วีซ่า เยอรมัน 2010
และแล้ววันแห่งความน่าสะพรึงกลัวก็มาถึง แต่ ๆ ๆ เราจะไม่กลัวค่ะ เราพร้อม เราจะยิ้มสู้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

สถานทูตนัดวันจันทร์ที่ 5 ก.ค. เราเตรียมเสื้อผ้าชุดที่คิดว่าเรียบร้อยและดูดีที่สุด ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 4 ก.ค. (แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จริงมั้ยคะ) เข้านอนแต่หัวค่ำ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อหน้าตาที่สดใส และกำลังใจทีดี
เราไปถึงสถานทูตตั้งแต่หกโมงสี่สิบห้า ไปถึงตั้งแต่พี่ยามยังไม่มาเปิดประตู แต่มีคนมาเข้าแถวรออยู่แล้วประมาณ 10กว่าคน โหคนเยอะน่าดู พี่ยามบอกว่าบางวันเยอะกว่านี้อีก รอกันต่อไปค่ะ อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ประมาณ 7 โมงพี่ยามก็บอกให้พวกเราตั้งแถว ปิดมือถือและเครื่องมืออิเลคโทรนิคทุกชนิด เตรียมเปิดกระเป๋า แล้วก็เตรียมยืนชิดริมกำแพง พอประตูเปิดเราก็ทะยอยกันเข้าไปค่ะ ไปถึงต้องให้พี่การ์ดเค้าเปิดกระเป๋า ตรวจดูทุกสิ่งอย่าง ต้องใจเย็น ๆ ด้วยนะคะ ถ้าทะลักเข้าไปออดมันจะดังค่ะ แอดดดด แอดดดดด แอดดดดด พี่การ์ดเค้าจะให้เราฝากมือถือและเครื่องมืออิเลคโทรนิคเอาไว้ที่ตู้ล็อคเกอร์ แล้วเอาเบอร์มาให้เราเอาไว้ไปแลกคืนตอนขากลับออกมา เข้าไปแล้วก็เอาโค้ดที่จดมาและใบคำร้องขอวีซ่าพร้อมรูปไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เค้าจะดูรูปว่าต้องไปถ่ายใหม่รึเปล่า ถ้ารูปใช้ได้พี่เค้าจะให้กระดาษใบเล็ก ๆ ที่เค้าเขียนหมายเลขเคาน์เตอร์ที่เราจะต้องไปยื่นเอกสารให้เราค่ะ ถ้ารูปไม่ผ่าน ต้องไปถ่ายรูปใหม่แล้วกลับมาหาพี่เค้าเพื่อนรับเบอร์เคาน์เตอร์อีกทีหนึ่งค่ะ เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอ

ระหว่างนี้ก็ชิว ชิว ค่ะ มีกาแฟ เครื่องดื่ม ของว่างขายด้วยค่ะ มองไปรอบ ๆ มีมุมถ่ายเอกสารใบละ 3 บาท
มุมถ่ายรูป 4 รูป 180 บาท
มุมไปรษณีย์ไว้ซื้อซองสำหรับคนที่ไม่สะดวกมารับพาสปอร์ตเอง
สะดวกสบายมากค่ะ
ระหว่างนั้นก็เตรียมเช็คเอกสารให้เรียบร้อยอีกครั้งค่ะ เอกสารทุกใบจะต้องมีสำเนาอีกอย่างละ 1 ฉบับนะคะ ถ่ายเอกสารใบคำร้องขอวีซ่าไว้ก็ดีเผื่อมีประโยชน์ในโอกาสต่อไป

เมื่อใกล้ถึงเวลาจะมีคุณลุง เข้ามาจัดป้ายลำดับคิว คอยบอกพวกเราว่าให้เขียนชื่อลงในใบเ็ล็ก ๆ ที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้มา เป็นภาษาไทยก็ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่จะได้เรียกถูก เค้าจะเรียกทีละประมาณ 7 คน เริ่มตั้งแต่ คนที่มีเวลานัดตั้งแต่ 7.30-7.37 น. ไปเรื่อย ๆ ค่ะ อีกนานกว่าจะถึงคิวเราค่ะ ระหว่างนี้เราก็เห็นบางคนก็เข้าไปแล้วก็ต้องกลับออกมาถ่ายเอกสารใหม่อีกสองสามรอบ เพราะว่าเจ้าหน้าเรียกเอกสารเพิ่ม บางคนก็ออกมาหน้าตาเศร้าเชียวค่ะ บางคนก็ยิ้มมาเลย หลายอารมณ์มากเลยค่ะ

และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง

คุณลุงโชว์ป้าย 8.40-8.47 ไปแล้วค่ะ ยื่นใบให้คุณลุงเช็คชื่อ แล้วก็บอกใ้ห้เอาใบเล็ก ๆ นี่ไปที่เคาน์เตอร์ข้างในอีกที เราได้ช่องที่ 13 ค่ะ ริมสุด เดินเข้าไปมีพี่ฝรั่งตัวใหญ่มากยืนคุมเชิงอยู่ บรรยากาศอึมครึม แ่ต่ก็มีเสียงปรึกษากันดังเป็นระยะระยะค่ะ เสียงเรียก คุณมนีษิตา เชิญค่ะ

พอไปถึงก็สวัสดีพี่เค้าตามธรรมเนียมไทย ๆ นะคะ

ยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้พี่เค้าค่ะ
-พาสปอร์ตตัวจริง พร้อมสำเนาหน้าที่มีรูป กับหน้าที่ประัทับตราวีซ่าครั้งล่าสุด
-ใบคำร้องขอวีซ่า
- รูป 2 นิ้ว
-สำเนาสมุดธนาคารทุกหน้า ของเรามีใบรับรองจากธนาคารด้วย เค้าจะออกให้มาเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ดูดีเฉย ๆ อ่ะค่ะ (ค่าธรรมเนียม 200 บาท)
-กรมธรรม์ประกันภัย
-ใบจองตั๋วเครื่องบิน
-สำเนาใบจดทะเบียนพานิชย์

พี่เจ้าหน้าที่เค้าก็เอาไปตรวจดูความเรียบร้อย และตั้งคำถามค่ะ
ถามมาแล้ว
เจ้าหน้าที่ : เป็นอะไรกับคนเชิญคะ
มีน : เค้าเป็นน้องเขยของแฟนค่ะ
เจ้าหน้าที่ : อะไรนะคะ
มีน : เป็นน้องเขยของแฟนค่ะ

เจ้าหน้าที่ : เงินก้อนใหญ่ก้อนสุดท้ายมาจากไหนคะ
มีน : พ่อให้มาค่ะ
เจ้าหน้าที่ : พ่อให้มาทำอะไรคะ
มีน : ให้เอาไปใช้จ่ายตอนที่อยู่ที่โน่นค่ะ แล้วก็เผื่อไว้ด้วยถ้ามีปัญหาอะไร
ค่ะ
เจ้าหน้าที่ : เขียนอะไรยึกยึก ยักยัก ให้เสียวเล่น

เจ้าหน้าที่ : คนเชิญเป็นอะไรกับแฟนนะคะ
มีน : เป็นน้องเขยของแฟนค่ะ
เจ้าหน้าีที่ : แฟนคุณเป็นใครคะ
มีน : แฟนชื่อมิสเตอร์............ค่ะ เค้าเป็นครูสอนดำน้ำอยู่เมืองไทยค่ะ
มีใบอนุญาตทำงานด้วยนะคะ
เจ้าหน้าที่ : ขอดูพาสปอร์ตของแฟนด้วยค่ะ
มีน : กำลังจะหยิบพาสปอร์ตกับใบอนุญาตทำงานออกมา
เจ้าหน้าที่ : (ทำเสียงขรึม) พาสปอร์ตคะพาสปอร์ต
มีน : ค่ะ ค่ะ
เจ้าหน้าที่ : เอาไปถ่ายเอกสารหน้าที่มีรูปกับหน้าที่มีวีซ่าล่าสุดมานะคะ จำได้รึ
เปล่าคะ
มีน : จำได้ค่ะ รีบไปและรีบมาอย่างเร็ว
เจ้าหน้าที่ : เรียบร้อยค่ะ มารับพาสปอร์ตวันพฤหัสนี้ 8.00 น.ค่ะ
มีน : ขอเป็นส่งทางไปรษณีย์ได้มั้ยคะ
เจ้าหน้าที่ : ไปซื้อซองแล้วมายื่นให้ที่ช่องนี้ แล้วก็ไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมที่
ช่อง 2 ค่ะ
มีน : ขอบคุณนะคะ สวัสดีค่ะ

ออกมาซื้อซองไปรษณีย์ 100 บาท แล้วก็ไปจ่ายตังค์ ณ วันนั้น 2400 บาท
สรุปแล้วยังไม่รู้ว่าผ่านหรึอไม่ผ่าน ได้แต่ปลอบใจตัวเองน่าจะผ่าน น่าจะผ่าน
ดูนาฬิกาเก้าโมงกว่า ๆ เอง อะไรจะช่างรวดเร็วเช่นนี้


เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก วันศุกร์บ่าย ๆ พี่ไปรษณีย์ก็มาถึงบ้านที่ตราด แต่ตัวเรานั้นไซร้ อยู่ที่เกาะกูดแล้ว ไปรษณีย์ถึงปุ๊ฐ พี่สาวที่แสนดีก็รีบโทรมาปั๊บ เปิดเลย เปิดเลยพี่ อยากรู้ ๆ ๆ พี่เค้าก็มือสั่น เปิดดู เราบอกว่าให้หาหน้าวีซ่าที่มีรูปเราน่ะ พี่เค้าว่าไหน ไหน ไม่เห็นจะมีเลย เห็นมีแต่กระดาษสีขาวร่วงลงมา แป่วว ชักจะใจไม่ดี เราบอกว่าหาให้ดีดีดิ๊ อยู่หน้ากลาง ๆ รึเปล่า เค้าบอก เออ เดี๋ยว ๆ แปร๊บนึง แปร๊บนึง เออ เออ นี่งัย เจอละ เจอละ วีซ่าผ่าน ผ่านแล้ว ไชโย้!!!!!! กระโดดซะตัวลอย วีซ่าผ่านแล้ววววววววว เย้ เย้ เย้!! ฝันที่จะเป็นจริง



Create Date : 12 กรกฎาคม 2553
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 1:08:07 น.
Counter : 426 Pageviews.

1 comment
ดีใจสุดชีวิต เมื่อรู้ว่าจะได้ไปเยอรมัน โย่ว โย่ว
อาชีพแบบเรา ช่วงไฮซีซั่น พ.ย.ถึง เม.ย. ทำงานหนักสุดชีวิตไม่ได้มีวันหยุดเลยซักกะวันเดียว เหนื่อยมากกกกก แต่เมื่อหันกลับมามองถึงสิ่งที่ได้รับแล้ว มันก็ชื่นใจจนบอกไม่ถูก อันนี้เรื่องเงินทองไม่ต้องพูดถึงนะค้าาา กว่าจะได้มา แต่สิ่งที่เราได้มากกว่านั้นก็คือประสบการณ์อันมีคุณค่า กับการที่ได้เจอผู้คนที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก มีหลากหลาย ร้อยพ่อ พันแม่ แต่ละคนมีความต้องการแตกต่างกันไปเพื่อให้การเดินทางของตัวเองคุ้มค่ามากที่สุด

แล้วก็การทำงานร่วมกับคนอื่นที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก มีหลากหลาย ร้อยพ่อ พันแม่ เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่คนกลุ่มหลังทำไปเพื่อที่จะได้รับเงินค่าตอบแทนคุ้มค่ากับการทำงานมากที่สุด ในฐานะที่เป็นเจ้านายอย่างเราก็ต้องทำตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบจริง ๆ อันนี้ไม่ได้เวอร์ เ้ดี๋ยวว่าง ๆ แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ แต่ตอนนี้ขอดีใจกับการจะได้ไปเยอรมันนีครั้งแรกในชีวิตก่อนนะคะ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า คุงแฟน เธอเป็นชาวเยอรมันค่ะ ทำงานเป็นครูสอนดำน้ำอยู่เมืองไทยมาแปดปีกว่า ๆ แล้ว (รู้มากอ่ะค่ะ อิอิ) เธอไม่ได้กลับบ้านมาสองปีแล้ว ก็เลยคิด ๆ ดูว่ายังงัยปีนี้ก็จะต้องกลับไป ทั้งเยีืียมครอบครัว แล้วก็กินอาหารสูตรดั้งเดิม เห็นพี่ท่านพร่ำพรรนณามาหลายคราแล้ว คราวนี้ก็เลยเห็นท่าจะเป็นจริงซะที ก็เลยเป็นบุญของอิชั้นไปด้วยที่จะได้ไปเยอรมัน คุณพี่ก็ใจดีเหลือเกินติดต่อน้องเขยที่อยู่ทางโน้นให้ไปทำเรื่องใบเชิญให้ และแล้วก็ได้มาใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่า ๆ กว่าจดหมายจะมาถึงเมืองไทย ทีนี้ก็เป็นเรื่องของเราที่จะต้องไปทำเรื่อง

- ขอใบรับรองสุมดบัญชีเงินฝากจากธนาคาร พร้อมกับสำเนาสมุดทุกหน้าที่ีมี
รายการ
- ซื้อประกันชีวิต (เราซื้อของทิพยประำักันภัย 2210 บาท จานอินเตอร์เน็ทผ่าน
บัตรเครดิต ปรินซ์รายการออกมาได้เลย สบายมาก
- จองตั๋วเครื่องบิน (ที่ราคาถูกที่สุด)
- ถ่ายรูป 2 นิ้ว
- กรอกคำร้องขอวีซ่าเชงเก้น
- ใบจดทะเบียนพานิชย์ หรือใบรับรองการทำงาน/การลางาน
- ในกรณีที่คุณแฟนไม่ได้ไปด้วย ขอพาสปอร์ตตัวจริงของเค้าไปด้วยค่ะ
- โฉนดที่ดิน ถ้ามี ถ้าไม่มีไม่เป็นไรค่ะ อันนี้กันเหนียวเฉย ๆ
- พาสปอร์ตตัวจริง ถ้ามีเล่มเก่าเอาเล่มเก่าไปด้วย

เมื่อเอกสารพร้อมแล้วก็โทรนัดเวลากับสถานทูตเยอรมัน ที่เบอร์ 1900 222 343 operator พูดเพราะเชียวค่ะ ได้มาแล้ว วันจันทร์ที่ 5 ก.ค. 2553 เวลา 08.47 เป๊ะ เจ้าหน้าที่จะบอกให้จดโค้ดเอาไว้ไปยื่นวันนัด นับดูแล้วมีเวลาอีกหนึ่งอาิทิตย์ ก็หาข้อมูลทางอินเตอร์เนท ได้ข่าวว่าเจ้าหน้าที่โหด ดุ เหี้ยมมากมาย บางคนก็ได้มาง่าย ๆ บางคนก็ไม่ได้ โอ๊ย ตื่นเต้น ตื่นเต้น ตื่นเต้น

แต่เจ้าหน้าที่เค้าก็แค่ถามรายละเอียดโดยทั่ว ๆ ไป
เช่น
- ไปทำอะไร
- ไปอยู่กับใคร
- เป็นอะไรกับคนที่อยู่ทางโน้น
- ไปอยู่นานเท่าไหร่
ไม่มีอะไรมากค่ะ ถามมา ตอบไป แถมยิ้มไปเยอะ ๆ เลยค่า
อ้อ หมายเหตุ ควรจะถ่ายเอกสารที่คิดว่าสำคัญ ถ่ายได้ถ่ายไว้เลยค่ะ เพราะว่าคิวที่สถานทูตยาวมาก แล้วก็แพงด้วย

อีกหนึ่งอาทิตย์รอรับวีซ่าได้เลย




Create Date : 11 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2556 19:23:16 น.
Counter : 212 Pageviews.

1 comment

kohkoodlover
Location :
Bergen   Norway

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



I was born in Trat. Now I've been living on Koh Kood where I was fallen in love since first time I came 6 years ago. I spend my life here doing a small guesthouse for backpakers and cheap budget tourists. I'm happy with what I'm doing here and see how people enjoy their holidays on Koh Kood.
New Comments