|
เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องเป็นกรรมการตัดสิน
ความพยายามของการต่อสู้กันตามระบอบประชาธิปไตยเมืองไทย ยามนี้ ไม่เหมือนยุคเก่าก่อนที่ผ่านมาแต่อย่างใดซะแล้ว
การต่อสู้เพื่อขับไล่บุคคลคนหนึ่ง ในข้อหาเป็นทรราช โกงกินบ้านเมือง มันยังเป็นข้อกังขาสำหรับคนไทยอีกหลาย ๆ คน
การต่อสู้ในตอนเริ่มแรกนั้น มีเป้าประสงค์เพียงเพื่อเรียกร้องสิทธิ และผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มที่ได้เสียผลประโยชน์ไป โดยได้มีการชี้ให้เห็นว่า ผลประโยชน์ที่พวกตนสูญเสียไปนั้น กำลังลุกลามขยายตัวไปเกาะกินผลประโยชน์ชาติด้วยเช่นกัน และอีกไม่นานประเทศชาติจะต้องสูญเสียไปมากกว่านี้
นับไล่เลียงมาเรื่อย ๆ เป็นระยะเวลาของการชิงไหวชิงพริบกันทางการเมือง และทางมวลชนอย่างมากทีเดียว
การขับไล่ทรราชย์ที่ผ่าน ๆ มา เป็นการต่อสู้ของมวลชนเพื่อให้ได้กลับคืนมาซึ่งประชาธิปไตย แต่การต่อสู้ ณ วันนี้ ผมมองมุมไหนมันก็ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเสียเลย อาจจะมีแค่เพียงเสี้ยวเล็ก ๆ เท่านั้นที่พอจะมองออก เช่น ความเป็นกลางของคณะกรรมการ ผู้รักษากติกา
ผมคิดว่าระบอบประชาธิปไตยของเรานั้นสมบูรณ์อยู่ในตัวทุกอย่าง แต่เกิดปัญหาว่า ตัวบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งมีข้อขัดแย้ง ข้อพิพาท และถูกกล่าวหาในเรื่องต่าง ๆ จนนำไปสู่การสร้างมวลชนของความรู้สึกหวาดกลัว และเกลียดชังไปพร้อม ๆ กัน ณ วันนี้ คนไทยบางส่วน ถูกปลุกกระแสเกลียดชังเผด็จการ ทรราชย์ตัวใหม่ คือ เผด็จการทุนนิยมบ้าง เผด็จการความคิดบ้าง
ต้องยอมรับว่า บุคคลอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณฯ นั้น เป็นบุคลิกที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่งของคนกลุ่มหนึ่ง แต่แปลกมากที่มีคนอีกหลายกลุ่ม ไม่ใช่แค่ ทหาร หรือ กลุ่มข้าราชการ ที่อยู่ข้างเขา หรือไม่แสดงอาการต่อต้านเขาแล้ว ยังมีคนกลุ่มใหญ่ฐานล่างสุดสังคม และคนกลุ่มเมืองที่รับข่าวสารผ่านสื่อหลาย ๆ ชนิด เช่น ผู้เล่นอินเตอร์เน็ต ผู้ติดตามข่าวสาร นักธุรกิจ และอีกหลาย ๆ กลุ่ม ให้การสนับสนุนเขาด้วย
สังคมไทย ณ ยามนี้ จึงเป็นสังคมของการหวาดระแวง มากกว่าจะถูกชี้ให้แบ่งแยกชัดเจนว่ามีคนฝ่ายใดมากกว่ากัน หรือฝ่ายใดกำลังกำชัยชนะนั้นอยู่
เพราะฉะนั้น การต่อสู้ ต่อต้าน ในลักษณะของการก่อม๊อบ ชุมนุม แบบขับไล่เผด็จการ เหมือนครั้งก่อน ๆ นั้น ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเต็มที่ สังคมจึงมีการเบี่ยงเบนหาทางออกไปสู่ทิศทางใหม่ ๆ เช่น กลุ่มคณาจารย์ผู้ออกมาแสดงความประสงค์ บอกทิศทางไม่สนับสนุนนายกฯ คนนี้ การเสนอฎีกาขอให้พระมหากษัตริย์เข้ามาปรับกระบวนการ
ดูแล้วมันไม่ง่าย อย่างที่ฝ่ายคัดค้าน ฝ่ายขับไล่คิดเอาเสียเลย การจะอาศัยพลังมวลชน พลังม๊อบกลางเมือง แต่เพียงอย่างเดียว ก็กลัวจะเป็นรอยด่างทางประวัติศาสตร์ไปอีก แถมการต่อสู้ของม๊อบนั้น ไม่ได้ต่อสู้กับทรราชย์คนเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องต่อสู้หาความชอบธรรมให้กับตัวเอง ที่กำลังถูกมองอย่างรู้สึกไม่ดีจากกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย ว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบอีกต่างหาก
ปัญหาของกลุ่มม๊อบ กลุ่มมวลชน ไม่ใช่สิ่งที่จะน่าหนักใจไปกว่า กลุ่มแกนนำม๊อบ เพราะกลุ่มนี้ คือ ผู้ที่จะกำหนดชะตากรรมและนำพามวลชนเดินไปในทิศทางเดิม ๆ อีกหรือไม่ แต่แม้จะพยายามทำก็ไม่ใช่ว่ากลุ่มมวลชนจะไม่รู้เท่าทัน พวกเขาก็กลัวจะถูกใช้เป็นเครื่องมืออยู่เหมือนกัน การทดลองนำมวลชนเคลื่อนที่ เพื่อสร้างความเคยชิน ครั้งแล้วครั้งเล่าจึงต้องเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะต้องพาเดินไปทางไหนอีกบ้าง ประการหนึ่งนอกจากจะสร้างความลำบากใจต่อผู้เฝ้าดูแลสถานการณ์แล้ว ยังต้องพยายามไม่ทำตัวให้เป็นภาระน่ารำคาญแก่คนเมืองอีกด้วย จึงไม่ง่ายเลยที่แกนนำม๊อบจะนำพามวลชนบรรลุเป้าหมายได้
การออกมาประกาศ หาแนวทางใหม่ ๆ เสริม นอกจากการรวมตัวของมวลชนแล้ว จึงจำเป็นสำหรับการวางแผนกำจัดทรราชย์ของพวกเขา ด้วย ดังเช่น นักวิชาการ ชื่อ ธีรยุทธฯ ได้ออกมาเสนอไว้ เราคงจะได้เห็นมาตรการวิธีการต่าง ๆ นั้น อีกแน่นอน
ในเมื่อการต่อสู้ครั้งนี้จำเป็นจะต้องยืดเยื้อเพราะอีกฝ่ายไม่ยอม สำหรับกลุ่มแกนนำม๊อบครั้งนี้ แล้วนั้น จะต้องหาแนวทางวิธีการอันมากกว่า เรียกร้องให้คนออกมาชุมนุม แล้วชักชวนกันเดินขบวนเล่น ๆ สิ่งที่เขาต้องการก็คือ มวลชนเพิ่มจำนวนมากขึ้นหนึ่ง และอีกหนึ่งคือกิจกรรมที่สร้างแนวร่วมได้มากกว่าเดิม เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ประสงค์จะไปร่วมชุมนุม ดังตัวอย่างที่เคยเห็นสมัยรับร่างรัฐธรรมนูญ คือ การชูธงเขียว ธงเหลือง ออกมาเป็นสัญลักษณ์ ก็เป็นได้
นั่นเป็นวิธีการที่พวกแกนนำเขาจะต้องไปขบคิดกันใหม่ แต่...ถ้าหากพวกเขาอยากจะให้มันจบเด็ดขาดเร็ว ๆ เขาต้องทำอะไรที่พวกเราคาดคิดไม่ถึงซักอย่างเป็นแน่
น่าเสียดายครับ...เกมส์การเมืองครั้งนี้ ไม่สามารถหาทางประนีประนอมสานสัมพันธ์กันได้ แม้กระทั่งจะหาเป้าหมายหลักต้นตอของเหตุแห่งการขัดแย้งตอนนี้ ดูเหมือนหลาย ๆ คนมองข้ามไปหมดซะแล้ว ต่างมุ่งไปสู่การกำจัดคู่ต่อสู้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
วันนี้ผมเขียนอะไรออกมาบ้าง..ก็งงงง เหมือนกัน ตอนนี้แม้จะดูการเมืองบ้านเราแบบชินชา ไม่ตื่นเต้นเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเหนื่อยใจแทน กลุ่มบุคคลทั้งสองฝ่ายที่เผชิญหน้ากันอยู่ยามนี้เป็นอยู่มากทีเดียว
ประชาธิปไตยเมืองไทย... จะเป็นอย่างนี้อีกนานซักแค่ไหน คนที่เคยมีบทบาทในอดีต พยายามจะนำอดีตมาสั่งสอนคนอีกครั้งกระนั้นหรือ
เป็นเพราะ ห่วงชาติจะล่มจม ห่วงแผ่นดินจะถูกยึดครอง ห่วงอำนาจจะสูญเสียไป ห่วงตำแหน่งจะมีคนอื่นมาสวมแทน สุดท้ายก็คือ หวงแหนสมบัติส่วนตัว โดยเอาศรัทธา พลังมวลชนมาเป็นเครื่องมือ
ในเมื่อต่างฝ่ายเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกต้อง แต่การต่อสู้ครั้งนี้ กลับไม่มีกรรมการกลางเข้ามาตัดสิน ถือเป็นภาวะอึมครึมอย่างยิ่ง แล้วกรรมการจะตัดสินให้ฝ่ายใดชนะ
หรือว่ากรรมการได้ให้คะแนนกับผู้ชนะไว้แล้ว เหลือแต่ว่าจะประกาศผลแค่นั้นหรือเปล่า หรือว่าตอนนี้รอให้แต่ละฝ่ายทำคะแนนสะสมไปเรื่อย ๆ ก่อน
เราเป็นคนดู ก็เชียร์กันไป ไม่มีหน้าที่ ไม่มีอำนาจใด ๆ ให้ไว้ จึงไม่อาจจะตัดสินได้ว่าจะให้ใครชนะ....
สุดท้ายแล้วเรารอกรรมการหรอกหรือนี่????
ถ้าหากเกมส์นี้ไม่มีกรรมการเลย...ฝ่ายได้เปรียบจะจัดการกับฝ่ายเพลี่ยงพล้ำพลาดท่าอย่างไร ดี
อาจจะเป็นไปได้ว่าไม่มีกรรมการหรอกสำหรับเกมส์นี้ มีแต่คนดู และคนเชียร์ เท่านั้น นอกนั้นขึ้นเวทีกันหมด
สำหรับผู้อยู่บนเวที ก็ห้ำหั่นกันไป เดี๋ยวคนดูจะเป็นคนตัดสินเอง.... ใครทำแต้มเก็บคะแนนตอนนี้ได้มากกว่า ก็จะช่วยให้คนดูตัดสินได้ง่ายขึ้น รับรองถ้าให้คนดูตัดสิน เป็นธรรมแน่ ต่อให้ติดสินบนหรือไม่ก็ตัดสินได้ทั้งนั้น
แต่ต้องแสดง ท่าทาง ออกลีลา ให้คนดู เห็นจะจะ ชัดแจ้งนะ ใครถนัดท่าไหน แบบไหน งัดไม้ตายออกมาได้เลย
งานนี้ผมขอ..เป็นคนดูครับ
Create Date : 07 มีนาคม 2549 |
Last Update : 7 มีนาคม 2549 4:40:38 น. |
|
1 comments
|
Counter : 196 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|