Group Blog
 
All blogs
 

Jossy Berry | Ombre Lips by Wet n Wild


สวัสดีค่ะวันนี้จอสจะมา Swatch สีลิปสติกค่ะ!
เป็นยังไงล่ะ แค่บอกว่าจะมาสวอทช์สีลิปก็รู้สึกเบื่อแล้วใช่ไหมล่ะ
แต่ขอบอกก่อนเลยว่าวันนี้จอสจะมาฉีกกฎเดิมๆของการทาลิปที่แสนจะน่าเบื่อ
โดยการจับคู่สีลิปสติกที่มีอยู่ เอามาทาในรูปแบบ Ombre หรือการไล่เฉดสีนั่นเองค่ะ
น่าสนใจขึ้นมาบ้างมั้ย? งั้นไปดูพร้อมกันเลยค่ะ


โดยลิปสติกที่จอสเลือกมา Review and Swatch วันนี้เป็นของ Wet n Wild ค่ะ
เพราะนอกจากเค้าจะมีเฉดสีที่หลายหลายแล้ว เนื้อผลิตภัณฑ์ของเค้าก็ดีมากๆ
ซึ่งการที่เราจะทาลิปแบบออมเบรออกมาให้สวยเนี่ย เทคนิคนึงอยู่ที่เนื้อลิปด้วยนะคะ
เพราะถ้าเราเลือกลิปที่ไม่ติดทนหรือเนื้อชุ่มชื้นจนเกินไป ก็จะทำให้สีมันลื่นไหลผสมกันไปหมด
ทาออกมาแล้วก็จะไม่สวย แต่ Wet n Wild เค้ามีเนื้อที่แน่น สีชัด ติดทนนาน
จึงเหมาะกับการหยิบมาทาในรูปแบบ Ombre เป็นที่สุด
เอาเป็นว่าเรื่องของคุณภาพลิปสติกตัวนี้จอสไม่ขอพูดเยอะนะคะ
เพราะคิดว่าทุกคนน่าจะรู้ถึงชื่อเสียงเรียงนามของพวกนางกันอยู่แล้ว

วันนี้จอสเลือกมา Swatch ทั้งหมด 12 คู่ด้วยกันค่ะ
ซึ่งการทาลิปแบบ Ombre นั้นเราสามารถเลือกทาได้หลายวิธี
แต่ที่จอสชอบที่สุดคือการทาสีเข้มข้างในปากแล้วทาสีอ่อนข้างนอก แบบนี้จะเหมาะกับสาวปากหนาค่ะ
เพราะมันจะช่วยอำพรางรูปปากที่แท้จริงของคุณ ทำให้รูปปากของคุณดูเล็ก จิ้มลิ้มแบบ อั้ม พัชราภา
และอีกแบบก็คือการทาสีเข้มไว้กรอบปาก แล้วลงสีอ่อนไว้ข้างใน เหมาะกับสาวปากเล็กปากบางทั้งหลาย
เพราะมันจะช่วยสร้างมิติให้รูปปากของคุณดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวล สาวๆเมืองนอกเค้าจะชอบทาแบบนี้กันซะส่วนใหญ่ค่ะ









เทคนิคของการทาลิปแบบ Ombre ก็ง่ายๆค่ะ
เพียงแค่เราเริ่มจากการปาดสีข้างในปากลงไปก่อนจากตัวแท่งลิปสติก
จากนั้นใช้แปรงทาอีกสีนึงจากบริเวณขอบปากให้ได้รูปทรงที่ต้องการ
แล้วตามด้วยการใช้แปรงค่อยๆเบลนให้ทั้งสองสีกลืนไปด้วยกัน
แรกๆอาจจะยังไม่ชิน แต่พอได้ลองทาดูสัก 12 คู่แล้วจะรู้ว่ามันง่ายนิดเดียว ฮ่าๆๆ
ทุกคนสามารถเก่งได้เพราะการฝึกฝนค่ะ!




ต่อไปเรามาดูกันทีละคู่ เบอร์ของลิปสติกจะอยู่ตามภาพเลยนะคะ


เริ่มจากคู่แรก Pink Sugar + Pinkerbell



Pink Sugar + Coral-ine



Pink Sugar + Carrot Gold



Think Pink + Mauve Outta Here



Think Pink + Ravin Raisin



Bare It All + Vamp It Up



Bare It All + Mocha-Licious



Just Peachy + Carrot Gold



Just Peachy + Coral-ine



Mauve Outta Here + Dollhouse Pink



Mauve Outta Here + Cinnamon Spice



Vamp It Up + Cinnamon Spice



สุดท้าย จอสเอามาเรียงกันให้ดูทั้ง 12 คู่สีเลยค่ะ เป็นยังไงบ้าง ชอบคู่ไหนเป็นพิเศษบ้างรึเปล่า
เพื่อนๆคนไหนที่มีเทคนิคการทาลิป Ombre แบบเก๋ๆก็เอามาแชร์ให้ดูบ้างนะคะ เผื่อจะได้ลองทำตาม
จอสเชื่อว่าเมคอัพไม่มีอะไรถูกผิด มันเป็นเรื่องที่สนุกและขอให้เรามีความสุขไปกับมัน
อยากให้เพื่อนๆทุกคนฉีกกฎการแต่งหน้าแบบเดิมๆ แล้วลองหาประสบการใหม่ๆให้ตัวเองดูบ้าง
หวังว่าเพื่อนๆจะได้แรงบันดาลใจเล็กๆน้อยๆจากกระทู้นี้ และขอให้มีความสุขกับการแต่งหน้านะคะ
MAKEUP IS MAGIC!





Instagram : JOSSYBERRYBLOG





 

Create Date : 12 กันยายน 2558    
Last Update : 16 กันยายน 2558 21:10:03 น.
Counter : 3983 Pageviews.  

Review : Makeup เพื่อผิวสวยจาก Physicians Formula (ถูกและดี)

สวัสดีค่ะ วันนี้จอสจะมารีวิวเครื่องสำอางจาก Physicians Formula ค่ะ
โดยวันนี้จะเน้นไปที่งานผิวสวย ได้แก่ แป้งหน้าเด็ก, แป้งโบทอกซ์ และบลัชออนสีนู้ด
ต้องบอกก่อนว่า Physicians Formula เค้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายอยู่ใน drugstore อย่าง boots และ watson
และตอนนี้ก็มีเค้าเตอร์ที่ Zen และเดอะมอลล์หลายสาขาแล้วด้วย สินค้าส่วนใหญ่ก็จะเน้นราคาถูกและคุณภาพดี
ราคาจะอยู่ราวๆ 400-500 บาท โดยเฉพาะแป้งของเค้าที่จอสได้ลองใช้แล้วชอบมากๆ
จนต้องเอามาเขียนรีวิวเพื่อแชร์ประสบการณ์ให้กับเพื่อนๆเลยค่ะ


แป้งที่ดีในนิยามของจอสคือแป้งที่มีเนื้อละเอียด บางเบาและกลืนไปกับผิวหน้า
โดย Physicians Formula เค้าก็ออกแป้งมาได้ตรงตามความต้องการของจอสมากๆค่ะ
แป้งของเค้าทาแล้วจะไม่หนาโบ๊ะ ไม่ได้ให้ความปกปิดใดๆ แต่จะได้งานผิวที่เป็นธรรมชาติ
เพราะปกติจอสเป็นคนที่ใช้รองพื้นอยู่แล้ว ตัวแป้งจอสจะใช้เซ็ตรองพื้นทีหลัง
และใช้ทัชอัพระหว่างวัน เพราะฉะนั้นถ้าแป้งมีความหนา จะทำให้ผิวของเราดูไม่สวย
และไม่เป็นธรรมชาติค่ะ



เรามาดูทีละตัวกันก่อนนะคะ เริ่มที่แป้งหน้าเด็ก
Youthful Wear Cosmeceutical Youth-Boosting Face Powder
เป็นแป้งอัดแข็งไม่ผสมรองพื้น ตัวนี้จะเป็นแป้งโปร่งแสงนะคะ
เค้าจะไม่ให้ความปกปิดใดๆทั้งสิ้น แต่จะช่วยกระจายแสง
ทำให้ผิวดูเนียนแบบเป็นธรรมชาติ ช่วยอำพรางรูขุมขน และทางแบรนด์ยังเคลมไว้ว่า
เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องสามารถทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ด้วยค่ะ
วิธีใช้คือ สามารถใช้เซ็ตรองพื้นหรือปัดเป็น finishing powder หลังแต่งหน้าก็ได้

รุ่นนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่
- Translucent, Matifying  แป้งโปร่งแสง เนื้อแมท เหมาะสำหรับทุกสีผิว
- Translucent, Illuminating Finish เนื้อโปร่งแสง ผสมชิมเมอร์ ทำให้ผิวดูโกลว์ๆ 
ดูสุขภาพดี เหมาะสำหรับทุกสีผิว 
- Creamy Natural, Illuminating Finish เป็นสีเบจอมชมพูนิดนึง ผสมชิมเมอร์บางเบา
เหมาะกับคนที่อยากได้แป้งที่มีอันเดอร์โทนชมพู

- Beige, Illuminating Finish สีเบจผสมชิมเมอร์ บางเบา เหมาะสําหรั บผิวสองสี

สำหรับเบอร์ที่เป็น Illuminating Finish เนื้อเค้าจะมีชิมเมอร์บางเบาผสมอยู่
แต่จะไม่วิ้งกระจายจนดูเหมือนหน้ามันนะคะ หลังปัดแล้วจะได้ลุคโกลวๆ ผิวมีออร่า
สีที่จอสใช้อยู่คือ Creamy Natural, Illuminating Finish
แป้งรุ่นนี้จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่ไม่เหม็นฉุนค่ะ






ตัวต่อไปเป็นแป้งโบทอกซ์ค่ะ ใช้แล้วหน้าตึงหรือยังไง เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะ
Cover Tox Ten50 Wrinkle Formula Face Powder
เป็นแป้งฝุ่นอัดแข็งเช่นกันค่ะ เนื้อแป้งบางเบา
แต่ตัวนี้จะเน้นปกปิดริ้วรอยและจุดบกพร่องต่างๆบนใบหน้าได้ดีกว่า
สามารถใช้เซ็ตรองพื้นหรือพกไว้เติมระหว่างวันก็ได้ค่ะ
เป็นแป้งที่ทาแล้วได้ลุคผิวที่เป๊ะ ปกปิดแต่บางเบา ดูเป็นธรรมชาติค่ะ
ตัวนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 2 เฉดสี
จอสใช้สี Translucent Light สำหรับคนผิวขาว
รุ่นนี้จะไม่มีชิมเมอร์ ไม่มีกลิ่นน้ำหอม ทาแล้วได้ลุคแมท
อีกเฉดนึงจะเป็น Translucent Medium สำหรับคนผิวสองสีนะคะ

สำหรับแปรงที่ให้มาในตลับทั้งสองรุ่นถือว่าคุณภาพดี
แต่ด้วยดีไซน์แล้วจอสจะชอบใช้กับแปรงคาบูกิของจอสเอง เพราะลงง่ายและทั่วหน้ามากกว่า






และอีกตัวนึงที่จอสหยิบมารีวิวให้ดูคือบลัชออนสีนู้ดค่ะ
Nude Wear Glowing Nude Blush สี Rose
เป็นบลัชออนที่เนื้อละเอียดบางเบา สีสวย โทนนู้ดอ่อนๆ
คุณภาพดีพอๆกับบลัชออนเค้าเตอร์แบรนด์อย่าง Mac, Nars เลย
แต่ราคาถูกกว่าครึ่งนึงค่ะ



สวอทช์เนื้อแป้งและบลัชออนบนแขนให้ดูค่ะ
ความจริงเนื้อแป้งจะบางกเบาว่านี้ แต่จอสทาซ้ำลงไปจะได้เห็นกันชัดๆ



ลองทาลงบนใบหน้าให้ดูเพื่อให้เห็นความแตกต่างของแป้งทั้งสองรุ่นนะคะ
จอสใช้รองพื้นของ Laura Mercier รุ่น Smoth Finish Flawless Fluid
จากนั้นก็เซ็ตทับลงไปด้วยแป้ง โดยแบ่งครึ่งหน้าค่ะ
จะสังเกตุเห็นเลยว่าแป้งรุ่น Youthful Wear จะบางเบากว่า
และผิวจะดูวิ้งๆมีออร่า อมมพูนิดๆ ดูผิวใสโกลวๆแบบผิวเด็กค่ะ
ส่วนแป้งรุ่น Cover Tox Ten50 จะเนียนกริบกว่า
อำพรางริ้วรอย รูขุมขนได้มากว่า ซึ่งเนื้อแป้งเค้าจะเป็นแบบ buildable
สามารถลงซ้ำได้เพื่อความปกปิดที่มากขึ้น แต่ยังให้ลุคธรรมชาติ
ไม่หนักผิว และไม่หนาโบ๊ะค่ะ
จอสชอบทั้งสองรุ่นเลย แต่จะเลือกใช้ตามโอกาสและความเหมาะสมค่ะ



ทีนี้มาดูสีบลัชออนบนแก้มกันบ้าง
มันเป็นอะไรที่นิยามคำว่าสีนู้ดได้ดีที่สุดสำหรับงานแก้ม
คือมันเป็นสีชมพูใสๆ ระเรื่อ ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจปัด เป็นแก้มที่สุขภาพดี
อย่างที่รู้กันว่าเนื้อของเค้าจะออกโทนนู้ด
เพราะฉะนั้นเวลาปัดจะต้องเลือกใช้แปรงที่ไม่นิ่มจนเกินไป
ถ้าใช้แปรงที่มีลักษณะนิ่มแล้วจะจิกเนื้อสีออกมายาก ต้องลงซ้ำหลายๆรอบ
อย่างแปรงที่เค้าแถมมาในตลับถือว่ากำลังดีเลยค่ะ



แต่งหน้าโดยใช้แป้ง Youthful Wear Youth-Boosting Powder
สำหรับลุคใสๆ ดูอ่อนเยาว์และมีออร่า 



แต่งหน้าโดยใช้แป้ง Cover Tox Ten50 Wrinkle Formula Face Powder
ลุคนี้สำหรับงานที่ต้องการความเป๊ะ ดูเป็น professional



โดยรวมแล้วถือว่าชอบมากๆค่ะ โดยเฉพาะแป้งทั้งสองรุ่น
เอาเป็นว่าเลือกใช้ได้ตามความต้องการและลักษณะผิวได้เลย
ในเรื่องของความคุมมัน กับผิวผสมของจอสแล้วสามารถอยู่ได้ครึ่งค่อนวันเลยค่ะ
จะมีทัชอัพระหว่างวันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะหนาหรือเป็นคราบนะคะ
เพราะอย่างที่บอกว่าเนื้อแป้งเค้าละเอียดและบางเบามากจริงๆ
และที่สำคัญคือผลิตภัณฑ์ของ Physicians Formula ทุกตัว
ได้ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังมาแล้ว
จอสใช้แล้วไม่แพ้เลยสักตัวค่ะ อ่อนโยนและดีต่อผิวเรามากๆ คนผิวแพ้ง่ายต้องลอง
และเค้ามีส่วนผสมของสารบำรุงผิวในตัว เวลาล้างหน้ามาแล้วจอสจะรู้สึกว่าผิวนึ่มๆ สุขภาพดี
ทั้งๆที่แต่งหน้ามาทั้งวัน แต่ไม่รู้สึกเลยว่าผิวแห้งกร้านหรือถูกทำร้ายค่ะ



สามารถติดตามและพูดคุยกับจอสได้ทาง
Instagram : JOSSYBERRYBLOG




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2558    
Last Update : 27 สิงหาคม 2558 11:36:31 น.
Counter : 12617 Pageviews.  

Review & Swatch : Mistine DNA Lip Color & Top Coat ลิปล็อคสี สวยติดทน ถูกและดี!

สวัสดีค่ะ วันนี้เรากลับมาที่งานสวอทช์สีลิปกันอีกแล้วค่า
บอกเลยว่าช่วงนี้มีลิปแปลกใหม่ออกมาเยอะเลย
หนึ่งในนั้นคือของ Mistine ค่ะ ถูกและดีแบบนี้ จะพลาดได้ยังไง


Mistine DNA Lip Color & Top Coat - ลิปดีเอ็นเอตัวใหม่จากมิสทีน
ทางแบรนด์เค้าเคลมไว้ว่าเป็นลิปที่มีเม็ดสีเข้มและสด
ที่มาพร้อมกับท็อปโค้ทเคลือบล็อคสีให้สวยติดทนตลอดวัน



ดีไซน์ของเค้าก็จะเก๋ๆนะคะ มีสองด้าน
ด้านนึงเป็นแปรงเอาไว้จุ่มสีมาทากับปาก กลิ่นหอมหวานเหมือนหมากฝรั่ง
จอสชอบลิปที่มากับแปรงแบบนี้เพราะว่ามันทำให้ทาง่ายดีค่ะ



ส่วนอีกด้านนึงก็จะเป็นท็อปโค้ท
เป็นเหมือนลิปมันบำรุงริมฝีปากสีใสๆค่ะ กลิ่นคล้ายๆกันแต่จะอ่อนกว่า
ซึ่งนอกจากจะช่วยบำรุงแล้วมันยังช่วยล็อกสีลิปให้ติดทนมากขึ้นอีกด้วยค่ะ



เอาล่ะทีนี้เรามาลองเนื้อลิปทั้งสองด้านบนริมฝีปากกันดู
ฝั่งที่เป็นลิปคัลเลอร์เนื้อเค้าจะเหลวๆ แต่เม็ดสีคือแน่นมาก
ทาไปตอนแรกจะหนึบๆ "อย่าเพิ่งเม้มปากนะคะ" รอให้เค้าเซ็ตตัวก่อน
หลังจากนั้นก็ทาท็อปโค้ททับลงไปค่ะ
ตัวท็อปโค้ทคือดีมากๆ เพราะเค้าจะช่วยบำรุงและล็อคสีลิป
และพอเม้มปากก็จะไม่รู้สึกหนึบอีกต่อไป ทำให้ระหว่างวันไม่รู้สึกว่าปากแห้ง
สาวๆที่ลองแล้วอย่าลืมทาท็อปโค้ทด้วยนะคะ เพราะมันทำให้รู้สึกสบายปากมากๆ



อย่างที่บอกค่ะว่าเค้าเคลมไว้ว่าเป็นลิปที่สีสันติดทน ตรึงติดริมฝีปาก
จอสเลยลองดื่มน้ำดู ปรากฎว่าไม่มีสีติดมาบนปากแก้วเลยค่า
จะมีก็แต่ความมันวาวจากลิปฝั่งท็อปโค้ทนะคะ เริดมากๆ



ทีนี้เรามาดูกันทีละสีเลยนะ ว่าทาออกมาแล้วเป็นยังไงบ้าง
เริ่มจากสีแรกเลย 01 เป็นสีแดงสด
ช่วงนี้กำลังบ้าลิปแดงอยู่ด้วย สีนี้ทาออกมาแล้วจะได้ลุคสาวเปรี้ยว เซ็กซี่เลยค่ะ



ต่อไปสี 02 เป็นชมพูบานเย็น
สีนี้ก็สวยค่ะ ทาออกมาแล้วดูโดดเด่น ไม่ซ้ำใคร



สี 03 เป็นสีชมพูนมอ่อนๆ จอสว่าสีนี้น่าจะเป็น Best seller
เพราะเหมาะกับทุกสภาพผิว สามารถทาได้หลากหลายโอกาศค่ะ



สีต่อไป 04 เป็นสีชมพูเหมือนกันค่ะ แต่เป็นชมพูอมม่วงนิดๆ
วันไหนที่อยากแต่งหน้าลุคหวาน แต่ดูมีอะไรๆ สวยหวานแบบไม่จำเจ
จอสว่าสีนี้ตอบโจทย์เลยค่ะ



สี 05 เป็นสีส้มสดค่ะ เหมาะกับวันที่สดใส
ทาออกไปเที่ยวไปเดินเล่น หรือจะทาไปเที่ยวทะเลก็สวยดีค่ะ
สีนี้ทาออกมาแล้วหน้าดูเป๊ะมาก



สี 06 เป็นสีโทนนู้ดอมส้มค่ะ ออกแนวเบาๆ สบายๆ
สามารถทาได้ทุกวัน เข้าได้กับทุกลุค
วันไหนคิดอะไรไม่ออกก็คว้าแท่งนี้ขึ้นมาทาเลยค่ะ



สี 07 ก็ยังเป็นนู้ด แต่เป็นนู้ดที่อมชมพูตุ่นๆค่ะ
สีนี้เป็นสีที่สุภาพ เหมาะกับวันที่อยากเรียบร้อย มีประชุมหรือพบปะผู้ใหญ่
ทาออกมาแล้วดูเป็นทางการดีค่ะ สวยสุภาพ keep look นิดนึง อิอิ



สีสุดท้าย 08 ก็ยังหนีไม่พ้นโทนนู้ดค่ะ
เป็นสีนู้ดที่นู้ดจริงจัง จอสทาออกมาแล้วก็ได้สีเดียวกับปากของจอสเลย
เหมาะกับลุคที่แต่งตาเข้มนิดนึง แต่รับรองว่าสีนี้ไม่ป่วยแน่นอนค่ะ



จอสสวอทช์ลงบนแขนให้ดูด้วยนะคะ จะได้เทียบสีกันชัดๆทั้ง 8 สีเลย
แต่ละสีคือแน่นมากจริงๆ ปาดลงไปแค่รอบเดียวสีก็ชัดอย่างที่เห็นเลยค่ะ



และที่ขาดไม่ได้ งานอวดริมฝีปากต้องมา ฮ่าๆๆ



โดยรวมแล้วถือเป็นลิปที่ราคาถูกแต่คุณภาพแน่นมากๆค่ะ
คือจอสเคยลองลิปแบรนด์แพงๆของยี่ห้ออื่นเช่น Lime Crime, Lola มาก่อน
ต้องบอกว่าคุณภาพและเนื้อลิปคล้ายๆกันมากเลยค่ะ
เพียงแต่ของมิสทีนเนื้อจะเหลวเป็นน้ำมากกว่า เวลาเปิดฝาห้ามคว่ำลงเพราะเดี๋ยวเลอะ
ส่วนเรื่องเม็ดสีและความติดทนต้องบอกว่าคุณภาพใกล้เคียงมาก
เม็ดสีแน่น กลบสีปากได้มิด และติดทนนานตลอดทั้งวัน
ข้อดีของตัวนี้คือ เค้ามีฝั่งท็อปโค้ทมาให้ ทำให้เรารู้สึกสบายปากมากขึ้น
ไม่รู้สึกหนึบหนับริมฝีปาก และระหว่างวันก็ไม่รู้สึกว่าปากแห้งขาดความชุ่มชื้นด้วย
ถูกและดี ต้องยกให้เลยค่ะ



สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อยากดูรีวิวลิปตัวนี้เพิ่มเติม
สามารถคลิกดูรีวิวของคุณ Aum Bellezza ได้ตามลิ้งนี้เลยนะคะ

สามารถติดตามและพูดคุยกับจอสได้ที่
Instagram : jossyberryblog




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2558    
Last Update : 21 สิงหาคม 2558 19:35:52 น.
Counter : 7395 Pageviews.  

Review & Swatch : [Top 5] My Favorite Bold Lips รีวิวลิปสีแดงในดวงใจ

สวัสดีค่ะวันนี้จอสจะมารีวิวลิปแดงในดวงใจ
ซึ่งทั้งหมดก็จะมีอยู่ 5 เฉดสีด้วยกัน จะเป็นสีแดงที่แตกต่างกันออกไป
โดยทั้ง 5 สีนี้จอสเลือกจากการที่หยิบใช้บ่อยที่สุด และเป็นเฉดสีที่ถูกใจค่ะ 



และนี่คือโฉมหน้าของผู้เข้ารอบทั้ง 5 นางค่ะ ฮ่าๆๆ
ก็มีทั้งของ Maybelline, Nars, Merrez'ca, Wet n Wild, L'oreal

พอนึกถึงลิปสีแดงแล้ว หลายคนอาจจะไม่กล้าทาเพราะกลัวจะดูแรง หรือดูหน้าแก่
แต่จริงๆแล้วจอสว่าถ้าเราเลือกเฉดสีที่เหมาะกับเราหรือสถานการณ์ มันก็สามารถไปกันได้นะคะ
เมคอัพไม่มีอะไรถูกหรือผิดอยู่แล้ว ขอแค่มั่นใจ และใจรัก



อันนี้เป็นเฉดสีทั้ง 5 สีที่จอสสวอทช์ให้ดูบนแขนนะคะ
เดี๋ยวเราจะมาดูรีวิวกันทีละแท่ง
อย่างที่บอกว่าแต่ละสีก็จะแตกต่างกันออกไป
มีทั้งแดงอมส้ม, แดงจัด, แดงม่วง, ไปจนถึงแดงอมชมพูเลย
ทั้ง 5 สีนี้เป็นสีที่จอสทาแล้วชอบมากๆ ทาแล้วก็จะได้ลุคที่ต่างกันด้วยค่ะ



ทีนี้เรามาดูกันทีละแท่งดีกว่า
เริ่มจาก Maybelline New York สี REB04
เป็นแดงอมส้มค่ะ จอสชอบแท่งนี้เพราะเค้าทำเนื้อลิปออกมาดีมากๆ
เนื้อลิปจะมีความชุ่มชื้น สีติดทนมากถึงมากที่สุด



สีนี้ทาออกมาแล้วจะได้ลุคที่เป็นสาวสดใสค่ะ
เพราะเค้าจะไม่ได้แดงมากแต่จะอมส้มนิดๆ
และด้วยความที่เนื้อลิปเค้าชุ่มชื้น จึงทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีด้วยค่ะ



แท่งต่อไปเป็น Nars Audacious สี Grace
แท่งนี้คงไม่ต้องพูดถึงคุณภาพนะคะ จอสชอบเนื้อลิปของนาร์สทุกแท่ง
คือเนื้อเค้าจะนุ่มละเอียด เม็ดสีแน่น ติดทน ทาแล้วละมุนริมฝีปากมากๆค่ะ



สีนี้จะเป็นแดงกลางๆ ทาแล้วดูเป็นสาวขึ้นมาอีกหน่อย ได้ลุคเซ็กซี่
ใครที่กำลังมองหาลิปสีแดงเนื้อดีที่เป็นสีแดงจริงๆ จอสแนะนำสีนี้เลยค่ะ



แท่งที่สามเป็น Merrez'ca Speak Velvet Lip สี Cherry Red
สีนี้เป็นแดงเข้มแบบลูกเชอร์รี่ ซึ่งจอสคิดว่ามันเข้มกำลังดีค่ะ
ที่ชอบคือเค้ามาเป็นพู่กันแบบจุ่มทำให้ทาง่าย
สีนี้จะไม่ได้ชุ่มชื้นมาก แต่พอทาลงไปแล้วจะได้สีที่ชัด ติดทน และแมท
ความติดทนจอสยกให้แท่งนี้คือที่สุดของทั้ง 5 แท่งที่หยิบมารีวิวค่ะ



ทาออกมาแล้วจะได้ลุคสาวมั่น แบบแดงพิฆาต
สีนี้จะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดนึงค่ะ เหมาะกับทาออกงานกลางคืนมากๆ
จอสกลัวจะดูหน้าแก่เลยแอบเก็บผมหน้านิดๆให้ดูหวาน อิอิ



แท่งต่อไป Wet n Wild สี Wine Room
อย่างที่ทุกคนรู้ว่าลิปสติกแบรนด์นี้เค้าดังมากๆ เพราะของเค้าถูกและดี
จอสมีลิปของเค้าอยู่ในคลังไม่ต่ำกว่า 20 แท่งค่ะพูดเลย
แต่สีนี้เป็นสีที่หยิบใช้บ่อยมากๆ เพราะเป็นสีไวน์แดงตุ่นๆ ที่ดูแล้วไม่จำเจ
สามารถแมทช์ได้กับทุกลุค และทาได้ทุกวันไม่มีเบื่อเลยค่ะ
ในบรรดา 5 สีนี้จอสหยิบแท่งนี้มาทาบ่อยที่สุดแล้วค่ะ



ทาออกมาแล้วก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ
คือเป็นลิปสีแดงที่ดูมีอะไร ดูแล้วไม่น่าเบื่อ
จอสว่ามันเป็นสีแดงตุ่นๆที่กำลังดี ทาออกมาแล้วไม่ดูแก่
สามารถแมทช์กับลุคหวาน ลุคเปรี้ยวได้หมดเลย



แท่งสุดท้ายค่ะ L'oreal Paris สี Red Valentine
จอสชอบเฉดสีของเค้ามากๆค่ะ เป็นแดงอมชมพูแบบสาวหวาน
เม็ดสีเข้ม ทาง่าย แต่จะไม่ติดทนเท่าแท่งอื่นๆนะคะ



ทาออกมาแล้วจะได้ประมาณนี้ค่ะ
คือลิปแดงส่วนใหญ่ทาแล้วจะได้ลุคเปรี้ยว เซ็กซี่
แต่แท่งนี้ทาออกมาแล้วดูหวานมาก ถึงมากที่สุด
ใครที่เป็นสาวหวานแล้วอยากลองทาลิปสีแดงขอให้ลองแท่งนี้ดูค่ะ



จอสทำสวอทช์บนริมฝีปากให้ดูด้วยค่ะ จะได้เปรียบเทียบกัน



และสุดท้ายนี้สำหรับเพื่อนๆที่ชอบดูแบบ VDO สามารถจิ้มดูได้เลยค่ะ




Instagram : jossyberryblog




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2558    
Last Update : 6 สิงหาคม 2558 23:29:53 น.
Counter : 1601 Pageviews.  

Review : แป้งดินน้ำมันเนื้อดี Cindialah Ver.888 SPF50+ PA+++

สวัสดีค่ะวันนี้มีไอเท็มใหม่มาอัพเดตพร้อมรีวิวให้ได้ชมกันอีกแล้ว
ช่วงนี้กระแสแป้งดินน้ำมันกำลังดังกระหึ่มมากๆ เพื่อไม่ให้ตกกระแส จอสขอจัดรีวิวบ้างก็แล้วกันค่ะ
ซึ่งแป้งตัวนี้จอสได้มาลองเล่นดูสักพักแล้วค่ะ ถือว่าเนื้อเนียนละเอียดดีเลยล่ะ ยังไงเราไปดูรีวิวกันเลยค่า


ชื่อเต็มของเค้าคือ Ver.888 Cindialah SPF 50+ PA+++ Bounce Up Pac
เป็นแป้งดินน้ำมันอีกตัวนึง ที่มาในแพ็คเกจตลับม่วงสวยงาม
สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ตามเข้าไปดูที่หน้าแฟนเพจของแบรนด์ได้เลยค่ะ 



แพ็คเกจสวยดีค่ะ มากับกล่องสีม่วง
แป้งตัวนี้เค้าเคลมไว้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่จากเกาหลี เนื้อแป้งเนียนนุ่มบางเบา
ควบคุมความมัน กันน้ำ กันแดดอย่างดีด้วยค่า SPF50+ PA+++ 



เรามาดูตลับแป้งกันบ้างค่ะ เค้าออกแบบมาสองชั้น แยกส่วนพัฟและแป้งออกจากกัน
มีกระจกติดมาด้วย อันใหญ่พอสมควร สามารถส่องหน้าบานๆของจอสได้พอดีเลยค่ะ ฮ่าๆๆ



ซูมดูเนื้อแป้งกันค่ะ ตัวนี้ข้อเสียของเค้าคือจะมีแค่เฉดสีเดียว เพราะฉะนั้นสาวผิวเข้มเวลาใช้อาจจะต้องระวังหน่อยค่ะ
วิธีแก้ไขไม่ให้หน้าลอยคือใช้แปรงลงแทนฟองน้ำ จะได้ลุคที่บางเบากว่า และกลืนไปกับผิวได้ดีค่ะ



อย่างที่บอกค่ะว่าเค้าเป็นแป้งเนื้อดินน้ำมัน วิธีทดสอบคือลองกดลงไปบนเนื้อแป้ง
มันจะยุบตัวลงไป คือเนื้อเค้าจะมีความยืดหยุ่นค่ะ ต่างจากแป้งพัฟปกติที่เราใช้กันอยู่
เล่นแล้วก็สนุกดี มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เก๋ๆ



พัฟที่เค้าให้มาค่อนข้างนิ่มค่ะ จอสชอบใช้พัฟลงกับแป้งเพราะได้ลุคที่เป๊ะมากๆ
เนื่องจากสีแป้งพอดีกับผิว เลยไม่มีปัญหาหน้าลอย หรือหมองคล้ำใดๆ



ทีนี้มาดูเนื้อกันบ้างค่ะ จอสว่าเนื้อแป้งเค้าเนียนละเอียดดี
ความปกปิดอยู่ที่ระดับน้อยถึงปานกลาง ถ้าอยากให้ปิดมากกว่านี้ให้ลงซ้ำค่ะ 
ตรงนี้เป็นข้อดีค่ะ เพราะจะทำให้ไม่เป็นคราบระหว่างวัน และเนื้อแป้งก็กลืนไปกับผิวได้ดีอีกด้วย



ภาพเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังใช้ค่ะ
หลังลงทันทีหน้าจะผ่องๆ อย่างที่บอกว่าเนื้อแป้งปกปิดได้ระดับกลาง จึงปิดรอยกระของจอสได้ระดับนึง
อันนี้จอสกดทับตรงริ้วรอยอีกรอบค่ะ ทำให้ปกปิดได้มากขึ้นและผิวดูเรียบเนียนขึ้นมาทันที
หลังทาให้รอสัก 5 นาทีนะคะ ให้เนื้อแป้งเค้าเซ็ตตัวก่อน แล้วจะเนียนกลืนไปกับผิว
สำหรับความติดทนก็จะอยู่ระดับกลางค่ะ คุมมันได้ระดับนึง แต่ก็อาจจะต้องมีลงซ้ำบ้างในวันที่อากาศร้อนจัด



สุดท้ายนี้จอสขอแนะนำว่า ใครที่ชอบลงผิวบางๆ ลุคใสๆ ให้ทาหลังลงกันแดดหรือเบสเมคอัพได้เลย
แต่ถ้าใครที่ทารองพื้นในตอนเช้าอยู่แล้ว อยากให้หน้าเนียนเป๊ะทั้งวันก็ให้พกไปเติมระหว่างวันค่ะ
จะได้ลุคงานผิวที่พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป



สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน ตามไปเม้ามอยกันได้ที่
Instagram : Jossyberryblog




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2558    
Last Update : 30 มิถุนายน 2558 19:16:23 น.
Counter : 5096 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

Jossy Berry
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jossy Berry's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.