หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม- วัดเขาน้อยสามผาน #2
- ท่านพ่อลี เสมือนพ่อผู้ให้กำเนิดท่านอ.ฟักในทางธรรม เพราะแรงบันดาลใจและแรงศรัทธาที่มีต่อท่านพ่อลี จึงทำให้ท่านยอมบวช และอยากปฏิบัติดี



- หลวงตามหาบัว เป็นเสมือนครูอาจารย์องค์สำคัญ ที่ช่วยขัดเกลา และผลักดัน ส่งต่อให้เข้าถึงอริยทรัพย์อันทรงค่าหาประมาณมิได้ และเป็นหนทางที่ยากเย็นแสนเข็ญต้องใช้แรงส่งที่มีพลัง จึงจะไปถึงได้




- ท่านทั้งสองจึงเป็นที่รักเคารพเทิดทูนไว้เหนืออืนใดในชีวิตของพระอ.ฟัก
- หลวงตามหาบัวเคยกล่าวว่า
"ท่านฟักเหรอ เจอเราวิ่งตามเราเลย"

__________________________________________________



- พระอ.เจี๊ยะได้นิมนต์หลวงตามหาบัวมาพำนักที่วัดใกล้สถานีทดลองการเกษตร สี่แยกน้ำตกพลิ้ว จ.จันทบุรีในปี 2498 มีพระอ.สิงห์ทอง, พระอ.เพียร วิริโย, พระอ.บุญเพ็ง เขมาภิรโต, พระอ.ลี กุสลธโร ตามท่านมาหลายรูป - ครั้งนั้นพระอ.ฟักยังเป็นฆราวาส ก็ได้พามารดาไปกราบท่านที่วัดนี้

- พระอ.ฟักขณะเป็นฆราวาส เคยเป็นผู้ถือบริขารของหลวงตามหาบัวเมื่อครั้งท่านมาพักบนเขาน้อยสามผาน พร้อมทั้งมาอุปัฏฐากรับใช้ รุ่งเช้าคอยถือย่ามตามเพื่อนำทางว่าควรไปโปรดญาติโยมทางไหน- พระอ.ฟักและโยมพ่อโยมแม่ผูกพันให้ความเคารพหลวงตามานานก่อนพระอ.ฟักบวช

______________________________________________________________

- พระอ.ฟักเข้าสู่วัดป่าบ้านตาดพร้อมกับพระอ.แสวง โอภาโส ซึ่งอุปสมบทเป็นคู่นาคซ้ายขวา และมาอยู่พร้อมกันที่วัดป่าบ้านตาด และไปบุกเบิกสร้างวัดเขาน้อยสามผาน กับพระอ.ฟัก


- ก่อนพระอ.ฟักถึงวัดป่านบ้านตาดไม่กี่วัน พระอ.มหาบัวได้ถามคุณแม่ชีน้อม ซึ่งพูดภาษาภูไท
พระอ.มหาบัว - เมื่อคืนฝันผิเร่อ (ฝันอะไร)
คุณแม่ชี - ฝันว่าได้ครกตำบักหุ่ง (ตำมะละกอ) จากจันทบุรี ผิวนอกอุยุอะยะ(ขรุขระ) แต่ผิวในเนียนเรียบ
พระอ.มหาบัว - "เลี้ยงพระได้ทั้งวัดบ่"
คุณแม่ชีน้อม - "เลี้ยงได้ทั่วอยู่"
พระอ.มหาบัว - "ได้เบิ่ง(ดู)ข้างในไหม"
คุณแม่ชีน้อม - "จิตเพิ่น(พระอ.ฟัก) ผ่องใสดี"

หลายปีผ่านมา คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำระลึกถึงเรื่องนี้จึงเอ่ยปากว่า ความฝันของคุณแม่น้อมนั้น "แม่นแท้" และเล่าความฝันให้พระอ.ฟักฟัง



- เมื่อพระฉันเสร็จ ท่านอ.ฟักจะนำบาตรหลวงตาไปล้าง และนำอัฏฐบริขารท่านกลับไปเก็บที่กุฏ จะไม่พูดคุยกันเด็ดขาด และแยกย้ายเดินจงกรม- พระอ.ฟักมักมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับหลวงตา จึงไม่ค่อยได้พูดคุยกับหมู่คณะ
- พระอ.สนิท จิรสนิทโธ ซึ่งขณะนั้นเป็นเด็กวัดป่าบ้านตาด แต่ภายหลังได้ติดตามพระอ.ฟักมาสร้างวัดเขาน้อย และบวชเป็นพระถึงปัจจุบัน

- พระอ.ฟัก ไม่นิ่งดูดาย มีน้ำใจกว้างขวาง ทำให้เป็นที่รักนับถือ
- ยิ่งต่อครูอาจารย์หรือพระผู้อาวุโสกว่า ท่านจะอ่อนน้อม แสดงความเคารพ และเต็มเปียมไปด้วยความรู้คุณกตัญญู + ความมีปัญญา ปฏิภาณไหวพริบ เฉลียวฉลาด รอบคอบ + มี
ความรับผิดชอบ
= เป็นลักษณะเด่นของผู้ประสานที่ดี เป็นที่พึ่งของหมู่ได้ - หลวงตามหาบัวจึงมอบให้เป็นผู้คอยดูแลอุปัฏฐาก และมอบภาระหลายอย่างให้ปฏิบัติแทน

- หน้าที่พระอุปัฏฐากมารับบาตร และเตรียมอัฐบริขาร หลวงตาเคยสั่งให้มาตี4 พระอ.ฟักก็ปฏิบัติเคร่งครัดหลายเดือน
-วันหนึ่งหลวงตารออยู่แล้ว พระอ.ฟักมาตามกำหนด ปรากฎถูกดุว่า ไม่ให้มายุ่งกับองค์ท่านอีก ของเพียงแค่นี้ถือเองได้
- พระอ.ฟักก็สงสัยว่าทำตามสั่งทำไมถูกดุ และใคร่ครวญพบว่า ฤดูกาลเปลี่ยน พระอาทิตย์มีช้ามีเร็วเปลี่ยนไปด้วย คำสั่งที่ว่าตี4 เหมาะกับเวลานั้น แต่เวลานี้ไม่เหมาะแล้วในฤดูใหม่ - วันต่อๆท่านจะมา 1ชั่วโมงหรือกว่านิดหน่อยก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และก็ไม่เคยโดนดุเรื่องนี้อีกเลย
= อุบายฝึกลูกศิษย์ของหลวงตา เพื่อให้มีไหวพริบและความละเอียดรอบคอบ
-
*ถ้าครูอาจารย์ท่านดุเอา ให้ถือเป็นมงคล*

_________________________________________________

- มีพระมาขออยู่วัดป่าบ้านตาด ถ้าหลวงตาบอก "กุฎเต็ม ให้ไปหาท่านฟักให้พิจารณา"
พระมาพบพระอ.ฟัก พระอ.ฟักทราบความนัยทันทีว่าท่านปฏิเสธพระองค์นั้น จึงต้องหาวิธีพูดถนอมน้ำใจพระรูปนั้น เพือมิให้พ่อแม่ครูอาจารย์เสียไปด้วย ท่านจึงมักกล่าวว่า
"ท่านมาเหนื่อยๆ นิมนต์พักที่ศาลาสักคืนก่อน แล้วไว้โอกาสหน้าเมื่อที่พักว่างค่อยมาใหม่"- วิธีนี้ได้ผลดีทุกฝ่าย
___________________________________________________

- พระอ.ปัญญา ซึ่งเป็นพระฝรั่งเดิมบวชมหานิกายจากวัดปากน้ำ มาใหม่ๆ ท่านชินกับการฉันขนมปัง ไม่สามารถฉันข้าวได้ หลวงตาจึงอนุญาตให้ท่านฉันโอวัลตินก่อนเที่ยงได้ -

เมื่อพระอ.ฟักทราบว่าพระอ.ปัญญาฉันข้าวไม่ได้ จึงสั่งให้ดช.สนิทเก็บมะละกอมาถวายพระอ.ปัญญา อยู่เดือนกว่าๆจึงค่อยๆเริ่มฉันข้าวได้ โดยพระอ.ฟักคอยดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา

- พระอ.ฟักมีความถนัดก่อสร้างมาก กำแพงวัดป่าบ้านตาดท่านเป็นหัวหน้าก่อสร้าง, ผู้ออกแบบคือท่านอ.ปัญญา ซึ่งเป็นวิศวกรชาวอังกฤษ, ผู้ควบคุมงานจะเป็นอ.ผู้ใหญ่
_________________________________________________

- คราวที่ซ่อมศาลาโรงฉันแม่ขาว หลวงตาสั่งให้ตอกตะปูต่อได้เลย แม้ตำแหน่งไม่ค่อยดี ช่างตอกบ้างแล้ว แต่พระอ.ฟักไม่อยากให้เสียเนื้อไม้ในการถอนตะปูออก เห็นว่ายังไม่ได้ฉาก เลยห้ามไว้ว่าอย่าตอก = ขัดคำสั่งพ่อแม่ครูบาอาจารย์

- ภายหลังเมื่อท่านอ.ฟักกลับมาพิจารณา ท่านรู้สึกเสียใจ -กลางคืนจึงเข้าไปขอขมาหลวงตาที่ท่านขาดความเคารพ ในวันประชุมสงฆ์ท่านคิดว่าหลวงตาคงตำหนิเรื่องนี้ -แต่ปรากฎว่าหลวงตากลับพูดว่า
- "ท่านฟักนี่ เราเห็นใจ ทำอะไรไม่ให้ผิดแม้สักเซ็นต์เดียว ให้พึงรักษาปฏิปทานี้ไว้
พ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ท่านชมนัก คนแบบนี้"

______________________________________________________
- กุฏิพระอ.ฟักกับกุฏิหลวงตาไม่ไกลกัน ต้องคอยสังเกตว่า พอหลวงตาส่องไฟเมื่อไหร่ ก็ได้เวลาต้องหยิบเอาเครื่องเล่นเทปไปคอยอัดเทปคำสอนแม่ขาว

- พระอ.ฟักเคร่งธรรมวินัย พูดตรงไปตรงมา ละเอียด มีปัญหาอะไรต้องรีบแก้ ต้องหาคำตอบให้ได้ ไม่ปล่อยไว้- ท่านก็จะมาให้พระอ.ทอง (วัดอโศการาม) ซึ่งเคยจำพรรษาที่บ้านตาด2506 รับรองว่า ถูกธรรมถูกวินัยไหม -สมัยนั้น ท่านมาพบพระอ.ทองมาหารือกันที่กุฏประจำ เช่นถอดเทปแล้วตัวสะกดถูกไม่ถูก



- คราวที่ท่านนั่งรถไปกับลูกศิษย์ แล้วเขาถามธรรมะกับท่าน แต่ท่านกลับนิ่งเฉยขณะรถวิ่ง -จนรถจอดสนิทถึงที่หมาย ลงจากรถ มานั่งแล้วท่านจึงตอบธรรมะข้อนั้น ท่านกล่าวว่า การกล่าวธรรมะต้องกล่าวในสถานที่ที่เหมาะสม เป็นการเคารพต่อธรรม
_______________________________________________________

- ท่านอ.ฟัก ไม่ใช่แต่เป็นผู้อุปัฏฐาก หลวงตายังมอบวัดให้พระอ.ฟักดูแลด้วย เหมือนให้ท่านฝึกงานบริหาร, การปกครอง,งานก่อสร้าง -
การที่ท่านจะมอบหมายให้ใครทำอะไร ต้องพิจารณาแล้วมีความสามารถและสติปัญญาทำได้ และต้องมีการประสานงานที่ดีระหว่างผู้น้อยกับผู้ใหญ่ = ฝึกสอนให้แก้ไขปัญหา และปูรากฐานการเป็นผู้นำหมู่คณะ
เหมือนต้องการเตรียมท่านให้พร้อมรับผิดชอบงานที่หนักยิ่งขึ้นต่อมา

- กลางวันท่านกรำงานหนักเรื่องก่อสร้าง, ปรนนิบัติองค์หลวงตา, ปฏิบัติข้อวัตรต่าง,- กว่าจะมีเวลาพักผ่อนมักเลย2ยาม หลายครั้งถึงตี2 และตื่นก่อนตี4 เพื่อไปเตรียมบาตร

- พระอ.ฟักจำพรรษาที่วัดป่าบ้านตาด 6 พรรษา บางคราวกราบลาหลวงตาออกไปวิเวกบ้างที่ถ้ำระฆัง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งท่านพ่อลีเคยไปภาวนา กันดารน้ำมาก ต้องรองน้ำจากหินที่หยดลงมาเพื่อใช้ดื่ม ,บางครั้งไปภาวนาที่วัดถ้ำขาม , วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร
____________________________________________________

-ช่วงไม่ได้ไปวิเวก ท่านจะขออนุญาตหลวงตาไปเยี่ยมโยมบิดามารดา ขอหลายครั้งมาก แต่หลวงตาไม่อนุญาต
- จนวันหนึ่งพระอ.ฟักได้มีโอกาสเผาบาตร และอธิษฐานจิตว่าถ้าหลวงตายอมใช้บาตรนี้ ขอให้ท่านสามารถขอไปเยี่ยมโยมพ่อแม่ได้สำเร็จ -หลวงตายอมใช้บาตรนั้น ท่านจึงไปขออนุญาต หลวงตายอมให้ท่านได้ไป

- องค์หลวงตาเคยกล่าวว่า "ท่านฟักเป็นพระวัดป่าบ้านตาด แต่ลาไปเยี่ยมพ่อบ้าง เยี่ยมแม่บ้าง จนกลายเป็นสมภารวัดเขาน้อยไป"
"ท่านฟักพอจะตั้งไข่ได้แล้ว ทางจันทบุรียังไม่มีใครให้กลับมาพัฒนา"

________________________________________________

- เขาน้อย - ครั้งหนึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งทำศึกกู้ชาติ ได้มาอธิษฐานจิต ณ ที่แห่งนี้ - คนจึงเชื่อว่าผู้ที่ได้มาอยู่ที่นี้ ต้องมีบุพกรรมร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วย

- ท่านพ่อลีได้พยากรณ์ที่แห่งนี้ไว้ตั้งแต่ 2499 ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะกลายเป็นวัด และมีการสร้างพระเจดีย์ขึ้น โดยระบุชัดว่าเจดีย์จะถูกสร้างที่ตำแหน่งไหน ต้นไม้ใหญ่ต้นไหน - และท่านพ่อลีฝากพระพุทธรูปเนื้อดินให้โยม 10 องค์ เพื่อบรรจุลงเจดีย์

- 2528 พระอ.ฟักได้ดำริสร้างอุโบสถ โดยมีเจดีย์อยู่ยอดอุโบสถ ตำแหน่งที่สร้างใกล้เคียงทีท่านพ่อลีกำหนดไว้ จนงานเสร็จสิ้น 2538 โดยประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปสำคัญ 10 องค์ของท่านพ่อลีด้วย


- หลวงปู่ชอบ เคยค้างที่เขาน้อยท่าแฉลบ ขากลับนั่งรถผ่านทางเข้าสำนักสงฆ์เขาน้อยสามผาน ท่านรีบสั่งคนขับว่า
"ซื่อนี่ๆ" (เลี้ยวนี่ๆ) - พอรถวิ่งตาม ท่านว่าต่อ
"ซื่อนี่ๆ" (เลี้ยวนี่ๆ) - จนรถจอดเทียบทางขึ้นเขา -พระอ.ฟักได้ลงมาต้อนรับท่านด้วยความประหลาดใจยิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ชอบมาที่นี่



- พระอ.ฝั้น เมื่อมาเยือนเขาน้อย กล่าวว่า
"เขาน้อยนี่ น้อยแต่ชื่อนะ ในภาคตะวันออกนี้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่"

- พระอ.มหาบัวเคยพูดว่า
"ใครว่าพวกกายทิพย์ไม่มีจริง มาดูนี่ ที่เขาน้อยนี่เต็มไปหมดเลย"
_________________________________________________

- 2510 พระอ.ฟักเจอวิกฤตใหญ่4ประการ
1. ท่านต้องจากหลวงตามหาบัวทั้งที่ยังไม่พร้อม
2. โยมพ่อ โยมแม่ป่วย
3. ชาวบ้านรู้สึกเหมือนท่านเป็นพระลูกพระหลาน- ถ้าท่านสั่งสอนชี้แนะก็คงฟัง แต่ไม่เชื่อ เพราะเห็นว่าเคยเป็นเด็กบ้านนี้ และเป็นพระบวชไม่กี่ปี -พระอ.ฟักเคร่งข้อวัตรปฏิบัติมาก หาคนมาประเคนอาหารให้พระในวัดแทบไม่มี
4. ขณะนั้นมีกุฏชั่วคราว 2-3 หลัง ท่านไม่มีปัจจัยมาก จะขยับขยายอะไรก็ยากลำบาก



- พระอ.ฟักลำบากมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหลับตาแล้วภาวนา
"พุทโธ" อย่างเดียวไปเรื่อยๆ จนอะไรๆก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
พุทโธ เป็นหลักพึ่งพาได้จริงๆ


ท่านมักสอนศิษย์ที่ลำบากว่า ให้หมั่นพุทโธไว้เสมอๆ
______________________________________________________

- พระอ.ฟักและพระอ.แสวง เริ่มก่อสร้างสิ่งจำเป็นเชน ห้องน้ำ บันได ที่พักสงฆ์โดยลงมือทำเอง -มีโยมมาเห็น จึงไปบอกสภากาแฟว่า "ครูบาฟักให้หวยแม่น องค์ที่นั่งทำบันไดขึ้นอยู่น่ะ มีอยู่องค์เดียว" และโยมก็ย้อนกลับมากราบเรียนท่านให้ทราบพร้อมบอกว่า
"เดี๋ยวพวกมันมา ครูบาก็แก้ไขเอาเองแล้วกัน ผมสงสาร เห็นทำอยู่องค์เดียว"



- ชาวบ้านไปช่วย รอขอหวย และช่วยทำบันได - ท่านได้บอกพวกเขาตรงๆว่า "ให้หวยไม่เป็น" -แต่บางคนตีความเองว่า ขนไม้กี่ท่อน หินกี่ก้อน ไปแทงหวย - บางคนเห็นเศษกระดาษหล่นก้อนหินที่ท่านชี้บอกให้ไปนั่งกินข้าว ก็เอาเลขในกระดาษ - ถูกกันจริงๆ บันไดก็เสร็จ- ภายหลังท่านต้องมานั่งแก้ความเชื่อชาวบ้านที่ว่าท่านให้หวยแม่นอยู่อีกพักใหญ่ เขาถึงเลิกมาขอหวย

- ช่วงก่อสร้างวัด ท่านได้รับการสนับสนุนอุปถัมภ์ดูแลจากองค์หลวงตามหาบัวตลอดเวลา
_________________________________________________
- ช่วงฉันน้ำร้อน 4 โมงเย็น ท่านเทศน์อบรมพระเณร เน้นข้อวัตร พระธรรมวินัย - วินัยการปฏิบัติต่อพระอาคันตุกะ - เมื่อมีพระอาคันตุกะมาต้องรับบาตรและจีวรของพระอาคันตุกะ พาไปพักที่จัดไว้ - ในที่พักต้องมีของใช้จำเป็นจัดเตรียมให้พร้อม, ต้องเรียนพระอาคันตุกะทราบว่าห้องน้ำอยู่ไหน, ข้อวัตรวัดนี้เป็นอย่างไร- เน้นวัตร14 วิธีดูแลห้องน้ำ โรงไฟ ทำอย่างไรให้สะอาดเสมอ
- หากพระรูปใดป่วย รูปไหนหายไป ท่านจะถามหาทุกครั้ง - ถ้ารูปที่กุฏิใกล้กัน แต่ไม่ทราบหมู่หายไปไหน จะโดนดุทันที -ถือว่าไม่ใส่ใจหมู่คณะ



- หลังสวดมนต์ทำวัตรเย็น จะเปิดเทปหลวงตามหาบัวให้ฟังทุกคืน สงสัยให้ถามท่านเลย - พากันนั่งภาวนาถึง 4-5 ทุ่ม บางครั้งเที่ยงคืน - ช่วงเข้าพรรษาท่านจะให้พระอ่านบุพพสิกขาวัณณนา หนังสืออธิบายพระวินัย อ่านทุกวัน วันละ 1ชม.
- บิณฑบาตได้ของแปลกๆ มาก็ยกให้เอาไปแบ่งให้รูปนั้นรูปนี้ได้ฉันกัน
- เวลาพระเณรรูปใดจะลาสึก มักต้องไปขอลาสึกไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง เพราะท่านจะรั้งไว้เสมอ

- ศิษย์รูปหนึ่ง เคยขอลาสึกพระอาจารย์ฟัก - พอกราบเรียนเท่านั้น สีหน้าท่านราวกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในองค์ท่านกำลังจะขาดหรือหลุดออก - และท่านเริ่มพูดอธิบายหตุผลด้วยน้ำเสียงต่ำๆเศร้าๆราวกับองค์ท่านเจ็บปวดมาก ท่านพูดจนถึงเช้าแล้วก็ครองผ้าไปบิณฑบาต - ศิษย์รูปนี้ก็ไม่กล้าสึกอีกเลย เพราะกลัวท่านเสียใจ

- ท่านหนุนศีรษะด้วยกระป๋องยาเส้นหรือบุหรี่, กระโถน หมอนไม้ที่คลุมผ้า เวลาพลิกตัวได้รู้ ฝึกสติไม่ให้เผลอไผล, ผ้าปูนอนจะเป็นผ้าเก่าๆที่เคยเช็ดบาตรมาก่อน
_________________________________________________

- โยมพ่อสร้างทางจงกรมให้ 5 แห่ง ถ้าไม่มีกิจธุระใดจะเดินจงกรมเสมอ นานหลายชั่วโมง
- สมัยอยู่วัดอโศการาม พระอ.ฟักจะใช้อานาปานสติ และการเดินลมแบบท่านพ่อลี

- ท่านพ่อลีเคยกล่าวว่า - คนเรานั้นขาดอาหารก็ไม่ตายทันที, ขาดน้ำ ขาดยาก็อาจตายเร็วหน่อย, แต่ถ้าขาดลมหายใจนี่เร็วที่สุด- ท่านเลยกำหนดลมหายใจให้เป็นงานของกรรมฐาน - โดยกำหนดสติกำกับจิต ให้รู้ลมเข้าลมออก - เมื่อจิตสงบแล้วจึงเกิดมีความรู้ภายในเรียกว่าญาณทัสสนะ, จิตสงบอย่างยิ่งจึงรู้ชาติก่อนขององค์ท่านและผู้อื่น

- ผู้ภาวนาท่านใด ถ้าเคร่งวินัยมากๆ จิตใจก็ไม่ฟุ้งซ่าน จะระมัดระวังองค์
- หลักบุพพสิกขา คือศีล - ศีลเป็นบาทฐานของการภาวนา -ถ้าศีลบกพร่องหรือด่างพร้อย จิตใจก็จะไม่สบาย ร้อนใจ การภาวนาไม่ดี

- พระอ.ฟักตั้งแต่พรรษาน้อยๆ เมื่อนั่งมักจะตกภวังค์ ตัวโยกไปมา ท่านใช้วิธี"ข้างหน้าขนุน ข้างหลังทุเรียน" - เอาทุเรียนกับขนุนมาวางดักข้างหน้าและข้างหลัง ถ้าสัปหงกเป็นโดนเปลือกทิ่ม หน้าผากแดงให้ได้อับอายหมู่คณะไปเลย - เอาถังน้ำตั้งไว้ที่สูง ผูกเชือกที่ข้อมือ ถ้าหลับมือขยับออกเมื่อไร ถังน้ำจะตกลงมาทันที
- เคยผ่อนอาหารจาก 16 คำต่อวัน จนเหลือ 4 คำ , เคยอดข้าวได้ถึง 16 วัน
- ท่านฉันในบาตรจริงๆ ของหวานคาวใส่ในบาตรหมด แม้แต่นม หลวงปู่ฟักก็เทใสลงในบาตรด้วย
____________________________________________________



- เมื่อศรัทธาแน่นหนาขึ้น ท่านก็เมตตาโยมโดยการพาปฏิบัติไม่ให้เสียโอกาสของความเป็นมนุษย์
เมื่อ 2523-2535 -ทำวัตรเย็นเสร็จ 2 ทุ่ม ท่านพานั่งภาวนา 2 ชม.ขึ้นไปจนบางทีเลย 2 ยามถึงเลิก - ถ้าวันเข้าพรรษา,วันวิสาขบูชาฯลฯ ท่านพาภาวนาถึงสว่าง ใครลุกไปท่านก็ไม่ว่า- ถือว่าปากภาชนะย่อมกว้างไม่เท่ากัน ใครรับได้มากก็รับ รับได้น้อยก็ไม่ว่าให้หมดกำลังใจ

- แต่ถ้ากลับบ้าน ปากภาชนะหุบเอง ด้วยข้ออ้าง "ไม่ค่อยว่าง " ท่านจะพูดอย่างทอดถอนใจว่า
"สมบัติค้างโลก ทำไมทำได้ทั้งวันทั้งคืน
สมบัติที่ติดตัวไปแค่ 2 ชั่วโมงทำไมทำไม่ได้"

_______________________________________

- 2516 โยมบิดาเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หลังตัดเป็นมากกว่าเก่า ท่านพาโยมบิดาตระเวนรกษาที่ต่างทั้งเพชรบุรี ระยองฯลฯ กลับไปตรวจศิริราชอีกครั้ง โยมพ่อหายได้
- ครั้งหนึ่งโยมมารดากล้ามเนื้อเกร็ง โดยแขนจะเกร็งกอดกับตัว เหมือนโดนมัดอยู่ - ท่านว่า "แม่เคยต้มปูมาก่อน" - ท่านจึงให้ไปซื้อปูในตลาดมาปล่อย อาการโยมแม่ก็ดีขึ้น

- 2533 อาการกำเริบหนัก มีไข้สูง -พอดีหลวงตามหาบัวที่วัดเขาน้อยสามผาน ท่านได้เมตตามาเยี่ยมที่บ้าน ท่านให้คนช่วยจับโยมมารดาให้นั่งตรงข้ามหลวงตา - รุ่งขึ้นไข้ลดลง อาการดีขึ้นจนแพทย์แปลกใจ

- เมื่อบิณฑบาตได้ ก่อนฉันท่านจะให้เอาภาชนะมาแบ่งอาหารดีๆจากบาตรท่าน ให้คนยกลงมาให้โยมพ่อโยมแม่ได้ทานก่อน

- โยมบิดามีความรู้เรื่องแพทย์แผนโบราณอย่างดี, เคยบวชเรียน 2 พรรษา , เป็นทหารเสนารักษ์ 2 ปี ก่อนออกมาเป็นหมอพื้นบ้านช่วยชาวบ้าน ท่านอยากจะเห็นหมู่บ้านท่านมีโรงพยาบาล - หลายปีต่อมา พระอ.ฟักได้ทุ่มเทกำลังสืบสานปณิธานนี้จนก่อตั้งรพ.สองพี่น้องได้สำเร็จ
- จริงๆโยมแม่ท่านหมดอายุขัยไปนานแล้ว แต่พระอ.ฟักคอยทำบุญต่ออายุให้ เพราะต้องการให้แม่ได้อยู่ร่วมบุญฉลองอุโบสถ แต่ท่านก็ต้องยอมปล่อยให้โยมแม่ไปก่อนอุโบสถสร้างเสร็จ 3 ปี
- หมอดูเคยทำนายคุณพ่อสังข์ว่า "จะมีลูกคนเดียว แต่พึ่งได้" ซึ่งพระลูกชายก็พึ่งเป็นพึ่งตายได้จริงๆ
_______________________________________________

-2536 พระอ.ฟักอาพาธด้วยโรคเส้นเลือดสมองแตกซีกขวา - ทำให้อัมพฤกษ์ซีกซ้าย เข้ารักษา รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี - หลวงตามหาบัวได้เมตตามาเป่า และขากเสลดใส่บนกระหม่อมพระอ.ฟัก -> อาการดีขึ้น ออกรพ.ต้องใช้ไม้เท้าพยุง และน้ำเสียงแหบแห้งไม่ชัดเจน


- เสียงท่านแหบตั้งแต่ 2516 เพราะคอท่านกระแทกเข้าคอนโซลรถ
- เพราะบุพกรรมเยาวว์วัย ขณะอยู่ในน้ำท่านเห็นเป็ดน้ำบินต่ำๆเป็นฝูง -ด้วยความคะนอง ท่านเอาสันมีดตั้งขวางรอไว้ -แล้วเป็ดฝูงใหมโฉบมา 1ในนั้นถูกสันมีดเต็มๆที่คอ ร่วงทันที- ท่านเข้าไปดู พอประคองมันขึ้น ก็นึกเสียใจ "โอ้ นี่เราทำผู้ที่เขาไม่มีทางสู้" - เพราะท่านเห็นว่าเป็ดตัวนั้นเพิ่งผลัดขน ขนอ่อน ซึ่งช่วงนี้จะอ่อนแอ เขาต้องเจ็บมากแน่ๆ ถึงไม่ตาย -> ทำให้เสียงท่านรักษาอย่างไรก็ไม่หาย
____________________________________________________

- เมื่อหลวงตามหาบัวดำริจัดทำผ้าป่าช่วยชาติ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่พระป่าจะออกจากความเงียบสงัดมาสู่มหาชน = ชาติต้องอยู่ในช่วงวิกฤติ -->

เมื่อท่านออกมา มีผลให้พระป่าเกือบทั้งประเทศที่เคยอยู่วิเวก ต้องขยับตัวออกมาช่วยองค์หลวงตาผู้เป็นพระอาจารย์ใหญ่ทรงคุณประเสริฐ

- ลูกศิษย์อย่างพระอ.ฟัก ไม่มีวันยอมให้พ่อแม่ครูอาจารย์ต้องเหนื่อยอยู่องค์เดียว -ท่านรวบรวมจัดผ้าป่าช่วยชาติหลายครั้งที่วัดเขาน้อยสามผาน รวมเงินและทองคำทั้งหมดได้กว่า 100ล้านบาท - ท่านต้องเมตตาคนเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าทุกข์เพราะติดหนี้,ทุกข์เพราะโรค, ทุกข์เพราะบริวาร อันตรายต่างๆ - ท่านจึงนำเอาคาถาท่านพ่อลีเผยแพร่

- "อะระหัง พุทโธ อิติปิโส ภะคะวา นะมามิหัง" สวด 108 จบ- 3รอบ,5รอบ,9 รอบ - และต้องรักษาศีล5 เคร่งครัด


-ผู้คนตั้งใจถือศีล สวดมนต์จริงจัง - พระอ.ฟักเห็นศีล สมาธิได้เกิดขึ้นบ้างในใจศิษย์ เหมือนประกายไฟเล็กๆ ถูกจุดขึ้นในที่มืด ถ้าทำต่อเนื่องจะยิ่งสว่างขึ้น - เมื่อมีศรัทธา วิริยะก็ตามมา ผลที่ต้องการก็ตามมา

- มีคนมาเล่าว่า สวนของเขาถูกพายุพัดเข้าเต็มๆ เสียหายมาก- พระอ.ฟักสงสาร เลยบอกให้เอาสายสิญจน์ท่านไปลองล้อมส่วนที่พายุชอบพัดเข้า แล้วอธิษฐาน ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง -> พายุลมแรงที่เคยพัด กลับเฉออก - ชาวบ้านคนอื่นเอาอย่างบ้าง เกิดเหมือนกัน - สวนข้างๆ ไม่ได้ล้อมสายสิญจน์กลับโดนลมกระหน่ำเข้าไปเต็มๆ

- ชาวสวนสามผานเชื่อการใช้น้ำมนต์ มากกว่ายาฆ่าแมลง - ท่านรณรงค์ให้พวกเขาเลิกใช้สารเคมีในเรือสวนไร่นาตั้งแต่ปี 2519 - ท่านว่าการทำมาหาเลี้ยงชีพต้องไม่เบียดเบียนกัน ถ้าใช้ยาฆ่าแมลง ก็ไม่รู้มีสัตว์กี่มากน้อยตายไป - ขอให้โยมเลิกใช้ยาปราบศัตรูพืช ซึ่งเบียดเบียนชีวิตตนและสัตว์อื่น เพราะทำให้ผู้ใช้เจ็บป่วย ผู้บริโภคได้รับอันตราย - ท่านให้เอาน้ำมนต์ไปรดต้นผลหมากรากไม้แทน -ได้ผลจริงๆ

- พระอ.ฟักเริ่มเป่ารักษาพระอุปัฏฐากปี 2548 ซึ่งอาพาธเป็นเนื้องอกที่ลูกนัยน์ตา -ได้ผล - คนทราบก็หลั่งไหลให้ท่านเป่ารักษาโรคต่างๆ วันหนึ่งหลายร้อยคน จนต้องแจกบัตรคิว - แม้เหนื่อยแต่ท่านก็มีความสุขกับการช่วยคน

- พระอ.ฟักเคยเปรยว่า
"พระในประเทศไทยไม่มีใครเหมือนเรา มีที่ไหนเปิดโทรศัพท์มือถือ 24 ชั่วโมง เราน่ะสงสารเขานะ"


รูปหลวงปู่ฟักเป่าถวายการรักษาหลวงตามหาบัว 2553
___________________________________________________

- 2536 ท่านพระอ.ฟักอาพาธโรคเส้นเลือดสมองแตกซีกขวา ทำให้อัมพฤกษ์ซีกซ้าย - รักษาเบื้องต้นที่รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี -หลวงตามหาบัวได้เมตตามาเป่า ขากเสลดบนกระหม่อมให้ท่านพระอาจารย์ -ต่อมาได้ส่งท่านรักษาต่อที่รพ.จุฬา เป็นผู้ป่วยใน
- 2542 เป็นโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบ ส่งต่อที่รพ.ศิริราช อาพาธครั้งนี้ถ้าได้รับการวินิจฉัยไม่ทัน อาจได้รับอันตรายถึงชีวิต
- ท่านมักปรารภว่า เหตุที่ท่านได้รับการดูแลอย่างดีนี้ คงจะเป็นผลบุญจากการที่ชอบเอื้อเฟื้อญาติโยม หรือเพื่อนพระเรื่องสุขภาพมาโดยตลอด
- 2546 โรคข้อเข่าเสื่อม ได้รับยาเสริมกระดูกอ่อน
- 2548 ท่านเหนื่อย หายใจไม่เต็มอิ่ม
-2550 หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ (Atrial fibrillation)
-2551 ต่อมน้ำลายข้างซ้ายอักเสบ
- 2552 ไอมาก มีไข้
- มิย 2553 มีเส้นเลือดสมองแตกขนาดใหญ่เกือบครึ่งสมอง และแตกจุดสำคัญที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย
- ท่านพระอ.ฟัก มักพูดบ่อยๆว่า "แม้ปู่ไม่อยู่แล้ว แต่เมตตาของปู่ยังอยู่
- 9 มิย 53 พระอ.มหาบัวสั่งก่อนหน้าแล้วว่า ถ้าไม่ไหวให้นำท่านกลับวัด ความดันเริ่มตกช่วงเที่ยง ,14.00 สัญญาณชีพจรท่านหยุดลง





ที่มา - หนังสือ "สันติธมฺโมบูชา"






Create Date : 09 กรกฎาคม 2554
Last Update : 15 สิงหาคม 2554 20:30:22 น.
Counter : 9888 Pageviews.

1 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kat_kine
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]