a woman of strength has faith that it is in the journey...that she will become strong...
Group Blog
 
All blogs
 
รุ้งทอฝัน# 9 เรื่อง โดย ฝากรักฟากฟ้า





ฝนยังคงตกอยู่ ดูเหมือนจะชุกมาก อาจจะเป็นเพราะอยู่ติดเชิงเขาด้วยทำให้ฝน ตกแทบไม่เว้นวัน กิจกรรมของน้องฝันจึงขลุกอยู่ในห้องเป็นส่วนใหญ่ เจ้า พูห์กำลังซนเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของแม่หนูน้อย
วันนี้ทอรุ้ง ต้องพลอยวุ่นไปกับการเตรียมของทำบุญวันเกิดให้น้องฝัน ทั้งยังจะมีงาน เลี้ยงเล็กๆ ให้เจ้าตัวอีกด้วย ป้าพรรณอยากจะทำเค้กวันเกิดด้วย จึงต้องเตรียมการกัน สนุกสนานแสงจิ่งถึงกับยอมไม่ไปงานวัดอื่น ทอรุ้งให้น้องฝันนั่งอยู่อีกมุม หนึ่ง แต่บางครั้งหนูน้อยก็จะเดินมาดูด้วยความสนใจ
“ม๊ะ รายค๊า”
ถึงแม้จะพยายามเปลี่ยนการเรียกแต่ดูเหมือนไม่เป็นผล เธอจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
“ครูกำลังทำขนมให้น้องฝันไงคะ”
“หนม ชอบๆ”
เด็กน้อยยิ้มฟันหลอเกาะโต๊ะใหญ่กลางห้องครัว พยายามจะเอามือคว้ากาละมังแป้ง ทอรุ้งต้องคอยเลื่อนหนีให้พ้นมือ
“น้องฝันอย่าซนสิคะ”
“ดูๆๆๆ”
เธอพยายามที่จะเอื้อมให้ได้ มีอย่างเดียวคือต้องอุ้มขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ทอ รุ้งแบ่งแป้งให้เล่นจึงพอจะหยุดความอยากรู้ไปได้บ้าง สุดท้ายเมื่อหันไปดู ก็ตอนที่ได้ยินเสียงเจ้าพูห์เห่าวุ่นวายอีกตัว ปรากฎน้องฝันเอาแป้งละเลง ตัวเจ้าพูห์แล้ว ผงแป้งร่วงฟุ้งกระจายไปทั่วตั้งแต่ผม หน้าตา เสื้อผ้า มอมแมมพอกัน
“ป้าว่าครูพาน้องไปเปลี่ยนเสื้อแล้วเอานอนเถอะค่ะ”
ป้า พรรณคงจะทนไม่ได้ต่อไป ทอรุ้งจำต้องพาหนึ่งคนกับหนึ่งตัวออกจากครัว ไป เดินสวนกับปราชญ์และหญิงสาวเจ้าของโรงคัดส้มคนเดิมที่ห้องโถงก่อนจะขึ้น ไปชั้นบน
“ป๊ะ” เธอทำท่าจะโผไปหาพ่อทันที
“น้องตัวเปื้อนค่ะ กำลังจะพาไปอาบน้ำ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ปราชญ์เอื้อมมือไปรับร่างลูกสาวอุ้มหอมแก้มอย่างรักใคร่ หากหญิงสาวที่ยืน เยื้องไปด้านหลังกลับเบะปากอย่างไม่เกรงใจครูผู้ดูแล
“ชื่นใจๆๆๆ อาบน้ำแล้วหลับนะครับคนเก่งของป๊ะ”
“เก่งๆ น้องเก่ง” น้องฝันพูดเลียนคำพูดของพ่อ พลางเอามือดึงหนวดเฟิ้มเล่น
“ทำอะไรกันเหรอครับ”
“ก้อเตรียมของไปวัดพรุ่งนี้ ป้าพรรณจะทำขนมเค้กด้วยค่ะ”
“มีอะไรเหรอคะ” วัสสิกาถามปราชญ์
“วันเกิดน้องฝันครับ พรุ่งนี้”
“เหรอคะ มีอะไรให้ช่วยมั๊ยคะ”
“ไม่รู้สิ ต้องถามครูรุ้ง”
สายตาวาววามคู่นั้นตวัดมามองทอรุ้งแวบหนึ่งหากไม่เอ่ยปากถามแต่อย่างใด ทอ รุ้งได้แต่บอกให้ไปหาป้าพรรณที่ครัวก่อนที่จะรับร่างบางจ้อยคืนมา เธอพา น้องฝันขึ้นไปบนห้องตามที่ตั้งใจไว้โดยมีเจ้าพูห์วิ่งตามขึ้นไปติดๆ

เย็น นั้นวัสสิกาจึงเป็นแขกอาหารมื้อเย็นไปด้วยโดยปริยาย เธอพยายามช่วยจัด เตรียมของ ในขณะที่ป้าพรรณจะคอยปฏิเสธในเรื่องที่เธอจะจัดการ
“พรุ่งนี้ไปวัดแต่เช้าเลยเหรอคะ พี่ปราชญ์” วัสสิกาชวนคุยระหว่างมื้ออาหาร
“ครับ” “แล้วจะพาน้องไปไหนรึป่าวคะ”
“คง ไม่ครับ พรุ่งนี้ไปวัดแล้วก้อจะพาน้องไปโรงเรียนด้วย” เขาหันกลับมาถามทอรุ้งต่อ “ครูเตรียมเอกสารของน้องฝันรึยังครับ”
“ยังนี่คะ ไม่ทราบว่าเอกสารของน้องอยู่ที่ไหน” เธอตอบ
“ต้องใช้อะไรบ้างครับ”
“ก้อมีใบสูติบัตร สำเนาทะเบียนของพ่อกับแม่”
“ใบเกิดคงไม่มีปัญหา แต่หลักฐานของพ่อกับแม่คงหายากล่ะ” วัสสิกาแทรกขึ้นมา “อาหลินก้อตายไปแหละ แล้วยังพ่อ...”
“คุณส้ม!” ปราชญ์เรียกชื่อเพื่อนหญิงต่างวัยเสียงเข้มเชิงห้ามปราม คิ้ว ขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ “เรื่องต่างๆ ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
“แหม ไม่เห็นต้องทำเสียงแบบนี้เลยนี่คะ” วัสสิกาสะบัดเสียง
ทอรุ้งรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องมานั่งอยู่กับคนทั้งสอง โดยไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
“ความจริงตาของน้องฝันก้อยังอยู่ พี่ปราชญ์ไม่เห็นต้องมารับภาระอะไรแบบนี้” วัสสิกาพูดออกมาอย่างอัดอั้น
“น้องฝันไม่ได้เป็นภาระอะไร”
“นั่นสิคะ” คิ้วเรียวที่ได้รับการตกแต่งมาอย่างสวยงามขมวดขึ้ง “ส้มบอกแล้วว่าน่าจะส่งไปอยู่โรงเรียนประจำก้อสิ้นเรื่อง”
“พี่เปลี่ยนใจแล้ว ไม่อยากส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น” เขาอธิบายเรียบๆ อย่างสะกดอารมณ์
...อีกแล้ว เรื่องแม่ของน้องฝันอีกแล้ว... ทอรุ้งรู้สึกว่าเขาไม่สบายใจบ่อยขึ้นเมื่อพูดถึงผู้หญิงที่ล่วงลับไปหลายปี
“พี่คิดว่า คุณส้มไม่ควรพูดนะครับ”
“ตายจริง ลืมไปค่ะ” เธอจีบปากจีบคอพูด “ไม่ควรพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่นนะคะ”
วัสสิกาเน้นเสียงคำว่า ‘คนอื่น’ จนทอรุ้งรู้สึกหน้าชาขึ้นมาเฉยๆ เธอยกแก้วน้ำขึ้นดื่มช้าๆ หลังจากรวบช้อนไว้
“ม๊ะ ฟังนิทาน ม๊ะ”
น้อง ฝันพูดขึ้นพร้อมวางช้อนบ้าง เธอไถลตัวลงจากเก้าอี้ ทอรุ้งจึงถือโอกาสนี้ ขอตัวลุกจากโต๊ะอาหาร น้องฝันค่อยๆ เดินไปหาพ่อ เธอเหลือบมองวัสสิกา อย่างหวาดๆ ปราชญ์ก้มตัวลงกอดลูกสาว ก่อนที่จะให้ครูรุ้งพาลูกสาวไปฟัง นิทานตามต้องการ ก่อนที่จะพ้นห้องมายังได้ยินเสียงของวัสสิกาพูดไม่เบา นัก
“ครูทอรุ้งเธอไม่รู้เหรอคะว่า พ่อของน้องฝันเป็นใคร”
ทอ รุ้งใจหายวาบ อะไรกัน...กำลังพูดกันเรื่องอะไร..... เธอเดินพ้นออกมาเสีย ก่อนที่จะได้ยินคำตอบ ปราชญ์จะตอบหญิงสาวว่าอะไร เธออดที่จะนึกสงสัยไม่ได้ น้องฝันกลับไม่สนใจเรื่องราวที่แม้ว่าพวกเขา กำลังพูดถึงเธอแท้ๆ การที่ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ คงเป็นสิ่งที่ดี อย่างหนึ่ง ไม่ต้องเสียใจ

เสียงฝนที่มา ตั้งแต่ช่วงเย็นเริ่มเบาลงจนกลายเป็นเพียงเสียงหยดเผาะเปาะแปะ อากาศ เย็น ชื้น เธอต้องเหน็บชายผ้าห่มกับที่นอน เมื่อแน่ใจว่าร่างน้อยๆ หลับสนิทเธอจึงดับไฟดวงใหญ่เหลือแต่ไฟดวงเล็กเหนือเตียง เธออุ้มเจ้าพูห์ ขึ้นเพื่อเอากลับไปนอนที่เรือนพักของเธอ ปิดประตูห้องเบาๆ
ห้องข้างล่างเงียบเชียบ คงจะกลับกันแล้ว ทอรุ้งเดินย่องลงบันได ไฟที่ ห้องโถงดับเหลือแต่ไฟดวงเล็กพอให้เห็นทาง ขณะเธอกำลังเดินผ่านโต๊ะทำงานตัว ใหญ่ พลันโคมบนโต๊ะก็สว่างขึ้น ทอรุ้งยืนตัวแข็งจ้องมองผู้ที่อยู่หลัง โต๊ะทำงาน
“ดูเหมือนคุณชอบซุ่มอยู่อย่างนี้เหลือเกินนะคะ”
พอรู้ว่าเป็นใครเธอก็อดที่จะตำหนิเขาไม่ได้
“ดูเหมือนคุณครูชอบตกใจง่ายๆ จริงๆ นะครับ” เขาพูดล้อคำพูดของเธอหน้าตาเฉย “ผมลืมไปว่าคุณอยู่บนห้องน้องฝัน”
“บังเอิญคืนนี้น้องหลับยากค่ะ” ทอรุ้งชี้แจง “กว่าจะหลับได้เล่านิทานจบไปสามเรื่อง”
“ครูง่วงรึป่าวครับ” เขาถามไม่มีปี่มีขลุ่ย
ทอรุ้งนิ่งมองคนถามก่อนที่จะตอบอย่างระมัดระวัง
“คุณปราชญ์ มีอะไรจะฝากไปทำหรือเปล่าคะ”
“วันนี้ไม่มีหรอกครับ แต่อยากคุยด้วยหน่อย”
ปราชญ์ขยับนั่งตัวตรง เชื้อเชิญให้เธอนั่งที่เก้าอี้นวมหน้าโต๊ะ มีซอง เอกสารสีน้ำตาลซองใหญ่วางอยู่ มีลายมือที่หนักแน่นเขียนชื่อบนหน้าซอง
‘เด็กหญิงอาเหม่ย (น้องฝน)’
“ของน้องฝนครับ”
“ค่ะ พรุ่งนี้คงต้องเอาติดไปด้วยนะคะ”
ใบหน้าเขามีแววกังวลบางอย่างจนทอรุ้งต้องเอ่ยปากถาม
“มีปัญหาอะไรรึป่าวคะ”
เขาถอนใจเฮือกก่อนจะตัดสินในพูดออกมา
“น้องฝน ความจริงไม่ใช่ลูกผมจริงๆ หรอก...”
“คะ!” ทอรุ้งอุทานเบาๆ “ล่ะ...แล้วมาบอกดิ...เอ่อ รุ้งทำไมคะ”
“ถ้าครูอ่านหลักฐานของน้อง ครูก้อต้องสงสัยอยู่ดี” ปราชญ์จ้องมองครูทอรุ้งคล้ายต้องการความจริงใจ “ในใบเกิด......”
ทอรุ้งเพียงเหลือบมอง ปราชญ์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังที่เกิดขึ้นหลายปีก่อนที่น้องฝนจะลืมตามาดูโลก....

อา หลิน...แม่ของน้องฝัน... เป็นลูกสาวของคนในหมู่บ้านบนดอยสูงที่เขาสนิทสนม คุ้นเคยเป็นอย่างดีคนหนึ่ง เนื่องเพราะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขในการเดินหลงป่า กันแล้ว
อาหลินเด็กสาวที่น่ารักที่มีความตั้งใจจะเรียนต่อใน ตัวจังหวัด ด้วยคิดว่าสักวันหนึ่งเธอจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชน เผ่าของเธอ ซึ่งไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียนต่อ หากวันหนึ่งเรื่องร้ายแรงของชีวิตก็เกิดขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัย ผู้ชายที่ มาหลงรักหมายปองเธอทำลายเธอจนย่อยยับ
อาหลินเสียใจและรู้สึก อับอายจนถึงขนาดพยายามจะฆ่าตัวตาย ยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องกับไอ้ทรชน นั้น อาหลินแทบไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้ พ่อและแม่ของอาหลินทั้งรักทั้ง สงสารลูกถึงกับต้องมาขอร้องกับปราชญ์ซึ่งอาหลินให้ความนับถือเป็นญาติ ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ให้รับอาหลินมาอยู่ที่บ้านสวนข้างล่าง
ปราชญ์รับปากจะดูแลอาหลินเป็นอย่างดี เขากำชับไม่ให้ใครแพร่งพรายเรื่องนี้ ออกไป แต่ก่อนที่น้องฝันจะได้ออกมาดูโลก ผู้ชายคนที่ทำอาหลินก็ได้มา สารภาพบาปทั้งหมดที่ทำลงและขอให้อาหลินยกโทษให้ อาหลินไม่สามารถทำใจได้ เลย
เป็นแผลลึกในใจของเด็กสาว เธอทั้งอับอาย หวาดกลัว และเมื่อเขายืนยันจะรับผิดชอบลูกที่จะเกิดมา อารมณ์โกรธแค้นที่รุนแรงทำให้ เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายพร้อมกับเด็กในท้อง หากปราชญ์ช่วยเหลือได้ทันแต่ไม่ สามารถเยียวยาหัวใจเธอได้อีก
ไม่นานน้องฝันก็ลืมตาดูโลก แต่ด้วยสภาพจิตใจที่อ่อนแอ บอบช้ำมาโดยตลอดทำ ให้อาหลินไม่แข็งแรงเพียงพอและเสียชีวิตลงหลังจากคลอด ผู้เป็นพ่ออ้อนวอนขอรับน้องฝันไปเลี้ยงดู แต่พ่อของอาหลินไม่ยอมกลับยกน้องฝันให้ปราชญ์ ปราชญ์จึงขอได้เพียงให้ผู้ชายคนนั้นมีชื่อว่าเป็นพ่อในใบเกิดเท่านั้น หาก มีเงื่อนไขที่ต้องลงชื่อมอบน้องฝันให้อยู่ในการปกครองของเขาตลอดไปโดยไม่ เรียกร้องสิ่งใดอีก
...มิน่าเล่า น้องฝันถึงมีอาการผิดปกติทางด้านสมอง เป็นเพราะการพยายามฆ่าตัวตายถึงสองครั้งนี่เอง....
ยิ่งได้มารับทราบปัญหาเหล่านี้ทอรุ้งยิ่งรู้สึกสงสารเด็กน้อย เห็นใจปราชญ์ ที่ต้องมารับผิดชอบชีวิตที่เขาไม่ได้เป็นผู้กระทำ ทอรุ้งคิดว่าวัสสิกาน่า จะเข้าใจชายที่ตนหมายปองมากกว่าจะทำท่ารังเกียจน้องฝันแบบนี้
“ผมคงต้องไปจดทะเบียนรับน้องฝันเป็นลูกบุญธรรมซะแล้ว”
เขากล่าวเมื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมด ท่าทางสบายใจขึ้นมากกว่าเดิม
“ดีค่ะ แต่ก้อน่าจะลองปรึกษาคุณส้มด้วยนะคะ” ทอรุ้งให้คำแนะนำ
“ทำไมครับ ปรึกษาทำไม” เขาย้อนถาม
“อ้าว! ก้ออีกไม่นานคุณทั้งสองก้อจะแต่งงานกันนี่คะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ!!!!” เขาหัวเราะเสียงดัง แววตาวิบวับ “ใครที่ไหนบอกคุณล่ะนี่ โธ่เอ๊ย!”

เช้าวันนี้น้องฝันถูกปลุกเร็วกว่าปกติด้วยต้องไปวัดทำบุญวันเกิด เด็กน้อย ตัวจ้อยดูเล็กกว่าอายุจริง แต่งตัวชุดสีชมพูลายการ์ตูนแบบผู้หญิงกับรองเท้าสีที่เข้าชุดกัน ทั้งยังมี ที่คาดผมเล็กๆ สีเหลืองสดใส
เธอเดินเกาะกุมมือครูทอรุ้ง ตลอดเวลา คนที่มาวัดต่างพากันหันมองราวกับเป็นคนแปลกถิ่น หากหลายคนยังพอ รู้จักกับปราชญ์ก็จะเข้ามาทักอย่างคุ้นเคย
“วันนี้ป้อเลี้ยงมาวัดกั๋นตึงบ้านแต้”
ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยทักทายเมื่อทั้งกลุ่มเดินเข้าไปในห้องโถงกุฎิวัด มีชาว บ้านที่นำอาหารมาทำบุญรับพรจากท่านแล้ว บ้างก็กำลังขยับออกมาให้กลุ่มอื่น ที่กำลังรออยู่ด้านหลังได้เข้าไป ปราชญ์ยิ้มแย้ม ทักทายราวกับผู้แทนฯ หาเสียง
“ครับท่าน วันนี้วันเกิดลูกสาวด้วย”
“จะอั้นกา เข้ามาๆ ตุ๊ลุงจะผูกมือหื้อ”
ท่านพูดอย่างมีเมตตากวักมือเรียกกลุ่มของเขาพร้อมกับหันไปหยิบกลุ่มด้ายที่วางบนพานหน้าโต๊ะหมู่บูชาที่อยู่เบื้องหลัง
ปราชญ์ นั่งลงเดินเข่าเข้าไปถึงด้านหน้ากลุ่มคนอย่างเรียบร้อย ทอรุ้งต้องอุ้มน้อง ฝันเดินเข่าตามไปเพราะเธอเกิดอาการไม่ยอมรวมกลุ่มกับคนแปลกหน้าอีก ป้า พรรณ นางซอและเด็กแสงจิ่งพากันยกตะกร้าอาหารและเครื่องสังฆทานตามมา
“ป้อเลี้ยงเปิ้นปาแม่เลี้ยงมาตวยแต้วันนี้”
เสียงกระซิบ ไม่เบานักแว่วมาจากกลุ่มชาวบ้าน ทอรุ้งก้มหน้างุดขณะที่ปราชญ์กลับหันมา ยิ้มกว้างให้กับกลุ่มคนที่นั่งอยู่เต็มห้องโถงนั่ง ผู้ติดตามทั้งสาม ค่อยๆ ส่งของให้ปราชญ์ประเคนของ ป้าพรรณบอกใหครูรุ้งคอยส่งมือบางๆของน้อง ฝันแตะของที่มือผู้เป็นพ่อด้วย
“น่าเอ็นดูแต้” เสียงพึมพำชื่นชมจากแม่อุ๊ยที่นั่งข้างๆ
“เอ้า! ฮับ ปอนกั๋นเน้อ” หลวงลุงกระแอมไอบอกศรัทธาญาติโยมก่อนกล่าวสวดมนต์ให้พรอย่าง ยืดยาวเป็นพิเศษเอ่ยชื่อน้องฝันเจ้าของวันเกิด หลังจากนั้นท่านจึงผูกข้อ มือรับขวัญวันเกิด
“อายุมั่นขวัญยืนเน้อ หล้า อือ! ปันใหญ่ปันสูง บ่มีเคราะห์บ่มีโศกล่ะหล้าเหย”
ปราชญ์ ก้มกราบอย่างนอบน้อม น้องฝันยังนั่งซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของครูมองดูด้ายผูก ข้อมืออย่างประหลาดใจ ครูรุ้งจึงต้องสวมมือพนมไหว้หลวงลุงพร้อมกับมือน้อง ฝัน
“กำเดียวป้อเลี้ยงฝั่งปิ๊กก่อ” ท่านท้วงถามเมื่อเห็นเขาขยับตัวจะถอยออก
“ไม่ครับท่าน จะอยู่ใส่บาตรด้วยครับ”
“อั้นก่อดีล่ะ กำเดียวตุ๊ลุงจะได้อู้เรื่องงานสลากวัดเฮา”
“ครับท่าน”
เขารับคำก่อนจะเดินเข่าคลานออกไปพร้อมคณะ พ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยหลายคนลูบผมเด็ก น้อยให้พรวันเกิด ทอรุ้งต้องคอยกระซิบบอกน้องฝัน
“ธุจ้านะคะ”
เธอทำตามอย่างเอียงอายหากยิ่งเบียดเข้าหาตัวครูมากขึ้น จนเมื่อออกมายืน อยู่อยู่ใต้ต้นพิกุลต้นใหญ่ หรือตามที่คนเมืองเรียกต้นดอกแก้วนั่นเอง ดอก เล็กๆ ร่วงกระจายเกลื่อนใต้ต้น แสงจิ่งเลือกเก็บดอกที่ไม่ช้ำฝนใส่ลงใน สลุงเงิน
“ปี้จิ่งจะเอาไปฮ้อยเป๋นสร้อยคอฮื้อเนาะ”
เป็น กิจกรรมที่น่าสนใจของเด็กน้อยที่นั่งลงเก็บกับพี่เลี้ยง ป้าพรรณกับนางซอนำ ของที่ถวายขึ้นไปไว้บนโรงฉัน วันนี้เป็นวันพระที่คึกคักกว่าปกติ ด้วยต่าง พากันมาประชุมเตรียมงานสลากภัตประจำปี
ทอรุ้งไม่ได้มาวัด บ่อยนัก ดูเหมือนจะเป็นเพียงครั้งที่สองตั้งแต่มาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ เธอ ยืนถือสลุงให้เด็กทั้งสองเอาดอกพิกุลมาใส่ มองชาวบ้านมากหน้าหลายตาที่แต่ง ชุดพื้นเมืองแบบคนเมือง นอกจากนี้ยังมีชนกลุ่มน้อยอย่างไทยใหญ่บ้าง ลาฮู่ บ้างแต่งชุดพื้นเมืองประจำชนเผ่าของตน
ปราชญ์ยืนคุยอยู่ไม่ ไกลกับกลุ่มผู้ชายท่าทางจะเป็นเจ้าของสวนส้มเช่นกัน ป้าพรรณและนางซอตามมาสมทบกับเธอรอเวลาตักบาตร เขามักจะแอบชำเลืองมองดูร่าง อ้อนแอ้นในชุดพื้นเมืองแทบไคลาดสายตา
วันนี้เธอดูแปลกตากว่า ทุกวัน ผมที่เคยรวบเฉยๆ มวยมุ่นไว้ด้านหลัง เหน็บช่อเอื้องสีเหลือง สด ใบหน้าแต่งเติมเครื่องสำอางค์บางๆ สวมเสื้อป้ายทับแบบไทยลื้อสีดำ หาก นำเอาแถบผ้าปักไขว้ของชาวเขามาขลิบขอบเสื้อรอบตัวเสื้อด้วย นุ่งผ้าซิ่น ผ้าฝ้ายทอสีดำ ชายซิ่นเป็นแถบผ้าปักใข้วเช่นกัน แต่มีขนาดกว้างกว่า
ปราชญ์ไม่รู้ตัวหรอกว่าใบหน้าและแววตาของตนอ่อนโยนเพียงใดยามทอดมองเธอ แต่ ป้าพรรณมองเห็นบ่อยๆ ใจหนี่งรู้สึกพึงพอใจที่นายจ้างมีความรู้สึกที่ดีต่อ ครูทอรุ้ง แต่ใจหนึ่งยังตะขิดตะขวงกับหญิงสาวที่ติดพันกันมา ยังไม่รู้จะลงเอยอย่างไร ตนเองก้อเป็นเพียงแม่บ้านถึงแม้เขาจะให้ความสนิท สนมดั่งญาติผู้ใหญ่เพียงใด นางยังไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ ออกไป





Create Date : 10 กันยายน 2551
Last Update : 10 กันยายน 2551 22:48:47 น. 0 comments
Counter : 169 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไม้ฝาง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








เมื่อ....ความรัก....ทักทาย...จาก...ปลายฟ้า
ถึง...แก้วตา...จอมใจ...คนในฝัน
บินข้ามธาร....ผ่านขุนเขา...เงาตะวัน
ตามรอยจันทร์....นำทาง....ระหว่างเรา
อุ่นไอ....รัก....ถักทอ....ก่อ....เป็นผืน
ยามค่ำคืน....ห่มกาย....ใจ...คลายเหงา
ความคิดถึง....ขึงเปลน้อย....คอยนงเยาว์
จะไกวกล่อม...ขวัญเจ้า....เข้านิทรา
เพลงความรัก....ขับขาน......อาบลานฝัน
ท่ามกลาง...จันทร์...มองเมียง...เยี่ยงอิจฉา
จึง...ลับหาย...กรายเข้า..เงา...เมฆา
ปล่อยรักแนบ,,,แอบ...อุรา...อย่างเต็มใจ
เมื่อความรัก....ทักทาย.....จากปลายฟ้า
ขอแก้วตา....จอมขวัญ....อย่าหวั่นไหว
เพียง....มี...เรา...เท่าที่เห็น....ความเป็นไป
ความห่วงใย.....ที่เป็นเรา..เท่าที่มี





Google
Friends' blogs
[Add ไม้ฝาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.