถ้ำก็ยังมีสัตว์ต่างๆเช่นจิ้งหรีดถ้ำ แมงป่องถ้ำ เจอหินงอกหินย้อยสวยแปลกตา
เป็นรูปคล้ายเสาโรมัน คล้ายปะการัง และที่น่ารักคืออันที่หล้ายนกเพนกวินอ่ะ น่ารักดีเนอะคะ
















เดินเท้าขึ้นเขาต่อเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์คือยอดเขาหลวงค่ะ







ทางเดินชันตลอดไม่มีที่ราบๆเลย แต่ก็สู้ๆครับ





ระหว่างทางเดินก็เจอดอกดินแดง หน้าตาคล้ายๆนกฟลามิงโก้ ใช้เป็นส่วนผสมของการทำอาหารได้ด้วยค่ะ



เดินถึงสันเขา เลี้ยวขวาจะไปเขาเขียว ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปเขาหลวง ถ้าเผื่อใครไปอย่าเลี้ยวผิดล่ะ





ถึงยอดเขาหลวงแล้วนะคะ ใช้เวลา 6 ช.ม เหนื่อยเลยเนอะ



เดินทางต่อไปยังจุดพิชิตของเนวิเกเตอร์





ถึงจุดพิชิตแล้วค่ะ สวยจังอ่ะ พี่ติ๊กพูดทบทวนถึงสถานที่ต่างๆที่เดินทางผ่านมา ระหว่างทางเดินนั้นก็ถือได้ว่าเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สนุกอีกเส้นทางนึงพี่ติ๊กกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกๆท่าน
เดินตามรอยทางของเรา เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์

แล้วเจอกันอีกน๊า บ๊าย..บาย



















ตอนที่1




ตอนที่2




ตอนที่3




ตอนที่4











 

Create Date : 25 ตุลาคม 2550    
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 23:13:25 น.
Counter : 1355 Pageviews.  

13 ส.ค 2550


NAVIGATOR

navigator.mp3


สวัสดีค่ะ..เนวิเกเตอร์ทริปนี้ จะไปกันที่จ.นครนายก นะคะ
ในชื่อตอน ลุยดงพญาไฟ น้ำตกใหญ่...เหวสีเสียด




เริ่มรายการโดยพี่ติ๊กเดินทางไปที่ ร.ร อนุบาลแสงโสม เพื่อพบกับครูตั๋น ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ติ๊ก



ครูตั๋นพาพี่ติ๊กไปพบกับอ.ใหญ่โรงเรียน เพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องการสอนการเรียนของเด็กๆอนุบาลและกิจกรรมต่างๆที่ให้เด็กๆได้ร่วมกันทำในวันแม่ เช่นการทำการ์ดวันแม่ และร้อยมาลัย เพื่อให้เด็กๆได้นำกลับไปให้คุณแม่ได้ชื่นใจ



พี่ติ๊กบอกว่าเมื่อก่อนตอนเด็กๆครูที่โรงเรียนก็ให้พี่ติ๊กทำเหมือนกันแต่ทำมิค่อยเป็นหรอก แล้วก็บอกว่างานศิลปะเนี่ยจะออกมาเป็นยังไงก็ได้นะ ขอให้มันออกมาจากตัวเราเอง ข้อนี้เราเห็นด้วยกับพี่ติ๊กนะ งานศิลปะหรือการประดิษฐ์ชิ้นงานต่างๆ มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของคนทำมากกว่านะ ผลงานอาจจะออกมาบิดๆเบี้ยวๆบ้างแต่ถ้าทำด้วยใจอ่ะนะ ผู้รับต้องปลื้มสุดๆอยู่แล้วล่ะเนอะ..



ดูน้องๆสิ..ตั้งใจทำกันใหญ่เลยเนอะ



พี่ติ๊กแวะเล่นกับเด็กๆ เป็นที่ชื่นชอบของเด็กอนุบาลซะด้วยสิ ฮอตไม่เบาเลยนะท่านพี่



ในเวลาต่อมาก็ออกเดินทางมาถึงจ.นครนายก แวะชมเขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในโครงการพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง จ.นครนายก และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจ.นครนายกด้วย





ที่เขื่อนนี้ถือเป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวมากที่สุดในโลก
โอ้ว..ได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มด้วย
โดยที่นี่จะรับน้ำที่ไหลจากเขาใหญ่ ไหลสู่น้ำตกเหวนรก แล้วก็ลงมาที่เขื่อนขุนด่านปราการชลแห่งนี้ และต่อไปเนวิเกเตอร์ก็จะเดินทางไปที่แหล่งต้นน้ำอีกแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ คือที่เหวสีเสียด






พี่ติ๊กขับรถเก่งจังอ่ะ..เจอทางน้ำเชี่ยวขนาดนั้น แล้วทางก็ขรุขระด้วย



ทีมงาน วอ.คุยกับพี่ติ๊กบอกรู้สึกว่ารถฝืดๆพี่ติ๊กก็เลยแวะจอดรถเอาน้ำมันเครื่องไปเติมให้



เดินเท้าขึ้นเขากันต่อ



ต้องเดินลุยคลองด้วย สู้ๆน๊า



เวลา13.40 น.แวะนั่งพักแป๊บนึง..หนทางอีกยาวไกล



เดินทางต่อเพื่อขึ้นเขา



อ้าว..ฝนตกซะแล้ว ฝนนี่เป็นอุปสรรคในการเดินป่าเหมือนกันเนอะ
เกือบจะถึงจุดที่จะพักแคมป์ปิ้งกันแล้วนะคะ..
พี่ติ๊กสวมฮู้ดเดินหล่อๆไปเรื่อยๆท่ามกลางสายฝน คริคริ




แง้ว..ลื่นซะแล้วพี่เรา
เหวสีเสียดเป็นน้ำตกกลางป่าดงพญาไฟเป็นน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าเขาใหญ่ ทางเดินค่อนข้างชันและลื่น




ถึงจุดแคมป์ปิ้ง เวลา 17.30น. แล้วพรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางกันต่อไปที่เหวสีเสียดค่ะ





เช้าแล้วจ้า..พี่ติ๊กบอกว่าเมื่อคืนฝนตกทั้งคืนเลย ไม่รู้ว่าทางเดินจะเป็นไงบ้าง





จุดที่พี่ติ๊กยืนอยู่จะมองเห็นน้ำตกเหวสีเสียดแล้วนะ แต่จะต้องเดินต่อเข้าไปอีกหน่อย



อืม..ทางเดินค่อนข้างโหดนะเนี่ย



แวะพักอีกแป๊บนึงแล้วค่อยเดินทางต่อนะครับ



ขนาดเราแค่นั่งดูทางทีวี เห็นพี่เค้าเดินแล้วยังเหนื่อยแทนเลยนะเนี่ย



ใกล้จะถึงแล้ว





วู้วส์..สองวันกับอีกหนึ่งคืน ในที่สุดก็ถึงจุดหมายแล้ว





น้ำตกเหวสีเสียด ถือเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อของ 4 จังหวัดได้แก่ นครนายก สระบุรี ปราจีนบุรี นครราชสีมา



พี่ติ๊ก : ความยิ่งใหญ่ของน้ำตกใหญ่ที่อยู่กลางป่าแบบนี้ ทำให้หายเหนื่อยและผ่อนคลาย สบายใจ
ณ ที่แห่งนี้มีเพียงตัวเราและธรรมชาติเท่านั้น ผมก็เลยคิดว่าธรรมชาติก็น่าจะเป็นเหมือนกับความลงตัวกันได้อย่างกลมกลืน ที่สามารถเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ความกลมกลืนนี้จึงทำให้เกิดความสวยงามได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเราไม่สามรถสร้างขึ้นเองได้แต่เราสามารถทำให้เค้าเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไปได้








พี่ติ๊ก : เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ ความเข้าใจและประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งกับการดำรงชีวิต และโรงเรียนแห่งแรกของการเรียนรู้นี้ก็คือ ที่บ้านของเรา
บ๊าย..บาย..แล้วเจอกันใหม่นะคะ








 

Create Date : 17 สิงหาคม 2550    
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 23:05:44 น.
Counter : 2212 Pageviews.  

30~31 ก.ค 2550


NAVIGATOR



สวัสดีค่ะ
มาแปะรูปเนวิเกเตอร์ของทริปวันที่30-31 ก.ค 50 สำหรับทริปนี้ได้เดินทางไปที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว และเขาล้าน จ.จันทบุรี ขอให้ทุกคนสนุกกับการชมภาพประกอบนะคะ
อ๊ะ..บางคนอาจงงๆว่าทำไมพี่ติ๊กถึงดูเซอร์ขนาดนี้ คือตอนนี้พี่เค้าถ่ายหนังอยู่น่ะก็เลยต้องไว้ผมให้เข้ากับเนื้อเรื่องอ่ะค่ะ




พี่ติ๊กบอกว่าการผจญภัยของเนวิเกเตอร์ครั้งนี้เกิดจากแรงบันดาลใจ ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ และประวัติศาสตร์ และที่สำคัญได้อ่านหนังสือที่ระลึกเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชีวิตของผู้จัดทำคือ คุณมณี สุริยะรังสี โดยได้รวบรวมเรื่องเมืองจันทบุรี ตามหลักฐานอัครานุกรมภูมิศาสตร์จ.จันทบุรี



และยังได้อัญเชิญพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสจันทบุรี ตอนน้ำตกคลองนารายณ์
หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "บ้านของเรา"




สวัสดีครับ..เนวิเกเตอร์จะพาทุกๆคนไปผจญภัยที่น้ำตกคลองนารายณ์ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จ.จันทบุรี และจะไปต่อที่เขาล้าน
ซึ่งถือเป็นส่วนนึงของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนย เนวิเกเตอร์จะพาไปร่วมอนุรักษ์ต้นปรงที่นั่นด้วยครับ




กรุงเทพฯ-จันทบุรี ก็ใช้เวลาประมาณ 4 ช.ม นะคะ



เริ่มออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ---ผ่าน อ.พนัสนิคม---อ.บ้านบึง---ถึง จ.ชลบุรี---อ.แกลง---สู่จ.ระยอง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข344---ก็จะถึงจ.จันทบุรี จุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์



พี่ติ๊กแวะช้อปซื้อน้ำมันเครื่องดีเซล กะ คลอเร็ท



เดินทางถึงบ้านเขาโสม



อ้อ..พี่ติ๊กซื้อน้ำมันเครื่องมาฝากให้ที่นี่..นี่เอง



พี่ติ๊กมาพบกับแพทย์อนันต์ แพทย์ประจำต.ทับไทร ซึ่งมีความสนใจทางด้านสมุนไพรและจะคอยให้คำแนะนำชาวบ้านในเรื่องการใชสมุนไพรด้วย
สวนของแพทย์อนันต์จะเป็นสวนในแนวผสมผสานคือปลูกทุกอย่างรวมๆกัน เช่นปลูกกระวาน รวมกันในสวนทุเรียน ลองกอง เงาะ มังคุด




ไปดูสวนกันเลยดีกว่าครับ





นี่คือต้นกระวานนะคะ แพทย์อนันต์ลองให้พี่ติ๊กชิมด้วยค่ะ เป็นยาขับลม จะมีรสเผ็ดหน่อยๆ





นั่นๆ....พี่ติ๊กได้ลองชิมลองกองอีกด้วย



พี่ติ๊กบอกว่า ไม่ไปไหนละครับอยู่แต่กับต้นเนี้ย หวานฉ่ำ อร๊อย..อร่อย อิ๊อิ๊
อิจฉาพี่ติ๊กจังอ่า..




พี่ติ๊กแสดงความยินดีกับแพทย์อนันต์ที่ประสบผลสำเร็จในการทำสวนผสมผสาน
แพทย์อนันต์ได้ตอบกลับมาว่าจริงๆแล้วผมไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย จบป.4 แต่เมื่อได้ผืนดินเป็นมรดกตกทอดก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวเลี้ยงตัวเองและครอบครัวโดยสุจริตได้
แผ่นดินไทยเราอุดมสมบูรณ์เราสามารถหาเงินได้จากทุกตารางนิ้ว ถ้าเราคิดจะหา และก็ยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงท่านด้วย




พี่ติ๊กบอกว่าการได้มาที่นี่ถือว่าเป็นที่ที่ให้ความรู้เหมือนเป็นโรงเรียนสวนผลไม้แห่งหนึ่งที่สอนวิชาความรู้แก่ผม
ก่อนกลับมีแวะรดน้ำให้น้องหมูด้วย ดูจากสีหน้าน้องหมูก็รู้เลยเนาะว่าสดชื่น มีความสุขแค่ไหน..ดีใจที่ติ๊ก เจษฯ มารดน้ำให้..อี๊ดๆ..อู๊ดๆ..คริคริ




เดินทางต่อมาที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีน้ำตกธรรมชาติอยู่หลายแหล่ง แต่ที่นิยมคือน้ำตกพลิ้ว เกิดจากแหล่งน้ำซับใต้ดินที่พุ่งออกมากลายเป็นสายน้ำตก เป็นลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนที่อื่น
ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นน้ำตกที่รัชกาลที่5 เคยเสด็จประพาสและทรงโปรดน้ำตกแห่งนี้มาก




เมื่อคืนทีมงานเนวิเกเตอร์พักค้างคืนกันที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ดูบรรยากาศดีน่าไปพักบ้างเนอะ.. พอรุ่งเช้าก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อเพื่อไปที่น้ำตกคลองนารายณ์



มาพบกับอ.มนตรี เพื่อร่วมไปผจญภัยชมน้ำตกคลองนารายณ์ด้วยกัน



อ.มนตรี พาพี่ติ๊กมาชมบริเวณปะรำที่ประทับ ในอดีตบริเวณนี้เป็นอาคารไม้
และเป็นที่ตั้งของที่ประทับของรัชกาลที่ 4 ตามพระราชนิพนธ์เสด็จประพาสจันทบุรีของรัชกาลที่ 5




เจอต้นไม้ชนิดนึงเรียกว่า เร่วป่า ต้นที่มีช่อสีแดงนะคะ เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวจันทบุรี นำไปลวกจิ้มรับประทานกับน้ำพริกได้



ทางเดินค่อนข้างลื่นแต่พี่ติ๊กก็สู้ สู้ อยู่แล้น..นนน



มาถึงแล้วค่ะ..ถ้ำพระนารายณ์ เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำศักสิทธิ์ของจ.จันทบุรีที่สำนักพระราชวังจะมาทำพิธีตักน้ำไปรวมเสกเป็นน้ำสรงในพิธีบรมราชาภิเษกในพระบรมมหาราชวัง
ที่นี่เป็นแหล่งน้ำที่ไหลออกมาจากถ้ำแห่งเดียวของประเทศไทย ที่จันทบุรีจะมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 2 แหล่งคือที่ถ้ำพระนารายณ์ กับสระแก้ว ที่อ.ท่าใหม่
ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่เท่ากัน และที่เรียกว่าถ้ำนารายณ์ ก็เพราะว่าในอดีตมีคนเจอเทวรูปพระนารายณ์เป็นสำริดค่ะ






เดินทางกันต่อเพื่อไปดูน้ำตกคลองนารายณ์ ทางเดินชัน พื้นดินก็แฉะทำให้เดินลำบากเหมือนกันนะเนี่ย



วู้ว..ววว ถึงแล้ว น้ำตกคลองนารายณ์



แวะพักจิบกาแฟ พร้อมกับชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ



ได้รับรู้ถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ไปด้วย อ.มนตรี เล่าว่าน้ำตกแห่งนี้เคยมีพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 เสด็จมาที่นี่





บริเวณนี้เรียกว่า อ่างหงษ์ เมื่อก่อนเรียกว่า อ่างสรง เพราะทั้งสองพระองค์เคยมาสรงน้ำที่นี่
พี่ติ๊กบอกว่าครั้งนี้ก็ถือเป็นอีกประสบการณ์นึงในการผจญภัย พร้อมๆกับได้รับความรู้ทางประวัติศาสตร์ไปด้วย และกล่าวขอบคุณอ.มนตรี ที่ให้ความรู้ในครั้งนี้ด้วย




พี่ติ๊กออกจากน้ำตกคลองนารายณ์เพื่อเดินทางต่อมาที่เขื่อนคีรีธาร



ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 17.30 น. ที่แห่งนี้คือเขื่อนคีรีธาร ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยสะพานหิน อ.มะขาม จันทบุรี
เขื่อนนี้กักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ และก็ทำประมงน้ำจืดด้วยค่ะ








สำหรับคืนนี้เนวิเกเตอร์จะแคมป์ปิ้งกันที่นี่นะคะ และพรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางกันต่อไปยัง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี นะคะ



เช้าแล้วจ้า..



เวลา 8.00น. ตอนนี้พวกเราเนวิเกเตอร์ก็ยังอยู่ที่เขื่อนคีรีธาร และจะเดินทางต่อไปยังเขาล้าน



แวะเยี่ยมชมศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรการเลี้ยงผึ้ง



ผึ้งในประเทศไทยมี 4 ชนิดนะคะ ได้แก่ ผึ้งมิ้ม ผึ้งหลวง ผึ้งโพรง ผึ้งพันธุ์



ผ.อ รุ่งโรจน์ บอกว่าที่นี่จะส่งเสริมให้มีการเลี้ยงผึ้ง และมีหน้าที่ให้ความรู้แก่คนที่อยากเลี้ยงผึ้ง
และเพื่ออนุรักษ์ผึ้งในธรรมชาติ คือถ้าเราเลี้ยงผึ้งเองเราก็จะได้ไม่ต้องไปตีผึ้งจากธรรมชาติ




อีกข้อนึงคือทำให้คนได้มีโอกาสมาท่องเที่ยวที่นี่โดยได้รับความรู้เรื่องผึ้งโดยที่ไม่ต้องไปนั่งในห้องเรียนด้วยค่ะ



พี่ติ๊กถามว่า นอกจากผึ้งมีประโยชน์แล้ว จะมีโทษต่อคนมั้ยครับ คำตอบคือผึ้งไม่มีโทษต่อคนเลย แต่ที่คนโดนผึ้งต่อยก็เพราะมันจะรักษารวงรังและอาหารที่เค้าเก็บมาได้
และเมื่อวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่าน้ำพิษจากผึ้งเมื่อผึ้งอายุครบ 18 วันขี้นไป น้ำพิษกลับช่วยรักษาโรคได้หลายโรคด้วยค่ะ เช่นโรคเก๊าท์ โรคหืดหอบ โรคไวรัสตับอักเสบบางชนิด




ดูเนวิเกเตอร์ทริปนี้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นหลายเรื่องเลยนะคะ..บรรยายต่อค่ะ..ในประเทศอียิปต์ จีน อินโดนีเซีย ก็มีการใช้ผึ้งต่อยเพื่อเป็นการรักษาในโรงพยาบาล



แวะดูผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ได้จากผึ้ง



ได้เวลาต้องออกเดินทางต่อ..บ๊าย..บาย ครับผม







เวลา 22.00น. พี่ติ๊กเข้าพักที่สวนป่าอรัญปิยะวงศ์
ตอนดูเราอมยิ้มตั้งหลายครั้ง ที่เห็นน้องแมวเดินผ่านหน้ากล้องไปๆมาๆตั้งหลายรอบ
น่ารักดีอ่ะ..ช่างเข้ากับชื่ออำเภอจัง..เอ๊ะ..หรือว่าทีมงานเนวิเกเตอร์เอาปลาทูหรือของเล่นไปล่อแมวแถวๆหน้ากล้องน๊า..อิ๊อิ๊






เช้าแว้ว..ววว



พวกเราจะเดินทางต่อไปที่เขาล้านนะครับ พี่ติ๊กบอกว่า 5 ปีที่ผ่านมาชาวบ้านบริเวณนี้จะมีการจัดงานเรียกว่า บุญปรงคืนถิ่น
ในแต่ละปีก็จะนำต้นปรงขึ้นไปปลูกบนภูเขาล้านเพื่อเป็นการอนุรักษ์ต้นปรง




จอดรถบริเวณที่เรียกว่า คลองหิน เพื่อออกเดินเท้าขึ้นเขาล้านกันต่อ มีฝนตกเปาะแปะด้วย



อะจ๊าก..เดินไปได้หน่อยเดียว
พี่ติ๊กก็เจอน้องแตน..เอ้ย..รังแตน..ขอไปหน่อยนะจ๊ะ




เจอผลไม้ชนิดนึง..ผลสีแดง..เค้าเรียกว่า ชะแมง หรือ มะแปม mesaya เคยอ่านเจอบางคนเรียกว่า มังคุดป่า พี่ติ๊กชิมแล้วบอกว่า คล้ายๆมังคุดแต่จะเปรี้ยวกว่า



อยากลองชิมบ้างจังค่ะ



เหนื่อยเราไม่เหนื่อย เมื่อยเราไม่เมื่อย เราไม่เหนื่อยเราไม่เมื่อย..แฮ่ก..แฮ่ก







มุมกล้องรูปนี้ต้องบอกว่า แหล่ม..เลย เท่ห์ดีอ่า











พี่ติ๊กพูดสรุปถึงสถานที่ต่างๆที่เนวิเกเตอร์ได้พาไปเยี่ยมชมและผจญภัยมา
ถ้าเพื่อนๆคนไหนลืมบางช่วงไป ก็ให้ scroll ขึ้นไปดูรูปบนๆอีกรอบนะจ๊ะ mesaya พิมพ์นานๆ แบตเริ่มอ่อนแล้วอ่า..






พี่ติ๊กบอกว่าที่บริเวณเนี้ย มีคนนำต้นปรงออกไปขายมากขึ้น ทำให้ปริมาณต้นปรงลดจำนวนลง
แต่ก็มีประชาชนที่มีจิตสำนึก จึงทำให้เกิดประเพณี บุญปรงคืนถิ่น ช่วยกันนำต้นปรงมาปลูกทุกๆปี




และแล้วการผจญภัยของเนวิเกเตอร์ ก็สิ้นสุดเพียงแค่นี้ครับ



ขอขอบคุณทุกๆอำเภอ ที่พวกเราได้มีโอกาสเดินทางผ่านมาของจ.จันทบุรี



เดินตามรอยทางของเรา เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์

แล้วพบกันใหม่กับการผจญภัยในครั้งต่อไปครับ

ป.ล ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสได้ไป เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์ ก็แวะเข้ามาบอกเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ
ทริปที่แล้วที่ไปคลองตีนช้าง ก็มีคุณก้องและเพื่อนๆได้ไปเดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์มาแล้ว ดีใจแทนรายการเนวิเกเตอร์ แล้วก็ปลื้มใจ ที่เมืองไทยเรามีสถานที่สวยงามอีกตั้งมากมายให้เราได้ค้นพบ ให้เราได้เรียนรู้
ถ้ามีโอกาสอย่าลืมออกไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของเมืองไทยกันบ้างนะคะ..บ๊าย..บาย..ค่ะ







 

Create Date : 02 สิงหาคม 2550    
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 23:06:18 น.
Counter : 3436 Pageviews.  

31พ.ค 2550


Navigator



สวัสดีค่ะ..เนวิเกเตอร์ทริปนี้เสนอตอน เส้นทางสีทอง...สู่คลองตีนช้าง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว อืม..ตอนที่ได้ยินเพลงบรรเลงเนวิเกเตอร์เวอร์ชั่นเสียงแคนฟังแล้วก็เพราะไปอีกแบบนะคะ
พร้อมกันรึยังค่ะ..ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูรูปเลยน๊า
สวัสดีครับ..
ทริปนี้พี่ติ๊กจะพาไปชมละลุ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ แล้วจะออกเดินทางต่อเพื่อไปยังคลองตีนช้าง ซึ่งจะมีหน้าผาชื่อ ผาผึ้ง จะสามารถมองเห็นวิวของอุทยานแห่งชาติปางสีดาได้ด้วยนะ









ถึงแล้วค่ะนี่ไง..ละลุ ปฏิมากรรมเสาหินธรรมชาติ เรียงอยู่กลางทุ่งนา พี่ติ๊กบอกว่าคล้ายห้องที่ลี้ลับซับซ้อนชวนให้น่าค้นหา ลักษณะของดินที่นี่เหมือนเป็นปราสาทดินเก่าแก่ในยุคโบราณ





เมื่อพื้นผิวของละลุกระทบกับแสงแดดจะทำให้เราเห็นเสาดินเป็นสีทอง ก็ดูสวยแปลกตาดีเนอะ mesayaว่าธรรมชาตินี่ช่างสร้างสรรค์จังเลยเนอะ



พี่ติ๊กไปพบน้องเหว่ย ซึ่งเป็นยุวมัคคุเทศน์ จะพาพี่ติ๊กเที่ยวละลุด้วยนะ



ที่มาของคำว่าละลุก็คือ เป็นคำที่มาจากภาษาเขมรแปลว่าแผ่นดินทะลุ เกิดจากการพังทลายของดินศิลาแลงจากการกระทำของแรงลมและน้ำฝนรวมทั้งการกัดเซาะทางเคมีของดินศิลาแลง ซึ่งสะสมตะกอนดินทั้งหมด 150 ล้านปี ส่วนของดินที่อ่อนก็จะไหลลงมาตามน้ำเรื่อยๆ ส่วนที่แข็งก็จะมีสภาพตามรูปนี้นะคะ



บริเวณที่มีละลุมากที่สุดก็คือที่เขาพนมดงรัก ส่วนหมู่บ้านที่มีละลุมากและกว้างที่สุดก็คือที่นี่หมู่บ้านคลองยาง



น้องเหว่ยบอกว่ารู้สึกภูมิใจเวลาที่มีคนมาเที่ยวที่นี่เยอะๆ แล้วยังทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว เช่น ทำกิจการรถรับส่งนักท่องเที่ยว ทอเสื่อ เครื่องจักรสาน







ส่วนที่เป็นแถบสีดำ เกิดขึ้นตามธรรมชาตินะคะนั่น พี่ติ๊กบอกว่านึกว่ามีใครไปขีดไว้ซะอีก



ที่เห็นเป็นหลุมๆก็คือส่วนที่โดนน้ำกัดเซาะนานวันเข้าก็จะกลายเป็นละลุนะคะ





พี่ติ๊กน่ารักจังเลยช่วยจับมือน้องพาข้ามมาด้วย เห็นภาพนี้แล้วนึกถึงทริปที่เขาช้างเผือกกันรึป่าวค่ะ ที่ mesaya บอกว่าขาสั่นแน่เลยตอนเดินตรงสันคมมีดอ่ะ แต่ถ้าได้พี่ติ๊กช่วยจับมือเดินข้ามไปก็คงไม่สั่นอ่ะนะ คิดไปโน่นนึกว่าตัวเองเป็นน้องเหว่ย เอิ๊ก..กกกๆ



พี่ติ๊กและน้องเหว่ย พร้อมใจกันตั้งวงรำให้พวกเราดู อย่างนี้น่าจะเรียกว่า รำเซิ้งกะติ๊ก รึป่าวค่ะ คล้ายๆเซิ้งกะติ๊บไงคะ อิอิ





บ๊าย..บายค่ะ แล้วพี่ติ๊กอย่าลืมมาเที่ยวอีกนะคะ



เดินทางต่อไปที่อ่างเก็บน้ำพระปรง อุทยานแห่งชาติปางสีดา



จอดรถและไปทางน้ำกันต่อนะคะ



ไปพร้อมกับเนวิเกเตอร์
อืม..เพิ่งนึกออกว่าดูเหมือนพี่ติ๊กจะไปเล็มผมมาหน่อยนึงเนอะดูสั้นกว่าตอนก่อนๆนะคะ



อ่างเก็บน้ำพระปรงตั้งอยู่ที่หมู่ 3 บ้านห้วยชัน ต.ช่องกุ่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เป็นอ่างเก็บน้ำในโครงการพระราชดำริของในหลวงที่ใช้ในการกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ให้ชาวบ้านได้มีน้ำกินน้ำใช้ในตอนหน้าแล้ง



ที่นี่เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์จึงมีนกน้ำอาศัยอยู่หลายชนิด เช่นนกกระสาคอแดง นกกาน้ำใหญ่ นกกาน้ำเล็ก นกยางเปีย นกยางควาย นกปากห่าง และนกกระสาแดง เป็นต้น





จอดเรือแล้วเดินเท้าขึ้นเขากันต่อ สู้ สู้ น๊าพี่ติ๊ก



ติ๊กบอกว่า ต้นไม้ส่วนใหญ่แถวนี้จะมีลักษณะเป็นหนามแหลมคมทั้งลำต้นและกิ่งก้านต่างๆ จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการเดินทาง ช่วงนี้เป็นหน้าแล้งก็เลยทำให้ที่นี่ดูเป็นสีทอง แต่ถ้าฤดูฝนมาเยือนที่นี่ก็คงจะเขียวชะอุ่มเหมือนเดิมตามธรรมชาติ



อูย..ร้อนหลายๆเด้อ ถอดเสื้อออกซะตัวนึงดีกั่ว





แวะพักกันแป๊บนึง ก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์ ที่คลองตีนช้าง



ลุยต่อค่ะ



ถึงแล้วๆ..คลองตีนช้าง มาถึงก็มืดพอดี



ตอนเช้า..จิบกาแฟซักแก้ว
ณ จุดนี้คือจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์ คลองตีนช้างนะครับ จะมีลักษณะเป็นลำธารเล็กๆมีน้ำไหลตลอดเวลา






ช่วงบ่ายๆพี่ติ๊กและทีมงานจะเดินขึ้นไปที่ผาผึ้ง จากจุดนั้นเราจะมองเห็นวิวผืนป่ารอบๆบริเวณนี้ได้ และจะรอดูพระอาทิตย์ตกยามเย็นด้วย



ที่เรียกว่าคลองตีนช้างก็เพราะว่าแถวนี้เราจะพบกับรอยตีนช้างนะคะ



เขียนโพสการ์ดซะหน่อย



เดินทางต่อ



นั่นไงค่ะ..มีรังผึ้งด้วย



เขาชันมากเลยนะ แต่พี่ติ๊กก็ลุยเต็มที่





ว้าว..ในที่สุดก็ถึงแล้ว พี่ติ๊กทบทวนให้ฟังถึงสถานที่ที่พาพวกเราไปชมมาแล้ว



พี่ติ๊กบอกว่าดีใจที่มีน้องๆเยาวชนมัคคุเทศน์ตัวน้อยที่ละลุ ได้มีส่วนร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยว เพราะถือว่าเป็นการช่วยอนุรักษ์และปลูกฝังให้เยาวชนมีหัวใจในการรักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อมและบ้านเกิดของตัวเอง



ณ ตรงนี้คือจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์ คือคลองตีนช้าง ซึ่งแถวๆบริเวณคลองตีนช้างที่พี่ติ๊กนั่งอยู่ก็เรียกว่า ผาผึ้ง และสามารถมองเห็นผืนป่าไปทั่วทางทิศตะวันตกของอุทยานแห่งชาติปางสีดา



ที่เรียกว่าผาผึ้งเพราะว่าตรงหน้าผาที่พี่ติ๊กนั่งอยู่เนี่ยจะมีรังผึ้งอยู่ แต่ก็แล้วแต่ฤดูกาลนะคะว่าจะมีมากหรือน้อย



พี่ติ๊ก : ตั้งแต่เราได้ออกเดินทางมา เราจะได้มีโอกาสสัมผัสกับทรัพยากรธรรมชาติต่างๆของประเทศไทยเราที่บางที ในอีกมุมมองนึงในบางครั้งที่เราอาจมองข้ามไป ลองมองย้อนกลับมาแล้วก็สังเกตสิ่งที่อยู่ใกล้ๆตัวเรา ผมเชื่อว่าทุกที่มีธรรมชาติที่สวยงามรอให้เราสัมผัสอยู่เสมอ สำหรับวันหยุดแบบนี้ก็ขอให้ทุกๆคน เที่ยวอย่างปลอดภัย เดินทางปลอดภัย สำหรับวันนี้นะครับผมต้องขอลาไปก่อน



เดินตามรอยทางของเรา เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์ แล้วพบกันใหม่กับการผจญภัยในครั้งต่อไปครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่รักธรรมชาติ ขอบคุณที่รักกันครับ ขอบคุณนะครับ สวัสดีครับ







mesaya: ขอบคุณเพื่อนๆขาประจำที่เข้ามาร่วมคอมเม้นท์ร่วมเม้าท์กันด้วยนะคะ เพราะอ่านแล้วก็มีกำลังใจที่จะแปะรูปต่อไปค่ะ แล้วเจอกันในบล็อกในวันหยุดครั้งต่อไปน๊า ดูปฏิทินแล้วน่าจะเป็นวันเข้าพรรษานะคะ







 

Create Date : 02 มิถุนายน 2550    
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 23:06:50 น.
Counter : 1475 Pageviews.  

7~10 พ.ค 2550


Navigator



สวัสดีค่ะทุกคน..สบายดีกันรึป่าว ช่วงนี้ mesayaโดนไข้หวัดเล่นงานซะด๋อยเลย..ฮัดชิ้ว..ววว
ไม่ค่อยมีแรงมาอัพ blog ตอนแรกกะว่าจะทำเนียนไม่อัพ เนวิเกเตอร์ทริปนี้ซะแล้ว แต่พอเห็นเคาเตอร์จำนวนคนที่เข้ามาแล้ว ก็เลยเปลี่ยนใจอัพก็อัพ ไม่อยากให้เพื่อนๆ
ที่เข้ามารอดูต้องรอเก้อกัน

สำหรับเนวิเกเตอร์ ทริปนี้พี่ติ๊กพาไปผจญภัยกัน
ในชื่อตอนว่า เขาอีต่อง..อุโมงค์เหมืองผีหลอก ที่อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

มาเริ่มกันเลยดีกว่าน๊า..พี่ติ๊กกะลังจัดบ้านอยู่ ขยันจริงเชียว



อ๊ะ..นี่เหรียญอะไรเนี่ย คนหล่อเริ่มสงสัย



อย่างนี้ต้องไปถามผู้เชี่ยวชาญซะหน่อยแล้ว..ไปดีกั่ว





มาๆ เดี๋ยวพี่ตี๋ขอส่องดูก่อน



อ๋อ..เหรียญนี้เค้าเรียกว่า เหรียญอาจารย์เฉลิม วัดดอน ยานนาวา เหรียญนี้มีส่วนผสมหลายอย่างนะ มีทั้งแร่วุลแฟรม แร่ดีบุก แร่เหล็ก แต่การจะหาส่วนผสมในสมัยก่อนต้องไปที่เหมืองแร่ เช่นเหมืองแร่ปิล๊อก แต่ปัจจุบันปิดไปแล้ว พี่ตี๋บอกว่าที่เหมืองแร่ปิล๊อก ยังมีสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวอีกด้วย ที่เขาช้างเผือก เดินเท้า 3 วัน 3 คืน เหมาะสำหรับนักผจญภัยมากเลย



พอพี่ติ๊กได้ฟังคำบอกเล่าของพี่ตี๋แล้ว ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการออกผจญภัยในครั้งนี้



สวัสดีครับผม..



อิอิ..พี่ติ๊กพกคลอเร็ทไปอมด้วย



แวะซื้อส้มซะด้วย..ขอส้มโลนึงครับ คุณแม่ค้าให้มาทั้งเข่งเลยอ่า นี่ถ้าพี่ติ๊กขอส้ม 10 โล สงสัยแม่ค้าจะยกให้ทั้งสวนเลยเนอะ พี่ติ๊กนี่เสน่ห์แรงจริงๆ



ตรงนี้คือจุดที่เราจะเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กาญจนบุรี เพื่อไปเยี่ยมชมบึงน้ำทิพย์กัน



จอดรถแล้วเดินเท้ากันต่อนะคะ เพราะมีไม้ล้มขวางทางอยู่ รถเลยเข้าไม่ได้



เดินขึ้นเขาทางก็ชันขึ้นเรื่อยๆเลย
เง้ย..พี่ติ๊กลื่นลงมาเลยอ่ะ..เจ็บมากมั้ยพี่ติ๊ก




โฮะ..เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย



ถึงแล้ว..นี่ไงบึงน้ำทิพย์



แวะพักจิบกาแฟให้หายเหนื่อยกันซักหน่อยนะครับ



บึงน้ำทิพย์นี้เกิดจากเทือกเขาหินปูนยุบตัวแล้วกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ แล้วมีลำธารเป็นโพรงอยู่ข้างใต้จึงทำให้เกิดน้ำท่วมขัง จากตรงนี้เดี๋ยวจะออกเดินทางต่อไปที่เขาช้างเผือกนะคะ





ที่เหมืองปิล๊อก..พี่ติ๊กร่อนหาอะไรอ่ะจ๊ะท่าทางดูชำนาญจัง



ตอนนี้เวลาประมาณ 8 โมงเช้า พวกเรา NVGT อยู่ที่พิพิธภัณฑ์เหมืองปิล๊อก ที่นี่อดีตเคยทำเหมืองแร่กันมาก่อน เป็นที่ๆมีประวัติศาสตร์นะครับ



เหมืองปิล๊อกเปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2483 ที่เหมืองนี้จะพบแร่ วุลแฟรม 60% ดีบุก 40%



กำนันบอกว่า ปิล๊อก น่าจะเป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า ผีหลอก เพราะที่นี่เป็นป่าเยอะ คนมาแล้วเป็นไข้ล้มตายกันเยอะ



ตอนนี้ก็จะเดินขึ้นเขาไปดูอุโมงค์ที่เค้าหาแร่กันนะคะ ที่นี่เรียกว่าเขาอีต่อง





อู้ฮู..จุดเทียนนำทางกันก่อน



ทางแคบจังเนอะ..การจะสังเกตว่าจะมีแร่รึป่าวให้ดูที่สายหินจะวิ่งเหนือใต้





เดินขึ้นเขาไปเก็บภาพกันหน่อย





เวลา 6 โมงเย็น พี่ติ๊กอยู่ที่จุดชมวิวฐานปฏิบัติการช้างศึก กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พวกเราจะแคมป์กันที่นี่หนึ่งคืนนะครับ





พรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางกันต่อไปที่ เขาช้างเผือก นะครับ





ตอนจบตื่นเต้นจังอ่ะค่ะ ที่พี่ติ๊กชี้ให้ดูนกเงือกบนหลังคาอ่ะเข้ามาใกล้มากๆเลยเนอะ



ดูต่อกันเลยน๊า สำหรับตอนนี้เป็นของวันที่ 10 พ.ค 2550 นะคะ ชื่อตอนว่า ขาสั่นสันคมมีด..เขาช้างเผือก
เป็นทริปที่ mesaya ดูแล้วก็ขาสั่นตามไปด้วยเลย ขวาก็เหว ซ้ายก็เหว
ขอคาราวะพี่ติ๊ก พี่ตั้น และทีมงานเลยอ่าสำหรับทริปนี้ อึดกันสุดๆ

สวัสดีครับผม ตอนนี้พวกเราก็ยังอยู่ที่ฐานปฏิบัติการช้างศึก วันนี้เราจะออกเดินทางไปที่เขาช้างเผือก พร้อมรึยังครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปพร้อมกับเนวิเกเตอร์..เอ้อ..เอ้อออออ



จากจุดนี้เราจะมองเห็นจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์ด้วยนะครับ อยู่นู่นไง



จอดรถเพื่อแวะเข้าไปเยี่ยมชม น้ำตกจ๊อกกระดิ่น





ถึงแว้ว..น้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำใสจัง พี่ติ๊กให้คำแนะนำในการเที่ยวน้ำตกว่า บางทีฝนตกหนักอาจเกิดน้ำป่าไหลหลาก ให้เราสังเกตว่า บางทีระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีสีขุ่น มีเศษต้นไม้ลอยน้ำมา มีเสียงดัง ให้เราใส่เกียร์โกย รีบขึ้นจากน้ำให้เร็วเลยนะ



น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สายน้ำตกไหลผ่านหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร น้ำใสและเย็น ให้ความรู้สึกสบาย สงบ และสดชื่นด้วยครับ





ขับรถขึ้นเขา แล้วเดินเท้ากันต่อเน้อ





พี่ติ๊กงึมงำว่า..หนทางอีกยาวไกล..เดินไกลอีกแว้ว



อูย..ร้อนจริงๆ



เขาช้างเผือก เป็นเขาที่สูงที่สุดในจ.กาญจนบุรี อยู่สุดชายแดนตะวันตกของประเทศไทย ตลอดทางเดินนี้จะเป็นเขาสูงชัน และไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ให้ได้หลบร่มซักเท่าไหร่ เพราะภูมิประเทศแถวนี้จะเป็นเขาหญ้าซะส่วนใหญ่ จึงเป็นทริปที่ทรหดกว่าครั้งที่ผ่านมา แต่ในเมื่อเราอยากจะเป็นผู้พิชิตซะอย่าง ไม่ว่าลำบากแค่ไหนเราก็ต้องทำให้ได้



ตอนนี้พวกเราเนวิเกตอร์ก็ขยับเข้ามาใกล้กับเขาช้างเผือกแล้วนะ อยู่ข้างหลังพี่ติ๊กนั่นไง
หง่ะ..ฝนทำท่าจะตกแล้ว พี่ติ๊กมิรอช้าคว้าเสื้อกันฝนมาสวมทันที




mesaya รู้สึกว่าพี่ติ๊กใส่เสื้อกันฝนแล้วดูน่ารัด..เง้ย..น่ารักยังไงไม่รู้อ่า ชอบจัง อิ๊บอิ้วววว..ยิ่งตอนสวมฮู้ดแล้วดูเหมือนเด็กฮิบหอบ เลยเนอะ เพราะทริปนี้ต้องอดทน แล้วก็อึดกันสุดๆ
ผู้นำทางก็หอบ ทีมงานก็หอบ แม้แต่ mesaya เอง ตอนดูยังหอบตามเลยอ่ะ..แฮ่กๆ (เหนื่อยแทนพี่ติ๊ก)












ฮู่วส์..ตอนนี้ก็เดินกันมาเกือบ 4 ชม.แล้วนะครับ



นั่นไงจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์ แค่นี้เองจิ๊บๆ ประเดี๋ยวก็ถึงท่องไว้ๆ อ้อ..ที่เค้าเรียกว่าเขาช้างเผือกก็เพราะว่า ลักษณะของภูเขาลูกนี้เหมือนกับช้างหมอบอยู่บวกกับสีของภูเขาเวลาหน้าแล้งก็เลยดูเหมือนช้างเผือก



เมื่อคืนพวกเราแคมป์กันที่นี่บริเวณสันเขา เรียกว่าช่องลม



เดี๋ยวเราจะข้ามเขาอีก 2ลูก ก็จะถึงยอดเขาช้างเผือกกันแล้ว



พี่ติ๊กจ๋า..เมื่อยขามั้ยจ๊ะ



แง้ว..พี่ติ๊กปีนดีดีสิ อย่าทำให้คนดูใจหาย



ช่วงที่เดิน ทางเดินก็เริ่มแคบลง ขวาก็เหว ซ้ายก็เหว



ตรงนี้เองที่เรียกว่า สันคมมีด





พี่ติ๊กพักเขียนโปสการ์ด



เย้..ในที่สุดก็ถึงยอดเขาช้างเผือกแล้ว ปักธง เก็บภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อย





พี่ติ๊ก ขอบคุณทุกๆคนที่เหมืองปิล๊อก ฐานปฏิบัติการช้างศึก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ





เดินตามรอยทางของเรา เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์



พี่ติ๊ก :ถ้าแดดไม่ออกเราคงไม่เห็นทางจะไป ถ้าฝนไม่ตกอากาศก็จะร้อนผืนดินแห้งแล้ง ถ้าลมไม่พัดเราก็จะไม่เห็นไอหมอกไม่ได้รู้ถึงความรู้สึกอย่างนี้เลย และถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย การเดินทางในครั้งนี้มันคงไม่มีความหมายอะไร เหมือนกับการออกเดินทางของเราในครั้งนี้ เราได้รับรู้ถึงปรากฎการณ์ต่างๆของธรรมชาติ เราไม่ได้เอาชนะธรรมชาติ แต่ว่าเราเอาชนะใจตัวเอง เพื่อให้ก้าวไปยังจุดหมายปลายทาง ได้ดั่งที่ตั้งใจไว้ ขอให้ทุกๆคน สู้ สู้ อย่าท้อถอยนะครับ สวัสดีครับ
แล้วอย่าลืมดูเนวิเกเตอร์ทริปต่อไปวันที่ 31 พ.ค นะคะทุกคน







 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 23:07:33 น.
Counter : 2109 Pageviews.  

1  2  3  

mesaya
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]












Friends' blogs
[Add mesaya's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.