Group Blog
 
All blogs
 

นิราศอันดามัน



จำลาไกลเที่ยวนี้ นับวัน คืนแม่
กายจักไกลจากกัน จิตข้อง
เพ็ญพักตร์ดุจเพ็ญจันทร์ งามจับ ใจเอย
ผิวผ่องเพ็ญผ่องพ้อง พิศเพ้อครวญถึง

รำพึงคำค่ำเช้า คะนึงไฉน
เหินห่างมองทางใด ว่างว้าง
ดวงแดดส่องสะท้อนใจ จมโศก
ร้อนยิ่งร้อนรุ่งร้าง เหงื่อล้นรินนัยน์


คลองสานใจส่งให้ ใจสาน
คู่รักคลองถักธาร คดเคี้ยว
พลอดคำค่ำสำราญ ริมฝั่ง
เคยเกาะกุมกอดเกี้ยว กรุ่นแก้มนวลหอม


ตรอมใจใครเล่ารู้ ความใน
รถล่วงบางแคใคร ค่อนค้อน
แคจันทร์กลีบขาวใจ เจียนขาด
บางปากยิ้มซ่อนซ้อน แข่งเสี้ยวแสงแข

พ่ายแพ้จึงผ่านพ้น มหาชัย
ตรอมอกตกล้อมไฟ แผดอ้าว
ไอเกลือสูดหายใจ เข้าออก
รดบาดแผลโบยร้าว ราดร้อยรอยหวาย



แสงสายส่องสะท้อน ผิวธาร
พราวเกล็ดเกลือระยับลาน เกาะพื้น
เคยหวานตอบตาหวาน เคียงสมุทร
แล้งรสโอดสะอื้น อาบน้ำตาเค็ม

เต็มตื้นเต็มอกกลั้น กล่าวกถา
แค่หนึ่งคำอำลา จากบ้าน
สัญญาพ่อสัญญา อย่างพูด
ตาสบตาสะท้าน ส่งยิ้มอวยพร


ช้อนคางขึ้นจูบแก้ม ดวงใจ พ่อเอย
เชื่อแม่อย่าซนไป นะเจ้า
จุมพิตเทพธิดาใด หนอเสก มนต์แม่
หยดลักยิ้มหยาดเช้า ชาดแม้นตะวันฉาย


ในอ้อมแขนคู่นั้น นุ่มสบาย
อกอุ่นน้ำนมสาย- เลือดข้น
จากไกลห่างกันหลาย คืนล่วง
ฝากรักไว้ท่วมท้น พ่อให้สัญญา

ยิ้มร่าฤๅล่วงรู้ นัยหมาย
แม้สักคำทำนาย ทักท้วง
ชะตาผูกเงื่อนตาย ตรมแน่น
ยากจักฉุดพ้นห้วง บาปแก้บ่วงกรรม


เพื่องานจำจากเจ้า จอมใจ
เพื่อครึ่งปีผ่านไป พบพร้อม
เพื่ออนุรักษ์ทะเลไทย เพื่อลูก หลานเอย
เพื่อโดดเดี่ยวกลางล้อม คลื่นไล้โขดผา

รอพระพายพาพัดให้ ไอฝน
พรมเมฆหลั่งพิรุณจน ฉ่ำฟ้า
หนาวเหน็บเจ็บร้อนทน ทยอยผ่าน
รอกว่ามรสุมกล้า ดับแค้นคิดถึง

ครั้งหนึ่งเคยรักแท้ ท่องทะเล
คลื่นซัดลมพัดเพ ครึกครื้น
ใครทำปลี่ยนใจเท ท้นฝั่ง
ไกลห่างกลางไอชื้น อาบอ้าวทรวงไฉน

ปล่อยใจลอยผ่านโค้ง วังมะนาว
เปรี้ยวเข็ดฟันหนอสาว เพชรโพ้น
เขาย้อยหยาดเยิ้มวาว ตาวาบ
คนกลับนิ่งนึกโน้น ไม่แม้ชายตา

ท่ายางยางใหญ่ขึ้น ริมทาง
รถใหญ่เล็กวิ่งพลาง ผ่านหน้า
ล้อยางบดถนนยาง เหยียบย่ำ
เขาโค่นเพื่อการค้า ตัดไม้ตัดถนน


เมฆฝนลอยห่มฟ้า หม่นมัว
มวนคลื่นแห่งความกลัว ก่อเค้า
รักมั่นรักษาตัว เถิดแม่ ลูกแม่
พ่อจักส่งใจเฝ้า ฝ่าฟ้าแปรปรวน

เรรวนรินหลั่งล้น หลงฤดู
สักพักพรมพร่างพรู อาบไม้
ลมฝนป่าละอู ละอองแผ่ว
นึกหยุดก็หยุดได้ สงบสิ้นเสียงฝน

บางคนเป็นเช่นนี้ บางครา
เพพัดอารมณ์ขวา พลิกซ้าย
ยิ้มรื่นหลั่งน้ำตา รินสลับ
ฤดีผิดฤดูร้าย โลกร้อนลมหนาว

ทางทอดยาวยิ่งย้อน คำนึง
ปราณแม่ปราณพ่อตรึง ติดไว้
สายใยผูกโยงขึง คงมั่น
ผูกชีพเราร่วมใช้ ชาตินี้รักเดียว

สร้างเกลียวเป็นโซ่คล้อง สองใจ
นึกน่าน้ำตาไหล นักเจ้า
พวงแก้มอิ่มเอิบใส ใครจัก ถนอมนา
ยุงเกาะใครจักเฝ้า ปัดให้จอมขวัญ


เที่ยงวันกลางแดดร้อน ลวงตา
ลมวกหมุนวนมา สั่นไม้
ไอพรางระเหยพา เห็นภาพ
เป็นแอ่งน้ำพอใกล้- กลับแห้งเลือนหาย

เหลียวซ้ายสามร้อยยอด ยอดรัก
เพียงหนึ่งก็เลิศนัก นุชนี้
ใจเจ็บเมื่อต้องหัก ใจจาก
มองยอดดวงใจลี้ ห่างให้ใจโหย

สายลมโชยเอื่อยช้า ชวนฝัน
ประจวบคีรีขันธ์ เปลี่ยนโค้ง
หยุดรถพักกลางวัน มื้อเที่ยง
ปูทะเลยกโป้ง แกว่งก้ามชวนเชิญ

การเดินทางทุกก้าว ไกลแสน
นิราศไปสุดแดน สุดน้ำ
ข้ามเขาขีดบนแผน- ที่บอก
ไกลยิ่งยังจักย้ำ จักย้อนคืนเรือน

ย้ำเตือนตนเที่ยวนี้ เทศกาล
นักท่องเที่ยวมหาศาล สู่ใต้
เพชรน้ำเอกเล่าขาน เขาหลัก
ดาวรุ่งดวงใหม่ได้ ส่องจ้าโชนแสง


แข่งเวลาวิ่งทั้ง ชีวิต
ต่างจุดหมายต่างทิศ ต่างค้น
พบเห็นถูกเวียนผิด วนผ่าน
ภาระแบกหลังล้น หนักเพี้ยงภูผา

หว้ากอรำลึกร้อย ปีมา
เกิดสุริยุปราคา ที่นี้
เงาดำดับสุริยา เยือนโลก
อำนาจอันลับลี้ สาปหล้าเลือนสวรรค์

จันทร์งามพิสุทธิ์ปั้น กลมกลึง
บังอาจบิดเบือนดึง ดับฟ้า
ในห้วงคิดคำนึง นึกหวั่น
จันทร์ผ่องเยือนส่องหล้า ส่องร้ายดีไฉน

หัวใจพ่ออยู่บ้าน เราเสมอ
ถึงทับสะแกเกือบเผลอ ผิดก้าว
ใจหายอาจได้เจอ อุบัติเหตุ
หนาววาบกลางแดดอ้าว รีบตั้งสติตน

ธงชัยบนยอดไม้ ปลายเสา
โบกพัดสะบัดเอา แถบรุ้ง
หลากสีลัดข้ามเขา เขียนรูป แม่ฤๅ
หอมกลิ่นน้ำอบฟุ้ง อุ่นฟ้าแดดใส


บางสะพานใจเชื่อมคล้อง บนสะพาน
เชื่อมรักตราบถึงกาล สุดท้าย
ทรายทองเม็ดทรายสาน เรียงต่อ เส้นเอย
ยาวยิ่งกัปกัลป์คล้าย คู่สร้างเราสอง

ครองเรือนเราสุขด้วย ปฐมพร
ใจเกี่ยวจนเกี่ยวกร ผูกคล้อง
ยังแสนห่วงอาวรณ์ อกหวั่น
ทางแยกอย่าเลือนร้อง อย่าทิ้งเปลี่ยนทาง

สี่แยกขวางต้องหยุด รอไฟ
ต่างทิศตัดสินใจ จากนี้
จะซ้ายจะขวาไป ตรงต่อ
เลือกช่องทางเพื่อชี้ ชีพใช้ตามชะตา

บ่ายคล้อยคราจากแล้ว ชุมพร
ไหว้เทพไท้วิงวอน ช่วยคุ้ม
ห่างลูกห่างเมียนอน กลางป่า
ให้รักพันห่อหุ้ม ห่มป้องผองภัย

หลังสวนเมืองลูกไม้ สารพัน
รถผ่านรสผ่านพลัน เฝื่อนสิ้น
ต่างผลซึ่งแม่สรรค์ รอยสลัก
หวานสลักอยู่บนลิ้น สุขแล้วฤๅลืม


ดื่มด่ำความสุขเคลิ้ม ขุนเขา
ข้ามฝั่งใต้เงื้อมเงา ตระหง่านนั้น
สัญญาผูกสองเรา เป็นหนึ่ง
ส่งผ่านทุกภูกั้น กี่ฟ้ากีดขวาง

แร่นองกลางหุบห้วง กันดาร
ขุมทรัพย์ซ่อนสายธาร เอ่อท้น
นองเนตรอยู่เนานาน หนอโลก
เหมืองแร่มือมนุษย์ค้น ขุดค้าเจาะขาย

ชายฝั่งยาวเหยียดใต้ อันดา มันเอย
เพชรสมุทรใดจักหา เปรียบเจ้า
ผืนทรายพิสุทธิ์ครา สะท้อนแดด
อบอุ่นสัมผัสเท้า สุขท้าเทียมสวรรค์

สุขสำราญยิ่งย้อน คิดถึง
ในทุกห้วงคำนึง ขณะนี้
เคยสุขติดตราตรึง ใจมั่น
อยากหยุดกาลก่อนกี้ กลับย้อนเวลา

ฟ้าค่ำมัวหม่นแม้น เหมือนใจ
แดดอ่อนรอนลับไป เปลี่ยนฟ้า
จันทร์เอยค่ำนี้ใคร คอยพ่อ
เหงานักอยากพบหน้า อยากรู้อยู่ไหน


สูดกลิ่นไอสมุทรชื้น ชมตะวัน
ลอยต่ำลงสู่มหรร- ณพกว้าง
ตาหลับดับสีสัน สรรพสิ่ง
หนาวเยือกหยดน้ำค้าง ขื่นค้างใจขม

ลูกหิวนมแม่ป้อน ปลอบใจ
พ่อเล่าเข็ญมีใคร รับรู้
สัมพันธ์ผูกสายใย ยังแน่น ไฉนนา
ช่วยส่งแรงใจสู้ สักสุ้มสักเสียง

เพียงคำอาจบอกได้ เพียงคำ
แม้ศัพท์สำนวนนำ บทอ้าง
อ้อแอ้ออดอ้อนธรรม ชาติเอ่ย
ไพเราะพิสุทธิ์สร้าง กว่าล้านคำสรรค์

~*~









คุระบุรี 24 ธ.ค 2547
คนฉลองวันไม่รู้ ความหมาย
กินดื่มกันแต่กาย ค่ำนี้
แย่งเบียดเสียดกระหาย ความสุข
เมาหลับเมาตื่นชี้ ชีพใช้ฉาบฉวย

บุญช่วยครองช่วยคุ้ม บ้านเรา
มหาสมุทรสุดคาดเดา สงบด้วย
อยู่เย็นจากวัยเยาว์ จนใหญ่
วนเกิดแก่เจ็บม้วย คู่ท้องทะเลคราม

ขึ้นสิบสามค่ำโค้ง ค่อนจันทร์
ทรงกลดแสงผ่านสวรรค์ สู่พื้น
ผ่องพักตร์ผ่องนวลพรรณ เคยโอบ ถนอมเอย
ฟ้าห่มลมเป่าชื้น เมฆเล้าโลมไฉน

ใครจักเป็นผ้าห่ม พันกาย แม่เนอ
ใครจักอ้อนเอียงอาย จวบเช้า
ใครจักจูบแก้มสาย- สมรแม่
ใครจักบอกรักเจ้า เมื่อแย้มเปลือกตา

โคมระย้าระยับร้อย พันสี
ม่านวิมานเมฆี ครอบคุ้ม
เจ้าหญิงหลับฝันดี เถิดลูก
รอพ่อกลับไปอุ้ม กอดพร้อมกล่อมขวัญ


ลมเหมันต์เป่าไล้ ร่ายมนต์ ใดฤๅ
เกิดนิมิตสมุทรวน วาบไส้
มัจจุราชผลักอานนท์ พลิกแผ่น ดินฤๅ
สะดุ้งตื่นเหงื่อแตกใต้ ขอบฟ้าขมุกขมัว

ความมืดคลุมทั่วฟ้า เฟือนดาว
ลมพัดกิ่งไม้กราว เกลื่อนพื้น
จันทร์ฉานชาดกลางหาว กระหายเลือด
โลกหลับใหลฤๅฟื้น ตื่นรู้ชะตากรรม

คำใดจักถักถ้อย อธิบาย
สัญชาตญาณ-ความหมาย ลึกล้ำ
สุขใดเท่ายังหาย- ใจอยู่
ตายจากจึงทุกข์น้ำ- เนตรท้นทรมาน

ดึกป่านนี้ป่าวร้อง ใครฟัง
ยินแต่ใบไม้ยัง สั่นพลิ้ว
คนหรือขัดขืนพลัง ธรรมชาติ
หายนะเริ่มนับนิ้ว หนึ่งแล้วเป็นลาง

ฟ้าสางลมสงบสิ้น สรรพเสียง
เงาทอดยาวเยื้องเอียง กระทบน้ำ
ฝันร้ายผ่านไปเพียง ภาพหลอก หลอนฤๅ
ยังรอดยืนอยู่ย้ำ "กลับบ้าน-สัญญา"


อาชีพเป็นหนึ่งผู้ นำทาง
รับส่งความสุขกลาง สมุทรโพ้น
เค็มเกลือมิเคยจาง ใจจาก
เล่าเรื่องนี้เรื่องโน้น สนุกสร้างนำเสนอ

พบเจอสรรพสิ่งพร้อม ทุกหน
น้ำ-บกพักเหนื่อยบน ฝั่งบ้าง
หากใจปักใจชล ชเลเชี่ยว
รักทุกสิ่งฟ้าสร้าง ส่องให้ตาเห็น

ธรรมชาติเป็นสิ่งล้ำ ค่าใด เสมอนา
จากฝั่งจบฝั่งใจ ผูกแล้ว
เนตรทรายวาบทรายใน มหาสมุทร
มองส่องชลใสแพร้ว สื่อสะท้อนในตา

เรือเร็วฝ่าคลื่นร้อย พันขวาง
มุ่งสู่หมู่เกาะกลาง สมุทรใต้
ท้าทายนักเดินทาง ทั่วโลก
บันทึกรอยเท้าไว้ เพื่อล้างเลือนหาย

สายลมปะทะหน้า ผมปลิว
เปลวแดดแผดผ่าวผิว แสบไหม้
จักรกลติดเครื่องฉิว เฉือนคลื่น
กระแทกกระทบสยบใต้ ฝ่าเท้าผู้ผยอง


สองแม่ลูกตื่นเช้า หลับสบาย ดีฤๅ
หอมกลิ่นทะเลกลาย กรุ่นแป้ง
หลังลงสระสนานสาย น้ำอุ่น
ไร้คลื่นร้ายลมแล้ง เขย่าให้คลอนหัว

มองทั่วผืนแผ่นน้ำ ผ่านมา
จากคุระบุรีลา ฝั่งแล้ว
เขาสูงสุดสายตา ยืนตระหง่าน
ขวางกีดกั้นสองแก้ว ขาดซ้ำน้ำเค็ม

เต็มเรือเต็มรักล้น รานใจ
มองหนุ่มสาวคู่ใคร คู่ข้าง
หัวเราะหยอดยิ้มใน แววเนตร
กลางมหาสมุทรกว้าง กว่าเวิ้งจักรวาล

นานเนิ่นราวสุดสิ้น แสนกัลป์
หกสิบกิโลเมตรพลัน ผ่านพ้น
เริ่มงานแรกสายวัน แสนเหนื่อย
ความรักย้อนเริ่มต้น ที่นี้ที่เดิม

~*~




หมู่เกาะสุรินทร์ 25 ธ.ค. 2547
เติมคนในช่วงสร้าง ชีวิต
ใจใส่ใจจนสนิท เกี่ยวก้อย
จับมือแผ่วจุมพิต สัมผัส
สร้างวิมานหลังน้อย จากล้านเม็ดทราย

ลมหายใจเข้าออก สองเรา
พัดผ่านกลางช่องเขา- ขาดนี้
หอมหวานอบอวลเนา นานตราบ นิรันดร์นา
ห้อมหุบห้วงลับลี้ หลืบเร้นเหลี่ยมผา

ปะการังกลางอ่าวน้ำ เย็นใส
ลมแผ่วผืนผ้าใบ พัดพลิ้ว
เขาขาดคิดถึงใจ เจียนขาด
คมบาดร้าวรอยริ้ว ซ่อนไว้ในทรวง

แม้ห้วงมหาสมุทรกว้าง เพียงใด
ใจส่งตรงถึงใจ สุดหล้า
แรงผลัก-ดูดกรรมใด กำหนด
พบ-พราก-ต่างฟากฟ้า เกี่ยวคล้องสัมพันธ์

อันดามันชื่นเช้า ชวนชม
เงียบสงบไร้คลื่นลม คลั่งร้าย
ธรรมชาติหลั่งน้ำนม นองอก
คน-สัตว์-พืช-ดื่มคล้าย พี่น้องท้องเดียว


ลัดเลี้ยวริมขอบน้ำ ลงเรือ
จากเกาะสุรินทร์เหนือ สู่ใต้
ร้อยอ่าวอาบไอเกลือ ไกลฝั่ง
คนขื่นเค็มขมไข้ แค่คล้อยคิดถึง

ชูชีพดึงชีพข้าม สรวงสวรรค์
เหนือโลกอันดามัน ลึกล้ำ
ต่างเพศต่างเผ่าพันธุ์ ผุดว่าย
ร่วมแผ่นดินแผ่นน้ำ แผกหน้าแผกนาม

ตั้งชื่อตามเจ้าถิ่น ทะเลครอง
เจ้าเต่าน้อยเจ้าของ อ่าวนั้น
เราคลานแข่งกันสอง พ่อลูก
ตัวเล็กขยับขาสั้น ชนะสิ้นสงสัย

อ่าวจากไกลจากบ้าน อักโข
ร่วมแปดร้อยกิโล เมตรได้
ปลาสินสมุทรตัวโต เหลืองสลับ ฟ้าแล
ซ่อนทรัพย์วิเศษใต้ สมุทรให้รักษา

ปะการังหลากรูปร้อย เรียงวาง
เขียวผักกาดเขากวาง ขลิบฟ้า
จานใหญ่แผ่แผ่นบาง ริมสลัก
บ้างอ่อนย้อยระย้า ยอดพลิ้วปลิวไหว


ดอกไม้ทะเลช่อช้อย ชมพู
วางมอบแด่มิ่งพธู แทบเท้า
ยอดอ่อนยื่นออกชู ชายเนตร แม่เทอญ
เริงระบำหยอกเย้า ยั่วแย้มยวนสรวล

ก้มชมสวนดอกไม้ หลากสี
บนกิ่งแก้วแพรวมณี พร่างรุ้ง
พราวผลึกเพชรน้ำดี สะท้อนแดด
แวววาบวาวทั่วคุ้ง คลื่นริ้วลออตา

ปลาการ์ตูนโผล่หน้า ทักทาย
ส้มสลับขาวเล่นลาย หยอกล้อ
ซ่อนหาแทรกกอหาย นับหนึ่ง
ถึงสิบจ๊ะเอ๋ป้อ แปะโป้งยิ้มหวาน

ดอกกระหล่ำบานแผ่พื้น ปูพรม
ดอกเห็ดดอกจอกผสม สลับสล้าง
ผีเสื้อว่ายดอมดม กระพือครีบ
วนโฉบกลางทุ่งกว้าง ว่อนท้องทะเลงาม

รูปนามลักษณะล้วน สื่อนัย
เปลวปะการังไฟ แสบร้อน
เพลิงรักแผดเผาใจ รานระอุ
น้ำดับยังเดือดซ้อน สาดซ้ำไฟสุม


กัลปังหากลุ่มก้าน แตกแขนง
ส้มแสดน้ำตาลแดง ดุจไม้
น้ำลึกกระแสแรง ไหลผ่าน
ปลายยอดไกวแกว่งไล้ ขอบโค้งโขดผา

หญ้าอำพันแผ่พื้น ทรายอำ พันเอย
ทรวงนุชบุษราคัม ประดับแก้ว
โอ้อมฤตอกธรรม- ชาติหลั่ง
พิศสุพรรณผ่องแผ้ว เสพเพ้อเพียงสมร

กุ้งมังกรหลบเร้น หลืบผา
สร้างเสกหัวโขนมา ครอบเกล้า
เห็นอยู่หลัดหลัดหา หลบไม่ เห็นแฮ
หนามใหญ่ใจเสาะเจ้า ตื่นน้ำหนีใคร

รุกไล่กะรังรอบก้อน ปะการัง
รังแต่ไร้ผลยัง อยากรู้
รักลูกรักเรือนหวัง เวียนปก ป้องฤๅ
หวงคู่หวงไข่สู้ สละแม้ชีวัน

ดาวทะเลพันธุ์แปลกต้อง สะดุดตา
ดาดาษท้องธารา ระดะด้าว
แม้เห็นหากมองหา เสมือนหนึ่ง นางฤๅ
งามกว่างามอะคร้าว กว่าล้านดวงไหน


ทรายขาววนรอบสร้อย นกเขา
ทาบโขดสีเข้มเทา ขนาบข้าง
นพรัตน์สมุทรเอา- ฬารเอก
ร้อยสลับรงค์สลับสล้าง ลาดพื้นตื่นตา

นกแก้วจ๋าเรียกเจ้า จงขาน
ตอบสะท้อนห้วงธาร สงัดนี้
พ่อจ๋าสักเสียงหวาน จงแว่ว
หัวเราะกันก่อนกี้ กลับแกล้งลืมไฉน

ปักเป้าในป่าน้ำ ชวนชม
เผยพิษเพียงพองลม ต่อสู้
หนังเรียบแนบกายคม ในฝัก
ฤทธิ์ปักเป้าเจ้ารู้ ซ่อนร้ายในหนาม

ปลาวัวงามแปลกทั้ง สีสัน
รูปร่างผิดแผกพันธุ์ เพื่อนพ้อง
งามนักถูกจับกัน ในกรอบ
พลัดพรากจากพี่น้อง ทุกข์ซ้ำนามโค

ปลาสิงโตซ่อนใต้ แก่งหิน
เม่นทะเลชื่อยิน อย่าต้อง
หนามแหลมพิษร้ายริน ทั่วร่าง
เจ็บ ฤ กว่าจากร้อง เจ็บคว้านดวงใจ


น้ำใสเมืองสมุทรสร้าง เสมือนฝัน
อ้อมอกอันดามัน โอบล้อม
สัตว์พืชนับร้อยพัน หมื่นสุข แสนเอย
ชีวิตมั่งมีพร้อม- พรั่งทั้งเพียงพอ

แผ่นน้ำคลอแผ่นฟ้า งดงาม
เสกมนุษย์สร้างนิยาม ชื่อตั้ง
ใต้คลื่นทะเลคราม สรรพสิ่ง
เราท่านครอบครองทั้ง หมดสิ้นนรกสวรรค์

ตะวันรอนเรี่ยน้ำ นวลแสง
ดวงเนตรยังเดือดแดง เด่นจ้า
สมดุลระหว่างแรง ดึงดูด
วาดขอบน้ำขอบฟ้า ขีดโค้งตามเขียน

เปลี่ยนโมงยามเปลี่ยนฟ้า เปลี่ยนใจ นางฤๅ
เหมือนเหตุลางบอกนัย ค่ำนี้
สองกายห่างกันไกล เกินกลับ ไฉนฤๅ
เมฆหมอกมัวหม่นลี้- ลับคล้ายลอยขวาง

ขึ้นแรมวางเปลี่ยนโค้ง เคียวจันทร์
คมบาดคราพลิกหัน กลับข้าง
แรมไกลจากจอมขวัญ คงห่วง
เจ้าจักรักจักร้าง แค่ข้ามผ่านคืน


มอแกนกลางป่าชื้น ชาวเรือ
เย็นล่องจากเกาะเหนือ กลับใต้
ทรัพย์สมบัติเหลือเฟือ เลี้ยงชีพ
เลี้ยงครอบครัวครบได้ อยู่พร้อมหน้ากัน

หันมองบนโลกนี้ มีใคร
ปันส่วนลมหายใจ อยู่บ้าง
เกิดเพื่อเหตุผลใด เพื่อดับ
สุขโศกสะสมสร้าง สอดคล้องสมดุล

เจือจุนกันอยู่ด้วย สิ่งดี ใดนา
ปลาใหญ่ปลาเล็กมี ร่วมน้ำ
ว่ายเคียงคู่ว่ายหนี ว่ายกลับ
วัฎจักรวนซ้ำซ้ำ สุขแท้-เทียมไฉน

กังวลในอกโอ้ อันดา มันเอย
คำสัตย์ต้องรักษา ต่างรู้
พรุ่งนี้โชคชะตา เป็นอย่าง ไรฤๅ
ชีวิต-การต่อสู้ สุดสิ้นเมื่อใด

กายใจพันผูกด้วย วิญญาณ
เวียนว่ายเวิ้งจักรวาล ชั่วฟ้า
แปรธาตุสู่สสาร สารรูป
เพื่อรับเพื่อรู้หน้า หนึ่งนี้นามไหน


กรรมใดใครก่อแล้ว ลบเลือน ได้ฤๅ
รอยสลักบนดาวเดือน บ่งไว้
สิบสี่ค่ำย้ำเตือน คืนพรุ่ง
จันทร์ผ่องเพ็ญจักไร้ คู่คล้องครองเคียง

ร้อยศิลป์เรียงศาสตร์สร้อย ดารา
บุญบาปคำนวณมา ก่อเกื้อ
ขีดวงวาดชะตา ตามโฉลก
อ่านพยากรณ์เอื้อ อาจตั้งระวังตน

หาเหตุผลประกอบสร้าง ทฤษฎี
กรรมใหม่กรรมเก่ามี มากล้น
กังวลใช่จักหนี กำหนด
ร้อนรุ่มฤๅหลุดพ้น พ่ายแพ้ดวงดาว

หนาวน้ำค้างหยาดฟ้า หยดดิน
รักลูกน้ำตาริน อกร้าว
รอยยิ้มฉาบหน้ายิน เสียงสะอึก สะอื้นฤๅ
หากอยู่ใกล้เพียงก้าว จักคว้ามาหอม

วงล้อมวงเหล้าลั่น บรรเลง
บนหาดทรายวังเวง ว่างว้าง
ซ่อนเสียงแว่วหวานเพลง ไพรกล่อม
คีตศิลป์พิสุทธิ์สร้าง เสนาะห้วงหัวใจ


บ่างบินโยนยอดไม้ ไปมา
ซ่อนซุบซิบนินทา ว่าร้าย
จากต้นหนึ่งบินหา อีกหนึ่ง
ยุไม่หยุดยักย้าย อยากรู้อยากเห็น

ก่อนเพ็ญคืนพรุ่งนี้ วางแผน ใดฤๅ
เจ้าจักบินสุดแดน ตราบเช้า
ยุโลกแตกแยกแกน กลางสั่น
กลืนมนุษย์กลบแทบเท้า สยบน้ำมือมาร

ธารรื่นโลมโลกร้อน ไหลริน
ทุกข์กลับทับโถมดิน เดือดด้าว
คงสุขแค่ได้ยิน เพลงกล่อม
ดวงเนตรงามอะคร้าว สบยิ้มสู่ขวัญ

จันทร์เอยจันทร์แจ่มจ้า ใจนาง
ฟ้ารุ่งฤๅจืดจาง จบพ้น
แสงใสส่องหนทาง คืนมืด
ลี้ลับเกินกว่าค้น กว่ารู้เกินหลง

ลมไพรคงเอื่อยพลิ้ว บรรเลง
ไม้เสียดไม้เป็นเพลง พฤกษ์แจ้ว
ทิ้งร่างทอดลงเขลง ณ ขอบ น้ำเอย
เสียงโศลกใบไม้แก้ว กรีดซ้ำคร่ำครวญ


กำสรวลทรวงโศกคล้าย คมศร
พุ่งทะยานจากกร เทพเจ้า
ปักจิตปักใจรอน ลงแหลก สลายแล
ยากจักถอนพิษเร้า ราคร้อนรอยกรรม

เขียนคำคำหนึ่งไว้ ข้างกาย
กรีดลึกในความหมาย กว่านั้น
คำรักสลักผืนทราย แม้คลื่น ลบเอย
ใจจักฝ่าฟ้ากั้น กลับบ้าน-สัญญา

ฟ้าใสจันทร์ส่องไม้ ริมทราย
โพกริ่งเหมือนกริ่งหมาย ปลุกเช้า
ใต้แสงแจ่มจันทร์ฉาย โฉมซ่อน
หลับตื่นมิต่างเจ้า ห่มฟ้าเดียวกัน

ในฝันลอยฝ่าเวิ้ง จักรวาล
ขุนศึกคันศรพราน ล่าเนื้อ
โก่งเล็งสุดแรงราน- รุกโลก
คมธนูบาดเรื้อ ร่วมล้านรอยแผล

แหย่มังกรหลับฟื้น ลืมตา
พลิกกระเพื่อมน้ำมหา สมุทรล้น
สงครามเทพยดา ดาลศึก
อำนาจอันล้นพ้น เหยื่อตั้งสังเวย


เคยครอบครองโลกข้าม เขตเดือน
เติมค่ำแต่งแรมเลือน รูปเร้น
เปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งเสมือน แสดงอิทธิ ฤทธิฤๅ
เขียนชะตาขีดเส้น ขอบฟ้าเขตฝัน

สามัญมนุษย์ใต้ แสงวัน
มิอาจเห็นศึกสวรรค์ สาปนี้
เหนือใต้ออกตกหัน มองแต่ ตนฤๅ
บังอาจเอานิ้วชี้ สั่งฟ้าตามใจ

ใช้ศาสตร์สัมผัสด้วย สองตา พอฤๅ
รู้สึกเมื่อรู้สา แสบเนื้อ
เสียงกระซิบศาสดา เคยสดับ ฟังฤๅ
รสชาติเติมแต่งเชื้อ กลิ่นแกล้งแปลงสาร

ม่านฟ้ามัวหม่นห้อม แหนจันทร์
ลูกพ่อคงหลับฝัน สุขแล้ว
โคมแสงแห่งบุหลัน เรืองส่อง ทางเทอญ
อารักขาลูกแก้ว ผ่านพ้นผองภัย

~*~




26 ธ.ค 2547
โลกอาบไฟอุ่นเช้า เอมอรุณ
แรงผลักดึงดาวหมุน เปลี่ยนด้าน
ธรรมชาติถ่วงสมดุล เกิดดับ
อำนาจเกินกว่าต้าน กว่าห้ามกว่าเห็น

อยู่เย็นเป็นสุขพร้อม ภาวนา
เดินต่อตามชะตา ขีดแล้ว
กับข้าวกับปลาหา พออิ่ม
อากาศบริสุทธิ์แผ้ว ผ่านให้หายใจ

มีใครในโลกให้ คิดถึง
เรือนรูปตราติดตรึง ต่อหน้า
เสียงลมพร่ำรำพึง เพียงชื่อ แม่ฤๅ
ฟังแว่วจากฟากฟ้า สู่ฟ้าเสมือนฝัน

รับแสงวันวาดสร้อย สายรวี
ทอสาดฝืนปฐพี- ภพจ้า
แพรพรรณพิสุทธิ์สี สุพรรณเลื่อม
ห่มโลกอุ่นเอมหล้า เรื่อแม้นแมนสรวง

ดวงดาวดวงแดดย้อม เมฆินทร์
ลมรื่นไล้โลมริน เปลี่ยนปั้น
เป็นรูปแต่งตามจินต์ ใจพ่อ
หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กนั้น นิ่งรู้ในใจ


จากไกลกันป่านนี้
ลืมเลือน แล้วฤๅ
เรียกพ่อยามพ่อเยือน เยี่ยมหน้า
ภาพใดเล่าจักเตือน ใจลูก
แย้มปากเจ้าเปิดอ้า ออกแม้นไม่เห็น

โลกเล่นซ่อนแอบเพี้ยง พริบตา
จับพ่อไปซ่อนหา ห่างบ้าน
ยกนิ้วลูกขึ้นมา นับเลข
จากหนึ่งจนถึงล้าน ทุกถ้วนวินาที

พ่อจักรี่จากเร้น คืนเรือน
สิบเอ็ดวันดุจเดือน หนึ่งลี้
ทองหยอดหยอดยิ้มเยือน มาฝาก
หวานเท่ามือเจ้าชี้ สั่งให้โลกหวาน

แสงสายสานถักรุ้ง หลากสี
ธรรมชาติวาดรวี หว่านกล้า
วางกรทาบนที ธารเสก
ชีวิตจากฟากฟ้า สู่ใต้ทะเลคราม

น้ำงามเพียงน้ำเพชร สมุทรใส
ลมรักเอื่อยโลมใจ รื่นแล้ว
คลื่นคลอแดดล้อไฟ ระยิบระยับ
ทรายป่นขาวราวแก้ว กร่อนฟ้ามาสรง


บางสิ่งคงค่าไว้ นานวัน
ความรักความผูกพัน แน่นแฟ้น
แม้ไร้รูปรอยอัน อาจจับ ต้องเอย
ลึกกว่ารอยทรายแม้น คลื่นซ้ำฤๅสลาย

หลายคืนคงล่วงข้าม เขตปี
ส่งรักข้ามมหานที ปกป้อง
มองรอบแม่เถิดมี ใจพ่อ
เคียงอยู่เป็นคู่คล้อง สถิตห้วงแสงวัน

โลกเงียบงันสงบแท้ ผิดธรรม ดาฤๅ
สัญชาตญาณสัตว์สัม- ผัสได้
ต่างนิ่งเงียบเก็บงำ ความลับ ใดฤๅ
มีสิ่งใดตื่นใต้ ขยับใต้ดวงดาว

ปริเปลือกไข่ออกร้าว แรงไฉน
กำหนดกำเนิดใด ดับสิ้น
บงการกระแสใน มหาสมุทร
ฉีกมนุษย์ออกเป็นชิ้น กลบหน้ากลบนาม

ความรู้สึกยากเค้น บรรยาย
นักท่องเที่ยวทิ้งกาย กระโดดน้ำ
ลอยคอระกะราย รอบโขด หินแฮ
โฟมกอดคนก่ายค้ำ ร่างขึ้นหายใจ


น้ำลดในห้วงลึก แลเห็น
เกาะแก่งดูแปลกเป็น โขดเว้า
สงสัยอยู่ใจเย็น เฉยอยู่
แม้เหตุลางบอกเค้า ฆาตให้สังหรณ์

แดดอ่อนแดงอาบห้วง มหรรณพ
แรงส่งน้ำสั่งทบ คลื่นสร้าง
ม้วนเกลียวคลี่กลืนภพ ขย้ำแผ่น ดินแล
โถมสุดแรงกวาดล้าง ราบสิ้นพสุธา

ปิดคลุมฟ้าดับล้อม ดวงดาว
โคลนคลั่งยอดคลื่นขาว แสยะเขี้ยว
วูบแสงแดดส่องวาว สะท้อนวาบ
ฮุบร่างคนขบเคี้ยว ขาดไร้วิญญาณ

กายครูดผ่านกิ่งก้าน ปะการัง
กลางเศษซากหักพัง รกร้าง
พลิกสวรรค์กลับกลบฝัง ทรายนรก
สองเนตรคงเบิกค้าง ครุ่นแค้นสงสัย

ดวงชีพในครอบแก้ว ตะเกียงไฟ
แตกดับพ่ายแสงใส สุริยจ้า
แผลลึกเลือดรินไหล โซมร่าง
วนว่ายมือก่ายคว้า ไขว่น้ำนำทาง


ลอยสู่กลางสมุทรกว้าง เกินคะเน
คืบศอกก็ทะเล รอบล้อม
น้ำตาแม่หลั่งเท ท่วมอก พ่อฤๅ
สัมผัสยังอุ่นอ้อม โอบคล้ายเคยเคียง

เสียงเพลงเห่กล่อมเคลิ้ม เคยฟัง
ยินแว่วสดับดัง ลูกไห้
หันกายกลับมองหลัง เห็นว่าง
ลอยล่องร่อนเร่ไร้ หลักไร้จุดหมาย

นิ่งไว้ลูกอย่าร้อง ร่ำไร เจ้าเอย
โศกลูกโศกโลกไหว สั่นแล้ว
ตุ๊กแกจะกินไต กินตับ
ตามกัดสองแก้มแก้ว ลักยิ้มเลือนขวัญ

หยาดเนตรหนึ่งหยดนั้น แก้วตา พ่อเอย
ใครจักซบหน้ามา ซับให้
เพียงพ่อผิดสัญญา เสมอชีพ
มิอาจโอบกายใกล้ กอดคว้ามาถนอม

ตกตรอมกลางคลื่นร้าย ทะเลหลง
ไกลฝั่งหากหวังคง พบหน้า
ดำผุดว่ายในวง โอบมัจ จุราชเอย
ตะเกียกตะกายไขว่คว้า แตะพื้นเพียงหวัง


หอมรักยังร่ำฟุ้ง รอบสวน
คมเนตรค้อนเชิญชวน คลับคล้าย
ลูบไล้กุหลาบนวล เนียนกลีบ เจ้าเอย
รินราดลงชาดป้าย แปลกร้อยพันหอม

คลื่นล้อมดาวร่วงฟ้า ดุจหมาย ใดฤๅ
เลาะโลกไหลละลาย ร่วมน้ำ
หัวใจหากจมหาย ใครจัก เห็นฤๅ
แสนรักแสนเลิศล้ำ เลือดเนื้อซอนผสม

เป็นหยดตรมแห่งน้ำ- ตาชน
ไหลท่วมเนืองนองบน แผ่นหล้า
เป็นเถ้าธุลีปน อากาศ
รอแต่น้ำตาฟ้า ตกให้อโหสิกรรม

อย่าจดจำเรื่องร้าย ในใจ แม่เลย
ใช่ว่าโลกทั้งใบ แหลกร้าง
ย่อมสักหยดน้ำใน มหรรณพ
อณูหนึ่งเราร่วมสร้าง สถิตหล้าอย่าลืม

ดื่มกายพ่อเถิดได้ ดับกระหาย
อาบพ่อสนานสาย สุขรื้น
กายพ่ออยู่ในกาย แม่ตราบ สิ้นเอย
เข้าออกไออุ่นชื้น ทุกห้วงหายใจ


ให้คำพ่อกล่าวย้ำ สัญญา
ดุจกระแสลมพา พัดร้าย
ข้ามเส้นกรอบเวลา สิ้นโลก
จนจบภพสุดท้าย พิสูจน์แจ้งสัตย์จริง

ให้ทุกสิ่งโลกสร้าง ชูใจ แม่เทอญ
เสียงคลื่นขับเพลงไพร ค่ำนี้
คือเสียงพ่อกระซิบใน ห้วงนิท- ราแม่
เพลงรักเราก่อนกี้
กอดแก้วกล่อมฝัน

ผืนอรรณพกว่ากว้าง ไกลเกิน ใจฤๅ
คงคู่เคียงกันเดิน ร่วมก้าว
เป็นเงาเนื่องดำเนิน เนาติด ตามแม่
ทุกทิศทั่วถิ่นด้าว ดุจด้วยกายเดียว

เกลียวรักทอถักสร้าง สายใย
พันผูกเป็นสายใจ เชื่อมคล้อง
หลอมสายเลือดรวมใน ร่างหนึ่ง
พิศพักตร์จักพบพ้อง พ่อให้พึงเห็น

อยู่เย็นเป็นสุขสร้าง กุศล
เผื่อแผ่เพื่อผู้คน ขาดไร้
ธรรมทานพิสุทธิ์ผล พลันตอบ แทนแม่
เป็นเกราะป้องกันให้ ผ่านพ้นภัยผอง


น้ำตานองท่วมฟ้า ฟากไหน
ย่อมถ่ายเทธารไหล ทั่วหล้า
นิ่งเถิดยอดดวงใจ เจ้าเจ็บ
พ่อเจ็บกว่าเจ็บล้า ร่วมด้วยฤดีเดียว

เหลียวหลังยังห่วงแม้น ไม่เห็น
หนาวเยือกน้ำตาเย็น อาบแก้ม
ขืนบนขอบความเป็น ตายนิ่ง
สักหยาดยิ้มแม่แย้ม อยากเอื้อมเอาถึง

รำพึงในคลื่นล้อม ทะเลคราม
ข้ามฟากขอบฟ้างาม ฝั่งโน้น
หากเจ้าจักเห็นตาม เดินต่อ
เพื่อพ่อถึงภพโพ้น หักสิ้นห่วงหา

ตราบฟ้ายังห่มห้อม แหนดิน
เลี้ยงชีพหลั่งธารริน รดหล้า
คืนมืดเสกดวงศิลป์ แสงประดับ
ความรักคงตราบฟ้า อย่าสิ้นความหวัง

เม็ดทรายฝังศพใต้ ปฐพี เดียวนา
คลื่นสวดคำพิธี สะอื้น
ทานบุญต่อชีวี สรรพสัตว์
สุขสถิตใต้ภพพื้น ใช่สิ้นสูญหาย


ไอศวรรย์วิเศษแจ้ง อัศจรรย์
ลึกดุจอันดามัน ลึกล้ำ
กว้างสุดเขตขีดปัน ขอบทวีป
เนานิ่งใต้ผืนน้ำ ขนัดด้วยรักเดียว

สักเสี้ยวความคิดค้น คำนึง
สักเศษความคิดถึง ส่งบ้าง
สักครั้งสักคราตรึง ใจสู่ ใจเทอญ
สักภพบุญสบสร้าง จักได้พบกัน

วันผ่านปีผ่านแล้ว ยังจำ ได้ฤๅ
หนึ่งมนุษย์ผู้ดิ่งดำ ดับดิ้น
สถานภาพชื่อเสียงคำ ควรสดุ ดีฤๅ
หรือศพนิรนามสิ้น ชื่อไร้ใดเหลือ

ร่างดุจเรือล่องโล้ แรงลม
โต้คลื่นธารระทม ซัดซ้ำ
เห่ช้าเห่ช้าชม ธรรมชาติ
ธรรมเช่นรู้ใจน้ำ จากน้ำใจคน

กระแสลมวนสลับขึ้น สลับลง
เอียงส่ายโคลงเคลงคง แค่นั้น
คัดท้ายคัดให้ตรง หาทิศ
อาจรอดอาจล่มครั้น คลื่นร้ายเกินขืน


กำเนิดยืนอยู่ได้ โดยดิน
ร่างใช่หงส์ร่อนบิน แบบรู้
สองแขนใช่ปักษิณ สยายปีก
ไร้เนตรแลสูงสู้ ศึกเจ้าเวหน

ลอยวนลอยเห่ช้า โคลงเคลง
ถึงไม่ถึงบรรเลง เรื่อยร้อง
รำพันก็เพียงเพลง เรือมนุษย์
สุดโลกในครอบป้อง เปิดฟ้าคือฝัน

~*~














พังงา 26 ธ.ค 2547
ตะวันรุ่งเรืองเรื่อชี้ โชนไฟ
โชยกลิ่นฟุ้งอวลไอ อุ่นข้าว
โอบจุมพิตขวัญใจ ก่อนจาก
จำพรากจำร้างร้าว หักห้ามน้ำตา

ฟ้าฉายดวงแดดเช้า ประดับดิน
สะท้อนหยาดน้ำค้างริน ยอดหญ้า
แสงทองสาดส่องสิน มหาสมุทร
เลื่อมระยับระย้า หลากริ้วเหลื่อมรงค์

เรือประมงมุ่งหน้า สู่ทะเล
ทอรักท้นอวนเท ฝากไว้
สัญญาหนุ่มตังเก ถึงฝั่ง
จะหอบฝันกลับให้ เพียบล้นลำเรือ

หยาดเหงื่อกลั่นหยดเคล้า ไอเค็ม
ยอดคลื่นโค้งขึ้นเต็ม ขอบฟ้า
งมโชคลาภงมเข็ม ในสมุทร
มาเย็บปะชุนผ้า- ห่มใช้ยามหนาว

สาวเอยเจ้าส่งยิ้ม ส่งเรือ ใดแม่
หวานหยดเย้ายวนเหลือ ยิ่งนี้
น้ำเค็มผ่านเกล็ดเกลือ พราวเกาะ
จุมพิตแตะนิ้วชี้ เปลี่ยนทั้งทะเลหวาน


เตรียมการสิ่งเซ่นเจ้า สั่งชะตา
ทรงปกปักรักษา สถิตใกล้
เสกโชคเสกปูปลา เต็มสมุทร
สั่งสยบคลื่นลมให้ ลูกพ้นภัยพาล

กาลกายไกลจากเหย้า ยังเหมือน
เคียงคู่อยู่ร่วมเรือน หยอกล้อ
หอมหวานติดตรึงเตือน- ใจจับ ใจเอย
ลมพัดยินตัดพ้อ แผ่วไห้ใจหาย

คลายมือครั้งสุดท้าย ใครหนอ
คำมั่นสัญญารอ กลับบ้าน
น้ำเค็มคลื่นคลั่งธ- รณีโศก
พิโรธลั่นสั่นสะท้าน พรากสิ้นสรรพเสียง

บ้านแหลกเตียงว่างร้าง ลอยตาม เรือฤๅ
โต้คลื่นทะเลคราม กระแทกซ้ำ
พันหมื่นศพไร้นาม ไร้ญาติ
จมนิ่งใต้ผืนน้ำ ร่ำไห้รอหา

~*~





ท้ายเหมืองวันซึ่งฟ้า สดใส
บ้านสั่นเปลสั่นไกว กล่อมน้อง
เหมือนมือเทพมือใด พลั้งผลัก
นิ่งนะนิ่งอย่าร้อง พี่อุ้มโอบขวัญ

สานฝันจากฟากฟ้า เป็นนิทาน
เสกสัตว์ใต้บาดาล ตื่นฟื้น
สร้างคำพร่ำตำนาน เสริมแต่ง
ปลอบเด็กน้อยสะอื้น สงบได้ดังใจ

มองไกลสุดขอบฟ้า สีคราม
เกิดปริศนาคำถาม คับข้อง
จริงเท็จนิยายนิยาม อุปโลกน์
ฟังเถิดฟังฟ้าร้อง ลั่นแล้วจงฟัง

กัมปนาทดังโลกร้าว แรงเสียง
พี่กอดน้องแน่นเคียง คลื่นล้อม
คลื่นพลัดคลื่นพรากเพียง แค่พริบ ตาเอย
ทารกในอกอ้อม หลุดล้มจมหาย

ฝันร้ายขึ้นฝั่งแล้ว ลิขิตใด
ลาญโลกแหลกยับไป ต่อหน้า
ดับดาวสุกใสใน ดวงเนตร
กระชากวิญญาณคว้า คว่ำคว้างกลางโคลน


โยนร่างมนุษย์เหวี่ยงกลิ้ง กระจัดกระจาย
เหยียบย่ำซ้ำทำลาย หมู่บ้าน
พรากญาติพี่น้องหาย จมหาด
เกลียวคลั่งกรีดอกคว้าน ควักทิ้งดวงใจ

โคมไฟชีวิตร้อย พันดวง
ลอยล่องไปสู่สรวง สุดฟ้า
เหนือสรรพสัตว์ทั้งปวง เหนือโลก
เหนือมนุษย์จะจับคว้า หยุดย้อนคืนวัน

อันดามันวิโยคเอื้อน เอ่ยชวน เชิญเอย
จากฝั่งสู่ฝั่งหวน ร่ำไห้
มนุษยชาติทั้งมวล มาเถิด
ห้ามเลือดผู้สิ้นไร้ โอบเอื้อสมานแผล

แลทะเลเรียบราบว้า ใจหวิว
แสนศพวิญญาณปลิว ปลิดคว้าง
เด็กน้อยพี่น้องหิว หาแม่
ค้นซากเรือนแหลกร้าง เรียกไร้เสียงขาน

มารดามองคลื่นน้ำ- ตาไหล
เจ้าฉกควักหัวใจ แห่งข้าฯ
เต้านมคัดเพื่อใคร เคยดื่ม
ฉวยกระชากจากอกอ้า ฉุดล้มจมหาย


สายเกษียรสายเลือดล้น รินนอง
อ้อมอกเคยตระกอง กลับร้าง
ทรุดกายนั่งเหม่อมอง เกลียวคลื่น
ย้อยหยดน้ำนมสร้าง ซาบพื้นหาดทราย

รอดตายยังสะดุ้ง นอนผวา
เสียงคลื่นซัดสาดพา สั่นไข้
กี่ปีเพื่อรักษา ใจแหลก สลายฤๅ
กี่ชีพเพื่อชดใช้ กี่ซ้ำสาสม

ซากเรือจมนับร้อย พันลำ
อนุสาวรีย์ธรรม- ชาติปั้น
บางโศกเพื่อจดจำ บางสิ่ง
รอยคลื่นลอนทรายนั้น สลักค้างกลางทรวง

วันล่วงคืนล่วงคล้อย รอใคร
หลายรูปละลานนัยน์ แผกหน้า
รอยยิ้มพลัดหายไป พร้อมร่าง
ล้วนภาพเหล่าผู้กล้า มิรู้ชะตากรรม

รินน้ำตาโลกเคล้า รวมกัน
ต่างเพศต่างเผ่าพันธุ์ ต่างพื้น
จากภาพหลากสีสัน จนซีด จางเอย
อาจแว่วสักสะอื้น ตอบผู้รอคอย


ร้อยข้อความส่งย้ำ ห่วงใย
โทรศัพท์บนศพใคร ตอบด้วย
ขอเสียงว่าปลอดภัย เพียงสัก คำเทอญ
รัวกริ่งวอนชีพม้วย ปลุกให้รับสาย

หลายชีวิตจากบ้าน มิเคย กลับนา
ไร้ศพไร้ศัพท์เลย ล่วงแล้ว
หลายชีวิตชาเฉย ชีวิต
ทรวงโศกร้าวราวแก้ว แหลกสิ้นใจสลาย

ความตายวนรอบล้อม อันดา มันเอย
เสียงร่ำไห้เรียกหา พี่น้อง
ทะเลคลั่งน้ำตา เต็มคลื่น
สะทกทุกโสตก้อง สะท้อนขุนเขา

ร่มไม้เงาป่าเงื้อม ริมทราย
ร่วมรับรู้ความตาย รอบข้าง
น้ำเอ่อท่วมล้นสาย ลำรู่
ลอยร่างวิญญาณร้าง นิ่งล้อมอาลัย

นางทองในแดดเช้า โชนฉาน
เปล่งประกายทองธาร ทาบรุ้ง
คลื่นกระทบทรายราน ริมหาด
ไอละอองฟ่องฟุ้ง อาบฟ้าอวลไฟ


รู้ใจคนจากน้ำ- ใจคน
ร่วมทุกข์ยกแบกบน บ่าให้
ร่วมแรงซับสายชล- เนตรเชี่ยว
บริจาคเพื่อผู้ไร้ ญาติไร้แรงหวัง

ความกลัวยังกรุ่นร้อน ลมหนาว
สาปสั่นทั้งดวงดาว ดั่งไข้
เหินเห็นจากกลางหาว หาคลื่น
ตั้งระบบเตือนภัยใช้ บอกรู้ทางหนี

นาทีชีวิตร้อย เรื่องราว
ริมฝั่งทะเลยาว เหยียดใต้
มีดาวดับมีดาว ดวงสว่าง
ควรค่าขอบคุณให้ เหล่าผู้กล้าหาญ

บางสักลานโศกล้น คนครวญ
ทรุดกอดศพกำสรวล ซบหน้า
วิญญาณมิอาจหวน คืนร่าง
ชีวิตลิขิตฟ้า ฝากไว้เพียงดิน

ได้ยินเสียงแผ่วใต้ แผ่นปูน
พบร่างหรือสาบสูญ เร่งค้น
ซากอิฐทับถมนูน กองหนึ่ง
อาจช่วยอีกชีพพ้น รอดได้โดยเพียร


วนเวียนหลอนหลอกย้ำ เสียใจ
พ่อแม่จมหายไป ต่อหน้า
กอดไม้เถิดปลอดภัย กว่ากอด แม่นา
กี่ภพจบกี่หล้า จักได้แทนคุณ

เงินทุนสูญหมดสิ้น สะสม
บ้านช่องเหลือแต่ตม กลบร้าง
เศษไม้เศษใจถม กองหาด
ใช้ค่อนชีวิตสร้าง จบพ้นเพียงวัน

ดับฝันสรรพสัตว์ด้วย มือมาร
โกยกวาดดวงวิญญาณ โชคร้าย
ตะวันสาดแสงฉาน เฉยนิ่ง ไฉนนอ
ส่องโลกใบสุดท้าย อุ่นบ้างบางหวัง

ความหลังคงล่วงพ้น ผ่านไป
ทิ้งบาดแผลในใจ มนุษย์จ้อย
จักเอาชนะทุกภัย ธรรมชาติ
นับจากนี้อีกร้อย อีกล้านการณ์ไฉน

รถไฟขบวนสุดท้าย เดินทาง
คลื่นซัดลงตกราง แตกกลิ้ง
กวาดดวงชีพบอบบาง โบยดับ
คงแต่ซากเกลื่อนทิ้ง ทับซ้อนกองสุม


ทุกมุมโลกรับรู้ เรื่องราว
ร่วมทุกข์ทั้งดวงดาว เดือดร้อน
ริมชายหาดทอดยาว สองทวีป
คลื่นสาดฝั่งสะท้อน คลื่นน้ำตาคน

สายชลวนเชี่ยวว้าง วังเวง
แสนโศกซ้อนเสียงเพลง คลื่นสร้าง
สีสันโลกละเลง แลเปลี่ยน แปลงฤๅ
ธรรมชาติงามแปลกบ้าง แปลกให้ใจเห็น

คืนเพ็ญจันทร์แจ่มนั้น จริงไฉน
แจ้งจวบแจ้งแคลงใจ จวบเช้า
ตำหนิจุดดำใน ดวงสว่าง
จากโลกแลดูเจ้า ฤ รู้เบื้องหลัง

ฝังจมถมทุกข์ท้น ทั้งคืน
ฟังโลกร้องไห้กลืน โศกไว้
ฉายเงาทอดยาวยืน หวานอยู่ ไฉนฤๅ
พรากคู่รักเขาใต้ โศกน้ำผึ้งพระจันทร์

แกว่งโลกอันเยือกน้ำ เย็นหนาว
อยู่ท่ามกลางโคลนคาว เลือดคลุ้ง
มัจจุราชดื่มดวงดาว กวนสมุทร
สูดกลิ่นวิญญาณฟุ้ง จิบแล้วเฉลิมฉลอง


มองสรรพสิ่งผ่านน้ำ- ตามวล มนุษย์เทอญ
สร้างโลกเป็นสวรรค์สรวล สนั่นเช้า
สายพลิกแผ่นดินรวน ทะเลคลั่ง
ถึงเที่ยงนรกบ่ายเข้า ครอบทั้งกายใจ

เขาขาดใจขาดสิ้น เสมอคน
ทรายกลบปะการังบน หาดร้าง
มองผาดผ่านผิวชล ไฉนจัก เห็นฤๅ
ศิลปะล้านปีสร้าง พินาศเพี้ยงนาที

ชีวิตผู้ผ่านพ้น ภพกาล
สลายร่างคืนสู่ธาร ทิพย์แล้ว
เน่าเปื่อยเปลี่ยนสสาร ส่วนประกอบ
เป็นอีกชีวิตแพร้ว ผุดพ้นผืนทราย

หลายท้นหลายทบซ้อน กองสุม
แต่ละชั้นละมุม เบียดใต้
ธาตุชีวิตคือขุม ทรัพย์วิเศษ
ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนใช้ ชั่วฟ้าดินสลาย

~*~




 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2552 1:04:30 น.
Counter : 1158 Pageviews.  

ไปไหน




Sybille de Cummes
ceiling of the Sistine Chapel in Vatican City
Michelangelo

กระดานดำว่างร้าง........คำเขียน
ทุกที่คือโรงเรียน..........อ่านได้
คิดเองฝึกเองเพียร.......ท่านว่า
สำเร็จหลักสูตรไร้.........สักข้อกังขา

เสียงชอล์กเคยขีดเส้น.....แสลงหู
เสียงตะคอกคำครู...........ตอกหน้า
หนังสือสั่งให้ดู..............ให้ท่อง
แปรงลบกระดานคว้า.......จับขว้างสั่งสอน

ไม้เรียวถูกหักทิ้ง..........เงียบงำ
ไร้เรื่องควรท่องจำ........เลิกป้อน
สารพัดเครื่องมือนำ.......ถูกผิด
วัตถุสื่อสะท้อน.............ยุคนี้ทันสมัย

เคยจำเคยเจ็บครั้ง........ครูตี
หนังแตกแต่ละที..........แทบไข้
สิทธิมนุษยชนมี...........ตามข่าว
หน้าหนึ่งครูกับไม้.........ยิ่งย้อนคิดถึง

น้ำตาครูหยดนั้น.........ไปไหน
วันรับปริญญาใคร.......เล่าซึ้ง
เสียงจริงจากหัวใจ.......จึงสื่อ
คุกเข่าลงละขึ้ง...........กราบพร้อมรับพร


เนื่องในวันครูครับ ทำให้นึกย้อนกลับไปกาลครั้งหนึ่งในห้องปฏิบัติการน้ำตาเล็ดวิชาหนึ่ง พอดีว่าตรงกับวันรับปริญญาของรุ่นพี่ จึงมีรุ่นพี่หลายคนในชุดครุยเข้ามาคุกเข่ากราบครู และวันนั้นก็ได้เห็นครูร้องไห้

17 มกราคม 2549 3:51:29 น.




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 21 มกราคม 2549 18:11:23 น.
Counter : 428 Pageviews.  

Because



standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." VIEWASTEXT>















27 พฤศจิกายน 2548 10:13:09 น.




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 17 มกราคม 2549 3:56:56 น.
Counter : 363 Pageviews.  

"Wanna know a secret? Promise not to tell? We are standing by a wishing well."




สองวันก่อนรื้อซีดีเก่าน่ะครับ เลยเจอแผ่นซีดีที่ซื้อมาจากร้าน Best Buy (น่าจะเป็นที่เมืองอินเดียนาโปลิส) เมื่อประมาณสิบปีก่อน จนป่านนี้ยังไม่ได้แกะเลย ป้ายราคายังติดอยู่ $25.88 ถึงวันนี้ ราคาใน Ebay ก็ยังประมาณนี้เหมือนเดิมครับ ต่างกันแค่ค่าเงินบาท ดังนั้น จึงยังไม่ถึงกับขาดทุนซะทีเดียว

ความลับคงลับได้...........................โดยเรา
คนยิ่งลือเล่าเอา..............................ยิ่งเพี้ยน
ยิ่งเพ้อยิ่งลนเผา.............................เรื่องผิด
แต่งต่อเติมตัดเหี้ยน.........................สุดแท้แต่ใจ

ความลับคนอยากรู้..........................อยากเห็น
สร้างเรื่องลับหลังเป็น.......................เรื่องร้าย
หลักฐานหลากประเด็น.....................ลากประดิษฐ์
กระซิบผ่านหูซ้าย............................ปิดไว้หูขวา

ฟังความเพียงหนึ่งข้าง.......................ประมวลผล
อ้าปากเอ่ยคำปน..............................ปากข้าฯ
จากคนสู่อีกคน.................................แสนสนุก สนานเอย
ใครเชื่อหมดคงบ้า..............................บอกให้เหล่าสหาย

มูลฝอยมีเงื่อนเค้า-..............................โครงมา
แยกแยะพฤติกรรมปรา-........................กฏได้
ผู้ปล่อยข่าวเจตนา...............................ใดอยู่
คิดออกก็เหยียบไว้..............................หยุดแล้ววางเฉย

เปลี่ยนเพลงดีกว่า อิอิ


standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." VIEWASTEXT>














Middle Of The Road - The Talk Of All The Usa




"Do You Want To Know A Secret"
Lennon/McCartney
Please Please Me 1963




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2548    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2548 23:28:49 น.
Counter : 348 Pageviews.  

I'm gonna be around






หวนกลับมองภาพย้อน...เวลา
เราต่างคนเสาะหา.........มิตรแท้
เปิดใจอ่านใจครา.........ทุกข์สุข
จากลึกสุดทรวงแล้.......ล่วงรู้ราวเห็น

ยามรู้สึกวุ่นว้า...............หวั่นไหว
สัมผัสล้ำลึกนัย.............สนิทเน้น
จากใจทะลุใจ...............จงประจักษ์
มิตรภาพอุ่นไอเร้น.........โอบล้อมรอบเรา


แม้ห่างยังคลับคล้าย.......คู่เคียง
เพราะห่วงเห็นเหตุเพียง....เท่านั้น
หากภาระรุมเรียง.............รายอยู่
ราวโลกทั้งโลกกั้น...........กีดให้เกินหา

โดยคำเดียวสื่อได้..........คงพอ
รู้รักย่อมรู้รอ.................อย่าร้าง
เติบโตแตกกิ่งกอ............แตกราก ลึกแล
บนโลกอันอ้้างว้าง..........อุ่นด้วยความหวัง

รอแล้วรอเช่นนี้อีกกี่ภพ
มิรู้จบใต้ชะตาฟ้าลิขิต
ขอเพียงแลกความหวังทั้งชีวิต
กับเพียงนิดหนึ่งในหัวใจนุช

"คิดถึงคนห่างหายหลายวันนัก"
รินความรักหลั่งไหลไม่สิ้นสุด
วันเวลาเปล่าเปลืองเรื่องสมมุติ
มิอาจหยุดความฝันคืนวันนับ

หากหัวใจทวงถามในยามโศก
เพราะเพียงโลกหมุนไปไม่ย้อนกลับ
ขอจงรู้คำลาใช่ลาลับ
คืนเดือนดับสว่างได้ดังใจนึก

ซับน้ำตาทุกเมื่อเพื่อมิ่งมิตร
โอบสนิทอุ่นได้ในยามดึก
ในคืนเหงาเงียบงันพลันรำลึก
ความรู้สึกขณะหนึ่ง-"คิดถึงนะ"





 

Create Date : 14 กันยายน 2548    
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2548 14:32:06 น.
Counter : 292 Pageviews.  

1  2  3  4  

KAVINT
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hi!
Friends' blogs
[Add KAVINT's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.