Bloggang.com : : คนไม่เสียสิทธิ์ - การเมืองไทย ภาคสี่

Group Blog

All Blogs

การเมืองไทย ภาคสี่

ประเด็นการเมืองที่เป็นที่กล่าวขานกันอยู่ขณะนี้ ทำให้ผมต้องกลับมาทบทวนและคิดอีกหลายตลบอยู่ทีเดียว เลยต้องมาอัพเดทข้อมูลใหม่

จากตอนแรกที่ผมมองความร้อนแรงการเมืองไทยที่ผ่านมา อยู่ที่คุณสนธิฯ เป็นหลัก แต่ปรากฏว่า ณ ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว พลิกผันไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก จะว่าเป็นขบวนการมุ่งล้มล้างอำนาจรัฐที่มีคุณทักษิณฯ เป็นนายกกุมบังเหียนอยู่ในขณะนี้ ก็ไม่น่าจะผิด

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ การเมือง กับวิชารัฐศาสตร์ ที่มีนักวิชาการจากหลายสถาบันออกมาร่วมกันเขย่าขวดการเมืองไทย อยู่ ณ วันนี้ ถกเถียงเรื่องระบอบประชาธิปไตย บอกว่า นายกฯ ทำลายระบอบการตรวจสอบตามหลักการประชาธิปไตย ไม่ปล่อยให้สถาบันทางการเมืองเป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ... เหอะ เหอะ ผมอยากจะถามอาจารย์ที่สอนวิชารัฐศาสตร์เหลือเกินครับ ว่าอะไรคือ การเมืองแบบประชาธิปไตย กันแน่ ในความคิดของอาจารย์ ประชาธิปไตยเมืองไทยต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หรือเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญงั้นหรือครับ ถ้ารัฐธรรมนูญกำหนดระดับความเป็นประชาธิปไตยได้ ทั่วโลกใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันไปแล้วกระมังครับ แล้วที่เป็นอยู่เนี่ยไม่ใช่ไปตามรัฐธรรมนูญหรอกหรือ จะคัดค้านจะขับไล่ก็ขับไล่ไปเถอะครับ เอาวิชารัฐศาสตร์แบบนี้มาอ้าง เสียหายแก่ตัวเองเปล่า ๆ

ก็ต้องยอมรับว่า ณ ชั่วโมงนี้ นายกฯ และคณะ เป็นเป้าใหญ่ขึ้น โอกาสจะเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง คราวนี้มีสูงมากทีเดียวครับ

นายกฯ อย่าคิดว่าจะเอาเสียงคนชนบทที่เป็นฐานมาช่วยได้เลยครับ ผมว่ายิ่งเนิ่นนานไปเรื่อย ๆ ยิ่งพังกันไปใหญ่ครับ และกลุ่มที่เรียกร้องนั้น มีความต้องการร่วมกันเพียงประการเดียว คือ กำจัดคนชื่อทักษิณฯ ออกจากระบบการเมืองไทย เสีย ณ เร็ววัน

หลาย ๆ ประเด็นเกี่ยวกับพฤติกรรม การบริหาร จัดการประเทศ ของนายกฯ คนนี้ ถูกนำมาวิเคราะห์ วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวางกว่าที่ผมเคยสัมผัสมา

จากครั้งที่แล้ว ผมกังวลว่าอย่าให้เป็นการต่อสู้ชิงชัยของคนสองคน คือ กลุ่มคุณสนธิฯ กับนายกฯ เลย เพราะถ้าหากไม่มีใครยอมใครแล้ว ต้องเกิดเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่อยู่เป็นแน่นอน

แต่ว่า..การเมืองตอนนี้ ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างคุณสนธิฯ กับนายกฯ แล้ว เหตุการณ์เปลี่ยนไปแล้ว นายกฯ คงรู้แล้วหรืออาจจะไม่รู้ ว่ากำลังทำสงครามข้อมูลข่าวสารกับใคร กับพลังอำนาจแอบแฝงจากทิศทางใดบ้าง ณ วันนี้เสียงคนไม่เอาทักษิณฯ มีพลังยิ่งนัก และกำลังขยายตัวลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

ผมไม่ได้สนใจนักหรอกว่า ใครจะมาจะไปเป็นนายกฯ แต่สิ่งที่ผมและอาจจะมีหลายคนคิด คือ การก้าวเดินของประเทศ ที่กำลังดำเนินไปอยู่ ณ ขณะนี้ มันช่างล่อแหลม เสี่ยงเอาเหลือเกิน ว่าจะควบคุมกันยังไง จะดูแล จะบริหารความขัดแย้งกันอย่างไรต่อไป และสิ่งสำคัญคือ ระบบการเมืองไทย จะหมุนกลับอีกรอบ หรือไปเริ่มต้นใหม่ หรือเปล่า

แน่นอนว่าต้องยอมรับว่า จะเป็นอีกครั้งที่ประเทศเราต้องสะดุดในเรื่องการเมืองครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ทีเดียว ภายหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญมา ...ผมไม่อยากคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงใด ๆ เกิดขึ้น ในลักษณะเป็นการต่อสู้ด้วยกำลังกัน..และเชื่อว่าไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก

เหตุผลที่ผมเชื่อมั่นอย่างนั้นคือ ประสบการณ์ และสถานการณ์มันไม่เหมือนเดิม ๆ แล้ว แต่ถ้าใครจะให้เกิดขึ้นแบบเดิม ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกคนรุ่นเก่า ที่เคยผ่านประสบการณ์นั้นเสียมากกว่า คนรุ่นใหม่คงไม่มีใครยอมรับอีกแล้ว ผมเชื่อเช่นนั้น

ส่วนประเด็นที่ว่า คนเมืองกับคนชนบท จะปะทะกัน นั้น ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์การเมืองไทยนะครับ(ที่เคยมีก็แค่เรื่องคนชนบทเข้ามาเรียกร้องสิทธิ์ หรือต่อต้านนโยบายรัฐ) เท่าที่ผมจำได้ มีแต่คนเมืองปะทะกันเอง หรือคนเมืองปะทะกับกำลังของรัฐ

เพราะฉะนั้นถ้าหากนายกฯ คิดจะเอากำลังจากคนชนบทเข้ามาปะทะคนเมือง คนชั้นกลางที่ต่อต้าน ผมคิดว่าจะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์อันใหม่ของเมืองไทยทีเดียว แต่จะเป็นไปได้หรือ???

โดยลักษณะสังคมไทย คนชนบทนั้นถูกชักจูงได้ง่าย กว่าคนเมืองซึ่งรับข่าวสารมากกว่า ครอบคลุมกว่า แต่คนเมืองกลับมีความอ่อนไหวในเรื่องเพียงเล็กน้อยมากกว่าคนชนบท ต่างกับคนชนบท ที่ค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงยาก ดังนั้นนายกฯ กำลังจะสูญเสียพลังสนับสนุนที่เป็นฐานคนเมืองไปเรื่อย ๆ ๆๆ

น่าคิดหรือไม่ว่า คนชนบทที่ถูกรัฐบาลกล่อม ด้วยนโยบายต่าง ๆ จะยอมรับแนวคิดคนเมืองไม่เอาแล้วนายกฯ คนนี้... อันนี้คือ สิ่งที่นายกฯ คงคิดว่าคงไม่ใช่แน่นอน ยิ่งตัวเองได้รับการสนับสนุนจากคนชั้นล่างในปริมาณมากกว่าย่อมมีความชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป ...

แต่....ผมคิดว่านายกฯ กำลังประเมินผิดพลาดนะครับ เพราะพลังคนชนบท นั้นอ่อนไหวมาก กับเรื่องสถาบัน ถ้าหากนายกฯ อยู่ห่างสถาบันเมื่อไหร่ คนชนบทไม่เอานายกฯ แน่นอนครับ และตอนนั้น แผ่นดินไทย จะไม่มีที่อยู่สำหรับนายกฯ

ก็ต้องมาวิเคราะห์กันต่อไปนะครับว่า... สถาบันจะพิจารณาแบบใด... แต่ถ้าจะปล่อยไว้รอให้เกิดความรุนแรงเสียก่อนนั้น ผมมั่นใจว่า เหตุการณ์นั้นจะไม่เกิดแน่นอน เพราะมันไม่เหมือนกันเอาเสียเลย....แถมคนที่จะก่อการอย่างนั้นคงหายาก อาจจะต้องใช้มือที่สามอีกครั้ง แต่ก็คงไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว คือ ไม่รุนแรงถึงขนาดว่างั้นเถอะ....ประกอบกับภาพการเมืองไทยในสายตาประชาคมโลกจะตกต่ำยิ่งกว่าเก่าอีก

ส่วนคนเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับการขับไล่นายกฯ ครั้งนี้ ก็คงจะกลายเป็นหุ่นเชิดต่อไปละครับ ต้องต่อสู้กันเองกับคนเมืองด้วยกัน ในเรื่องข้อมูล ข่าสาร มีการดิสเครดิตกันไปมา เป็นระยะ ๆ ตามแต่สถานการณ์ที่มีกลุ่มแกน กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ออกมาแสดงบทบาทให้เวียนหัวเล่นไปวัน ๆ ล่ะครับ

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจไทยนั้น.... แย่ลงแน่นอนครับ นอกจากประสบปัญหากับวิกฤติเศรษฐกิจโลก ภาวะน้ำมันแพงแล้ว ยังมีเรื่องการเมืองภายในเป็นอย่างนี้อีก แม้นายกฯ คนนี้จะมีความสามารถแย่งชิงตลาดจากประเทศคู่แข่งได้ในเรื่องนักลงทุนต่างชาติ แต่ก็ต้องประสบปัญหาการต่อต้านการครอบงำจากต่างชาติจากคนในประเทศอยู่ดี อันนี้คงเอาไม่อยู่ ถ้าการเมืองภายในไม่นิ่งเสียก่อน

ดังนั้น... ทางออก มีอยู่ทางเดียวครับ... คือ การลดอำนาจผู้นำลง ซึ่งก็มีจุดคลายเรื่อง การเลือกตั้ง สว. การแต่งตั้ง ปปช. การแก้รัฐธรรมนูญ และจะยืดเวลาออกไป ไปชนเดือนมิถุนายน อันเป็นช่วงฉลองครบ ๖๐ ปี การครองราชย์ ซึ่งเมื่อเหตุการณ์นั้นจบไปแล้ว ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก็จะต้องมาเปลี่ยนกันอีกรอบ โดยจะเป็นการพิสูจน์ฝีมือไปด้วยระหว่างระเวลาเปลี่ยนนั้น แต่ก็มีเวลาให้นายกฯ หายใจคิดอ่านต่อ

แต่...ยังไม่รู้ว่าจะเป็นที่พอใจของคนเรียกร้องหรือเปล่านะครับ เพราะบุคคลรอบตัวนายกฯ ยังไม่ถูกเปลี่ยนลดอำนาจตามไปด้วย
แต่นั่นคือ รอทำให้ประเทศเดินต่อไปแบบไม่กระเทือนเท่าไหร่นัก

กรณี ให้นายกฯ คนนี้ออกจากตำแหน่ง โดยวิธีการลาออก หรือให้ออก หรือยุบสภานั้น ก็ยังวุ่น ๆ อยู่ เพราะถ้ายุบสภาก็มีโอกาสกลับมาอีกรอบ จึงเหลือแค่ให้ออก หรือลาออกเท่านั้น ถ้ายุบสภาก็ต้องสัญญากันล่ะว่าไม่มีคน ๆ นี้มาเป็นนายกฯ

สำหรับความเห็นผมตอนนี้ สรุป คือ นายกฯ ต้องออกจากตำแหน่งในเร็ววันนี้ครับ คงไปไม่รอดถึงปีหน้าแน่นอนครับ ถ้าหากวิเคราะห์กันตามสถานการณ์ที่เป็นมาถึงตอนนี้แล้ว เว้นแต่นายกฯ จะได้รับการปกป้องจากสถาบันให้ดำรงอยู่ต่อไป เมื่อนั้นกลุ่มต่าง ๆ คงจะเบาบางหรือเลิกไปในที่สุด ซึ่งใครคิดเกมส์นี้ได้แล้ว ก็อาจจะถึงบางอ้อก็เป็นได้

สำหรับความคิดของผมต่อนายกฯ คนนี้นั้น ผมยอมรับได้ทุกเรื่องครับ ขยันทำงาน คิดไว ไปไว แถมทำงานแบบไม่หยุดไม่หย่อน

ส่วนวิธีการจัดการการเมือง เช่น ควบรวมพรรค คุม สส. แต่งตั้งบุคคลข้างตัวเข้าไปในตำแหน่งสำคัญของระบบราชการ สร้างพรรคพวกในองค์กรอิสระเยอะไปหมด จนเป็นง่อยในเรื่องการตรวจสอบการทำงานรัฐ อันไหนสร้างพวกไม่ได้ก็กีดกันคนอื่น ดึงมวลชนด้วยสื่อตัวเอง และทำตัวเองเป็นจุดศูนย์รวม จนกลายเป็นการควบคุมสื่อ คุมคนฝั่งตรงข้าม ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานราบรื่น ไม่มีเรื่องระแวงพะวง ... ก็มีให้ตำหนิบ้าง แต่ก็ยอมรับได้ครับ

ส่วนเรื่องสร้างฐานอำนาจ เพื่อครอบงำเศรษฐกิจชาติ ด้วยกลุ่มพวกพ้องตัวเอง อันนี้ก็ยอมรับได้ครับ เพราะผมไม่สนใจพวกร่ำรวยหรอก มีปัญญาสู้กันก็สู้กันไป

ส่วนเรื่องการสร้างความร่ำรวยให้กับตนเองและครอบครัว ด้วยการใช้ให้บุคคลรอบตัวสนับสนุนออกกติกาเอื้อเป็นการเฉพาะ อันนี้ก็ยอมรับได้ครับ แต่ขอบอกว่าน่าเกลียด

สรุป คือ ผมยอมรับการทำงานของนายกฯ คนนี้ได้ทุกอย่าง

ส่วนเรื่องการขายหุ้นนั้น ผมก็ยอมรับได้ครับ แต่ผมขอสงวนที่จะรับได้แค่ตามกติกา ผมไม่ยอมรับในตัวนายกฯ ว่าเป็นคนรักชาติพอ เสียใจเพราะรู้สึกว่า นายกฯ รักตัวเองและครอบครัวมากกว่ารักชาติและเกียรติของตัวเอง ดีแล้วครับที่นายกฯ เป็นนักธุรกิจ ไม่ได้รับราชการเป็นตำรวจต่อไปจนอายุปูนนี้ (อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องภาษี เรื่องการขายหุ้นได้เงินจำนวนมากนะครับ ผมคิดว่าเป็นเรื่องสัมปทานที่เป็นสมบัติชาติครับ แม้ว่าจะให้ใครก็ได้ที่เข้ามารับงานทำเงินเสียภาษีให้รัฐก็ตาม แต่ผมก็ยังอยากให้เป็นไทมากกว่าเป็นต่างชาติ ในเมื่อสามารถเลือกได้ ส่วนนักธุรกิจอื่นที่ขายให้ต่างชาติ ถ้าผมรู้ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน เว้นเสียแต่ว่าเอาไม่อยู่แล้วต้องปล่อยให้ต่างชาติ อย่างกรณีธนาคารบางแห่ง อันนี้มีเหตุผลสมควรแต่ก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่)

ที่ผมยอมรับได้เพราะเข้าใจครับว่า ท่านนายกฯ เป็นนักธุรกิจจึง คิดอย่างนั้นได้

แต่ผมยอมรับไม่ได้ ถ้าหากว่า การคงอยู่ของนายกฯ จะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งกับคนในชาติจำนวนมาก คือมีคนจำนวนมากไม่ยอมรับในตัวนายกฯ ถ้าหากนายกฯ ไม่มีความสามารถพอในการประสานประโยชน์ให้กับกลุ่มที่เรียกร้องได้ ก็ไม่สมควรจะอยู่บริหารต่อไป

ส่วนวิธีการไล่ออกนั้น ในเมื่อเป็นความต้องการของประชาชนบางกลุ่ม บางพวก ไม่ใช่บางคนหรือเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง และอยู่ภายใต้ กรอบกติกาแล้ว ผมไม่ขัดข้อง ไม่คัดค้านคนกลุ่มนั้น แต่ก็ไม่สนับสนุน ไม่เข้าร่วมครับ และไม่ร่วมสนับสนุนนายกฯ เช่นกัน เว้นแต่นายกฯ จะมีความพยายามรับฟังและตอบสนองความต้องการของบุคคลกลุ่มต่อต้าน ประสานประโยชน์ให้แก่เขาได้ ผมจึงทำได้อย่างมากคงแค่แสดงความคิดเห็นส่วนตัว

ผมไม่รู้ว่าจะมีใครคิดเหมือนผมหรือเปล่านะครับ

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2549

Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2549 1:14:34 น.

3 comments

Counter : 200 Pageviews.

ผมรู้สึกว่า การมีตัวตนอยู่ของนายกคนนี้ กลายเป็นปัญหาครับ โดยเฉพาะถ้านายกเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยแตกแยกแล้วด้วย

โดย: KMS&หมาป่าสำราญ

วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:42:14 น.

วิเคราะห์ได้ดีครับ อ่านง่ายไม่ย่อยยาก

ปัญหาใหญ่ของนายกคนนี้คือไม่มีสิ่งที่เรียกว่าหลักการที่แท้จริง พูดอย่างทำอย่าง และใช้การตลาดนำหน้ามากจนเกินไป ส่วนเรื่องการเอาตัวออกห่างสถานบัน ผมมองว่ายังไม่ถึงขนาดนี้ เพราะนายกเองก็วิ่งเข้าหา บางส่วนของสถาบันขาขวิดอยู่เหมือนกัน

เรื่องที่คุณวิเคราะห์ถึงการปะทะของกำลังคนเมืองและชนบทนั้นน่ากลัวมากๆๆ มีแนวโน้มแล้ว ตอนนี้ผมนึกไปถึงเมื่อครั้งกระทิงแดงที่ถูกให้ข้อมูลด้านเดียวเป็นฝูงชนบ้าคลั่งมาฆ่าคนได้หน้าตาเฉย เกรงว่าจะเกิดแบบนั้นในไม่ช้านี้

โดย: นายเบียร์

วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:56:10 น.