" Beautiful, Healthy And Be Smart "
Group Blog
 
All blogs
 
เคน ภูภูมิ และ โทนี่ รากแก่น ชวนแฟนๆ ร่วมสนับสนุน โครงการ พีที เติมพลังสัมมาชีพ เพื่อสนับสนุนมูลนิธิพระดาบส

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2556 ทางบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
ผู้ประกอบธุรกิจค้าน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปคุณภาพสูง
และผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน “พีที” กว่า 700 สาขาทั่วประเทศ
จัดงานแถลงข่าวโครงการ “พีที เติมพลังสัมมาชีพ” เป็นปีแรก

โดยเป็นโครงการเพื่อสังคมระยะยาวของพีที ที่มุ่งให้การสนับสนุนมูลนิธิพระดาบส
องค์กรกุศลสาธารณะที่ดำเนินการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ในการให้โอกาสที่สองของชีวิตแก่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่เป็นผู้มีความตั้งใจจริง
ให้ได้เข้ามาศึกษาวิชาชีพช่างในโรงเรียนพระดาบส






ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นจากการเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาวิชาชีพ
อันเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะเมื่อคนเรา
มีอาชีพติดตัวแล้ว ย่อมสามารถนำไปสร้างความเจริญ
สร้างประโยชน์อีกนานับประการให้แก่ชุมชนและประเทศชาติได้ 


พันเอกหญิง ท่านผู้หญิง จิตรวดี จุลานนท์ เลขาธิการมูลนิธิพระดาบส
ประธานในพิธีเปิดโครงการ พีที เติมพลังสัมมาชีพ กล่าวถถึงโครงการนี้ว่า
“พันธกิจหลักของมูลนิธิพระดาบสตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจากโครงการพระดาบส
เมื่อ พ.ศ. 2518 จนถึงปัจจุบันนี้ที่มีศิษย์พระดาบสเรียนจบและ
สามารถเป็นที่พึ่งของตนเอง ครอบครัวและสังคมได้อย่างเข้มแข็ง
และยั่งยืนแล้วกว่า 1,462 คน ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนด้านวิชาชีพ
คุณธรรม จริยธรรม และทักษะชีวิตแก่ผู้ด้อยโอกาสตามแนวพระราชดำริ
เพื่อให้มีวิชาช่างสำหรับประกอบอาชีพ และเป็นคนดี






ในแต่ละปีสามารถช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาได้ปีละ 150 คน
โดยนอกจากโรงเรียนพระดาบสในกรุงเทพฯ แล้ว
ยังมีโรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกหนึ่งแห่งที่อยู่ภายใต้
การบริหารของมูลนิธิพระดาบส การฝึกอบรมในโรงเรียนพระดาบสเป็นกิจกุศลสาธารณะ
ศิษย์พระดาบสจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องที่พักอาศัย อาหาร และค่าเล่าเรียน
เงินทุนที่นำมาใช้ในการดำเงินงานของมูลนิธิพระดาบสจึงมาจากการระดมเงินทุน
จากผู้มีจิตกุศล หน่วยงาน หรือบริษัทต่างๆ ที่มีความประสงค์ที่จะสนับสนุน
มูลนิธิพระดาบส มูลนิธิฯ ได้พัฒนาการดำเนินงานทุกด้านอย่างต่อเนื่อง
และกำลังพัฒนาด้านกายภาพเพื่อรองรับการขยายงานในทุกๆ ด้าน

เช่น การรับศิษย์พระดาบสเข้าศึกษาต่อจำนวนมากขึ้น
อีกทั้งการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ
ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน การปรับปรุงหลักสูตรต่างๆ
และอุปกรณ์การเรียนการสอนให้เพียงพอและทันสมัย
การเข้ามาสนับสนุนของพีทีในครั้งนี้จึงถือเป็นเรี่ยวแรงสำคัญที่ทำให้
มูลนิธิพระดาบสสามารถพัฒนา และมอบโอกาสให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนได้ต่อไป”






ทางด้านพีที สถานีบริการน้ำมัน โดย นายพิทักษ์ รัชกิจประการ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
กล่าวถึงการเข้ามาสนับสนุนมูลนิธิพระดาบสในโครงการนี้ว่า ว่า
“พีทีเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้
คนไทยได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาชีพ ด้วยความเชื่อที่ว่า ‘การมีวิชาชีพนั้น
ไปทำอะไรก็ได้ และไปได้ไกลกว่า’ ผู้มีวิชาชีพจึงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่
ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเข้มแข็งและพัฒนาต่อไปได้


ดังนั้นการสร้างอาชีพจึงเปรียบเสมือนการเติมพลังให้กับแผ่นดิน

พีทีจึงมีความประสงค์ที่จะสนับสนุนมูลนิธิพระดาบส
ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณะกุศลที่ดำเนินการสนองพระราชดำริ
ที่มุ่งช่วยเหลือผู้ขาดโอกาสทางการศึกษา เพื่อให้มีวิชาช่าง
สำหรับประกอบสัมมาอาชีพและเป็นคนดีในสังคมต่อไป”






การให้การสนับสนุนมูลนิธิพระดาบสของโครงการ พีที
เติมพลังสัมมาชีพ ในปี 2556 นี้ พีทีจะให้การสนับสนุนในแง่
ของเงินบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษาของนักเรียนโรงเรียนพระดาบสทั้งรุ่น
ซึ่งค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของมูลนิธิฯ ต่อนักเรียน 1 คน จะอยู่ที่ 80,000 บาทต่อปี
โดยเงินทุนนี้จะเริ่มใช้ในปี 2557 ซึ่งในเบื้องต้นพีทีจะมอบเงินทุนตั้งต้นจำนวน 2 ล้านบาท

และตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน จนถึงวันที่ 30 พฤศจิการยน 2556 นี้
พีทีจะให้ลูกค้าผู้ใช้บริการสถานีบริการน้ำมันพีทีที่กระจายอยู่กว่า 700 สาขาทั่วประเทศ
ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริจาคครั้งนี้ โดยทุกครั้งที่เติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันพีที
รายได้ทุกๆ 5 สตางค์ต่อลิตร จะถูกนำเข้าสมบททุนกับมูลนิธิและโรงเรียนพระดาบส
ภายใต้ โครงการ พีที เติมพลังสัมมาชีพ ทันที ดังนั้นเมื่อสิ้นสุดโครงการปี 2556 นี้

เงินบริจาคทั้งหมดคาดว่าจะรวมเป็นเงินโดยประมาณทั้งสิ้น 17 ล้านบาท
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธันวาคม 2556 ทั้งนี้
พีทียังได้วางแผนโครงการในระยะยาว ในปีที่ 2 จะเป็นการสนับสนุนเครื่องมือ
สำหรับการเรียนการสอนในโรงเรียนพระดาบส เพื่อให้ศิษย์พระดาบสได้
มีความคุ้นเคยกับเครื่องมือต่างๆ สำหรับการประกอบอาชีพของตน และในปีที่ 3
จะเป็นการสนับสนุนการสอนวิธีคิดในการทำธุรกิจให้ศิษย์พระดาบส
เพื่อเป็นรากฐานในการวางแผนสร้างธุรกิจของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อีกทั้งยังมีการวางแผนงานอื่นๆ เพื่อสนับสนุนทางมูลนิธิและศิษย์พระดาบส
ต่อไปในระยะยาวอีกด้วย นอกจากนั้นแล้วพีทียังอยากเป็นอีกแรงหนึ่ง
ที่มีส่วนช่วยขยายศูนย์โรงเรียนพระดาบสให้กระจายอยู่ในภาคต่างๆ
เพื่อการเรียนรู้วิชาชีพครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย 


ส่วน ดร. สมยศ เจตน์เจริญรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพระดาบส
เผยถึงการเรียนการสอนในโรงเรียนพระดาบสว่า
“โรงเรียนพระดาบสเปิดสอนวิชาชีพระดับ ‘ประกาศนียบัตรพระดาบส’ หลักสูตร 1 ปี
ศิษย์พระดาบสที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาจะได้รับโอกาสในการเลือกสาขา
ที่ตนสนใจเรียน ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 8 สาขา คือ หลักสูตรวิชาช่างไฟฟ้า
หลักสูตรวิชาวิชาชีพช่างอิเล็กทรอนิกส์ หลักสูตรวิชาชีพช่างยนต์
หลักสูตรวิชาชีพการเกษตรพอเพียง หลักสูตรวิชาชีพช่างซ่อมบำรุง
หลักสูตรวิชาชีพเคหบริบาล หลักสูตรวิชาชีพช่างไม้เครื่องเรือน
และหลักสูตรวิชาชีพช่างเชื่อม โดยการเรียนการสอนมุ่งเน้นให้สามารถ
นำความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพได้จริง ได้ทดลองปฏิบัติกับเครื่องมือ
ด้วยตัวเองจริงๆ โดยมีครูผู้สอนประจำโรงเรียนทั้งหมด 19 คน
และดาบสอาสาที่มาจากสถานศึกษาและองค์กรชั้นนำต่างๆ อีกประมาณ 70 คน





โดยศิษย์ช่างพระดาบสทุกคนจะต้องเรียนเตรียมช่างเป็นระยะเวลา 3 – 4 เดือน
ก่อนเรียนตามหลักสูตร เพื่อฝึกทักษะความรู้พื้นฐานช่างและฝึกความอดทน
นอกจากนั้นศิษย์พระดาบสทุกคนจะต้องเรียนวิชาศึกษาทั่วไป
และทักษะชีวิตสัปดาห์ละ 1 วัน และต้องผ่านการฝึกงานใน
สถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ศิษย์พระดาบสทุกคนที่จบออกไป
มีความเป็นมืออาชีพและเป็นที่ยอมรับ และสามารถทำงานเลี้ยงชีพ
ประพฤติตนดีไม่เป็นปัญหาแก่สังคม พร้อมถ่ายทอดความรู้ที่ตนมีให้แก่ผู้อื่นต่อไปได้


โดยในช่วงเดือนมกราคม ถึงมีนาคมของทุกปี จะเป็นช่วงของการรับสมัครศิษย์พระดาบส
จากทั่วประเทศ โดยนอกจากผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่มูลนิธิ
ได้กำหนดไว้แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ จะต้องเป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริง
มีศีลธรรมและวินัยในการดำรงชีวิต พร้อมที่จะอยู่ภายใต้กฎระเบียบของ
การเข้าอยู่ประจำในโรงเรียนตลอดหลักสูตรสามารถ
เลิกอบายมุข บุหรี่ สุรา และสิ่งเสพติดทุกชนิด” 


นอกจากนี้ มูลนิธิพระดาบสยังได้มีศิลปินที่มีจิตอาสา
เพื่อเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในการประชาสัมพันธ์มูลนิธิฯ ให้แพร่หลาย
อาทิ สำราญ ช่วยจำแนก (อี๊ด วงฟลาย), ฝันดี-ฝันเด่น จรรยาธนากร,
นิธิชัย ยศอมรสุนทร (หยวน ดราก้อนไฟว์), ศรัณย์ ศิริลักษณ์
(พอร์ช นักแสดงช่อง 7 สี), มาลีวัลย์ เจมีน่า, และ ศิรพันธ์ วัฒนจินดา
(นุ่น นักแสดงสาวชื่อดัง) ทั้งนี้ในวัน





เปิดตัวโครงการยังได้แขกรับเชิญพิเศษ เคน-ภูภูมิ พงศ์ภาณุ และ โทนี่ รากแก่น
พร้อมพิธีกรสาวสวย จอย-รินรณี ศรีเพ็ญ มาร่วมพูดคุยถึงมุมมองของ
แต่ละท่านเกี่ยวกับความสำคัญและโอกาสของการศึกษาวิชาชีพ 





โดย คุณสำราญ ช่วยจำแนก (อี๊ด วงฟลาย) กล่าวถึงการร่วมงานครั้งนี้ว่า
“วิชาชีพ เป็นการศึกษาที่เร็วที่สุด ตรงจุดที่สุด เมื่อเรียนจบก็มีงานรองรับ
มีจุดหมายชัดเจน ผมมีโอกาสเข้ามาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์
ของมูลนิธิพระดาบสปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว คอยเป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราว
ของมูลนิธิ โรงเรียน และศิษย์พระดาบสแก่บุคคลภายนอก

 ผมรู้สึกดีใจมากที่ในระยะหลังๆ นี้เราเห็นมูลนิธิพระดาบสค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
คือ มีคนรู้จักและเห็นถึงความสำคัญของมูลนิธิพระดาบสโครงการ
ในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มากขึ้น

 โดยเฉพาะล่าสุดรัฐบาลได้เริ่มสร้างแนวทางการเพิ่มสัดส่วนของนักเรียนสายอาชีพ
นั่นเป็นเพราะแรงงานสายอาชีพคือส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
โดยเฉพาะการเติบโตทางเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมต่างๆ แรงงานสายอาชีพ
จึงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ในขณะประเทศเรายังคงขาดแคลนแรงงานเหล่านี้
ดังนั้นการให้การศึกษาวิชาชีพแก่คนด้อยโอกาสเหล่านี้นอกจากจะเป็นการสร้าง
อาชีพติดตัวให้พวกเขาแล้ว ยังสร้างโอกาสในการทำงาน
และอาจมอบชีวิตใหม่ให้กับพวกเขาอีกด้วย”






ด้าน คุณเคน-ภูภูมิ พงศ์ภาณุ พระเอกหนุ่มสุดฮอตที่เคยมีชีวิตวัยเด็ก
อาศัยอยู่ในต่างจังหวัดกล่าวเสริมว่า “ตอนเด็กๆ ผมอยู่ต่างจังหวัด
เป็นคนจังหวัดสิงห์บุรีพอโตขึ้นมาหน่อยประมาณขึ้นชั้นมัธยม 1
ก็มีโอกาสได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ และมีโอกาสได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง
ได้ทำงานที่ผมรัก และได้เรียนรู้วิชาการแสดงจากครูเก่งๆ หลายท่าน ทำให้ผมมาถึงวันนี้ได้ 





การที่ผมเคยอยู่ต่างจังหวัดทำให้ผมเห็นถึงความสำคัญของ ‘โอกาส’
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถได้รับโอกาสเหล่านี้ ยังมีคนอีกมาก
ที่อยากเรียนแต่ไม่ได้เรียน มูลนิธิพระดาบสจึงเป็นเหมือนโอกาสที่สองของชีวิต
ให้ผู้ที่ด้อยโอกาสได้เรียนรู้วิชาชีพ และสามารถนำความรู้ความสามารถที่เขามี
ไปต่อยอดทำอะไรได้อีกมากมาย อยากเชิญชวนพี่น้องๆ
มาร่วมช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้ผ่าน
การสนับสนุนมูลนิธิพระดาบส หรือง่ายๆ เพียงแค่เข้าไป
เติมน้ำมันที่ปั๊มพีทีก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนครั้งนี้แล้วครับ”








คุณโทนี่ รากแก่น
แฮร์สไตล์สิสหนุ่มหล่อชื่อดัง ที่ยังควบตำแหน่งเป็น
พระเอกหนุ่มมากความสามารถ กล่าวว่า “การศึกษาวิชาชีพเป็นทางเลือก
อย่างหนึ่งที่เพิ่มโอกาสให้ตัวเอง เพราะการมีวิชาชีพทำให้คุณสามารถเลี้ยงชีพได้

แต่การมีวิชาชีพและเป็นมืออาชีพสามารถทำให้คุณไปไกลได้กว่าที่คุณคิด
การที่จะเป็นมืออาชีพนั้นได้นั้นต้องมี 2 สิ่ง นั่นคือ ใจที่มุ่งมั่นและรักในสิ่งที่ทำ
บวกกับโอกาสที่ได้เรียนรู้จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ได้ทำ ได้อยู่กับสิ่งนั้นจริงๆ
อย่างตัวผมเองกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ผมเคยฝึกเป็นลูกมือช่างทำผมที่ออสเตรเลียอยู่เป็นปีๆ ฝึกใช้ทักษะ
กับอุปกรณ์ทำผมต่างๆ ต้องฝึกฝนบ่อยๆ ตัดบ่อยๆ ยิ่งบ่อยยิ่งดี และติดตาม
เทรนด์แฟชั่นอยู่เสมอ จนมีวิชาชีพติดตัวพร้อมกับความเชี่ยวชาญ
ให้คนอื่นยอมรับว่าเราคือ มืออาชีพ

นั่นทำให้ผมได้มีโอกาสทำงาน
ที่ท้าทายและคาดไม่ถึงอีกมากมาย ผมคิดว่าโครงการนี้เป็นโครงการ
ที่ดีจึงอยากให้ทุกๆ คนช่วยกันบอกต่อโอกาสที่ดีนี้ต่อไปยังผู้ด้อยโอกาส
ที่มีความตั้งใจและสนใจอยากมีความรู้วิชาชีพให้เข้ามาสมัครเป็นศิษย์พระดาบสครับ”



Create Date : 29 กันยายน 2556
Last Update : 29 กันยายน 2556 21:27:17 น. 0 comments
Counter : 3911 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kunginter
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 449 คน [?]




Let's Talk About Health And Beauty Stuffs :)

  • MyFreeCopyright.com Registered & Protected
  • New Comments
    Friends' blogs
    [Add kunginter's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.