Group Blog
 
All blogs
 

Review : Bisous Bisous Love Blossom Eyebrow Tattoo Gel





สวัสดีค่ะบล็อกรีวิววันนี้จอสจะมาพูดถึงเรื่องคิ้วๆ
แน่นอนอยู่แล้วว่าคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า การแต่งหน้าสำคัญสุดคือคิ้งต้องเป๊ะ
เดือนเมษานอกจากอากาศจะร้อนแล้วยังต้องรับมือกับเทศกาลสงกรานต์อีก
วันนี้จอสเลยอยากจะมาเผยเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้คิ้วของคุณอยู่ทนนาน
อากาศจะร้อนหรือจะโดนสาดน้ำคิ้วก็ยังสวยเป๊ะไม่เลือนหายแน่นอนค่ะ
ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าจอสทำยังไง


และนี่ก็คือไอเท็มเด็ดที่จะมาช่วยชีวิตของเราค่ะ
มันคือเจลเขียนคิ้ว (eyebrow tattoo gel) ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้นั่นเอง
เชื่อว่าบางคนอาจจะยังไม่รู้จัก เอาเป็นว่าจอสขออธิบายง่ายๆเลยละกันว่า
เจ้าตัวนี้มันมาในรูปแบบเจลมีหัวแปรงจิ้มจุ่ม เวลาใช้ก็วาดลงไปบนคิ้วของเราเลย
หลังจากนั้นก็รอให้แห้งแล้วมันจะกลายเป็นเนื้อฟิล์มให้ลอกออก
แค่นี้เราก็จะได้คิ้วที่ติดทนอยู่กับเราไปหลายวันเลยค่ะ
ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ได้ราวๆ 5-7 วัน แล้วแต่ว่าตอนทาเราทิ้งไว้นานแค่ไหน



ทีนี้ก็มารู้จักกับเจลเขียนคิ้วยี่ห้อที่จอสจะมาแนะนำวันนี้กันเลยค่ะ
Bisous Bisous Love Blossom Eyebrow Tattoo Gel
เจลเขียนคิ้วสัมผัสเนื้อเจลเมทริกซ์ สูตรทิ้นท์ ซึ่งเค้าเคลมไว้ว่า
เมื่อทาลงไปแล้วเนื้อเจลจะแห้งภายใน 5 นาที และเป็นสูตรกันน้ำ 100%
ช่วยให้คิ้วสวยเป๊ะนานถึง 7 วันเลยค่ะ

ลักษณะแพกเกจก็จะมาเป็นแท่งจิ้มจุ่มแบบนี้เลยค่ะ มีทั้งหมดสามสีด้วยกัน
สิ่งที่จอสชอบคือหัวแปรงเค้ามีขนาดเรียวเล็กทำให้วาดทรงคิ้วได้สวยคม
และสามารถเข้าถึงได้ทุกซอกมุมของคิ้วเพราะจอสเป็นคนขนคิ้วเยอะ
บางทีถ้าหัวแปรงใหญ่ไปเนื้อเจลมันจะไม่ซึงลงไปถึงผิวหนัง ทำให้สีติดได้ไม่นานค่ะ
ตัวนี้ใช้แล้วผ่านฉลุยเลย วาดทรงคิ้วได้ง่ายและออกมาสวยอย่างที่ตั้งใจเลยค่ะ






ลองสวอทช์ทั้ง 3 สีลงบนแขนให้ดูนะคะ
ตอนที่เนื้อเจลยังไม่แห้งอาจจะยังดูสีไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไหร่
แต่พอลอกเนื้อเจลออกไปแล้วก็จะเห็นเลยว่าแต่ละสีแตกต่างกันค่ะ
ซึ่งก็ต้องบอกว่าสีสวยทุกสีเลย เห็นแล้วอยากลองให้หมด
แต่ต้องอดใจทำทีละสี ฮ่าๆๆ






เอาเป็นว่าครั้งนี้จอสขอเลือกสี Dark Brown มาลองดูก่อนละกัน
ก็ตามสเต็ปเลยค่ะ ทาลงไปแล้วรอ 5-10 นาทีให้แห้ง ก็จะได้คิ้วเป๊ะนานทั้งวัน
สำหรับใครที่อยากให้สีติดทนนานมากยิ่งขึ้นแนะนำให้ทิ้งไว้อีก 1 ชั่วโมง
หลังจากนั้นก็ลอกเนื้อเจลออก สีก็จะติดทนนานได้ถึง 7 วันเลยค่ะ
หลังจากนั้นถ้าต้องการให้ติดทนนานยิ่งขึ้นไปอีกควรเว้นการเช็ดรีมูฟเว่อร์
และการล้างโฟมบริเวณคิ้วค่ะ ยกเว้นถ้ามีการเขียนคิ้วเพิ่มเติมก็คงจะเลี่ยงไม่ได้



รูปข้างล่างนี้จอสเปรียบเทียบให้ดูว่าหลังจากที่ลอกเนื้อเจลออกแล้ว
ก็จะได้คิ้วสวยเปีะแล้วค่ะ สงกรานต์นี้ไม่ต้องเขียนคิ้วก็ออกบ้านไปเล่นน้ำได้สบายๆ
หรือใครที่ต้องการความเป๊ะมากยิ่งขึ้นก็สามารถเขียนเพิ่มได้เลย
ตามรูปจอสก็จะมีการเติมหางคิ้วและก็ระบายสีอ่อนๆลงช่วงหัวคิ้วนิดหน่อย
จากนั้นก็ปัดมาสคาร่าคิ้วลงไปให้มีความเรียงเส้นสวยงาม เป็นอันเสร็จ
พูดเลยว่ามันช่วยให้การเขียนคิ้วง่ายยิ่งขึ้น เพราะมันมีโครงคิ้วที่สวยอยู่แล้ว
ที่สำคัญยังช่วยให้คิ้วเป๊ะนานทั้งวันอีกด้วย คือชอบมาก
ใครที่เสียเวลากับการเขียนคิ้วนานๆ แนะนำให้ใช้เจ้าเจลนี้ดูนะคะ
รับรองว่าชีวิตคุณจะง่ายขึ้น



รูปหน้าเต็มตอนที่ลอกตัวเจลออกไปแล้วค่ะ เห็นมั้ยว่าแค่นี้ก็เป๊ะแล้วจริงๆ
วันนี้จอสต้องขอตัวลาไปก่อน เอาไว้มีอะไรใหม่ๆจะมาอัพเดตเรื่อยๆนะคะ

พูดคุยและติดตามกันได้ทาง
Instagram : Jossyberryblog









 

Create Date : 10 เมษายน 2559    
Last Update : 11 เมษายน 2559 11:25:59 น.
Counter : 4879 Pageviews.  

Review & Swatch : Kiss Me Please Le Rouge Matte Creme Lip&Cheeks





สวัสดีค่ะ ห่างหายจากการ Swatch สีลิปไปนานมาก วันนี้กลับมาอีกครั้ง
กับลิปเนื้อแมทท์จิ้มจุ่มที่กำลังเป็นกระแสแรงอยู่ ณ ตอนนี้
ซึ่งวันนี้จอสได้ทดลองลิปของ Kiss Me Please แบรนด์สัญชาติไทย
เลยหยิบมา Review & Swatch ให้เพื่อนๆได้ดูกัน
จุดเด่นที่ใช้แล้วประทับของแบรนด์นี้ก็คือเม็ดสีแน่นชัดเจน
ในขณะเดียวกันก็เป็นลิปแมทท์ที่ผสมสารบำรุงเข้ามาด้วย ทำให้ปากไม่แห้งกร้าน
ลิปแมทท์บางยี่ห้อทาแล้วมันจะแมทท์และแห้งมากจนไม่สามารถพูดหรือยิ้มได้
แต่แบรนด์นี้ทาแล้วสบายริมฝีปาก อยู่ได้นานทั้งวันเลยค่ะ
เอาเป็นว่าเราไปดู Swatch ทั้ง 10 สีกันเลยดีกว่า


-VDO-






ลิปของเค้าก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 สีนะคะ แพกเกจเรียบง่าย
สิ่งที่ทางแบรนด์เคลมไว้ก็คือ
Smooth matte finish - เนื้อนุ่มแมทท์ เกลี่ยง่าย
Extra ordinary pigment color - สีแน่นชัด ทนทาน
Hyaluronic vitamin E added hydration - มีส่วนผสมของวิตามินอี บำรุงริมฝีปาก
Paraben free - ไม่มีสารกันเสีย อ่อนโยนต่อริมฝีปาก



สามารถดูสีได้ตรงใต้กล่องนะคะ เค้าจะมีมาทั้งเบอร์และชื่อสีเลย



ก่อนทาลงบนริมฝีปากจอสลอง Swatch ลงบนแขนให้ดูกันค่ะ
เนื้อลิปนุ่มนวล เกลี่ยง่าย สีสดดีค่ะ



ต่อไปเรามาดูแต่ละสีบนริมฝีปากบ้างนะคะ เรียงจากเบอร์แรกเลย
901 Red Wine



902 Luxury of Red



903 Sexy Red



904 Gossip Girl



905 Bubble Pink



906 Flamingo



907 Lilly



908 Brick N'Brick



909 Candy Orange



910 Lovely Peach



เป็นยังไงกันบ้างคะ ดูแล้วชอบสีไหน ส่วนตัวจอสชอบ 909 และ 910 มากค่ะ
เพราะเป็นสีนู้ดที่ทาแล้วกำลังดี ไม่ป่วยมากและสามารถทาได้ทุกวัน แนะนำนะคะ
สำหรับเนื้อลิปก็อย่างที่เกริ่นไว้เลยค่ะ คือเค้าไม่ได้แมทท์ 100% จนทำให้ปากแห้ง
แต่ด้วยความที่มีส่วนผสมของวิตามินอี ทำให้รู้สึกริมฝีปากชุ่มชื้น
ทาแล้วไม่เป็นคราบ เกลี่ยง่าย และเนื้อเนียนนุ่มค่ะ
ที่สำคัญคือถ้าเป็นสีโทนเข้มๆก็ติดทนทั้งวันเลย แต่โทนอ่อนอาจจะต้องมีเติมระหว่างวันบ้าง
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Instagram : kissmeplease.thailand



สามารถติดตามจอสได้ทาง
Instagram : jossyberryblog




 

Create Date : 05 เมษายน 2559    
Last Update : 7 เมษายน 2559 10:24:39 น.
Counter : 2006 Pageviews.  

Review : VER.99 Double Bright CC Cream และ VER.99 Bounce Up Pact

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ขยันอัพบล็อกหน่อยนะคะ พอดีว่ามีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ
ด้วยความที่เราชอบลองของ พอลองแล้วก็อยากจะเอามาแชร์ให้เพื่อนๆได้ดูกัน
ไอเท็มไหนเด็ด ชนะเลิศ ก็อยากให้เกิดกิเลศไปด้วยกัน ฮ่าๆ
สิ่งที่จอสจะมารีวิวในวันนี้เป็นเครื่องสำอางจากแบรนด์ Ver. 99 ค่ะ
เอาเป็นว่าจะมีอะไรเก๋ๆบ้าง เราไปดูพร้อมกันเลย


ใครชอบดูแบบ VDO กดดูตรงนี้นะจ้ะ
ครั้งนี้จอสมา Featuring รีวิวกับเจ้อั้ม Aum Bellezza



สิ่งที่จะรีวิววันนี้จริงๆมีอยู่สองตัวด้วยกัน เรามาดูทีละตัวเลยดีกว่า
ตัวแรกเป็น Ver. 99 Double Bright CC Cream SPF 50 PA+++
หลายคนอาจงงว่าทำไมนางมาเป็นแบบเข็มฉีดยา เอาจริงๆเห็นครั้งแรกนี่ก็งงเหมือนกัน
ซึ่งจริงๆแล้วก็คือเค้าทำออกมาในรูปแบบศูนยากาศนั่นเอง ทำให้เนื้อครีมสดใหม่อยู่เสมอ
ซีซีครีมตัวนี้เค้าเคลมไว้เลยว่าเค้าเป็นทั้ง บำรุง กันแดด และรองพื้นในหนึ่งเดียว
เรียกได้ว่าตอบโจทย์สาวๆที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบแบบเราๆมากค่ะ
เพราะถ้าวันไหนตื่นมาแล้วกลัวแต่งหน้าไม่ทัน คุณสามารถใช้แค่ตัวนี้ตัวเดียวได้เลย
ถือว่ารวมทั้ง 3 ขั้นตอนไว้ทีเดียว ไม่ต้องไปทาครีมบำรุงหรือกันแดดให้เสียเวลา
มาในขนาด 15 กรัม ราคา 890 บาท






เนื้อครีมตอนที่บีบออกมาจะเป็นสีขาวนะคะ แต่พอเกลี่ยแล้วจะกลายเป็นสีเนื้อ
แล้วก็จะค่อยๆปรับให้กลืนไปกับเฉดสีผิวของเรา
ดังนั้นจึงสามารถใช้ได้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นคนผิวขาวหรือผิวเข้ม



ซูมให้ดูเนื้อซีซีครีมเวลาที่เกลี่ยลงบนแขนค่ะ
ตอนแรกก็จะดูลอยๆ แต่พอเกลี่ยไปสักพักมันจะปรับให้สีกลืนไปกับแขนเลย
เป็นอะไรที่เก๋มากๆค่ะ และเนื้อครีมของเค้าจะออกแนวเบาๆสบายผิว
ไม่หนาไม่หนักหน้า แลดูเป็นธรรมชาติแต่ไม่บางจนเกินไป
ระดับความปกปิดอยู่ที่ medium นะคะ



ลงบนใบหน้าให้ดูก็จะเห็นเลยว่าเนื้อซีซีครีมไม่ได้ทำให้ผิววอกขึ้นแต่อย่างใด
แต่โดยรวมแล้วผิวดูดีขึ้น เนียนขึ้น แต่ยังดูเป็นธรรมชาติอยู่
สามารถปกปิดรอยฝ้ากระและเส้นเลือดได้ระดับนึง แต่ก็ยังไม่ 100% นะคะ
เนื่องจากการปกปิดเค้าอยู่ที่ปานกลาง ข้อดีคือทำให้ดูไม่หนาและไม่หนักหน้า
ถามว่าตกร่องไหม ก็มีอยู่นิดหน่อยช่วงใต้ตา แต่เซ็ทด้วยแป้งฝุ่นดีๆก็ไม่เป็นนะ
ความติดทนก็ปานกลางค่ะ ถ้าใช้ตัวนี้คู่กับแป้งฝุ่นตกเย็นก็อาจจะมีจางๆลงบ้าง
ข้อเสียคือแพกเกจอาจจะเก๋ก็จริงแต่ก็งงๆอยู่ค่ะ ยังไม่ค่อยชิน
ซึ่งบางทีถ้าพกไปใช้ต่างประเทศอาจมีทะเลาะกับ ตม. ได้เหมือนกันนะ ฮ่าๆ


ต่อมาเรามาดูตัวที่สองกันเลย Ver. 99 Bounce Up Pact SPF 50 PA+++
หรือที่หลายคนคงรู้จักกันดีในชื่อแป้งดินน้ำมันนั่นเอง
กระแสนางก็ยังดังอยู่เรื่อยๆนะ ตอนแรกคิดว่าจะมาแป๊บๆซะอีก
เดี๋ยวเราไปดูกันเลยว่าแป้งดินน้ำมันยี่ห้อนี้มันจะเด็ดตรงไหน
ปล. ตัวนี้ขนาด 15 กรัม ราคา 590 บาทค่ะ



และสิ่งที่ภูมิใจนำเสนอสุดๆเลยคือตรงนี้ค่ะ สีแป้งค่ะ
คือแป้งดินน้ำมันส่วนใหญ่ที่ทำออกมาก็จะมีสีเดียว เฉดขาว
และพอคนผิวเข้มทาก็จะมีปัญหาตลอด ทำให้หลายคนไม่สามารถใช้แป้งดินน้ำมันได้
แต่ว่าแบรนด์นี้เค้าเล่นใหญ่ค่ะ เค้าทำออกมาทั้งหมด 3 สี เฉดสีเข้มก็คือเข้มจริง
คนผิวคล้ำใช้ได้ มันเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สาวๆเมืองร้อนอย่างเราๆมากค่ะ



ตัวแพเกจเนี่ยก็ต้องบอกว่าเค้าทำออกมาดีทีเดียว
เพราะวัสดุที่ใช้ค่อนข้างแข็งแรงทนทาน พัฟที่ให้มาก็นุ่มและใช้ได้จริง
ตัวตลับจะแบ่งออกเป็นสองชั้นสำหรับพัฟและเนื้อแป้งค่ะ
มีกระจกใหญ่เต็มจอ ใช้งานง่ายดีค่ะ โดยรวมแล้วดูแพงมากๆ



สวอทช์ให้ดูทั้งสามสี จะเห็นว่าเบอร์ 1 เป็นเฉดที่อ่อนที่สุด สำหรับคนผิวขาว
เบอร์ 2 เป็นเฉดสีเข้มสุดสำหรับคนผิวคล้ำหรือผิวสองสี
เบอร์ 3 เป็นเฉดสีกลางๆ คนผิวสีขาวหรือผิวสองสีค่อนไปทางขาวก็ใช้ได้
ส่วนตัวแล้วจอสเป็นคนผิวขาวแต่ช่วงนี้เที่ยวทะเลบ่อย ผิวเลยเข้มขึ้นมาเฉดนึง
ตอนนี้ผิวเลยพอดีกับเบอร์ 3 ค่ะ 



ต่อไปก็จะลงบนใบหน้าให้ดูบ้าง ในรูปคือลงเฉพาะแป้งดินน้ำมัน มันเป็นอะไรที่เนียนผ่องสวยงามค่ะ
ความปกปิดปานกลางแต่สามารถลงซ้ำได้ เพื่อให้ผิวเนียนกริปยิ่งขึ้น
ในรูปจอสใช้ลงกับพัฟที่เค้าให้มาก็จะเห็นว่าปกปิดได้ระดับนึงแต่ก็ยังเห็นรอยกระอยู่บ้าง
ความรู้สึกหลังทาแล้วเบาหน้าดีค่ะ รู้สึกเบากว่าตัวซีซีครีมด้วยซ้ำ แต่ปกปิดดีกว่า
ความติดทนปานกลาง ระหว่างวันก็มีมันบ้าง ซับมัน 1 รอบเอาอยู่ค่ะ ตัวนี้กันน้ำกันเหงื่อด้วยนะ

ตัวแป้งดินน้ำมันบอกเลยว่าโดยรวมแล้วจอสชอบเกือบทุกอย่างเลย คือดีมาก
แต่ติดตรงที่เค้ามีส่วนผสมของซีลีโคนอยู่ ทำให้อาจเกิดการอุดตันได้ถ้าล้างหน้าไม่ดี
ดังนั้นวันไหนที่ใช้แป้งตัวนี้ต้องมั่นใจว่าทำความสะอาดได้หมดจด จะได้ลดโอกาสการเป็นสิวค่ะ



ต่อไปจอสจะเปรียบเทียบให้ดูระหว่าง before - ลงซีซีครีม - ลงแป้งดินน้ำมันทับลงไป
ซึ่งใครที่ต้องการความปกปิดและติดทนมากเป็นพิเศษแนะนำให้ลงตามขั้นตอนนี้เลยค่ะ
ก็จะได้ผิวที่เนียนเป๊ะมากเลยทีเดียว สามารถปกปิดริ้วรอยต่างๆได้เกือบจะ 100%
แต่แนะนำว่าให้ใช้แป้งฝุ่นเซ็ตทับลงไปอีกที ก็จะช่วยเพิ่มความแม็ทท์ และทำให้ติดทนนานยิ่งขึ้นค่ะ
ด้วยความที่เนื้อแป้งเค้าไม่ได้หนาหนักเหมือนแป้งดินน้ำมันยี่ห้ออื่น 
มันจึงสามารถลงคู่กันได้กับตัวซีซีครีมนะคะ
ถามว่าพอลงแบบนี้แล้วหนักหน้ามั้ย ก็นิดๆค่ะตอนแรก
แต่สักพักมันจะกลืนไปกับผิวและก็จะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ระหว่างวันถ้าเหงื่อออกก็จะยิ่งสวย ดูไม่หนา ไม่โป๊ะ กันเหงื่อกันน้ำได้ดี
และก็สามารถอยู่ทนได้ทั้งวันเลยค่ะ ซับมันแค่ 1 รอบเท่านั้น ยาวไปๆ



ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
Line : Ver99th



ติดตามจอสได้ทาง
Instagram : Jossyberryblog




 

Create Date : 20 มีนาคม 2559    
Last Update : 22 มีนาคม 2559 11:37:45 น.
Counter : 5496 Pageviews.  

Review and Swatch Golden Rose Velvet Matte Lipstaick and Lipliner

สวัสดีค่ะ บล็อกวันนี้จอสจะพามาดูสวอทช์สีสิปสติกสวยๆจากแบรนด์ Golden Rose
ก่อนหน้านี้จอสได้ทำรีวิวบลัชออนและอายแชโดว์ของแบรนด์นี้ไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้เลยอยากจะหยิบลิปสติกมารีวิวบ้สง เนื่องจากจอสได้รับเครื่องสำอางจากทางแบรนด์เยอะมากๆ
แต่ละตัวก็ใช้ดีและน่าสนใจกันทั้งนั้น วันนี้เลยได้ฤกษ์รีวิวลิปกันบ้าง


ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง เวลาแต่งหน้าแล้วไม่ได้ทาลิปมันก็จะรู้สึกแปลกๆนะ
บางคนอาจจะคิดว่าแค่นี้ก็สวยแล้ว แต่ชั้นไม่จ้ะ สำหรับชั้นต้องสวยให้ถึงที่สุด
สวยวัวตายควายล้มกันไปเลย ฮ่าๆๆๆ
นี้ก็เปลือยปากสดกันให้ดูนะคะ จะได้เห็นว่าสีปากเดิมของจอสค่อนข้างอ่อน
ดังนั้นเวลาทาสีลิปลงบนปากแล้วก็จะได้สีที่ใกล้เคียงตัวแท่งมาก
และด้วยพื้นสีปากของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เวลาทาออกมาสีจึงจะแตกต่างกันออกไปนะจ้ะ
ขอให้เข้าใจตามนี้



เอาหล่ะเรามาดูกันที่ Lipliner กันก่อนดีกว่า โดยครั้งนี้จอสหยิบมาสวอทช์ให้ดูกันสองรุ่น
จะมีรุ่น waterproof (51, 58, 53) เป็นแบบออโต้หมุนๆ ซึ่งรุ่นนี้เนื้อแมทและติดทนมากกกๆๆๆ
และรุ่น dream lips รุ่นนี้จะเป็นแท่งดินสอแบบเหลานะจ้ะ



และต่อไปเป็น velvet matte lipstick
เป็นลิปสติกรุ่นแมทที่เนื้อดี สีสวยชัดเจนและติดทนดีเที่ยวค่ะ
ถ้าใครที่ตามยูทูปจอสอยู่ก็จะเห็นว่าจอสจะหยิบมาทาในฮาวทูบ่อยๆ
เนื่องจากว่าชอบตรงที่เนื้อเค้าดีและสีสวยตามเทรนด์ ทาแล้วปากดูไม่แห้งและเป็นคราบ
เลยเป็นไอเท็มเด็ดประจำตัวของจอสไปเลยค่ะ
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือเฉดสีที่จอสใช้แล้วรู้สึกว่าชอบมากๆ
ซึ่งจริงๆแล้วลิปของ Golden Rose เค้ามีเฉดสีเยอะมากๆ และสีสวยๆเพียบ
แต่วันนี้จอสขอหยิบมาทาให้ดูเฉพาะสีที่โดนจริงๆนะคะ ไม่งั้นกระทู้นี้จะยาวมากๆ ฮ่าๆ 



ดูสวอทช์บนแขนไปแล้วเรามาดูกันที่ริมฝีปากบ้างค่ะ
ซึ่งไหนๆเราก็สวอทช์ทั้งลิปไลเนอร์และลิปสติกไปแล้ว จอสเลยหยิบมาทามิกซ์กันให้ดูเลย
เริ่มจากสีแรก เป็นการผสมระหว่าง Lipliner เบอร์ 51 + ลิปสติกเบอร์ 02
ก็จะได้เป็นสีชมพูนู้ดตุ่นๆแบบนี้ เหมาะกับวัยใสที่ไม่อยากให้ดูแรงเกิน



สีต่อไปเป็น Lipliner เบอร์ 58 + ลิปสติกเบอร์ 16
ก็จะได้สีออกน้ำตาลมั่นๆแบบนี้ เหมาะกับสาวมั่นที่อยากให้ดูเซ็กซี่



สีต่อไป Lipliner เบอร์ 53 + ลิปสติกเบอร์ 14
เป็นสีชมพูเข้มอมน้ำตาล ลุคสาวเซ็กซี่อมหวานแต่ไม่ดูแรงมาก



สีต่อไป Lipliner เบอร์ 510 + ลิปสติกเบอร์ 31
สีนี้เป็นโทนนู้ดออกตุ่นๆค่ะ ใครที่ชอบลุคเซ็กซี่เบาๆแบบทาได้ทุกวัน
เป็นอีกเฉดสีที่อยากแนะนำมากๆเพราะเข้าได้กับทุกลุคค่ะ



สีต่อไป Lipliner เบอร์ 519 + ลิปสติกเบอร์ 22
สวยและเผ็ชสุดๆต้องสีนี้เลยค่ะ เป็นโทนน้ำตาลแดง แซ่บได้อีก



และสีสุดท้ายขอเอาใจสาวหวานกันบ้าง
Lipliner เบอร์ 506 + ลิปสติกเบอร์ 27 หวานๆ ใสๆ แบบ everyday look ค่ะ



สุดท้ายนี้จอสจัดเรียงแต่ละสีให้ได้ดูกันใกล้ๆค่ะ
ชอบสีไหนคอมเม้นมาเม้ามอยกันนะคะ ขอบคุณที่รับชมค่ะ



ติดตามจอสได้ทาง
Instagram : Jossyberryblog




 

Create Date : 02 มีนาคม 2559    
Last Update : 3 มีนาคม 2559 13:41:53 น.
Counter : 4286 Pageviews.  

Review : Nars Velvet Matte Skin Tint SPF 30


สวัสดีค่ะวันนี้มีของใหม่มารีวิว ช่วงนี้อากาศก็เริ่มร้อนขึ้นแล้ว
Nars เลยออกโปรดักส์ใหม่ต้อนรับซัมเมอร์นี้เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Tinted Moisturizer
โดยสูตรนี้จะเป็นสูตรปราศจากน้ำมัน กึ่งแมท มีส่วนผสมของสารบำรุงพร้อมปกป้องผิว
ให้ผิวดูสวยเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมควบคุมความมันระหว่างวันด้วยค่ะ
เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราไปดูกันเลยว่ารองพื้นตัวนี้จะเป็นยังไงบ้าง


Nars Velvet Matte Skin Tint SPF 30
คำเคลมของทางแบรนด์คือ เป็นรองพื้นสูตรปราศจากน้ำมัน เนื้อสัมผัสลื่นเนียน
เผยผิวสวยได้อย่างเป็นธรรมชาติในเอกลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับของ Nars
ช่วยฟื้นบำรุงผิวและควบคุมความมัน ตอบโจทย์ทุกสภาพผิวสำหรับฤดูร้อนนี้ค่ะ

ปริมาณ 50 มล. ราคาอยู่ที่ 1,700 บาทค่ะ
แพกเกจสีดำสไตล์ Nars สวยเรียบหรู หลอดบีบใช้งานง่าย จับถือถนัดมือดีค่ะ
หลอดนี้จอสคิดว่าน่าจะใช้ได้นานมากกว่าสามเดือนเลย เพราะใช้ครั้งละแต่น้อยจริงๆ
เพราะเน้นการกระจายแสงให้ผิวดูเรียบเนียน ส่วนที่ต้องการปกปิดค่อยใช้คอนซีลเลอร์เอาค่ะ






เฉดสีที่ทางแบรนด์ให้มาลองใช้เป็นสี Alaska (light 2) และ Greenland (light 3) ค่ะ
ซึ่งจริงๆแล้วรุ่นนี้เค้ามีอยู่ทั้งหมด 9 เฉดด้วยกัน สามารถใช้ได้ทั้งคนผิวขาวมากไปจนถึงผิวคล้ำเลย
ซึ่งเรื่องการเลือกเฉดสีของรองพื้นตัวนี้ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะเนื้อรองพื้นเค้ามีเทคโนโลยี
Transparent Blurring Powder อณูเม็ดแป้งโปร่งแสง ทำให้กลมกลืนไปกับสีผิวของเราค่ะ






ทีนี้เรามาดูเนื้อรองพื้นและสวอทช์สีบนแขนกันบ้างค่ะ
เนื้อค่อนข้างข้นเหมือนเนื้อครีมออกแป้งๆนิดนึง มีกลิ่นหอมอ่อนๆมากๆ เกลี่ยแล้วจะแมทแห้งไปกับผิวเลยค่ะ
เวลาใช้แนะนำให้ลงอย่างบางเบาและค่อยๆเกลี่ยให้กลืนกับผิวนะคะ เพราะรองพื้นตัวนี้เน้นงานผิว
แบบที่เป็นผิวธรรมชาติให้ดูเรียบเนียนและกระจายแสง ถ้าลงหนาๆแล้วจะไม่ค่อยสวยค่ะ

สำหรับเฉดสี Alaska (Light 2) จะเป็นเฉดอ่อนเจือประกายเหลืองอมชมพู
ส่วน Greenland (light 3) จะเป็นเฉดอ่อนเจือประกายชมพู ซึ่งทั้งสองเฉดจะเข้มกว่าผิวจอสไปนิดนึง



สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่มีผิวแห้งแนะนำให้ลงไพรเมอร์ก่อน Nars Radiance Enhancing primer 
จะช่วยปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื้นเปล่งประกาย เกลี่ยรองพื้นได้ง่ายขึ้นและไม่เป็นคราบค่ะ



เนื้อไพรเมอร์เป็นสีขาว พอนวดลงไปแล้วก็จะกลืนไปกับผิวเราเลย
ทำให้ผิวแลดูสุขภาพดีและดูเปล่งปลั่ง ออกแนว illuminator โกลวๆนิดๆสวยดีค่ะ



ต่อมาเรามาดูก่อนและหลังทารองพื้นกันบ้าง จอสเลือกใช้สี Alaska (light 2)
หลังใช้จะเห็นเลยว่าสีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น ผิวดูสวย บางเบาและเป็นธรรมชาติ
ผิวหน้าดูแมทขึ้น ไม่มีความมันวาว สำหรับคนผิวแห้งแทบจะไม่ต้องลงแป้งทับเลยค่ะ
ในเรื่องของการปกปิดก็สามารถทำได้ดีระดับนึงนะ เพราะรอยฝ้ากระรอยสิวก็หายไป
ยกเว้นบางจุดที่สีเข้มอาจจะเอาไม่อยู่ อันนี้ถ้าอยากให้กริปก็คงต้องลงคอนซีลเลอร์ทับ
แต่สำหรับวันสบายๆ หรือไม่ต้องการการปกปิดอะไรมากก็สามารถลงตัวนี้เดี่ยวๆได้เลยค่ะ
เป็นอะไรที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และได้งานผิวที่สวย บางเบา เป็นธรรมชาติ

เฉดสีที่ตอนแรกบอกว่าเข้มกว่าผิวจริงแต่พอทาลงบนใบหน้าจริงๆแล้ว
มันจะปรับให้กลืนไปกับผิวเลยค่ะ ทำให้ผิวดูดีมากๆ ดูไม่หนา ไม่ลอย และไม่ทำให้ผิวดูดรอปเลยค่ะ
ส่วนตัวแล้วคิดว่ารองพื้นตัวนี้เหมาะกับการลงแบบบางเบา เพราะฉะนั้นถ้าลงหนาๆหลายชั้นจะไม่ค่อยเหมาะค่ะ
ด้วยความที่เนื้อแมทด้วย ทำให้เกลี่ยยากและอาจทำให้เป็นคราบได้ถ้าเกลี่ยไม่ดี



โดยรวมแล้วถือว่าดีระดับนึงค่ะ ใครที่ต้องการงานผิวบางเบาเป็นธรรมชาติ
และอยากให้ผิวดูแมทไม่มันเยิ้มระหว่างวันตัวนี้ตอบโจทย์ได้ดี
โดยเฉพาะอากาศร้อนๆบ้านเรา จอสว่าตัวนี้เอาอยู่เลยนะ
อาจจะไม่ได้ปกปิดหรือติดทนมาก อยู่ในระดับกลางๆ แต่ก็ได้งานผิวใสๆดีค่ะ
เหมาะกับคนที่ผิวดีอยู่แล้ว ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ผิวสวย แมท บางเบาเป็นธรรมชาติ
ข้อเสียคือไม่เหมาะกับการปกปิดมากๆหรือลงซ้ำหลายรอบค่ะ เพราะอาจจะทำให้เป็นคราบได้

ลุคนี้ใช้รองพื้นตัวนี้ลงผิวค่ะ ถ่ายรูปออกมาแล้วดูเนียนสวยเป็นธรรมชาติดี
ถือเป็นอีกตัวที่ทาแล้วถ่ายรูปขึ้นค่ะ เพราะช่วยกระจายแสงได้ดีมากเลยทีเดียว






Instagram : Jossyberryblog




 

Create Date : 19 มกราคม 2559    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2559 15:42:07 น.
Counter : 13685 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

Jossy Berry
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jossy Berry's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.