Northernmost Thai restaurant
ร้านอาหารไทยในสวาลบาร์ด จัดว่าเป็นร้านอาหารที่อยู่เหนือสุดของโลก หรือเรียกเกร๋ ๆ ว่า Northernmost Thai restaurant คือที่นี้อะไร ๆ ก็จะเป็น Northernmost หมด เพราะ Svalbard นั่นเป็นเกาะที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ ที่อยู่เหนือสุดของโลก อีกประมาณพันกว่าโล ก็จะถึงขั้วโลกเหนือแล้ว



ตอนนี้เจ้าของร้านก็เริ่มให้เราขึ้นเตา แต่โอวแม่เจ้า เป็นการทำอาหารที่กดดันมาก คือต้องทำแบบเร็ว เร็ว โคตร เครื่องปรุงทุกอย่างผสมไว้อยู่แล้ว แต่ร้านนี้เน้นเป็นพิเศษ คือผงชูรส คือพี่แกใส่เยอะมาก อาหารหนึ่งจานนี่ใส่เป็นช้อนชา แล้วคือทูกจากต้องชิม เชื่อมั้ยว่า ผ่านไปอาทิตย์นึง ผมอิชั้น ล่วง แล้วก็ล่วง !!!!!!

นอกจากนี้รสชาติอาหารคงจะไม่ถูกใจอิเจ๊ ก็เลยไม่ให้ขึ้นเตาอีกต่อไป จะว่าไปก็เสียเซลฟ์เหมือนกันนะ แต่ก็โล่งใจที่จะได้ไม่ต้องกินผงชูรสอีกต่อไป คือไม่ได้กระแดะนะเอาจริง ๆ เรากินได้ แต่อันนีั้เยอะเกินจริง ๆ

ในความเป็นระบบของร้านอาหารที่นี่ คือทุกจานจะต้องเท่ากันหมด เพราะฉะนั้น ทุกอย่างจะต้องชั่ง ไม่ว่าจะเป็น เนื้อ ผัก เส้น แล้วทำเป็นชุด ๆ ไว้ อันนี้ต้องให้เครดิตเค้า

ร้านนี่้ถือว่าไม่ยุ่งเลย จะยุ่งก็จะมีแต่กรุ๊บคนจีนที่มักจะมากันประมาณ 40 หรือ 50 คน ก็จะต้องเตรียม แล้วก็ทำ แล้วก็เสิร์ฟ แล้วก็ล้าง แล้วก็ต้องเตรียมของ แทนของที่ใช้ไป
เวลาว่างก็จะต้องเช็ด และทำความสะอาดทุกสิ่งอย่าง คือ ที่ร้านจะสะอาดมาก ทุกอย่างเงาวิ้ง เพราะมีกฎคือ ห้ามนั่งจ้า ห้ามนั่ง!!! โอ้วมาก็อด คือปวดหลัง ปวดเอวไปหมด กว่าจะผ่านมาได้แต่ละวัน

เวลาไปซื้อของ ก็จะต้องไปแต่เช้า เพราะที่ตลาดจะมีของลดราคา พี่แกก็จะไปกวาดมาหมด คนอื่นมาทีหลัง อย่าหวังว่าจะได้ไปครอบครอง 555

ช่วงนี้เป็นช่วงปลายซัมเมอร์แล้ว อากาศก็เริ่มหนาว ๆ แล้ว บางวันไปทำงานก็ต้องเดินฝ่าหิมะไป แต่ขอบอกสำหรับเรา มันคืออะไรที่ตื่นเต้นมากกกกก





วันแรก ๆ นอกจากที่ทำงานแล้วก็ไม่ได้ไปไหนเลย เพราะกลับมาถึงบ้านก็กินข้าว อาบน้ำ แล้วก็นอน ตื่นตอนเช้าก็ไปทำงานเลย ชีวิตมีแค่นี้จริง ๆ

ยังดีที่ได้หยุดวันอาทิตย์หนึ่งวัน พี่พรก็พาไปตลาด ที่นี่วันอาทิตย์ตลาดเปิด 15.00-18.00 เราก็จะไปซื้ออาหารมาตุนไว้ให้กินได้ทั้งอาทิตย์
เพราะวันทำงานก็จะไม่มีโอกาสไปซื้ออะไรเลย ทำงานตั้งแต่เก้าโมงครึ่งยันสองทุ่มครึ่ง อย่าพูดถึงเรื่่องเวลาพักเลย สิบนาทีก็ไม่มี เพราะฉะนั้นเวลาที่จะได้นั่งก็คือเวลาเข้าห้องน้ำ แค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ แต่คือตอนนนั้นเหมือนคนบ้านนอกเข้ามาทำงานในเมืองกรุงอย่างไง อย่างงงั้นเลย แต่คือด้วยความถึกบึกบึนที่มาจากเมืองไทย นั้นมันฝึกให้เรามีความอดทนโดยที่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า ตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบ




 



Create Date : 21 กันยายน 2562
Last Update : 25 กันยายน 2562 0:58:30 น.
Counter : 586 Pageviews.

0 comment
ทำงานที่สวาลบาร์ด Svalbard's working life
ทำงาานวันแรก อึ่ง ๆ งง ๆ เหนื่อย ๆ จำได้ว่า เป็นวันที่ยาวนานมาก กว่า จะหมดวัน ทุกอย่างต้องเรียนรู้ใหม่หมด
เอาเครื่องปรุงไปเติมตามโต๊ะ เช็ดดูไม้จิ้มฟันด้วย พี่พรบอก เริ่มเลย ทำไป ด้วยความรีบลน ไม่รู้จะรีบไปไหน
14

ร้านก็จะมีประมาณซัก 20 โต๊ะ เป็นร้านที่ตกแต่งแบบไทย ๆ ขออภัยไม่สามารถหารูปมาประกอบได้ เดี๋ยวโดนฟ้อง 555
ในระหว่างนั้นพี่พรก็ไปตลาด จริง ๆ ก็คือ ซุปเปอร์มาเก็ตนั่นเอง  แต่คนไทยเรียก ตลาด ฟังแล้วมันดูเหมือนอยู่บ้านดีนะเราว่า
เมนูอาหารก็มีประมาณ 13  อย่าง มีอาหารไทย พิซซ่า เบอร์เกอร์ด้วย เตาที่ใช็เป็นเตาไฟฟ้า หรือเรียกอีกอย่างว่าเตาคอนเวคชั่น มีประมาณ 5 เตา อาหารที่ร้านก็จะทำทีละจาน ไม่มีมาควบ 2 หรือ 2 หรือ 4 จานในหนึ่งกระทะ
ที่เห็นคือที่ร้านจะมีกระทะไฟฟ้าประมาณ 60 กระทะจ้า โห เยอะมาก แต่เจ้าของร้านบอกว่า บางทีจะมีกรุ๊ปคนจีน มาประจำ มาทีละประมาณ 40 ถึง 50 คน ก้เลยต้องเตรียมไว้
ช่วงว่าง ก็ห้ามอยู่เฉย จะต้องทำความสะอาดชั้น ตู้เย็น พื่้น หรือโต๊ะ ตามชั้นต่าง ๆ ทั้งในครัวและในร้าน อันนี้คือปรกติ สำหรับเราสบายมากกก

 
ทำงานวันแรกลูกค้าไม่เยอะเท่าไหร่ เราก็มีหน้าที่เฝ้าเครื่องล้างจาน แล้วคือ แบบว่าต้องยกลังจาน ลังแก้ว ขึ้นมาไว้บนชั้น ผู้หญิงตัวเล็ก หรือเรียกอีกอย่างว่าเตี้ยอย่างเรา ก็งานเข้าเลยทีเดียว หลังเดี้ยงเลยจ้า ที่หนักกว่านั้นคือ ไม่มีข้าวให้กิน พี่พรก้ไม่กิน เราก็รู้สึกได้นิด ๆ ถึงความแปลก แต่ก็เอาเหอะ เรามาใหม่ เดี๋ยวดูไปก่อน ทนเอา จำได้ว่าเลิกงานแล้ว พี่พรมาไปซุปเปอร์เล็ก ๆ อีกที อารมณ์ประมาณ 7-11 บ้านเรา ที่นี่เค้าเรียกว่า Mix

ซื้อโดนัทมากิน โห โดนัทบ้าอะไร อร่อยมากกกกกกก อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา ชิ้นละ 80 บาท จ้า ยังไม่ชินกับราคา เลยคูณเป็นราคาไทยหมดเลย ณ ตอนนั้น 1 โครน เท่ากับ 4 บาท
ถ่ายรูปด้วย หน้าตายังสดใสอยู่






คืนนั้นหลับไปด้วยความเหนื่อย คิดว่าคงจะกรนกระจาย อิอิ







 



Create Date : 20 กันยายน 2562
Last Update : 20 กันยายน 2562 19:36:33 น.
Counter : 449 Pageviews.

0 comment
กว่าจะถึงสวาลบาร์ด
กว่าจะถึงสวาลบารฺ์ด

เป็นการนั่งเครื่องที่ยาวนานมาก บินตรงจากไทย มาเฮลซิงกิ ประเทศ ฟินแลนด์ แล้วอิเบาะสายการบินนี้ก็เป็นอะไรที่ทรมานมาก เอนได้นิดเดียว นั่งหลังแข็งยาวไป สิบเอ็ดชั่วโมง++
พอมาถึงที่นี่เราก็จะต้องผ่านตม. เพราะว่าเราเข้ามาในโซนเชงเก้น ตามที่เราขอวีซ่ามา

นอกจากนี้ยังต้องรอต่อเครื่องที่นี่ไปอีกหกชั่วโมง แล้วก็นั่ง ๆ นอน ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ
ไฟลท์ต่อไป ก็คือจากเฮลซิงกิ ไปออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ไม่นานมาก ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงแล้ว แต่คือเหนื่อยมาก ณ เวลานี้
มีเวลาเปลี่ยนเครื่องประมาณ ชั่วโมงครึ่่ง เหมือนจะนาน แต่แถวตม. ของที่นี้ก็ไม่รู้จะยาวไปไหน คือถ้าจะไปสวาลบาร์ดเนี่ย ถึงเราได้แสตมป์วีซ่าเข้าเขตเชงเก้นมาแล้ว เราก็ต้องแสตมป์ออก เพราะ

สวาลบาร์ด ไม่ใช่เชงเก้น !!! แต่ต้องขอวีซ่าเชงเก้น เพื่อใช่ผ่านนอร์เวย์ ซึ่งอยู่ในเขตเชงเก้น ใครจะมา ต้องจำไว้นะจ๊ะ แล้ววีซ่าที่ขอก็ต้องเป็นแบบ Multiple ด้วย นะ 

  รอนานมาก นานจนได้วิ่งขึ่้นเครื่อง ขึ้นเครื่องแล้วก็กลับซิจ๊ะ หลับตั้งแต่เครื่องยังไม่เทคออฟด้วยซ้ำ จำได้ว่า ไฟลท์นั้นคนฝรั่งเศสเยอะมาก อื่้ออึงเลยทีเดียว มียายสองคนนั่งข้าง ๆ พอใกล้จะถึง ด้วยความที่ยายหวังดี ยายก็เลยปลุก อิหนู อิหนู ตื่นเร็ว วิวข้างนอกสวยมาก
เราก็ตื่นมาด้วยความสลึมสลือ วิวที่เห็นคือ มีแต่ภูเขา และภูเขา สีน้ำตาล มีหิมะคลุม ๆ นิดหน่อย ตอนมาถึงคือ เที่ยงคืน แต่สว่างมาก เพราะตอนนี้เป็นช่วงซัมเมอร์ของที่นู่น เราก็จะได้เห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืน
เครื่องแลนด์แล้ว ก็จะตื่นเต้นนิดนึง อากาศก็ยังหนาว ๆ อยู่นะ ขนาดตอนนี้เป็นช่วงหน้าร้อน เจ้าของร้านมารอรับที่สนามบิน  ระหว่างทาง จำได้ว่า วิว มันเป็นสีน้ำตาล  ๆ ออกดำ ๆ จะว่าเป็นเมืองก็ไม่เชิง
เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่า ที่นี่เค้าทำเหมืองถ่านหิน ก็จะมีถ่านหินเยอะมาก ดินมันก็เลยดู ดำ ๆ ไปหมด  แล้วที่พิเศษมาก ๆ ๆ ไปกว่านี้ ก็คือ

สวาลบาร์ด ไม่มีต้นไม้ จ้าาาาาาา


เซอร์ไพรส์ต่อไปก็คือ ตอนมาถึงอพาร์ทเมนต์เนี่ย ต้องถอดรองเท้า แต่คือคิดมาตลอดว่าเมืองนอกเนี่ยเค้าใส่รองเท้าเข้าบ้าน แต่ที่นี่  ต้องถอดรองเท้า คือดีอ่ะ มีความรู้สึกว่าเหมือนเมืองไทยเลย

มาถึงห้อนนอนแล้ว พี่พร พี่ที่เป็นรูมเมทและเป็นเพื่อนร่วมงานก็น่ารักมาก จัดที่นอนไว้แล้ว ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรมาก นอนเลย และที่โหดไปกว่านั้นคือ ตอนเช้า ต้องตื่นมาแล้วไปทำงาน เลย แต่ดีอย่างที่ไม่ต้องตื่นเช้ามาก งานเริ่ม เก้าโมงครึ่ง ตื่นเก้าโมงก็ได้ เดินไปสิบนาทีถึง พี่เค้าบอกว่าอย่างนั้น

ชีวิตจะเป็นยังงัยต่อไปหลังจากเริ่มทำงาน มาดูกัน !!!



 



Create Date : 19 กันยายน 2562
Last Update : 20 กันยายน 2562 18:51:51 น.
Counter : 340 Pageviews.

0 comment
จากเกาะกูดสู่ขั้วโลกเหนือ Svalvard here I come
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎา สามปีที่แล้ว
ว่าง ๆ ๆ เบื่อ ๆ ๆ ๆ บ่น ๆ ๆ  นี่คือที่มาของการหาอะไรใหม่ ๆ หาเหตุผลที่อยากไปไหนก้ได้ อาการติดเกาะ ไม่น่าสนุกอีกต่อไป ฝนก็ตกทู้กวัน วัน ๆ ก็เลยจิ้ม ๆ อยู่แต่โทรศัพท์ จนวันนึงเหีนโพสต์ในกรุ๊ป ๆ นึง 
ต้องการพนักงานทำงานในร้านอาหารที่ประเทศนอร์เวย์ เข้าทางเลย !! เดินหน้าต่อไป139

ก็เลย ส่งข้อความหาเจ้าของร้านว่าเราสนใจ พร้อมบอกคุณสมบัติอันครบถ้วน อีกหลายวันต่อมา เค้าก็ติดต่อกลับ ถามว่า พร้อมเดินทาง จริง ๆ หรือเปล่า ณ จุดนั้นบอกเลยว่า พร้อมมาก
หลังจากนั้นทางร้านก็ทำหนังสือเชิญ เพื่อให้เราไปขอวีซ่า แต่ก็รอไปรอมา ปรากฎว่าจดหมายเชิญ ครั้งแรกหาย อีก เค้าเลยต้องทำใหม่ แล้วก็รอต่อไปอีก และแล้วเวลาผ่านไป นานทีเดียว จดหมายก็มาถึงและได้ไปขอวีซ่าซะที

ในระหว่างนั้นก้หาข้อมูลเยอะมากเกี่ยวกับสวาลบาร์ด แล้วก็พบว่า เกาะสวาลบาร์ด เป็นเกาะที่อยู่ไกลมากกกกก  ก ไก่ ล้านตัว ไกลขนาดที่ว่าอีกนิดเดียวก็จะถึงขั้วโลกเหนือแล้วว

นอกจากนี้ยังพบอีกว่า เป็นเกาะที่มีหมีขั้วโลก มากว่าจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ หูย ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่แค่ตื่นเต้น 117 อิอิ

ส่วนเพื่อน ๆ และคนรอบข้างนะเหรอ ไม่มีใครอยากให้ไปหรอก เพราะว่ากลัวเราโดนหลอก ด้วยความหน้ามีด ใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง ก็คนมันอยากไปอ่ะ 121 แล้วเราก็คิดว่าถ้าไม่เวิร์ค ก็กลับมาแค่นั้นเลย

วีซ่าผ่าน!!
ในที่สุดก็ได้วันเดินทาง แล้วก็คิดว่า เฮ้ย นี่เราจะไปจริง ๆ เหรอเนี่ย แต่เอาน่า ไปแค่สองสามเดือน เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว มาทำงานต่อหน้าไฮ ของก็ฝากไว้ที่บ้านเพื่อนก่อน เดี๋ยวกลับมาค่อยเริ่มใหม่
ปะ ปะ ไป จะได้มีไฟ กลับมา



นี่คือหน้าตาหลังจากผ่านไปซักพักค่ะ ผ่านไปนานแค่ไหน ยังไม่บอก 422





 



Create Date : 10 ธันวาคม 2559
Last Update : 19 กันยายน 2562 22:48:20 น.
Counter : 120 Pageviews.

0 comment

kohkoodlover
Location :
Bergen   Norway

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



I was born in Trat. Now I've been living on Koh Kood where I was fallen in love since first time I came 6 years ago. I spend my life here doing a small guesthouse for backpakers and cheap budget tourists. I'm happy with what I'm doing here and see how people enjoy their holidays on Koh Kood.
New Comments