BlogGang.com : : หนังสือของกระเต็น

ย้อนรอยผลงานนักเขียนดังPhilippa Gregory แห่ง The Other Boleyn Girl ตอนที่ห้า

The Other Boleyn Girl (Mary and Anne Boleyn)

มาถึงหนังสือเล่มที่โด่งดังที่สุดในชุดTudor series ของฟิลิป้า เกรกกอรี่ นอกจากนี้ The Other Boleyn Girl ยังเป็นหนังสือเล่มแรกที่ฟิลิป้าเขียนในชุดนี้อีก ชื่อเรื่องจะเน้นถึงแมรี่ โบลิน น้องสาวที่ถูกประวัติศาสตร์ลืมไปของแอน โบลินราชินีแห่งอังกฤษ เนื้อเรื่องจะเริ่มตั้งแต่ชีวิตของพี่น้องทั้งสองก่อนที่จะเริ่มทำงานในวัง เป็นนางสนองพระโอสถ์ของพระนางแคทเธอรีน แม้จะเป็นพี่น้องกันนั้น แต่แอนกับแมรี่กลับมีทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจตอที่แตกต่างกัน แมรี่เป็นสาวผมทอง อ่อนหวาน เรียบ ซื่อๆ มองหาความรัก และอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

Free TextEditor

ในขณะที่แอนมีผมเข้ม ช่างแต่งเนื้อแต่งตัวทันสมัย ฉลาดทันคน เข้าสังคมเก่ง และต้องการความก้าวหน้าชีวิต หากมีโอกาสทำอะไรแล้ว จะไม่ทนให้โอกาสนั้นลอยหายไปแน่ ฟิลิป้าจะค่อยๆเผยให้เข้าใจถึงแรงจูงใจของตัวละครแต่ละตัว เธอสามารถที่จะสร้างจิตวิญญาณที่ชัดเจนและน่าเห็นใจกับสตรีทุกนางในเรื่อง

ขอเริ่มที่พระนางแคทเธอรีน ราชีนีองค์แรกของพระเจ้าเฮ็นรี่ที่๘ ในเรื่องนี้พระนางยึดมั่นที่จะดึงจิตใจของเฮ็นรี่คืนสู่อ้อมอกของนาง ด้วยพันธะแต่งงานที่พระเจ้ายอมรับ และเพื่อประชาชนอังกฤษที่ต้องการราชินีที่เป็นแคทอลิก พระนางแคทเธอรีน ต้องเอาหูไปนา เอาตาไปไร่เมื่อเฮ็นรี่ป้อล้อกับนางสนองพระโอษฐ์สาวๆทั้งหลาย ด้วยเชื่อว่ามันเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่จะทำผิดเมื่อถูกผู้หญิงเย้ายวน พระนางมีส่วนสำคัญกับนิยายเรื่องนี้มาก เพราะเป็นปมทางจิตใจกับเฮ็นรี่ ที่จะต้องเสียสัจจะกับคนที่เขาชื่นชมมาตั้งแต่เด็ก เป็นจุดดำในใจของแมรี่ ที่ทำให้เธอสำนึกผิดว่ากำลังเนรคุณผู้ที่มีพระคุณอยู่ และเป็นขวากหนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแอน การเอาชนะพระนางได้จะเปลี่ยนแปลงประเทศอังกฤษไปอย่างสิ้นเชิง

Free TextEditor

แมรี่ โบลิน ไม่เคยใฝ่ฝันถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ เธอเป็นเด็กสาวธรรมดาที่ตามหาคนรัก อยากมีครอบครัวกับคนที่รักที่สุด และเมื่อกษัตริย์หนุ่มรูปหล่อ มายืนตรงหน้าและมอบไมตรีให้แก่ตน แมรี่ก็ตกหลุมรักในทันที ความรักของแมรี่เป็นรักที่บริสุทธิ์ ที่กลายเป็นม่านมาบังตา ไม่ให้เธอมองเห็นความจริง เธอทะเลาะกับครอบครัวที่ต้องการให้เธอฉวยโอกาสนี้ หาผลประโยชน์จากเฮ็นรี่ เธอทะเลาะกับแอน ที่คอยเตือนถึงสถานภาพที่แท้จริงของเธอ ว่าเป็นเพียงสนม ว่าเฮ็นรี่จะไม่หยุดที่เธอแน่นอน และคำเตือนของแอนก็เป็นจริงเมื่อแมรี่ตั้งครรภ์ และไม่สามารถ เข้าเฝ้าเฮ็นรี่ได้ทุกๆวันต่อไป เฮ็นรีมีสนมใหม่เข้ามา และชีวิตของแมรี่จากที่เคยเป็นศูนย์กลางความสนใจของวัง ก็ไม่มีใครใส่ใจอีกต่อไป เธอเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อถูกคนรักลืม แต่ความสงบของชนบท และลูกน้อยของเธอเป็นยาที่ทำให้ความเจ็บปวดนั้นเจือจางลงไป

แอน โบลิน เป็นสตรีที่ฉลาดเฉลียว กล้าหาญที่สุดคนหนึ่ง ผู้คนอาจดูถูกเธอได้ เมื่อเห็นจริตจะก้าน ความช่างแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอ แต่จริงแล้วเธอกลับมีไหวพริบ ที่ทันคน ดูออกถูดเจตนาของบุคคลต่างๆ และสามารถที่จะเข้าถึงขุนนางหนุ่มๆที่อยู่ ข้างเคียงเฮ็นรี่มาเป็นพรรคพวกกับเธอหลายคน เธอจะอยู่ในกลุ่มสังคมแนวหน้าของวังเสมอ ซึ่งทำให้ในที่สุดเฮ็นรี่ก็ต้องเหลียวมามองหญิงสาว หนึ่งเดียวที่อยู่เคียงบ่า เคียงไหล่กับผู้ชายได้อย่างไม่ครั่นคร้าม
แอนเป็นราชินีพระนางเดียวที่สมารถนำเฮ็นรี่ทางนโยบายในการปกครองประเทศได้ เป็นคนที่เฮ็นรี่เกรง แต่ก็อดชื่นชมในความสามารถในการถกเถียงปัญหาต่างๆได้ เฮ็นรี่ไม่เคยมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับแคทเธอรีน ที่ทุกอย่างมักจะเป็นพิธีการ และกับราชินีอีกสี่คนหลังจากแอน ก็ล้วนแต่เป็นสตรีที่หวั่นพรึงเฮ็นรี่ และหาทางให้ตัวเองอยู่รอดได้

แต่ทว่าความกล้าได้กล้าเสียก็กลายเป็นภัยมหันกับชีวิตเธอ เพราะกลุ่มศัตรูที่เธอสร้างก็มีเพิ่มขึ้น และก็หาทางเข้าสู่เฮ็นรี่มากขึ้นเรื่อยๆ จนติฉินนินทาเธอให้เฮ็นรี่ไม่พอใจได้ทุกวัน ความประหวั่นของแอนนั้นเป็นตอนที่หนังสือเล่าเรื่องได้ดีที่สุดตอนหนึ่ง เมื่อมาถึงช่วงหนึ่งที่เธอดูเฮ็นรี่ไม่ออกอีกต่อไปว่าเขาจะพูดอะไร คิดอะไร มองอีกทีหนึ่งก็เหมือนกับว่าความจริงเธอเองก็รู้ แต่เลือกที่จะหลอกตัวเองว่าไม่รู้ และเมื่อคนเราต้องหลอกตัวเองเช่นนี้ก็แปลว่าเราไม่รู้จะช่วยตัวเองอย่างไรแล้ว

Free TextEditor

คำถามเกี่ยวกับความแม่นยำทางประวัติศาสตร์
แอนกับแมรี่ ใครพี่ ใครน้อง.
ฟิลิป้าปรึกษากับนักปะวัติศาสตร์หลายคน จนสรุปว่าไม่ว่าจะไม่สามารถหาวันเกิดของทั้งสองได้แน่นอน แต่แอนน่าจะเป็นพี่ เพราะเธอถูกส่งไปเรียนที่ฝรั่งเศสก่อน และเธอได้สัญญาการแต่งงานก่อน แม้ว่าสัญญานั้นจะล้มเหลว แต่สัญญาของแมรี่ที่ได้มาทีหลัง ตกลงกันได้จนเธอได้แต่งงานก่อน

จอร์จ โบลิน เกย์หรือไม่. หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พบว่าจอร์จมีสัมพันธ์กับสตรีหลายทางนั้นก็มี แต่เขาก็มีคำกล่าวหาว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ รวมทั้งคำกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์กับแอน ซึ่งอาจเป็นการมุ่งร้ายทางการเมืองได้ จึงไม่มีใครที่อาจจะรู้ความจริงได้

ทำไมแอนถึงรับลูกของแมรี่มาเป็นบุตรบุญธรรม. ตามหลักฐานแอนได้ส่งเสีย ให้การศึกษากับลูกของแมรี่หลังจากที่สามีของแมรี่เสียชีวิต การกระทำของเธอเป็นเรื่องปกติของสมัยนั้นที่ญาติที่มั่งมีจะช่วยเหลือลูกหลานที่ยากจนกว่า ทว่าในหนังสือกลับเขียนเหมือนกับว่าแอนแย่งลูกจากแมรี่ซึ่ง ฟิลิป้าก็คงอยากเพิ่มควาทขัดแย้งให้สองพี่น้องนั่นเอง

แรงจูงใจของแอน โบลิน นักประวัติศาสตร์ได้ถกเถียงกันเรื่องบุคลิกของแอน โบลินมาหลายรอบแล้ว จากที่เมื่อก่อนเธอมีภาพพจน์ว่าเป็นจอมวางแผนที่ชั่วร้าย แต่ปรากฏหลักฐานที่ทำให้กลุ่มสิทธิสตรีชื่นชมเธอเช่น การที่เธออุปภัมภก์งานการกุศลหลายอย่าง และเธอได้ช่วยชีวิตคนที่ถูกศาลศาสนาสอบสวนหลายคน

ความสัมพันธ์ระหว่างแอนและจอร์จ โบลิน. ทั้งคู่ถูกศาลกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์กัน แต่ก่อนถูกประหารแอนได้สาบานถึงความบริสุทธ์ของเธอ ซึ่งน่าจะเชื่อถือได้ แอนกับจอร์จมีมุมมองทางการเมืองที่ชัดเจนมาก ในขณะที่แมรี่ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร และบทบาททางการเมืองน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ตกเป็นเป้าโจมตีจากศัตรู
ฟิลิป้ากล่าวว่าเนื่องจากเรื่องเล่าจากมุมของแมรี่ และแมรี่ไม่ด้อยุ่ในวังตลอดเวลาจึงทำให้เธอไม่อาจรู้ขํอมูลที่แท้จริงได้ และเรื่องจึงถูกเล่าอย่างน่าฉงน

Create Date : 01 ตุลาคม 2551

1 comment

Last Update : 1 ตุลาคม 2551 12:06:15 น.

Counter : 583 Pageviews.

Share
Tweet

ย้อนรอยผลงานนักเขียนดังPhilippa Gregory แห่ง The Other Boleyn Girl ตอนที่สี่ (The Constant Princess)

Free TextEditor

The Constant Princess นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงขัติยมานะของราชินีที่อดทนที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษพระนางหนึ่ง

มาเริ่มตำนานรักของพระเจ้าเฮ็นรี่ที่๘ ใน The Constant Princess กันเถอะ ผู้ที่เล่าเรื่องคือเจ้าหญิงคาทาลีน่าแห่งสเปน หรือพระนางเจ้าแคทเธอรีน แห่งอารากอน พระธิดาองค์เล็กของพระเจ้าเฟอร์ดินาน และพระนางเจ้าอิสซาเบลแห่งคาสตีล เจ้าหญิงถูกหมั้นหมายกับเจ้าชายอาเธอร์ พระโอรสของพระเจ้าเฮ็นรี่ที่๗ ตั้งแต่ยังพระชนม์๓ขวบ เจ้าหญิงคาทาลีนา่ได้รับการอบรมสมกับเป็นราชนิกูล ทรงติดตามพระบิดา มารดาเวลาออกราชการตลอดชีวิตในวัยเด็ก ทำให้เจ้าหญิงน้อยมีความภาคภูมิใจ และชื่นชมในพระบิดา มารดาเป็นที่สุด เจ้าหญิงตระหนักดีว่าภาระที่ได้มากับชาติตระกูลนั้น ยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าชีวิตและความสุขส่วนพระองค์ จึงมีปฏิธานมั่นคงว่าจะอุทิศชีวิตให้กับหน้าที่ของตน เมื่อพระชนม์ครบ๑๕ เจ้าหญิงก็เสด็จไปอังกฤษ ดินแดนที่มีวิถีที่แตกต่างจากสเปนโดยสิ้นเชิง พระเจ้าเฮ็นรี่ที่๗ เป็นชายฉกรรจ์ที่เจ้าเล่ห์ กระด้าง ไม่สง่างามเหมือนกษัตริย์แห่งสเปน แต่เจ้าชายอาเธอร์กลับเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม ฉลาด และอ่อนโยน สมกับที่เป็นมงกุฏราชกุมาร เจ้าหญิงและเจ้าชายวัยรุ่น ตกหลุมรักกันและกันอย่างธรรมชาติที่สุดหลังจากที่แต่งงานกันไม่นาน ทั้งสองเป็นเด็กที่มีจิตใจมุ่งมั่นต่อการทำหน้าที่ และให้กำลังใจกันและกันอยู่เสมอ เมื่ออยู่กันสองคนทั้งคู่ก็อดใจที่จะคุยกันถึงนโยบายและการเปลี่ยนแปลงพัฒนาที่ทั้งคู่จะนำมาสู่อังกฤษเมื่อขึ้นครองราชย์ในอนาคต

Free TextEditor

แต่ทว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของคาทาลีน่าก็บังเกิด เมื่อโรคร้ายมารุมเร้าเจ้าชายผู้อ่อนโยน จนหมดทางรักษา ก่อนสิ้นพระชนม์เจ้าชายได้ขอให้คาทาลีน่าแต่งงานกับเฮ็นรี่น้องชายที่อ่อนกว่าถึงเจ็ดปี เพื่อที่เจ้าหญิงจะได้มีโอกาสเป็นราชินีของอังกฤษต่อไป และเป็นตัวแทนของอาเธอร์ที่จะพัฒนาประเทศตามแผนที่ทั้งคู่ได้วางไว้ เจ้าชายรู้ดีว่าฝากความหวังไว้ที่เฮ็นรี่ซึ่งถูกเอาแต่ใจจนเคยชินไม่ได้ คาทาลีน่าจึงสาบานรับปากไปเพื่อความสุขสุดท้ายของสวามี เธอได้บอกว่าเธอจะอยู่ต่อไปตามหน้าที่ที่พระเจ้าบัญชาเท่านั้น เพราะความรักของเธอได้ตายไปพร้อมกับอาเธอร์ เจ้าชายหนุ่มที่ทรงพระชนม์ได้์เพียง๑๕ปี

Free TextEditor

โชคร้ายของคาทาลีน่ายังดำเนิน เมื่อพระเจ้าเฮ็นรี่ที่๗ ยังไม่ตัดสินใจหมั้นหมายนางกับเจ้าชายเฮ็นรี่เพราะยังอยากเปิดตัวเลือก แต่ค่าสินสอดทองหมั้นที่สเปนต้องส่งให้พระองค์ก็ยังได้ไม่ครบ ถ้าส่งคาทาลีน่ากลับไปก็จะอดได้สมบัติ เจ้าหญิงจึงตกอยู่ในภาวะเป็นแขกจำยอม ทางสเปนส่งข่าวมาให้อดทน จะได้หมั้นหมายกับเจ้าชายอังกฤษอีกองค์แน่ๆ ในขณะที่พระเจ้าเฮ็นรี่ก็ไม่ได้แสดงทีท่าแยแสเธอ จนผ่านไปเจ็ดปีเมื่อพระเจ้าเฮ็นรี่สิ้นพระชนม์เพียงเจ็ดอาทิตย์เจ้าหญิงก็ได้อภิเสกกับเจ้าชายเฮ็นรี่ และเปลี่ยนพระนามเป็นพระนางแคทเธอรีนแห่งอังกฤษ

ก่อนอภิเษกนั้นเจ้าหญิงต้องเบิกความกับพระสันตปาปาแห่งวาติกันว่าพระองค์ยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่ เจ้าหญิงต้องกลั้นใจพูดสนับสนุนว่าการอภิเสกกับเจ้าชายอาเธอร์นั้นสามารถโมฆะได้ เพราะทั้งคู่ไม่ได้มีสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวกัน หากคาทาลีน่าไม่ได้ให้ความดังนี้ นางก็จะหมดสิทธ์ขึ้นเป็นราชินีของอังกฤษทันที แต่หากนางได้รู้ว่าการขึ้นเป็นราชินีจะนำความเจ็บปวดซำ้แล้ว ซำ้เล่ามาให้อย่างไร้ปราณี นางก็คงจะไม่เบิกความดังนั้นแน่ แต่ณ จังหวะเวลาในชีวิตตอนนั้น คำสัญญากับอาเธอร์ และความมุ่งมั้นที่จะทำตามหน้าที่ที่พระเจ้าลิขิตเส้นทางให้ก็เป็นนำ้หนักเพียงพอที่จะให้นาง ได้ขึ้นมาอยู่ในสถานะพระราชินี

พระนางคาเธอรีนได้ทำหน้าที่ปกครองแผ่นดินอย่างสมบูรณ์ ทรงเป็นที่รักของประชาชนทั่วหล้า จุดอ่อนอย่างเดียวของพระองค์คือการที่ไม่สามารถให้ทายาทผู้ชายกับเฮ็นรี่ได้ และนับวันความผิดหวังของเฮ็นรี่ก็มาลงที่พระนาง รอยร้าวระหว่างสองใจที่ไม่เคยได้เป็นหนึ่งกันอย่างสนิทก็ใหญ่ขึ้นทุกนาที โดยเฉพาะเมื่อเฮ็นรี่ได้พบกับนางสนองพระโอสถ์สาวผู้มีความมุ่งมั่นและเป็นนักสู้ที่หลักแหลม แอน โบลิน

Free TextEditor

เกร็ดเล็กๆน้อยๆจากเรื่องนี้
พระนางอิสซาเบลแห่งคาสตีล เป็นราชินีนักรบ พระนางต้องทำสงครามกับชนเผ่ามอร์ ที่ทางสเปนมองว่าเป็นพวกนอกรีต เพราะไม่ได้เป็นคาทอลิก
ปราสาทอัล ฮัมรา หรือปราการแดง ที่เจ้าหญิงคาทาลีน่าอาศัยตอนเด็กๆ ตั้งอยู่ที่เมืองกรานาด้า ประเทศสเปน ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นมาในปี ๑๓๕๓ ตอนที่กลุ่มที่ปกครองเป็นมุสลิม ตัวปราสาทจึงมีสถาปัตยกรรม และภูมิทัศน์ของมุสลิมที่ละเมียดละไม งดงาม ปัจจุบันก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคํญทางภาคใต้ของสเปน

Create Date : 23 กันยายน 2551

2 comment

Last Update : 23 กันยายน 2551 10:27:48 น.

Counter : 423 Pageviews.

Share
Tweet

ย้อนรอยผลงานนักเขียนดังPhilippa Gregory แห่ง The Other Boleyn Girl ตอนที่สาม

Free TextEditor

ก่อนจะเข้าถึงงานเขียนชุดTudor Series ของฟิลิป้า เกรกกอรี่ กระเต็นเกือบลืมหนังสืออีกสองเล่มที่เธอได้เขียนก่อนหน้านั้น แหม้เกือบจะย้อนรอยไม่ครบทุกเล่มซะแล้ว!

Zelda's Cut (2001) นิยายร่วมสมัยเกี่ยวกับอีโซเบล นักเขียนวันห้าสิบกว่าที่นับวันงานเขียนของเธอมีคนอ่านน้อยลงเรื่อยๆ เธอกับผู้จัดการเลยหาทางออกโดยการเขียนเรื่องหวือหวาเพื่อตลาดล้วนๆ เธอสร้างตัวละครของคือเซลด้า สาวสังคมเปรี้วยจี๊ดที่ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง เมื่อผู้จัดการของเธอวางแผนว่างานของไอโซเบลเป็นเรื่องจริงของเซลด้า ก็ทำให้ไอโซเบลต้องพบกับเรื่องวุ่นวายเมื่อหนังสือของเธอขายดี และใครต่อใครต่างก็ชวนสาวแสบเซลด้ามาร่วมงานสังคม

Bread and Chocolate (2002) หนังสือรวมเรื่องสั้นของเธอ

ในนิยายอิงประวัติศาสตร์ Tudor Series ที่มีทั้งหมดหกเล่มนั้น ฟิลิป้าไม่ได้เขียนตามลำดับของเหตุการณ์ ถ้าเรียงตามลำดับที่เธอเขียนจะเป็นดังนี้

The Other Boleyn Girl (2001)
The Queen's Fool (2003)
The Virgin's Lover (2004)
The Constant Princess (2005)
The Boleyn Inheritance (2006)
The Other Queen (2008)

แต่ถ้าเรียงตามลำดับเหตุการณ์และเวลาจะเป็นดังนี้

The Constant Princess
The Other Boleyn Girl
The Boleyn Inheritance
The Queens Fool
The Virgin’s Lover
The Other Queen

กระเต็นขอพูดถึงแต่ละเรื่องตามลำดับเหตุการณ์ก็แล้วกันจะไปเรียงเป็นฉากๆได้

Create Date : 22 กันยายน 2551

0 comment

Last Update : 22 กันยายน 2551 15:20:54 น.

Counter : 295 Pageviews.

Share
Tweet

ย้อนรอยผลงานนักเขียนดังPhilippa Gregory แห่ง The Other Boleyn Girl ตอนที่สอง

ต่อจากงานเขียนชุด Wideacre ฟิลิป้าก็กลายเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัว และช่วงปี1990-2000 ก็ได้ส่งผลงานออกตลาดต่อเนื่องถึงเกือบสิบเล่ม เอาเป็นว่าแทบจะเขียนปีละเรื่องเลยทีเดียว
The Wise Woman (1992) เกี่ยวกับเอลีส สาวน้อยผู้โชคร้าย เธอหนีออกจากคอนแวนต์ ไปอยู่กับกลุ่ม Wise women หรือผู้รู้ ที่สอนวิธีร่ายเวทย์ ทำสเน่ห์ ดูดวง ให้เธอ แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้อุปสรรคในชีวิตมันน้อยลงเลย เรื่องนี้ได้รับคำชมเชยว่าเขียนให้เห็นถึงชีวิตในศตวรรษที่18อย่างชัดเจน

Free TextEditor
A Respectable Trade (1992) เกี่ยวกับธุรกิจค้าทาสในปี1780 และความรัก ความเข้าใจระหว่างพ่อค้าเจ้าของเรือ และทาสผู้ชาญฉลาดที่มิสมควรถูกจับมาเลย เรื่องนี้ถูกปรับไปเป็นละครทีวี ที่ทำให้ฟิลิป้าได้รับรางวัลBafta ในการส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสังคม

Free TextEditor

Perfectly Correct (1992) เป็นนิยายร่วมสมัยเรื่องแรกของเธอที่เกี่ยวข้องกับดอกเตอร์สาวที่พยายามใช้ชีวิตอย่างถูกต้องตามบรรทัดฐานของสังคม แต่ทว่าทำไมเธอจึงไม่รู้สึกพอใจเลย

Mrs. Hartley and the Growth Centre (1992) เป็นนิยายล้อเลียนสังคม
Fallen Skies (1994) เกี่ยวข้องกับความรักช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
The Little House (1998) เกี่ยวกับชีวิตผู้หญิงร่วมสมัยที่ต้องการจะประสบความสำเร็จด้านการงาน สมกับความสามารถของเธอ แต่สามีและแม่สามีกลับอยากให้เธอเป็นเพียงแม่บ้าน

ฟิลิป้ากลับมาเขียนนิยายแนวย้อนยุคใหม่ ซึ่งนำความสำเร็จมาให้เธอทันที เพราะเนื้อเรื่องที่แปลกให่ น่าติดตาม และตัวละครที่น่าสนใจ นิยายชุดต่อไปของเธอ คือชุด Earthly Joys ที่เกี่ยวกับครอบครัวเกษตรกร สมัยสงครามกลางเมืองอังกฤษปี 1800 นิยายชุดนี้มีอยู่สองเล่มคือ

Earthly Joys (1998) จอห์น ทราเดสเซ็นต์ ชาวสวนผู้ไร้สัมผัสแห่งกลิ่นแต่ปลูกอะไรก็ขึ้นงามไปหมด ทำงานให้กับลอร์ดเซซิล แต่ความผันผวนทางการเมืองทำให้เขาได้พบกับลอร์ดบักกิ้งแฮม ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ ที่เต็มไปด้วยสเน่ห์ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของจอห์น

Virgin Earth (1999) จอห์นผู้ลูกเดินทางไปหาพันธุ์ไม้ใหม่ที่เวอร์จีเนีย อเมริกา และได้หลงรักสาวพื้นเมืองที่นั่น พร้อมกับสัญญาว่าจะแต่งงานด้วยเมื่อส่งงานเสร็จ แต่พอกลับไปอังกฤษปรากฏว่าบิดาเสียชีวิต พร้อมกับขอให้แต่งงานกับสาวอังกฤษที่รู้จัก เมื่อภาวะสงครามกลางเมือแรงขึ้นอีก จอห์นหลบหนีไปอยู่กับคนรักที่อเมริกา แต่ก็พบว่าตัวเองติดอยู่ตรงกลางระหว่างสังคมอังกฤษที่นั่น และสังคมคนพื้นเมือง

หนังสือของฟิลิป้ามักจะมีมุมมองเข้าใจความรักที่ไม่ถูกต้องตามครรลองของสังคม รวมทั้งตัวละครเอกที่ไม่มีเป็นคนที่ดีทุกมุม แต่เป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองเช่นคนทั่วๆไป ดังนั้นแม้ว่าฉากหลังจะย้อนยุคแต่ผู้อ่านก็เข้าถึงเนื้อเร่องได้
ตอนต่อไปจะเริ่มเข้าสู่ Tudor Series ของเธอ

Free TextEditor

Create Date : 20 กันยายน 2551

0 comment

Last Update : 20 กันยายน 2551 12:23:32 น.

Counter : 273 Pageviews.

Share
Tweet

ย้อนรอยผลงานนักเขียนดังPhilippa Gregory แห่ง The Other Boleyn Girl ตอนที่หนึ่ง

นักเขียนอังกฤษคนหนึ่งที่กระเต็นชื่นชมในฝีมือว่าสามารถเล่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ออกมาในรูปแบบนิยายได้ดีเหลือเกินคือฟิลิป้า เกรกกอรี่

Free TextEditor

หนังสือของฟิลิป้ามีเอกลักษณ์ชัดเจน นั่นคือความเเป็นดราม่าอิงประวัติศาสคร์ เธอมักจะหยิบมุมมองของตัวละครหลักมาเป็นผู้เล่าเรื่อง เพราะทำให้เล่าเรื่องได้สนุกที่สุด แต่ก็ทำให้มีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้เธอถูกนักวิจารณ์โจงตี นั่นคือ การทำให้เหตุการณ์ไม่ครบถ้วนตามประวัติศาสตร์ ฟิลิป้าให้เหตุผลว่าหน้าที่หลักของเธอคือการเล่าเรื่อง ถ้ามีช่วงไหนที่ไม่มีข้อมูลถูกบันถึกลงในประวัติศาสตร์ เธอก็จะเติมสีสันในช่วงนั้น ถ้ามีกรณีไหนที่ตัวละครเอกของเธอไม่มีทางรับรู้ในความคิด ความเคลื่อนไหวของโลกภายนอกได้ (แหม ก็สมัยนั้นยังไม่มีเน็ต หรือมือถือนี่) เธอก็ต้องทำให้ตัวละครของเธอไม่รู้ต่อไป

นอกจากความรักในประวัติศาสตร์แล้ว ฟิลิป้่ายังเปรียบเสมือนนักต่อสู้เพื่อผู้หญิง เพราะตัวละครของเธอ จะดีหรือร้าย เจ้าหรือคนสามัญชน มักจะเป็นสตรีที่แกร่ง ฉลาด กล้าต่อสู้ออกนอกขนบสังคมที่นำโดยผู้ชาย ทำให้พวกเธอเหล่านั้นมักถูกเข้าใจผิดโดยสังคม และถูกประวัติศาสตร์วาดภาพที่บิดเบือนออกมา กรณีนี้เห็นได้จากตัวละครเอกใน The Other Boleyn Girl นั่นคือแอน โบลีน ที่ฟิลิป้า สามารถทำให้ผู้อ่านสัมผัสกับความทะเยอทะยานที่อยากก้าวหน้าในชีวิต ที่หากว่าเธอเป็นผู้ชายก็คงมีแต่ตนชื่นชมว่า เก่งเหลือเกิน แคทเธอรีน แห่งอารากอน ในThe Constant Princess ก็เป็นสตรีที่มีวิญญาณของนักสู้เต็มตัว เธอต้องจากบ้านเกิด้มืองนอนมาตั้งแต่เด็ก แต่มิเคยท้อแท้หรือลืมเลือนหน้าที่ของตนที่ค้องทำเมื่อประเทศ แม้ว่าเธอจะต้องตกอยู่ในสถานภาพของผู้แพ้ซำ้แล้วซำ้เล่า แต่ก็หาทางพิชิตอุปสรรคอย่างสง่างามได้เสมอ

หนังสือของฟิลิป้า โดยเฉาะในชุดทิวดอ ที่ออกขายมานั้นแต่ปี2000 ได้รับการตอบรับอย่างดี จากแฟนๆทั่วโลก ดังนั้นเรามาดูประวัติงานเขียนของเธอ ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้างกันเถอะ

ฟิลิป้า เกรกกอรี่ เกิดที่ประเทศเคนย่า ในปี1954 เมื่ออายุได้2ขวบ ครอบครัวของเธอได้ย้ายกลับไปอังกฤษ เธอได้เข้าเรียนวิชาสื่อสารมวลชนที่เมืองคาดิฟ

ด้านการงานฟิลิป้าเริ่มงานนักข่าว ที่พอร์ทมัท นิวส์ รวมทั้งได้เป็นผู้จัดของสถานีบีบีซี

ฟิลิป้าจบปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซัสเซ็กส์ และปริญญาเอกด้านวรรณคดีอังกฤษสมัยศตวรรษที่18 จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอเรอร์ ในระหว่างที่เรียนเอก ฟิลิป้าได้ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตในศตวรรษที่18เยอะมาก จนเป็นแรงบัลดาลใจให้เธอเขียนนิยายเรื่องแรก ชื่อ Wideacre ซึ่งเกี่ยวกับรักต้องห้าม จนจบระหว่างเรียนนั่นเอง ปรากฏว่านิยายเรื่องแรกของเธอขายดิบขายดีเกินคาด
เธอจึงได้เขียนภาคต่อให้กับWideacre จนกลายเป็นนิยายไตรภาค เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตนักเขียนของเธอ
หนังสือชุดWideacre มีดังนี้
Wideacre (1987)
The Favored Child (1989)
Meridon (1990)

มาดูเนื้อเรื่องหน่อยนะ Spoil พอประมาณ
เหตุการณ์เกิดขึ้นณ คฤหาสถ์ Wideacre ซึ่งเป็นทรัพย์สินอันประมาณค่ามิได้ของตระกูลเลซีย์ ลูกสาวผู้ดื้อรั้นของบ้านนามว่า เบียทรีซ รักและภูมิใจในWideacreมาก มากเสียสนเสียดายว่าเธอจะต้องเสียสิทธิ์ครอบครอง หากว่าเธอแต่งงานและออกจากบ้านไปตามกฏหมาย เธอจึงวางแผนร้ายลอบฆ่าพ่อตัวเอง โดยมีแฮรี่พี่ชายที่ตกอยู่ในกำมือของเธอ ช่วยเกื้อหนุน สาเหตุที่แฮรี่ไม่อาจขัดใจเบียทริซได้ ก็เพราะเขาลอบมีสัมพันธ์กับเธอ ซึ่งแม้ว่าแฮรี่จะแต่งงานไปแล้ว เขาก็ยังไม่อาจละจากเบียทริซได้ ต่อมาเบียทริซก็แต่งงาน เพื่อกลบเกลื่อนความจริงเกี่ยวกับพ่อเด็ก แต่ความโลภของเธอกลับทวีขึ้น ซึ่งก็นำพาความลำบากสู่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่ Wideare ทั่วทุกระแหง

ใน The favored child ตัวละครหลักคือ จูเลีย เลซี่ย์ ผู้ที่เข้ามาบริหารฟื้นฟู Wideacre ด้วยความสามารถพิเศษทางเกษรตรกรรม จนผืนดิน ไร่นากลับมาเขียวขจี แต่ทว่ามีชาวบ้านที่งมงายคนหนึ่งสังสัยว่าเธอเป็นคนโปรดของอดีตเจ้าของที่ผู้ร้ายกาจหรือเปล่า
Meridon เมอริดอนเป็นลูกหลานของตระกูลเลซี่ย์ แต่เธอกับแดนดี้พี่สาวกลับถูกทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก เธอโตมากับยิบซี และเรียนรู้วิถีชีวิตการอยู่รอด ซึ่งรวมถึงการบังคับม้าที่เธอเก่งมากๆ ไปๆมาๆ เธอกับพี่ต้องไปร่วมแสดงกับละครสัตว์ ที่เมอริดอนกลายเป็นดาวเด่นอย่างรวดเร็ว เพราะการแสดงกับม้าของเธอ เธอหลบหนี จนถึงWideacreได้ แต่ก็ต้องเผชิญอุปสรรคสุดท้ายที่จะพิสูจน์ว่าเธอจะได้ครอบครองผืนดินของตระกูลหรือเปล่า
จะเห็นว่าผลงานรุ่นแรกของฟิลิป้า ดราม่านำ้เน่ามาก ถึงแม้setting ของเรื่องจะอยู่ในศตวรรษที่18 แต่เนื้อเรื่องยังไม่มีอะไรที่อิงประวัติศาตร์ ต้องรอดูพัฒนาการของเธอในช่วงปี1990-2000 จะเป็นอย่างไร เรื่องต่อเรื่อง

Free TextEditor

Create Date : 19 กันยายน 2551

1 comment

Last Update : 20 กันยายน 2551 12:17:20 น.

Counter : 421 Pageviews.

Share
Tweet

1 2