slogan ของชีวิตไม่มีอะไรตายตัว มันเปลี่ยนทุกๆ วัน ขึ้นอยู่กับว่าวันนี้เป็นวันดีของคุณ หรือคุณคิดว่า วันนี้คือวันที่เลวร้ายของคุณ
Group Blog
 
All Blogs
 
ขึ้นเขา schilthorn ที่สวิตเซอร์แลนด์

.....เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปพักผ่อนบนยอดเขาเลยเก็บรูปมาลงบล๊อก ก่อนหน้านั้นกะว่าจะไปเที่ยวที่ schilthorn ตั้งนานแล้วล่ะ แต่ว่าเค้าเปลี่ยนสายเจ้าตัวเคเบิ้ลคาร์ใหม่ ก็เลยเลื่อนๆไปเรื่อยๆ จนได้ฤกษ์ครั้งนี้แหล่ะ อากาศอาทิตย์ที่ไปน่ะ อากาศดีทีเดียว ออกจากบ้านกันตอนบ่ายสอง ขับรถจากทางด่วนลูเซิร์นไปทางกิสวิล (Giswil) ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ไม่เคยขับกันมาทางนี้สักที ได้เห็นทะเลสาปอยู่ท่ามกลางขุนเขาด้วย สวยอย่างกับภาพวาดเลยล่ะ แต่ไม่รู้ชื่อจริงๆว่าชื่อทะเลสาปอะไร นักท่องเที่ยวหยุดจอดถ่ายรูปตามจุดชมวิวกันด้วย ส่วนมากจะมาจากเยอรมัน แกงค์มอเตอไซค์ก็มี สงสัยจะพักเหยียดแข้งเหยียดขากันซะมากกว่า...



.....ขับไปเรื่อยๆ มีหลงทางนิดหน่อย อิๆๆ ก็มาถึงหมู่บ้าน Launerbrunnen (เลาเนอร์บรุนเน่น) เป็นทางที่จะไปยอดเขา schilthorn การเดินทาง...เราต้องจอดรถทิ้งไว้ที่หมู่บ้านนี้ตรงสถานีเคเบิลคาร์ แล้วต้องขึ้นเคเบิลคาร์ไป เส้นทางกว่าจะถึง schilthorn ต้องผ่านสถานีดังนี้
stechelberg - Gimmelwald - Muerren - Birg - Schilthorn แต่ละสถานีต้องเปลี่ยนกระเช้าไปเรื่อยๆ เราได้ที่พักใน Muerren (มรูเร่น) ไปถึงที่โรงแรมประมาณสี่โมงกว่าๆ ....อันนี้เป็นโรงแรม 3 ดาวของที่นี่ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนแถวนี้ก็คงคิดว่าเป็นบ้าน ส่วนมากโรงแรมของสวิสจะเป็นบ้านๆ แบบนี้ลักษณะเหมือนชาเล่ท์ แต่ก็มีเหมือนกันที่เป็นตึกสมัยใหม่เหมือนบ้านเรา ซึ่งจะหาได้ง่ายทั่วไปตามเมืองใหญ่ๆ หรือในแหล่งท่องเที่ยวดังๆ ฮิตๆ ของคนต่างชาติ



....พอได้กุญแจห้องพักแล้ว นั่งยืดเส้นยืดสายสักพัก ก็ออกมาหาอะไรดื่มแถวๆ หมู่บ้าน อากาศกำลังอุ่นสบายๆ พร้อมแดดอ่อนๆ...นี่ภาพหมู่บ้านยามตะวันคล้อยๆ ค่ะ


....พอได้เวลาอาหารเย็น เราก็ไปกันที่ restuarant ของโรงแรม มีหนุ่มน้อยหน้าตาสะอาดสะอ้านมารับออเดอร์ เราสั่งแซลมอนสเต๊ก ส่วนแฟนสั่งสเต๊กเนื้อกับขนมปังกระเทียม ไม่ได้สั่งของว่างมาทานก่อนเพราะตัวเมนูหลักก็ค่อนข้างจะเยอะอยู่แล้ว (ปกติของที่นี่) แล้วกลัวจะทานไม่หมดเสียดาย รอไว้เผื่อของหวานดีกว่า สั่งไว้มาแกล้มด้วยหนึ่งขวด ซึ่ง 75 เปอร์เซ็นต์ของไวน์ จะไปอยู่ที่คอของแฟนเดี๊ยน แหม ก็เค้าไม่ต้องขับรถทั้งที อยากดื่มก็ดื่มเถอะไม่ว่ากัน แล้วไวน์รสชาดขมๆไม่ค่อยชอบด้วย ส่วนตัวชอบรสเปรี้ยวซะมากกว่า นังแฟนดันมาบอกว่า อ้าว ก็นึกว่าเธอชอบไวน์ขมๆ หน้าเบิร์ดกระโหลกนัก แต่งงานกันก็แล้วยังไม่รู้ใจชั้นอีก..
ตอนนี้บริกรหนุ่มน้อยยกอาหารมาแล้ว สเต๊กเราออกมาหน้าตาน่ารัก ชิ้นแซลมอนชิ้นใหญ่ๆ วางขวางกับจานแล้วแต่งด้วยผักย่างเป็นแนวกลมๆ รอบจานโปะด้วยเลมอนสองชิ้น ส่วนของแฟนเนื้อสเต๊กแบบ well done ขนมปังฝรั่งเศสอบกระเทียม สลัดผักรวมๆ รู้สึกว่าน้ำสลัดจะเป็นเทาซันไอร์แลนด์นะ เราไม่ได้ชิม ชิมแต่เนื้อสเต๊ก..หม่ำๆๆๆ ตอนนี้ได้เวลาของหวานละ เราสั่งฟรุตสลัดกับซอร์เบทแอบเปิ้ลไป ส่วนแฟนสั่งซอร์เบทเลมอนปั่นใส่วอดก้า แอบไปเห็นน้องคนที่มาเสิร์ฟเราเทวอดก้าใส่พรวดๆ รู้สึกว่าจะเอ็กซ์ตร้าเลยนะเนี่ย พอมาถึงแฟนชิมแล้วหัวเราะบอกว่าได้แต่กลิ่นวอดก้าไม่ได้กินมะนาวเลย นี่ล่ะ ถูกใจเค้าล่ะ พอเรียกบิลมาราคาอาหาร 95 ฟรังค์ ตอนแรกเราคุยกันไว้ น่าจะแพงกว่าร้านอาหารทั่วๆไปสัก 10-30 เปอร์เซ็นต์เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ราคานี้เป็นราคาเหมือนทั่วๆไปค่ะ....
.......เอ๊ก อี๊ เอ๊ก เอ่ก ไม่มีไก่ขันหรอกนะคะ แต่แสงตะวันนี่สิ เธอขึ้นขอบฟ้าตั้งแต่เช้า รู้สึกจะตีห้าเลยมั้ง สว่างจ้านอนกลิ้งไปกลิ้งมา ก็เลยออกมาสูดอากาศตรงหน้าระเบียงห้อง...นี่ค่ะ แดดส่องแล้ว ใครดูแค่นี้ก็อาจจะพลอยคิดว่าเป็นบ้านพักชายทะเลนะ อิๆๆ


ภาพนี้ดิฉันว่าสวยค่ะ ถ่ายจากระเบียงห้องเหมือนกัน


......แต่งตัวเสร็จ เราก็ไปรับคูปองอาหารเช้ากันที่รีเซฟชั่น เธอให้คูปองเราไปทานกันที่ panorama restuarant บนยอดเขาชิลทอร์น (Schilthorn) เราต้องขึ้นเคเบิลคาร์กันไปอีก คนตอนเช้าค่อนข้างจะแน่นเพราะรับนักท่องเที่ยวจากข้างล่างมาข้างบน มีทั้งอังกฤษ (ที่รู้เป็นอังกฤษเพราะเห็นลุงแกใส่สายลัดข้อมือของลิเวอร์พูล) อาม่า อากง ก็มี
ยิ่งสูงก็ยิ่งหูอื้อ แฟนสะกิดบอก เธอๆ หายใจทางปากอ้าปากนิดๆนะ ช่วยได้ อย่างว่าเธอเป็นเด็กดอย เธอย่อมรู้ดีการขึ้นเขาสูงๆ ต้องทำยังไง ยอดเขาชิลทอร์นนี้สูง 2970 เมตรค่ะ
....พอไปถึงปลายทาง ก็รีบเดินตรงไปที่ restuarant เลย หิวกันมากๆ ค่ะ ระหว่างรออาหารก็ถ่ายรูปไปด้วย จุดเด่นของ restuarant นี้ คือโต๊ะอาหารรอบๆ กระจกด้านนอกเค้าจะหมุนรอบตัวเอง ค่อยๆ หมุน ทำให้ลูกค้าได้ชมทัศนียภาพๆ รอบตัวไปเรื่อยๆ แอบไปเห็นหมวก 1 ใบตรงขอบกระจก สงสัยมีใครวางไว้แล้วลืมไปว่ากระจกมันไม่ได้หมุนตามไปด้วย หมุนแต่โต๊ะ 5555 tja อาการเปิ่นๆ เกิดได้กับทุกคนไม่ใช่แค่เราค่ะ 555


....จุดชมวิวด้านล่าง มีคนถ่ายภาพกันมากมาย บนยอดเขาไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเดือนตุลาปี 2001 ที่ดิฉันเคยไปเยือน คงเป็นเพราะอากาศค่อนข้างร้อนเลยทำให้หิมะละลายไป


ได้เห็นยอดเขา Jungfrau (ยุงเฟรา) ด้วยค่ะ ยอดที่ 3 จากซ้ายมือ เห็นเค้าโฆษณาว่าเป็น Top of europe อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าเค้าสูงเท่าไหร่


.....ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ตอนนี้ได้เวลากลับที่พักแล้วล่ะค่ะ เพราะต้องเช็คเอาท์ก่อน 11 โมง มีเวลาเหลือนิดหน่อยเลยเก็บภาพหมู่บ้านตอนสายๆ มาให้ดู


ลำธารเล็กๆ ที่ไหลลงมาจากยอดเขาค่ะ


...ขาลงเคเบิลคาร์ปลอดโปร่งเหลือเกิน มีคนอยู่แค่ 4 คน หมู่บ้านที่อยู่ระหว่างทางค่ะ


...มาถึงที่จอดรถ เรากะกันว่าค่าจอดรถต้องแพงแหงๆ แต่พอกดตู้ไป เค้าคิดราคาแค่ 6 ฟรังค์ ตลอดคืน 6 ฟรังค์นี่คิดเป็นเงินไทยก็แพงอยู่ แต่เมื่อเทียบกับเราไปจอดในเมือง ไปเดินเล่นสักสองชั่วโมง ราคาค่าจอดรถแพงกว่าที่นี่เป็นไหนๆ เราจะขับรถไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งจะออกไปทางทูน (Thun) เพื่อที่จะได้เห็นทะเลสาปทูน และเป็นทางเดียวที่เราจะไปเยี่ยมพ่อแม่สามี เธอทำอาหารกลางวันรอเราที่บ้าน ตลอดทางเห็นน้ำสีเขียวๆ มรกต อย่างกะทะเลแน่ะ แต่ไม่ได้แวะเพราะไม่มีที่จอดเลย เราเลยขับกันไปจอดที่สถานีรถไฟในเมือง กะว่าจะเดินไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร้านนี้อยู่ติดชายหาดเลย บรรยากาศดีมากๆ แต่พอไปถึงก็เต็มเลยแค่เดินเลาะๆ เล่น เด็กๆวัยรุ่นออกมาปูเสื่อปิคนิกกันบ้าง อาบแดดกันบ้าง วันนั้นแดดดีจริงๆ...บางคนมีกิจกรรมเท่ห์ๆ ทำอย่างแล่นเรือ
หรือวินเซิร์ฟท์



ดอกไม้สีสดกับแสงแดด เข้ากันได้ดีจริงๆ


สวนหย่อมจัดแบบง่ายๆ เน้นสีสันของดอกไม้


อีกมุมนึง....


.....ส่งท้ายด้วย เจ้า 3 ตัวนี้ ท่าทางมีความสุขในวันที่มีแสงแดดแบบนี้..



Create Date : 20 มิถุนายน 2548
Last Update : 26 มิถุนายน 2548 16:32:52 น. 2 comments
Counter : 1840 Pageviews.

 
ในที่สุดก้อัพบล็อกแล้ว เย้ๆๆๆๆ
สวยจังเลยภาพถ่ายจากภูเขา

อยากไปขึ้นเขาบ้างจัง เนี่ยยังไม่เคยไปเลย
เคยแต่ขึ้นเนินขึ้นเขาเล็กๆ

เนี่ยได้น้องเหมียวมาเมื่อไหร่ รีบอัพเลยนะจ๊ะ
อยากเห็นน้องเหมียว


โดย: Jenny_MM วันที่: 25 มิถุนายน 2548 เวลา:0:15:23 น.  

 
โฮ วิวสวยจังเลย

เคยได้เรียนภาษาเยอรมันมาหย่อมป๋อยเลยรู้จชื่อภูเขา ฮิฮิ แปลกดีจัง

ภูเขา

หนูสาวรุ่น กิ๊ววววว เออ แล้วมีภูเขาหนนุ่มน้อยด้วยไหมน้าาาา


โดย: บะหมี่น้ำแสนอร่อย วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:1:52:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lilien
Location :
LU Switzerland

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมกันนะคะ
Friends' blogs
[Add lilien's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.