ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบอร์ด Thailand Aquatic Pets เว็บบล็อคสำหรับ คนรักสัตว์น้ำ ( และ สัตว์ที่อยู่ในน้ำ ) ประเทศไทยจ้า

นิยายเลิฟคอมเมดี้ : ดวงตาพลังจิต Season 1 : ตอนที่ 4 : ความปั่นป่วนที่ร้านข้าวซอย


อีบุ๊คตัวเต็มของเรื่องนี้ออกแล้วน๊า มีตอนพิเศษฮาๆอีก 3 ตอน สนใจสั่งซื้อ คลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยจ้า ราคา 79 บาทเท่านั้นจ้า

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NToiODAxNDYiO3M6NzoiYm9va19pZCI7czo2OiIyMDkwNjMiO30

************************************************************

    อย่างไรก็ตาม สำหรับ สาว “เกส “ แล้ว ความรัก ที่มีต่อ ชายหนุ่ม นั้นยังคงมั่นคง หนักแน่นเสมอเพราะตั้งแต่เล็กจนโต ที่เคยได้รู้จักกันมา เธอรู้สึกว่า ความผูกพันระหว่าง เธอ กับ เขา ไม่เคยมีเรื่อง “เงินๆ ทองๆ “ มาเกี่ยวข้องเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ทางบ้านเธอยังไม่มีอะไร จนถึงตอนนี้ เธอ มี “อะไรๆ “ มากๆ แล้ว ความสัมพันธ์ของเธอกับชายหนุ่ม ก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่เหมือนกับ ผู้ชายอีกหลายๆ คนมองมายังตัวเธอ เป็นเรื่องที่แน่นอนว่า เธอเองก็อยู่ วัยมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ เรื่องความรัก เธอเองก็เคยทดลองคบหากับผู้ชายคนอื่นอยู่หลายครั้งแล้วเหมือนกัน เพราะเธอเองก็ไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะหลงรักอยู่แต่ผุ้ชายคนเดียวหัวปักหัวปำจนเกินไปเสียเมื่อไหร่... แต่ทันทีที่อีกฝ่ายรู้สึกว่า เธอมีฐานะมาก ผู้ชายร้อยทั้งร้อย ที่มาคบเธอ ก็มักจะคิดถึงแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ หรือ หวังจะได้ทั้งตัวเธอด้วย ควบกับได้เป็น “หนูตกถังข้าวสาร “ ไปด้วย หรือบางคนก็จ้อง จะเข้ามาเธอด้วยผลประโยชน์อย่างเดียวจริงๆ ซึ่งไม่เหมือนกับ “พาฝัน “ ที่ไม่ว่า เพื่อนของเขาคนนี้จะเป็นอย่างไร จะยากดีมีจนหรือร่ำรวจขนาดไหน ความบริสุทธิ์ใจ หรือ ความหวังดี ต่อเธอ ก็ยังเหมือนเดิม เมื่อครั้งตอนเป็นเด็กๆ ไม่ได้ผิดไปจากเดิมเลย

    ชายหนุ่มไม่เคยตาลุกวาว ที่จะเข้ามาครอบครองตัวเธอ และสมบัติของเธอเลย ทั้งๆ ที่ตัวเธอเองนี่ ก็ได้ทอดสะพานให้เขา “ผู้เป็นรักแรก “ ไปเรียบร้อยแล้ว เรียกว่าได้เคยให้ความรักไปหมดทั้งหัวใจ มาก่อน และชายหนุ่มก็รู้ดี แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยฉวยโอกาศคิดเอาเปรียบเธอเลย แม้ในขณะที่บางครั้งเธอเองพยายามตัดใจจากเขาไปคบกับคนอื่น เขาก็ยังเคารพในความคิดของเธอ และ ดีต่อเธอ อย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย จนในวันนี้ เธอเลิกคบกับคนอื่นๆ ทั้งหมด และ กลับมาหาเขาอีกครั้ง เขาก็ยังให้แต่ความ “อบอุ่น” และให้เกียรติเธอเสมอมา แต่สำหรับผู้ชายทั้งหลาย ที่เข้ามาโดยหวังผลประโยชน์ในตัว เธอๆ ก็จะส่ง “กุมารทอง และ โคตรวงศ์พงศาคณาญาติโหงพราย “ ที่เธอได้เลี้ยงเอาไว้ ไปเอาคืนเล่นงานแบบจัดหนัก จัดเต็ม จนเข็ดขี้อ่อน ขี้แก่ กันไปเลย เรียกได้ว่า จะคิดบัญชีกันให้หนักแบบ ทบต้น ทบดอกถึงบ้านเลยทีเดียว บางคนถึงขั้นหลอนจนต้องไปนอนอยู่บนโรงพยาบาลอยู่เป็นสัปดาห์ก็ยังมี...เพราะเจอฤทธิ์ผีหลอกวิญญาณหลอนเข้าไป ก็นะเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับจอมขมังเวทย์อย่างเธอ มันก็ต้องเจอกันบ้างแบบนี้แหล่ะ..

“เฮ้ๆๆๆ .... ไอ้ สามคน คู่ตุนาหงัน ตรงนั้นอ่ะ มากินข้าวได้แล้ว.... อาหารมาแล้ว..... “

    เสียงเพื่อนๆ ร่วมคณะ กระเซ้า ทำเอา หนึ่งหนุ่ม สองสาว ต่างก็ตกใจ หน้าแดง รีบเข้าไปรวมกลุ่มกินข้าวกับทุกคนอย่างรวดเร็ว

“อื้อหือ... ข้าวซอยที่นี่อร่อยจังเลย....ที่เคยกินในกรุงเทพฯ ว่าก็อร่อยแล้วนะ....
แต่ที่นีรสชาติเข้มข้นกว่าแฮะ ไก่ก็ต้มจนนุ่ม แทบละลายในปากทีเดียว”

นิสา กล่าวชม พร้อมจกเส้นกับน้ำซุปของข้าวซอยเจ้าอร่อย เข้าปากอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง

“แน่นอนซิ....ร้านนี้ร้านเก่าแก่ เลยนะ ฉันขึ้นมาทางเหนือทีไร ถ้า ไม่ติดอะไร ก็แวะกินที่ร้านนี้ตลอดแหล่ะ “

    หนุ่ม “ต้อม” กล่าวขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ ในการนำเสนอ ร้านอาหารอร่อยๆ ที่ทำให้สมาชิกในกลุ่มชื่นชมไม่ขาดปากได้สำเร็จ และยังอธิบายให้เพื่อนๆ ฟังเพิ่มเติมว่า

   “รู้ไหม รู้สึกว่าเมื่อไม่นานมานี้ ข้าวซอยของไทยเรานี่ ติดอันดับของ ซุปที่เป็นที่ชื่นชอบอันดับหนึ่งของโลกเลยด้วยนะ.... ก็โอเคล่ะ มันอาจจะไม่ใช่ความเห็นของคนทั้งหมดก็จริง เพราะ คงไม่มีทางให้ คนทั้งโลกมาลงคะแนนกันได้หรอก แต่ก็แสดงให้เห็นได้ว่า ข้าวซอยบ้านเรานี่ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมล่ะ.....และขั้นตอนการทำแต่ละขั้น นี่ก็เรียกได้ว่า เป็นการประยุกต์ให้เข้ากับลักษณะความชอบของคนไทยเราด้วยนะ เพราะถ้าจะให้พูดกันจริงๆ แล้ว ข้าวซอยนี่ เดิมทีก็ไม่ใช่อาหารของไทยเรามาตั้งแต่เดิมนะ แต่เราดัดแปลงมาจากอาหารของชาวจีนฮ่อ ที่เป็น ชาวมุสลิมเขาอีกที ที่มาค้าขายกับคนทางภาคเหนือบ้านเราโดยเฉพาะทางเชียงใหม่ ดังนั้น จึงไม่มีการใช้เนื้อหมู จะมีแต่ใช้เนื้อวัว กับ เนื้อไก่เท่านั้น มาทำ แต่ก่อนนี้ไม่มีการใส่กะทิ แต่พอคนไทยได้ลองกิน ก็มีการปรับมาใส่กะทิเข้ามา และปรับปรุงสูตรปรับปรุงรสชาติจนถูกปากของคนไทยในปัจจุบันมาจนถึงทุกวันนี้

    โดยข้าวซอยแบบดั้งเดิมนั้น เป็นเส้นหมี่ที่ทำจากข้าว ไม่ใช่เส้นหมี่ที่ทำจากข้าวสาลี และไข่แบบในปัจจุบัน เป็นเส้นสีเหลืองๆ อย่างนี้นะ จากนั้นก็เอาเส้นหมี่มาราดด้วยเนื้อวัวบดที่ผัดกับผักดองต่างๆ ไม่ใช่เป็นแกงเนื้อชิ้นใหญ่ๆ แบบที่เห็นอยู่ตอนนี้ ซึ่งแบบเก่าๆ นี่ เราเอง ก็ไม่เคยกินเหมือนกัน หายากมากๆ แล้ว ไม่รู้ยังเหลือคนทำอยู่หรือเปล่า เคยกินแต่แบบที่เห็นอยู่ทุกวันนี้แหล่ะ ขนาดเป็นแบบที่แพร่หลายแล้ว ในกทม ก็ยังใช่จะหากินได้ง่ายๆ เลยนะ

อ่านต่อ : 
https://www.readawrite.com/c/4d180fd9ef5ee188c5a2378b480cc1ea




Create Date : 20 ตุลาคม 2565
Last Update : 28 ตุลาคม 2565 15:31:02 น. 0 comments
Counter : 264 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เหมียวกุ่ย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




ยินดีต้อนรับพี่ๆน้องๆทุกท่านเข้าเยี่ยมชม เว็บบล็อคแห่งนี้ หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขในการชมบล็อคของกระผมนะครับ










View My Stats
New Comments
[Add เหมียวกุ่ย's blog to your web]