Group Blog
 
All Blogs
 
[part 5] เค้าจะมาหาเราเมืองไทย

ได้กลับมาคุยกัน ความรู้สึกดี ๆ ยังคงเหมือนเดิม แต่เพิ่มมากขึ้น เราคุยกัน และก็อยากจะเจอกันในชีวิตจริง ๆ แน่นอน เค้าต้องมาหาเราที่เมืองไทย (แค่จะกินเรายังเดือนชนเดือน คงไม่มีปัญหาไปหาเค้าที่อเมริกาแน่ ๆ)

ตุลาคม เค้าตกลงใจแล้วว่าเค้าจะมา เค้าก็เลยจองตั๋วเครื่องบิน กำหนดที่จะมาแน่นอนก็คือวันที่ 10 มกราคม 2008 โดยจะมาถึงเวลา 01.40 น. และกลับวันที่ 21 มกราคม 2008 รวมแล้วประมาณ 2 อาทิตย์

จากนั้นเรากับเค้าก็คุยกันเยอะขึ้น รวมถึงเรื่องของอนาคตด้วย เค้าตัดสินใจจะมาอยู่เมืองไทยกับเรา หางานทำที่เมืองไทย เค้าจึงไปเรียน TESL/TEFL เพิ่มเติม อีก 1 คอร์ส เผื่อจะสามารถเป็นอาจารย์สอนภาษาในเมืองไทยได้

เวลาของเราต่างกันประมาณ 12 ชม. แต่เรากับเค้าก็คุยได้ทุกวัน คือ เวลา 3 ทุ่มบ้านเรา


กระทู้ถอด login ถาม ขอกำลังใจ จากห้องไกลบ้าน
//topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2007/11/H6008079/H6008079.html


จากคุยกันออนไลน์....เค้าจะมาหาเราที่เมืองไทยค่ะ
//เรื่องของเราก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เข้าข่ายรักออนไลน์....
เรากับเค้ารู้จักกันมาเกือบจะ 3 ปีแล้ว
เริ่มจากเราอยากฝึกฝนภาษาอังกฤษ เราก็เลยท่องอินเตอร์เน็ต
มีคำแนะนำจากเว็บบอร์ดให้ลองสมัคร Penpal เพื่อหาเพื่อนคุยแลกเปลี่ยน...
เราก็ได้ไปสมัคร penpal และได้ส่งข้อความไป 2-3 คน
หนึ่งในนั้นก็คือเค้า....
เราก็คุยด้วยกันเรื่อยมา....
คุยผ่าน penpal….
จากนั้นก็มาส่งเมล์คุยกัน....
จากนั้นก็ใช้ Yahoo messenger….
แลกเบอร์โทรศัพท์กัน....
เค้าโทรมาคุยบ้าง...ส่ง sms มาบ้าง...
เรากับเค้าส่งเมล์หากันแทบทุกวัน

**ขอเล่าเกี่ยวกับตัวเค้านิดหนึ่งนะคะ
เค้าเป็นคนอเมริกัน อายุ 30 ปี เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี
อาศัยอยู่กับตายาย (เนื่องจากใกล้ที่ทำงาน)
เคยเรียนเกี่ยวกับการทำอาหาร และเคยเป็นเชฟ (มีรูปสมัยเรียนที่ถ่ายกับเพื่อน ๆ)
ตอนนี้ทำงานเป็น Auditor ที่โรงแรม กะกลางคืน
ตอนนี้เค้ากำลังเรียนคอร์ส TESL **

//เล่าต่อนะคะ//
หลังจากนั้นไม่นานเราเปลี่ยนงาน…
เรากับเค้าก็ยังติดต่อกัน…
ประมาณ 2 ปี...เรากับเค้าติดต่อกัน
....แบบเพื่อน ไม่ได้คิดไรมากกว่านั้น

//มีช่วงหนึ่ง ที่เรากับเค้าไม่ได้ติดต่อกัน
คือเราส่งเมล์ไปแล้วเค้าก็ไม่ตอบเรา
เราส่ง sms ไปเค้าก็ไม่ส่งกลับมา....
เราก็ไม่ได้คิดอะไร และไม่ได้โทรไปหา
จนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เราสมัคร hi5.com
แล้วก็จะมีเมล์ไป Invite ทุกเมล์ที่อยู่ใน list ของเรา
แล้วเค้าก็ตอบกลับมาในทันที
ในเมล์เค้าถามมาว่า ใช่เรามั้ย? ใช่เพื่อนเค้าที่หายไปรึเปล่า?
เราก็ตอบกลับไปสั้น ๆ ว่าใช่ ดีใจที่ได้คุยกันอีกครั้ง
และถามสารทุกข์สุขดิบตามธรรมดา....
เค้าตอบเมล์กลับมา พร้อมกับต่อว่าเรา ที่ไม่ยอมตอบเมล์เค้า
มาถึงตอนนี้เราเริ่มงง เพราะเรารู้สึกว่าเค้าเองต่างหาก ที่ไม่ยอมตอบเมล์
แต่เค้าบอกว่า เค้าส่งเมล์หาเรา ส่ง sms หาเรา เราไม่ตอบเลย
หลังจากนั้นเราและเค้าก็ส่งเมล์คุยกัน
และกลับมาออนไลน์ Yahoo อีกครั้ง
โทรคุยกันผ่าน Skype

//เรา chat กันมากขึ้น...จาก2 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่มหรือเที่ยงคืน
แต่การคุยกันครั้งนี้รู้เริ่มจะพิเศษกว่าเพื่อนทั่วไป...

//เค้าเริ่มอยากมาหาเราที่เมืองไทย
และเค้าจะต่อว่าเรา ว่าไม่เห็นความสำคัญของเค้า ถ้าเราไม่ออนไลน์ในเวลาที่นัดกันหลาย ๆ วัน เพราะเราออกไปกับเพื่อน (ถึงแม้เราจะบอกล่วงหน้าว่าจะไม่ออนไลน์)

//ตัวเราเองก็เริ่มรู้สึกดีกับเค้า
เรารู้สึกว่าเค้าใส่ใจการฝึกภาษาอังกฤษของเรามาก
เราเคยบอกเค้าว่า ตอนนี้เราสามารถอ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้มากขึ้น
แต่เรื่องการฟัง เรายังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง....
วันต่อมา เค้าส่งเมล์มาหาเราตามปกติ แต่แนบไฟล์เสียงที่เค้าอ่านอีเมล์ฉบับนั้นมาด้วย
หรือแม้แต่ทำเป็นไฟล์ Video โหลดขึ้น youtube แล้วให้เราศึกษา
ทำเว็บสอน Blog โดยการเอาบทสนทนาที่เราคุยกัน และเราพูดผิด มาแก้ มาสอนเรา...

//เรากับเค้าเริ่มคุยกันมากขึ้น
เค้าอยากเจอเรา และเราก็อยากเจอเค้า
เค้าบอกจะมาหาเราที่เมืองไทย....
เค้าตัดสินใจไปเรียนคอร์ส TESL
หลังจากมาเยี่ยมเราที่เมืองไทยแล้ว
เค้าจะหางานในเมืองไทย หรือโซนเอเชีย
จะได้มีงานทำ อย่างน้อย ๆ ก็เป็นครูสอนภาษา
(เราเคยบอกเค้าว่า เราจะไม่ย้ายไปจากเมืองไทย เรามีงานทำที่ เราไม่อยากออกจากงาน)

//เค้าซื้อหนังสือวัฒนธรรมไทยไปอ่าน
และมักจะมีข้อสงสัยหลังจากที่ได้อ่านมาถามเราเสมอ...
เค้าบอกว่าเค้ารู้ว่าวัฒนธรรมเราไม่เหมือนกัน
เค้าอยากให้เกียรติเรา และไม่อยากทำอะไรที่ดูไม่สุภาพ

//ตอนนี้เรารู้สึกว่าทุกอย่างดูสวยงามไปหมด
ตั้งแต่ที่คุยกันมาเค้าแสดงออกให้เห็นว่าเค้าจริงใจ
เราไม่เคยระแวงหรือเคลือบแคลงใจในตัวเค้าเลย


//มกราคม 2551 จะครบ 3 ปีที่เรารู้จักกัน
และเค้าจะมาหาเราในเดือนมกราคม
มาเมืองไทย 2 อาทิตย์
เค้าให้เราช่วยแนะนำที่พักที่ใกล้ ๆ เรา
เค้าอยากให้เราพาไปเที่ยววัด
และ....
เค้าอยากไปเยี่ยมครอบครัวเรา
เราเองก็ไม่ได้มีใคร แต่การจะพาผู้ชายสักคนหนึ่งไปพบครอบครัว
ครอบครัวเราเป็นครอบครัวต่างจังหวัด
รู้จักกันเกือบจะทั้งตำบล....
การที่เค้าจะไปบ้านเราจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับเราเลย
เราก็เลยอธิบายให้เค้าฟัง...
ว่าการที่เราพาเค้าไปที่บ้าน พักที่บ้านเรา
ผู้คน เพื่อนบ้าน จะมองว่าเค้าเป็นแฟนเรา และมองเราไม่ค่อยจะดีนัก
เค้าก็บอกว่า ถ้าเราไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไร
เราคุยเรื่องนี้กันอยู่หลายครั้ง

//เค้าถามว่าเราวางแผนไว้อย่างไร เมื่อเค้ามาเมืองไทย
และได้วกมาคุยกันเรื่องไปเยี่ยมครอบครัวเราอีกครั้ง...
เราก็อธิบายให้เค้าฟังอีกรอบ
ว่าครอบครัวเราจะเชื่อเรา ถ้าเราบอกว่าเค้าเป็นเพื่อน ไม่ได้มีอะไรกัน
แต่เพื่อนบ้าน จะมากดดันครอบครัวเราและพูดกันไปต่าง ๆ นานา
เราเริ่มสองจิตสองใจ ว่าควรจะพาเค้าไปรู้จักครอบครัวเรารึเปล่า

//เมื่อวานเราคุยกะเค้าตามปกติ และได้คุยกันถึงเรื่องอนาคต
รวมถึงเรื่องการแต่งงาน....

//เรายอมรับว่ารู้สึกดีกับเค้ามาก ๆ
และเชื่อมั่นใจตัวเค้า
แต่เราก็ยังลังเล...........
ยังไงซะ มกราคมนี้ เราก็ได้เจอตัวจริง ๆ ของเค้า
และเค้าก็จะได้เจอตัวจริง ๆ ของเรา....
หลังจากนั้นค่อยคิดต่อว่าจะเป็นยังไงต่อไป

//หลาย ๆ ครั้งที่เราอ่านกระทู้รักออนไลน์ในห้องไกลบ้าน
หลาย ๆ กระทู้ที่เตือนสติเรา
ตอนนี้ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมดจนเรากลัวความผิดหวัง....
เราไม่รู้ว่าเราฝันมากไปรึเปล่า.....
เราไม่รู้ว่าเรามองโลกแง่ดีไปรึเปล่า....
เราไม่รู้ว่าเรามองข้ามอะไรไปรึเปล่า......

เหมือนเราจะพูดถึงเฉพาะแง่ดีของเค้า....
แต่เรานึกถึงเรื่องที่เค้าทำให้เรา เสียใจ เสียความรู้สึกไม่ออกจริง ๆ

// ร่ายมาซะยาว...
อยากจะขอคำแนะนำ ความคิดเห็นของพี่ ๆ ห้องไกลบ้านจังค่ะ
เผื่อจะมองเห็นอะไรในมุมที่ต่างออกไป
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ

จากคุณ : กลัวแดด กลัวฝน - [ 11 พ.ย. 50 00:50:54 A:58.64.87.9 X: ]








--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=lawanwadee

จากคุณ : Lawanwadee - [ 11 พ.ย. 50 01:15:55 ]






ความคิดเห็นที่ 2

มีความเห็นว่า ควรจะนัดทางครอบครัวของคุณให้มารับประทานอาหาร หรือ มาเที่ยว มาใช้เวลากับคุณ และ เพื่อนฝรั่งของคุณ ที่กรุงเทพฯ หรือ ที่จังหวัดอื่นก็ได้

ถ้ายังไม่ซีเรียส เรื่องแต่งงาน อย่าเพิ่งพาไปที่บ้านที่ต่างจังหวัด

เพราะชาวบ้าน ผู้หวังดี แต่ประสงค์ร้าย จะมากดดันครอบครัวของคุณ

จนครอบครัวของคุณจะมากดดันคุณ และ เพื่อนของคุณอีกต่อหนึ่ง

เท่าที่อ่านดู คุณ จขกท. เป็นคนมีเหตุ มีผล เป็นคนมีสมอง รู้จักคิด

การที่มองโลกในแง่ดี มองคนอื่นในแง่ดี เป็นสิ่งที่ดี

ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่มีความเห็น

เพราะมีความเห็นว่า คุณฉลาดพอที่จะดูคนออก ไม่มากก็น้อย

ก็ได้แต่อยากเตือนว่า ถ้าคุณเจอตัวจริงของเขาแล้ว และ ได้ใช้เวลาอยู่กับเขา

ถ้าจะตัดสินใจ เป็นแฟน หรือ แต่งงานกับเขา

ก็จงรักที่เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่คุณถูกตา ต้องใจ และ คุณกับเขาต่างก็มีใจตรงกัน

และ ขออย่าให้รักเขาแต่เพียงแค่ในความเป็นฝรั่งของเขาค่ะ

ขอสรุปว่า วิเคราะห์ดูจากอาการ สิ่งที่เขียนออกมา และ คำให้การของคุณแล้ว พี่ไม่ห่วงคุณค่ะ

All the best.









จากคุณ : Siamese Girl - [ 11 พ.ย. 50 01:33:22 ]






ความคิดเห็นที่ 3

ตามลิ้งคุณ Lawanwadee เลยค่ะ

เห็นด้วยกับพี่ Siamese Girl ค่ะ

ถ้าเนื้อคู่กันเเล้วมันไม่เเคล้วกันหรอกค่ะ หลายๆคนในที่นี้
รวมดิฉันด้วยก็เจอกันเเฟนทางออนไลน์เหมือนกันค่ะ
เหมือนซื้อหวยนั้นเเหละค่ะ เจอคนดีๆ จริงใจก็ดีไป

จากคุณ : สาวอินเตอร์ - [ 11 พ.ย. 50 01:53:22 ]






ความคิดเห็นที่ 4

เข้ามาดีใจด้วย แต่....อย่าเพิ่งพาไปที่บ้านต่างจังหวัดเลย เอาไว้ให้มั่นใจก่อน หรือใกล้แต่งงาน พาไปยังไม่สาย รู้ ๆ อยู่ คนต่างจังหวัด ถ้ามันไม่ใช่...อ้าว...แฟนไม่มาด้วยเหรอ (ถึงแม้จะบอกว่าไม่ใช่แฟน เค้าก็จะยัดเยียดคุณอยู่นั่น) แฟนหายไปไหนแล้ว..ฯลฯ

อีกไม่นานคุณก็จะเจอตัวจริงเค้าแล้ว ค่อยศึกษากันไป ไม่ต้องรีบ ถ้ามีอะไรไม่แน่ใจ เข้ามาขอความเห็นพี่ ๆ ในห้องนี้ได้ เค้าจะให้ความเห็นและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับคุณไม่มากก็น้อย

โชคดีจ้ะ

จากคุณ : พ็อบเบิ้ล - [ 11 พ.ย. 50 01:58:26 ]






ความคิดเห็นที่ 5

ยินดีด้วยค่ะ ขอให้เจอตัวเป็นๆกันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจดีมั้ยคะ ว่าจะแนะนำหรือไม่แนะนำ เพราะเราควรจะกลั่นกรองเค้าก่อน ดูว่าเค้าเป็นอย่างที่เค้าคุยในเน็ตรึเปล่า เชื่อถือได้มั้ย รู้จักเคารพ เราให้เกียรติ์เรารึเปล่า พูดคุยเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน

ยังงัยก็ขอให้คุณ จขกท โชคดี และได้เจอคนดีจริงๆนะคะ

ขอนุญาต นอกเรื่องหน่อยค่ะ
คุณป้า เอ๊ย !!คุณพี่SMGยู่เมืองไหนค้ะ ตอนนี้ถ้าเป็นเมืองไทยตอนี้ก็ดึกดื่นมากๆแล้วน้ะคะ หรือว่าช่วงนี้มาทัวร์อังกฤษค้ะ

จากคุณ : hamble pie - [ 11 พ.ย. 50 02:44:29 ]






ความคิดเห็นที่ 6

เราไม่รู้ว่าเราฝันมากไปรึเปล่า...........Yes
เราไม่รู้ว่าเรามองโลกแง่ดีไปรึเปล่า.....Yes
เราไม่รู้ว่าเรามองข้ามอะไรไปรึเปล่า....Yes

Take one step at a time. You haven't even met him in person and yet you already have the plan to marry him. He seems suspiciously desperate. What happened during the time that he's away? Why didn't he respond to your e-mails/messages? When he is there in Thailand, you should treat him as a friend and use that time (2 weeks, which are not really a lot of time) to study him. Get to know him outside the cyber world first.

จากคุณ : Rennis - [ 11 พ.ย. 50 02:54:54 ]






ความคิดเห็นที่ 7

Men have nothing to lose, only a flight ticket.

How could one propose another to get married without seeing each other in reality?

จากคุณ : tan - [ 11 พ.ย. 50 04:36:30 A:84.192.7.239 X: TicketID:105576 ]






ความคิดเห็นที่ 8

....ก้อให้น่าสงสัยอย่างที่คุณ Rennis ว่า... คุณจะต้องเรียนรู้อะไรจากเขาอีกมาก .... ดูกันไปก่อน....ดีกว่า....อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ.....

จากคุณ : Klaikan - [ 11 พ.ย. 50 04:42:38 ]






ความคิดเห็นที่ 9

^
เห็นด้วยเป้นอย่างยิ่งครับ ... ดู ๆ กันไปก่อน

จากคุณ : ผัดไทยกุ้งสด - [ 11 พ.ย. 50 05:55:41 ]






ความคิดเห็นที่ 10

เรากับแฟนก็ออนไลน์แชท ยังไม่ถึงปี เค้าบินมาหาที่เมืองไทยแล้ว 3 ครั้ง ครั้งที่ 3 เพิ่งกลับไป และกำลังจะมาอีกเป็นครั้งที่ 4 ในไม่กี่เดือนข้างหน้า ตกลงจะแต่งงานกันแล้วค่ะ เหอๆๆๆ จะว่าไวไฟก็ไม่เชิงนะคะ เพราะดิฉันอ่ะ แก่แล้วค่า... รอนานเด๋วเกินแกง คิกๆๆๆ (ขอประทานโทษผู้ที่อ่านแล้วรู้สึกขัดตา ขัดใจ หุหุ)

จริง ๆ ก็ตั้งใจจะดูกันนาน ๆ แหละ แต่เพราะแฟนไม่คิดจะมาอยู่เมืองไทยเพราะมีงานดี ๆ และมั่นคงทำอยู่ที่ประเทศของเค้า และเค้าก็รักงานของเค้าด้วย แต่เพราะอยากเรียนรู้กันและกันแบบ Reality เลยเชิญชวนเราไปเที่ยวบ้านเค้า 3 เดือน ปรากฏว่า วีซ่าไม่ผ่าน ต้องเป็นฝ่ายบินมาหาเราบ่อย ๆ แล้วพอมาบ่อย ๆ เราก็ไม่มีเวลาจะไป spend the time ด้วย ก็คุณชายเล่นฮอลิเดย์ที เป็นครึ่งค่อนเดือน อิฉันต้องทำงานนิยะ เฉพาะปีนี้อิฉันหยุดงานเพื่อเธอ ร่วม ๆ 2 เดือนแล้นนน.... ปีหน้า NO ค่ะ

สุดท้ายเลยตัดสินใจ แต่งงานกันเนอะ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รักนี่ล่ะ บ้าดีมั๊ยเนี่ย.

แต่ทั้งนี้ และทั้งนั้น ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคลนะคะ จะนำมาใช้เป็นเยี่ยงอย่างกันไม่ได้ ดิฉันจึงไม่แนะนำให้ผู้ใดทำตาม ส่วนตัวดิฉันนั้น เป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเอง ผิดชอบชั่วดีพร้อมที่จะยอมรับกับการตัดสินใจของตัวเอง โดยไม่ทำให้ผู้ใดเดือดร้อน

จากคุณ : Water_1 - [ 11 พ.ย. 50 05:58:58 ]






ความคิดเห็นที่ 11

ให้นึกเสียว่า เค้าก็เป็นเพื่อนคนนึง อย่าไปจริงจังอะไรมาก ให้เค้าไปพักโรงแรมก็ดีแล้วค่ะ แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งพาเค้าไปพบพ่อแม่เลย ถ้าเราคิดว่ายังไม่มั่นใจพอนะ เพราะสมมติว่าพาไปพบแล้ว ถ้าไปกันได้ดีแต่งงานกันไปก็สบายไป แต่ถ้าพาไปแล้วเกิดว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ พ่อแม่เค้าจะเป็นห่วงเราเปล่าๆ แถมเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกด้วย

ระหว่างที่เค้ามาเราอาจจะพาเค้าไปเที่ยวบ้าง แล้วก็คอนสังเกตพฤติกรรมของเค้าด้วย ว่าเค้าทำตัวอย่างไร เพราะจากที่เล่ามา อายุเค้าก็ 30 แล้ว น่าจะมีงานทำเป็นหลักเป็นฐานมากกว่านี้สำหรับผู้ชายฝรั่งนะ แล้วยังอยู่บ้านตายายอยู่ อันนี้ไม่เหมือนฝรั่งปกติ อิอิ ถึงจะใกล้ที่ทำงานก็เหอะ

แล้วที่บอกว่ากำลังเรียน TESL เนี่ยะ ทำไมเค้าถึงอยากเรียนอันนี้หละค่ะ ที่เรียนเพราะอยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหรอ ถ้าอยากเป็นครูจริงๆ เค้าน่าจะเรียนปริญญาตรีทางด้านนี้โดยตรงถ้าใจรัก แล้วอีกอย่างครูสอนภาษาอังกฤษเมืองไทย เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะอะไร

มีฝรั่งหลายคนนะที่ชอบหลงรักสาวเอเชีย แล้วผกผันมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในเอเชียเพราะ อาชีพนี้มันง่าย ไม่ได้ยากเย็นอะไร ไม่ต้องมีวุฒิอะไรมากมายก็สามารถเป็นครูได้

อย่าว่าแต่ฝรั่งหลอกสาวไทยเลย ฝรั่งหลอกฝรั่งเอง โกหกผกลมเรื่องการงานก็เห็นมาเหมือนกันโม้เสียน่าฟังว่าทำงานที่นี่ ตำแหน่งนี้ ฟังดูดี แต่ดูจากพฤติกรรมของเค้าแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้เลย อันนี้ไม่ได้ขู่นะคะ บางทีคิดในแง่ร้าย ระวังตัวไว้ก่อนก็ดี ดีกว่าคิดไปในทางทีดีเสียหมด แล้วมาพบความจริงเมื่อสายไปเสียแล้ว

ขอให้น้องโชคดีนะคะ

จากคุณ : Scooterella - [ 11 พ.ย. 50 06:03:07 ]






ความคิดเห็นที่ 12

ยังไงก็ระวังนิดนึงละกันนะคับ คนจากออนไลน์ยังไงมันก็ไม่เหมือนกับการเจอหน้ากัน บางคนบอกว่าคุยออนไลน์เป็นปี ยังไม่เหมือนเจอกันครั้งเดียว เพราะ face-to-face interaction มันค่อนข้างต่างจาก digital interaction มาก บางทีที่เราไปชอบใคร มันก็เป็นแค่อิมเมจของคนคนนั้นที่เราเติมเข้าไปเอง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนจากออนไลน์จะมีแต่แย่ๆ นะครับ แต่แค่อยากมาแชร์มุมมอง ขอให้แฮปปี้ๆ ละกันนะคับ ^ ^

จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ - [ 11 พ.ย. 50 07:28:23 ]






ความคิดเห็นที่ 13

คุณ Scooterella ไม่ได้อธิบายให้คุณ จขกท ทราบว่าทำไม คนมะกันไม่ว่าหนุ่มหรือสาว พอเขาจบมหาวิทยาลัย จะมีงานหรือไม่มีงาน ส่วนมากเขาก้อไม่อยู่กับพ่อแม่ ตายาย ... มันไม่เหมือนกับวัฒนธรรมไทย....คุณบอกเพียงว่า"เหมือนฝรั่งผิดปกติ" แล้วก้อ "อิอิ".....ใช่ครับมันผิดปกติ... เท่าที่ผมรู้และเห็นนะ ไม่ว่าผช หรือ ผญ จะหาแฟนยาก...หรือมีแฟน ก้อไม่ค่อยมีใครอยากจะแต่งงานด้วย ใกล้บ้านผมมีคนหนึ่ง อายุสามสิบกว่าๆ ทำงานดี เปลี่ยนรถใหม่บ่อยๆ(บางคนอาจจะว่าการมีรถใหม่นั้นไม่ได้หมายความว่ารวย - จริงครับ ....เพราะผ่อนส่ง... แต่ต้องเปลี่ยนรถใหม่นี้มันขาดทุนเป็นพันๆเหรียญนะครับ) เห็นเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ....เอ้าไม่ได้สรุปให้ฟัง.....คือเขาจะเห็นว่าคนประเภทนี้เป็นเหมือน"ลูกแง่"...คือเด็กเลี้ยงไม่โตนะ....พอจะเข้าใจไหมครับ...แล้วคนประเภทนี้จะอยู่ใต้อำนาจพ่อแม่ หรือปู่ย่า ตายาย....คนฝรั่งเขาไม่ชอบครับ ที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายจะมีส่วนร่วมในชีวิตครอบครัวของเขา....คุณมีแฟนคงไม่อยากเห็นแฟนทำตัวเป็นเด็กๆใช่ไหมครับ....จะทำอะไรก็ต้องโทรไปปรึกษาแม่หรือปู่ย่า ตายาย....คิดดูก็แล้วกัน...โตแล้วตัดสินใจทำอะไรไม่ได้.....

จากคุณ : Klaikan - [ 11 พ.ย. 50 09:30:20 ]






ความคิดเห็นที่ 14

ถูกต้องนะคร้าบคุณ Klaikan โดยปกติของสังคมฝรั่งเนี่ยเมื่อคุณจบจากไฮสคูลแล้วไปต่อมหาวิทยาลัย เค้าก็จะออกจากบ้านพ่อแม่แล้วค่ะ เพื่อไปเรียนต่อ และทำงานอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่มีการมาพึ่งพา พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หากไม่จำเป็นจริงๆ

ถ้าเจอฝรั่งที่อายุที่ทำงานได้แล้วแต่ยังอยู่กับพ่อแม่ หรือยังอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องเนี่ย ฝรั่งกันเองเรียกว่า Loser ค่ะ หรือไอขี้แพ้ ถ้าจะแปลตรงตัวตามคำศัพท์ โดยทั่วไปถ้าฝรั่งอายุอานามขนาดนี้ ควรจะมีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง มีบ้าน หรือเช่าอพาร์ทเม้น อยู่เอง ไม่มาอยู่กับพ่อแม่ ปู่ย่าตายายหรอกค่ะ ถึงจะรักครอบครัวยังไง วัฒนธรรมของเค้าเน้นการอยู่ได้ด้วยตัวเอง เราถึงเห็นเด็กอเมริกัน ทำงานกันตั้งแต่ยังเด็กเป็นงาน พาร์ททาม เพื่อเค้าจะได้มีรายได้เองไปซื้อขนม ซื้อเสื้อผ้า โดยไม่ต้องขอพ่อแม่

ส่วนเรื่องเปลี่ยนรถใหม่บ่อยๆ เนี่ย ถูกต้องอีกนั่นแหละ เพราะรถที่นี่ คุณไม่จำเป็นต้องซื้อ เค้ามีให้เลือกว่าจะซื้อ หรือคุณสามารถเช่าขับได้เป็นปีๆ หรือภาษาไทยเรียกว่าเซ้ง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Lease นั่นเอง จะเอาหรูแค่ไหนก็ได้ถ้าคุณมีปัญญาจ่ายรายเดือน แต่เมื่อครบสัญญาก็คืนรถคันนั้นให้ Dealer ไป แล้วก็เปลี่ยนคันใหม่ เราถึงเห็นว่าฝรั่งเมกันบางคนขับรถใหม่ๆ บ่อยมาก จริงๆ เช่าเอา ไม่ได้ซื้อหรอก

ข้อสำคัญอีกอย่างคือ ส่วนใหญ่คนไทยมักจะดูฝรั่งไม่ออกว่า ฝรั่งพวกนี้เป็นแบบไหน ฝรั่งก็มีหลายแบบค่ะ มีทั้งผู้ดี มีการศึกษา กะหลั่ว ไร้การศึกษา หัวแดง เรดเนค ไวท์แทรช อันนี้ต้องระวังเหมือนกัน แต่จะให้บอกข้อสังเกตก็บอกลำบาก เพราะฝรั่งก็ตลบแตลง โกหกเป็นเหมือนกัน

ส่วนที่ จขกท คุยเรื่องแต่งงาน คิดว่าน่าจะชลอไว้ก่อนดีกว่าค่ะ ถึงจะคุยกัน สามปี แต่มันก็แค่เป็นการคุยทางเนท บางทีคุณเจอตัวจริง คุณอาจจะเบ้หน้าไม่อยากคุยด้วยก็ได้ ชอบที่คุณ บรึ๋ยศักดิ์บอกที่ว่า การคุยผ่านอินเตอร์เนท "บางทีที่เราไปชอบใคร มันก็เป็นแค่อิมเมจของคนคนนั้นที่เราเติมเข้าไปเอง"

ใจเย็นๆ ค่อยๆดูกันไปดีกว่าของแบบนี้นะจ๊ะ

จากคุณ : Scooterella - [ 11 พ.ย. 50 10:35:38 ]






ความคิดเห็นที่ 15

^
^
^

เห็นด้วยทั้งพี่บรึ๋ยและพี่สกู๊ตเตอร์ฯ ^^









จากคุณ : หนูคิสเซอร์วิส (KissAhoLicGal) - [ 11 พ.ย. 50 11:50:35 ]






ความคิดเห็นที่ 16

ขอบคุณพี่ ๆ ทุกท่านที่เข้ามาให้ความคิดเห็นค่ะ
- คุณ Lawanwadee หนูได้เข้าไปอ่านตามลิงค์แล้วค่ะ จริง ๆ แล้วหนูก็เป็นแฟนพันธ์แท้ แอบอ่าน blog ของพี่มานานแล้วค่ะ ^^ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

- คุณ Siamese Girl ออกมาเจอกันที่จังหวัดใกล้ ๆ คงไม่สะดวกค่ะ เพราะบ้านหนูอยู่ไกล๊ ไกลค่ะ ก็คงไว้โอกาสหน้า (ถ้ามีและพร้อม) แล้วค่อยแนะนำให้รู้จัก ^^ อีกอย่างคือ พี่ชายหนูค่อนข้างดุค่ะ หนูอายุ 27 แล้ว แต่ทุกคนบ้านหนูก็ยังมองหนูเป็นเด็ก ๆ ลึก ๆ แล้วหนูก็ไม่ค่อยกล้าพาไปแนะนำที่บ้านหรอกค่ะ แค่ตอบที่บ้านว่ารู้จักกับเค้ายังไง ก็นึกหน้าพี่ชายหนูออกแล้วค่ะ -*- หนูไม่ได้รู้สึกดีกับเค้าเพียงเพราะเค้าเป็นฝรั่งหรอกค่ะ แต่เพราะทุก ๆ อย่างที่เค้าเป็น และหนูสัมผัสได้ หนูเป็นคนหนึ่งที่รักการอยู่เมืองไทย รักเพื่อนคนไทย รักงานที่ทำ ทุกวันนี้หนูมีความสุขกับการอยู่เมืองไทยค่ะ (ต่อให้ทุกอย่างไปได้ด้วยดีคบกันยืดยาว...หนูก็ไม่มีความคิดอยากย้ายไปอยู่ที่นู่นค่ะ แต่อยากไปเที่ยวค่ะ ^^)

- คุณสาวอินเตอร์ ^^ ถ้าเหมือนกับการซื้อหวย ตอนนี้ก็แอบหวังให้เป็นรางวัลที่ 1 ค่ะ แต่หนูก็เผื่อใจไว้แล้วค่ะ 50-50

- คุณพ็อบเบิ้ล คำแนะนำและความคิดเห็นของพี่ ๆ ห้องไกลบ้านช่วยได้เยอะและทำให้ได้รู้อะไรมากขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

- คุณhamble pie ยังเคยคิดเหมือนกันค่ะ ว่าถ้าเจอตัวจริง ๆ กันแล้ว เค้าไม่ชอบเรา หรือเราไม่ชอบเค้า จะเป็นยังไง ดีที่สุดก็คือเจอกันก่อน แล้วค่อยคิดไกล ^^

- คุณRennis ก็คงแนะนำที่พักใกล้ ๆ ให้เค้าจะได้มีเวลา Take care เค้า พาไปทานข้าว หรือ ไปเที่ยวได้สะดวกค่ะ จะว่าไปเค้าก็คือคนแปลกหน้าดี ๆ นี่เองค่ะ เจอกันจริง ๆ เราก็คงเกร็ง ๆ เขิน ๆ พูดไม่ออกเหมือนกันค่ะ แต่ว่าดีหน่อยตรงที่ อยู่เมืองไทยเราจะมีเพื่อนเยอะค่ะ และเป็นเพื่อนที่แน่นเหนียวไปไหนไปกัน ไปรับเค้าที่สนามบิน พาเค้าไปเที่ยว เพื่อน ๆ เราก็จะไปด้วยตลอดค่ะ แต่อาจจะไปกัน 2 ต่อ2 บ้าง เช่นพวกไปกินข้าว ไปซื้อของ

- คุณ Tan เรื่องการแต่งงาน เพิ่งจะเริ่มคุยกันค่ะ ยังไม่ได้วางแผนอะไรเลย เพราะเราเคยบอกเค้าไปว่า กลัวจะเข้ากันไม่ได้ เราเองก็มีนิสัยแย่ ๆ ตั้งเยอะที่เค้ายังไม่รู้ เค้าเองก็เหมือนกัน

- คุณ Klaikan ^^ ค่ะ เรียนรู้กันไปก่อน แล้วคำตอบต่อไปคงจะมาเอง

- คุณผัดไทยกุ้งสด ^^ หนูก็เห็นด้วยค่ะ

- คุณ Water_1 ยินดีด้วยนะค่ะ ^^

- คุณ Scooterella ที่เค้าไปเรียน TESL เพราะเค้าคิดว่าถ้าต้องมาอยู่เมืองไทย อย่างน้อยจะได้เป็นครูสอนภาษาไปก่อน เป็นงานที่หาได้ไม่ยากนัก ก่อนจะขยับขยาย (เค้าทำอาหารได้ ทำบัญชีได้) ^^ ขอบคุณค่ะ

- คุณบรึ๋ยศักดิ์ กลัวข้อนี้เหมือนกันค่ะ ว่าคุยกันในเน็ตรู้สึกดี๊ ดี แต่พอคุยกันจริง ๆ แล้วมันจะไม่รู้สึกดีเหมือนในเน็ต ตอนนั้นจะทำยังไง -_-‘

- คุณ Klaikan เท่าที่ดู (และคิดเอาเอง) นะคะ เค้าคงไม่ใช่ลูกแหง่หรอกค่ะ (แต่อธิบายไม่ได้เหมือนกันค่ะ^^’)

- คุณ Scooterella จริง ๆ แล้วเค้าเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านตายาย ตอนที่มาทำงานที่โรงแรมนี่แหละค่ะ ส่วนเรื่องฐานะเค้า เค้าก็ไม่ได้ฐานะดี หรือรวยอะไรมากค่ะ ฐานะธรรมดา เค้าเคยอัด video บ้านเค้า รอบ ๆ บ้านส่งมาให้ดูค่ะ

- หนูคิสเซอร์วิส เราก็เห็นด้วยกับทุกคนเลยค่ะ

ตอนนี้ก็คงหยุดเรื่องการพาไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จักไว้ก่อนค่ะ รอให้เค้ามาเมืองไทย มีงานทำจริง ๆจัง ๆ แล้วค่อยบอกที่บ้านคงจะดีกว่าค่ะ ระหว่างนั้นก็จะได้ศึกษากันไปด้วย เค้าเข้าใจค่ะ ว่าการไปบ้านเยี่ยมบ้านเราเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา

ขอบคุณทุก ๆ ความเห็นอีกครั้งค่ะ และหนูขอยืนยันให้ทุก ๆ คนสบายใจได้เลยนะคะ เรื่องที่ว่าหนูจะทำตัวไม่เหมาะสม หรือใจง่าย ทำให้เสียชื่อผู้หญิงไทย

ไว้ถ้าเค้ามาจริง ๆ ได้เจอกัน แล้วจะมาเล่า ให้ฟังอีกรอบนะคะ

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
^^’

จากคุณ : กลัวแดด กลัวฝน - [ 11 พ.ย. 50 12:10:15 A:58.64.87.9 X: ]






ความคิดเห็นที่ 17

อือมม วันที่คุณกลัวแดด กลัวฝนเจอเค้าตัวเป็นๆๆเมื่อไหร่ วันนั้นคุณต้องเริ่มนับหนึ่งเลยนะคะ เพราะถือว่าเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นค่ะ อันนี้มาจากประสบการณ์ของพราวเองนะคะ...ขอให้โชคดีค่ะ

จากคุณ : พราวพิลาส - [ 11 พ.ย. 50 19:25:11 A:124.121.230.240 X: ]






ความคิดเห็นที่ 18

คุณกลัวแดดคะ ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนเลยค่ะ ดิฉันก็เจอฝรั่งทาง internet เหมือนกัน คบกันมาก็สามปีแล้ว เค้ามาหาดิฉันครั้งนึงที่เมืองไทย

ดิฉันก็ต้อนรับเต็มที่ ไปรับที่โรงแรมตอนเช้า พาเที่ยวกรุงเทพ รับเค้าไปทะเลกับเพื่อนเรา ช่วงนั้นเป็นการพบกันครั้งแรก เราก็พยายามทำดีๆต่อกัน

หลังจากนั้นก็คุยกันทุกวันทาง yahoo messenger จนดิฉันได้มาเรียนที่อเมริกา ตอนแรกเค้าชวนให้เลือมหาลัยรัฐที่เค้าอยู่ แต่ดิฉันปฏิเสธ เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เราคุยกันทุกเรื่องวางแผนอนาคตด้วยกัน

พอมาเรียนต่อที่นี่ทำให้ดิฉันรู้ว่า ฝรั่ง ก็เหมือนคนไทย มีกรรมกร คนทำความสะอาด คนงานก่อสร้าง และที่ทำงานบริบัท เป็นเจ้าของกิจการ ดิฉันถามตัวเองว่าที่เราชอบเค้าเพราะเค้าเป็นฝรั่ง หรือว่าเราคิดว่าเค้าเป็นคนที่สามารถเดินเคียงข้างไปกับเราได้ เราสามารถใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเค้าได้

ตอนเดือนแรกที่มาเรียนดิฉันเครียดมาก แต่เค้าก็ช่วย support เรื่องการเรียนทุกอย่าง อยากได้อะไรขอให้บอก เค้าส่งของมาให้ทางไปรษณีย์ ช่วย edit การบ้านก่อนส่งอาจารย์ ให้คำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตที่อเมริกา

ดิฉันรู้ว่าเค้าไม่ได้ perfect 100% เมื่อคบกันไปนานๆ เราจะเห็นบางอย่างที่ซ่อนไว้ ปิดบังเราไว้ ปีแรกเป็นช่วงที่ต้องการสานสัมพันธ์เราก็จะพยายามเอาใจกันและกัน ปีที่สองเริ่มมั่นใจว่าเป็นคนที่ใช่มีการวางแผนอนาคตร่วมกัน ปีที่สามอะไรๆลงตัวแล้ว แค่รอดิฉันเรียนจบ สิ่งที่ปิดบังซ่อนเร้นบางอย่างก็จะค่อยๆ เปิดออกมา นิสัยที่แท้จริงก็เช่นกัน

ดิฉันดีใจที่ตัวเองไม่ใจออ่อนไปตั้งแต่ครั้งแรก แต่ใช้เวลาดูเค้าจนถึงตอนนี้ ถ้าถามตัวเองตอนนี้ 80% ค่ะ ยังไม่เต็มร้อย ยังมีบางเรื่องที่เรายังรับไม่ได้ ตอนนี้รอเจอกันตอนปิดเทอม เราจะไปเคลียร์กัน เปิดใจคุยกัน ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ ดิฉันก็พร้อมจะเดินไปกับเค้า

เขียนตั้งยาว อยากแบ่งปันประสบการณ์ให้คุณจขกทตัดสินใจค่ะ

เห็นด้วยกับหลายๆท่านที่บอกให้พาไปเที่ยวที่อื่นก่อน ถ้ามั่นใจค่อยพาเข้าบ้าน แต่ขอบอกว่า ช่วงเที่ยวนั้นทุกคนก็จะพยายาม present แต่สิ่งดีๆให้กัน และคุณจะจากกันด้วยความอาลัยอาวรณ์

เปิดหู เปิดตา เปิดใจค่ะ สังเกตว่าต่อหน้า ลับหลังเรายังเหมือนเดิมหรือไม่ แสดงให้เค้าเห็นถึงความเป็นตัวตนของเรา อะไรที่ไม่ชอบก็บอกตรงๆ ส่วนใหญ่เค้าจะรับได้ ดีกว่าเราเก็บกดความไม่ชอบไว้ จนระเบิดออกมาทีหลัง สุดท้ายเวลาจะเป็นเครื่องตัดสินค่ะ

ขอให้โชคดีนะคะ

จากคุณ : Absolutely love - [ 11 พ.ย. 50 20:33:45 ]






ความคิดเห็นที่ 19

เหนื่อยจังเลยครับเป็นผู้หญิงนี่....
ขอเอาใจช่วยทุกๆคนเลยครับ
ขอให้เจอคนที่รักคุณนะครับ ทุกๆคนเลย

จากคุณ : ลุง ด.(แก๊งค์คนดี) - [ 11 พ.ย. 50 22:09:53 A:210.86.214.244 X: TicketID:158294 ]






ความคิดเห็นที่ 20

คุณ Absolutely love .....พูดไว้ถูกแล้ว....แล้วยิ่งเจอกันเพียงไม่กี่วันนี่ก็ทำดีๆได้...ก็ดูเขาดีนะ....แต่จะบอกอะไรให้....ก่อนจะแต่งงานตรวจประวัติเก่าของเขาด้วย....อายุสามสิบนี่...ดูว่าเขาจะต้องส่งค่าเลี้ยงดูภรรยาเก่า มีลูกหรือเปล่า(ไม่เห็นคุณบอกไว้) มันอาจจะลำบากหน่อยสำหรับคุณอยู่เมืองไทย....คุณไม่คิดอยากไปเมืองนอกก็จะยังไม่บอกว่าควรรู้อะไร...คุณอ่านของคุณ Lawanwadee ก็ดีแล้ว
คุณเคยโทรไปหาเขาที่อเมริกาบ้างหรือเปล่า... เขามีโทรศัพท์ที่บ้านไหม ...(ถ้าไม่มีโทรฯที่บ้าน...ก็ผิดปกตินะ)โทรไปแล้วมีคนอื่นรับไหม(นอกจาก ตา และ ยาย) ถ้าไม่เคยก็ลองดูซี บางทีคุณอาจจะรู้อะไรที่เขาไม่เคยบอกคุณ....หรือลองโทรไปที่เขาทำงานก็ได้

ใช่ครับคุณลุง เป็นผู้หญิง(ไทย)นี่ลำบาก เพราะวัฒนธรรมและประเพณีของเราไม่เหมือนชาวบ้าน ที่ต้องระวังตัวก็คือจะถูก"หลอก"กินไข่ และผญ.บางคน ก็จะรักคนคนแรกในชีวิต ยอมให้เขาเอาเปรียบเพราะคิดว่า...เขาอาจจะกลับตัว หรือเห็นแก่ลูก(ถ้ามี)...บางคนก็มองในแง่ดี...ดีเกินไป ไม่นึกว่าจะมีคนเอาเปรียบ...หรือเลวอย่างนั้น...ตัว ผญ.เองก็เลยถูกเอาเปรียบ...

ต้องดูกันไปนานๆอย่างคุณ Asolutely love นะครับ
แล้วดูว่าเขากลับอเมริกาจริงหรือว่าไปต่อภูเก็ต เชียงใหม่...ไทเป ซูบิค...
มันจะเข้าตำรา....หาตลาดหรือสินค้าที่ถูกใจกว่าคุณกลัวแดด...
ไปละเปลืองที่ของคุณ ดีไม่ดีถูกก้อนอิฐ....

จากคุณ : คนชอบยุ่ง... (Klaikan) - [ 12 พ.ย. 50 02:16:51 ]






ความคิดเห็นที่ 21

...... ค่อยๆดูกันไปครับ อย่าเพิ่งพาไปบ้าน ยิ่งถ้าเป็นสังคมต่างจังหวัดด้วย เพิ่งเจอกันครั้งแรก ก็เหมือนเพิ่งได้รู้จักกันนะครับ ขอให้โชคดีในความรักครับ









จากคุณ : joblovenuk - [ 12 พ.ย. 50 14:24:09 ]





ขอขอบคุณทุก ๆ คำแนะนำด้วย มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2551 13:06:31 น. 0 comments
Counter : 506 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คุณนายเหรียญบาท
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




SmileyOn this planet, in this lifetime, there are so many people we know, but how many of those...will love us and be our friend?


SmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmiley



Friends' blogs
[Add คุณนายเหรียญบาท's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.