::STEP::การเรียงลำดับวิธีใช้ Skin Care แบบเต็มยศ ::
เพื่อนๆคิดว่า ทุกวันนี้เพื่อนๆได้เรียงลำดับการทาครีม หรือใช้เครื่องสำอางกันถูกต้องแล้วหรือยังครับ? วันนี้ กุ้งมีคำตอบพร้อม Choice หรือตัวเลือกที่ผมคิดว่า Workสำหรับแต่ละขึ้นตอน มาให้ดูกันนะครับ ;D
ถ้าเพื่อนๆคิดว่าการ เรียงลำดับความสำคัญนั้นแสนยาก ประหนึ่งวิชาเลขในห้องเรียน ก็ต้องขอบอกว่า อันนี้ง่ายกว่าเยอะ(รึป่าว?)
วิชาเลขนั้น มักพูดถึงเรื่องของการเรียงลำดับความสำคัญของค่าต่างๆ จากมากไปหาน้อย หรือ น้อยไปหามากก็สุดแล้วแต่
แต่การเรียงลำดับ การทาครีม หรือ การใช้เครื่องสำอางเนี่ย ง่ายกว่านั้นมาก มาดูกันเลยดีกว่านะครับ ว่าเราควรเรียงลำดับขั้นตอนการใช้ กันอย่างไรดีเนอะ
. (จะไม่ทำตาม step นี้ก็ได้นะครับ แต่ขอบอกว่า คุณจะสวยแบบพลาดๆอ่ะ ;D)
Step 1 : ชะล้างหนังหน้า!! ดูเหมือนขั้นตอนนี้จะเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดนะครับ แต่ก็มีหลายขั้นตอนทีเดียว.. Step 1.1 ถ้าคุณแต่งหน้า แล้ว แต่งตาด้วย ใช่แล้วครับ ถ้าคุณแต่งหน้าแล้ว แต่งตาด้วย"อยากวิงวอนให้ใช้ Eye Make-Up Remover หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะนะจ๊ะ (เพราะจะอ่อนโยนกว่า พวก cleanser ทั่วๆไป [รึป่าว? หรือ มันเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดฟ่ะ หลอกให้เราซื้อหลายๆอัน 55+] )และ ภาพด้านล่างในแต่ละรูป คือ product กุ้งเลือกมาแล้วว่า ดี เด่น ดัง นะครับ ใครจะมีตัวไหนเพิ่มเติมก็ comment มาได้นะครับ อยากรู้เหมือนกันว่าคนอื่นชอบใช้ตัวไหน ที่ใช้แล้ว work ด้วยอ่ะนะ คิคิ ;D
Step 1.2 ทีนี้ มาล้างแบบ full-option(not a fool option)กันเถอะ ถ้าคุณแต่งหน้าแบบเต็มยศ พอก+โบกรองพื้น + make-up base อีกสามชั้น ก็สมควรยิ่งที่จะหา Cleanser แบบ Oil-based เพราะมันมีอำนาจที่จะทะลุทะลวงครีมรองพื้นและสรรพสิ่งที่กองพะเนินอยู่บนหนังหน้าได้ดีกว่า (ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Pre-Cleanse ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมเป็นเบสน้ำมัน คือ ใช้ทาเพื่อละลาย Make-up ก่อนจะล้าง Make-up ที่เหลือ และ ล้างหน้าอีกที) หรือ จะใช้เพียง น้ำมันล้างหน้าก็ได้เช่นกัน (ขึ้นอยู่กับว่าตอนแต่งหน้านั้น คุณโบกไปกี่ชั้น
;D)
Step 1.3 ใช้ Cleanser ตามลักษณะเนื้อที่คุณต้องการ ไม่ว่า จะเป็นแบบเจล โฟม หรือ เนื้อครีม สุดแล้วแต่ (หมายถึง เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของคุณนะครับ แต่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า PH สูงหรือเป็นด่างมากเกินไป หรือ ประเภทที่ล้างเสร็จแล้วผิวดังเอี๊ยดๆเหมือนลูกโป่ง อันนี้ไม่ดีแน่ น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติหายเกลี้ยงหมดพอดีนะฮะ ; D) Step 2: กวาดล้างซาก เซลล์หมดอายุทิ้งไป!! ขั้นตอนนี้จำเป็น สำหรับคุณๆ ที่ไม่ได้ใช้ Cleanser ที่มีอิทธิฤทธิ์เป็นกรด หรือมีส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว(ไว้อาลัย..) อย่าง AHA,BHA (แต่ต่อให้ผสมสองตัวนี้มา ก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นขี้ไคลได้จริงสักกะหน่อย มีปัจจัยอยู่หลายอย่างที่ทำให้ไม่ได้ผล เช่น ระยะเวลาที่ทิ้งไว้บนผิวน้อยไป หรือ ค่า PH ที่สูงเกินไปเป็นต้น) แต่อย่างไรก็ดี กุ้งแนะนำว่าให้สรรหามาใช้เพิ่มนะครับ (บางคนอาจใช้ brush หรือ แปรงล้างหน้า มาช่วยเพิ่มอิทธิฤทธิ์ของ cleanser ที่ใช้อยู่ก็ได้แต่ต้องมั่นใจว่า ไม่ใช่คนที่สิวบุกง่ายนะ เพราะมันจะกระตุ้นแหลกลานเลย ไอ้แปรงล้างหน้าเนี่ย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีระบบสั่นด้วย(ใส่ถ่าน หรือ ชาร์จไฟบ้าน)ยิ่งกระตุ้นให้สิวที่ติดเชื้ออักเสบหนักขึ้นได้อีก ดังนั้น case นี้จึงขอสงวนให้สาวๆหนุ่มๆ ที่มีไม่ได้มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายอย่างเราเค้าใช้ไปนะครับ) สรุป กุ้งแนะนำว่า ให้ลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ กรด AHA และ/หรือ BHA (แต่ต้องมั่นใจว่า มี PH เป็นกรดที่เหมาะสม และ % ของสาร /dose ที่เหมาะสม) มาลองใช้กันนะ เพื่อใบหน้าอันสดใส แลดูมีออร่า หนุ่มสาวนางใด อยากหน้าใส ห้ามพลาดขั้นตอนนี้โดยเด็ดขาด essential มากๆ เชื่อเถอะ ;D
Step 3: เช็ด เช็ด เช็ด และ เช็ด!! อันที่จริงแล้วขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้นะครับ ไม่มีผลอะไรกับผิวมากหรอก นอกเสียจากว่า อยากเพิ่มความมั่นใจ ว่าจะไม่มีเศษซากของ cleanser หรือ make up ตกค้างอยู่บนผิว ก็ใช้ได้ แต่!! ถ้าคุณใช้ ผลิตภัณฑ์ Exfoผิว หรือ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายด้านไปแล้วในขั้นตอนที่ 2 ก็ไม่จำเป็นเลย ที่จะไปเช็ดอีกรอบ นอกจากเพื่อเพิ่มความมั่นใจ อย่างที่บอกนะครับ
Step 4: ลงยาวิเศษ มีใครใช้ Serum กันบ้างเอ่ย ยกมือขึ้น !!! พรึ่บ ๆ ๆ อู้ว์ หูว์ ใช้กันทั้งนั้นเลย จะบอกว่า ดีใจด้วย เพราะขั้นตอนนี้สำคัญมากเลยทีเดียว ถ้าต้องการดูแลผิวอย่างอลังการ ลึกล้ำ สามมิติ เพราะไอ้เจ้า serum นี้ มันเปรียบดั่งน้ำทิพย์มหัศจรรย์ หรือ ของเหลวฟ้าประทานเลยทีเดียว (wording ตอแหลสุดฤทธิ์) เพราะมันมีสารสำคัญ หรือ สารสกัดที่ใส่ลงมาเข้มข้นกว่า เดย์ครีม หรือ ไนท์ครีมและถือเป็น หัวใจหลักของ line เลยก็ว่าได้ แต่!!! ต้องเลือกใช้ตามสูตรที่แก้ปัญหาตามความกังวลของเราจริงๆนะ และตามสภาพผิวด้วย มีปัญหาหรือ concern เรื่องไหนเป็นพิเศษ ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เค้าผลิตออกมาเพื่อการนั้นโดยตรงนะครับ เพราะถ้าใช้ผิดประเภท แล้วไม่ได้ผล ก็จะเสียดายสตางค์เปล่าๆนะครับ เอาล่ะ มันสำคัญถึงขั้นที่บางแบรนด์เค้าเรียกการใช้ serum นี้ว่า ใช้เพื่อเป็นการทำประกันภัยให้ผิวกันเลยทีเดียว(เว่อร์ได้อีก) สรุป : ลองหาสิ่งที่ใช่ และใช้แล้วชอบ มาสักหนึ่งขวดนะครับ ขั้นตอนนี้ช่วยให้คุณดูดีขึ้นได้มากเลยทีเดียว (ถ้าโชคดีอ่ะนะ);D Step 5: บำรุงบำเรอ เปลอปรน!! หากคุณใช้ serum หรือ treatment ตาม step 4 แล้วนั้น จะควรจะทิ้งระยะให้เจ้าตัวเค้าซึมซาบดูดดื่มเข้าไปในหนังหน้านิดนึงนะฮะ สัก 10-20 นาที (ในกรณีที่เป็น vitamin C หรือ AHA ) เพื่อให้สารสำคัญมีเวลาทำงานกันบ้างนั่นเองครับ และก่อนที่จะลงครีม หรือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ลงไปอีกที มิฉะนั้นแล้ว อิทธิฤทธิ์ของ serum อาจถดถอยด้อยประสิทธิภาพลงไปอย่างน่าเสียดายฮะ ;D ** เพิ่มเติมฮ่ะ : ขั้นตอนนี้ ในตอนกลางวัน แสงอาทิตย์ส่องเปรี้ยง แนะนำให้ใช้ Moisturizer แบบมีค่า SPF และ PA ด้วยนะครับ สำหรับชาวเอเชียก็อยู่ที่ 15-30 ส่วนค่า PA ก็ ++ up เน้อ หรือจะใช้ moisturizer แบบธรรมดาก็ได้ แต่ต้องลงกันแดดทับอีกชั้นนึง ก็จะเลิศมาก ;D ส่วนกลางคืน : ให้ใช้ moisturizer แบบปกติ ต้องมี textureที่ rich หรือ เนื้อเข้มข้นกว่าที่ใช้ในตอนกลางวันนิดนึงนะครับ (เผื่อคนที่นอนห้องแอร์) แต่ก็ไม่ต้องดัดจริตใช้อันที่มีสารกันแดด เพื่อกรองรังสี UV เพียงเพราะต้องเปิดไฟนอน หรือ เล่น notebook ต่อหรอกนะฮะ (ถ้าแน่ใจว่าที่บ้านใช้หลอดไฟแบบหลอด UV เหมือนที่เค้าใช้กันในบ้างผีสิงที่ dreamworld ก็ว่าไปอย่าง) Step 6: ต่อกรกับรังสีอำมหิต!! ขั้นตอนต่อมาคือ การบรรจงทาผลิตภัณฑ์กันแดดอย่างมีศิลปะ แต่ก่อนที่จะทากันแดด ขอให้คุณทาหลังจาก ทา moisturizer แล้วปล่อยให้มันซึมไปสักครู่นึงแล้ว ซึ่งผู้เชียวชาญแนะนำว่า ทิ้งไปประมาณ 10 นาที(A: ใครเหรอ ผู้เชี่ยวชาญของเธอเนี่ย? B: ไม่รู้อ่ะ ไปได้ยินมาอีกที 55)ค่อยทาครีมกันแดด แล้วรออีกเพื่อให้กันแดดซึม แล้วรออีก เพื่อให้กันแดดพร้อมทำงาน (แอร๊ยยยย รอ รอ รอ และก็รอนะฮะ จะสวยต้องอดทนขนาดนี้เลยเหรอฮะ กรี๊สสส XD)แล้วที่บอกในตอนต้นว่า ให้บรรจงทาอย่างมีศิลปะนั้น ก็คือ ให้คุณทาแบบไปทางเดียวกัน ค่อยๆเกลี่ยไป (ตามสภาพเนื้อหรือ texture ของผลิตภัณฑ์สูตรนั้นๆ) แต่อย่า ทาถู ทาถู เด็ดขาด!! เพราะกันแดดบางยี่ห้อก็ปรุงสูตรมาแบบว่า สามารถ Ball up หรือ พร้อมจะหลุดเป็นขี้ไคลได้ (เอิ่มม..ผลิตยางลบ หรือ ครีมกันแดดฮะเนี่ย มีขี้ไคลได้ด้วย เก๋นะ ;D)!! ข่าวดี : เดี๋ยวนี้มี technology เลิศๆ ของกันแดดที่ทาแล้วไม่ต้องรอเวลา กันอีกต่อไป (จริงรึ?) ;D Step 7: เมค(เฟค)อัพสุดฤทธิ์ !! แอ่น แอ่น แอร้นน มาถึงขั้นตอนสุดท้ายกันแล้วนะฮะ นั่นคือ การแต่งหน้า !! ความหมายของมันก็คือ การเมคใหผิวหน้าของเราดูดีที่สุดแบบเหนือธรรมชาติ หรือการโกง(สิ่งที่)ธรรมชาติ(ให้มา)อย่างงดงามนั่นเอง ;D ขั้นตอนประกอบไปด้วย ขั้นตอนยิบย่อยอีกหลายขั้นตอนนะฮะ โดยก่อนจะเริ่มขั้นตอนนี้ ควรรอให้ครีมกันแดดซึมก่อนสักครู่อย่างที่บอกไปนะครับผม
Make up artist ชื่อดังแนะนำว่า (A: ใครเหรอแก ช่างแต่งหน้าชื่อดัง? B: ไม่รู้ซิ ฉันก็ได้ยินเค้าพูดมาอีกทีนึงเหมือนกันอ่ะ XD) ให้ลงรองพื้นก่อน แล้วค่อย แต่งบริเวณรอบดวงตา แก้ม ริมฝีปาก และ ลงคอนซีลเลอร์ทีหลังสุด เพราะถ้าลงแต่แรก จะทำให้เราลงเยอะเกินไป เนื่องจากตอนนั้น เราจะเห็นปัญหาผิวเยอะที่สุด มันจะทำให้เราพลาด!! ดังนั้น เขา(คนนั้น)แนะนำว่า ให้ลง คอนซีลเลอร์ ทีหลังนะฮะ!! จะทำให้ไม่ดูเยอะไป ;D เลิศศศ ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับขั้นตอน หรือ Step การเรียงลำดับการใช้ เครื่องสำอางเพื่อให้บังเกิดอิทธิฤทธิ์สูงสุดแบบคร่าวๆ (เหรอ?)ของกุ้งนะครับ แล้วของเพื่อนๆล่ะ เรียงลำดับการใช้กันยังไง แล้วตัวไหนใช้แล้ว Work บ้าง อย่าลืมมา Share กันใน Comment นะครับ ;D ?
เพราะผมเชื่อว่า "การเขียน Blog คือ การแบ่งปันความรู้ที่มี และได้แลกเปลี่ยนความคิดหรือ รับความรู้ใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง" -=KUNGINTER=-
และตอนนี้สามารถพบปะและร่วมพูดคุยกับกุ้งได้มากขึ้นใน Page ของกุ้งเองนะครับ ที่นี่เลยครับ ^^แล้วเจอกันใน Facebook นะครับ จุ๊บๆ
Create Date : 09 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 3 มีนาคม 2554 10:06:53 น. |
Counter : 51674 Pageviews. |
| |
|
|
|