เกาหลีในสายตาผมกับ blog บ้าน ๆ

นินทาเกาหลี Part IV (อยู่บ้านมันเหนื่อย) ตอนจบ

เอาหล่ะต่อกันเลยดีกว่า พอดีว่าเมื่อคืนนั่ง ๆ เขียนอยู่มันก็เกิดง่วงขึ้นมาซะงั้นอ่ะ

อืม กีฬานี้นี่มันฮิตจริง ๆ แฮะ คนเยอะอย่างกับเดินอยู่ในตลาดนัดซะงั้น แตกต่างกันก็ตรงที่ตลาดนัดวันนี้รู้สึกจะสูงไปนิดนึงนา ระหว่างสองข้างทางที่เปลี่ยนจากการเดินเป็นตะกายแทน ก็เริ่มเห็นลุงป้านั่งทานอาหาร ตั้งวงกินเหล้ากันแต่เช้าเลย บางกลุ่มก็มาเป็นครอบครัวเลยนะจับเข่าตั้งวงกินกันอร่อยเชียว ก็พลันให้สงสัยว่าไอ้ที่นั่งกันอยู่ตั้งแต่ต้นทางเนี่ยตกลงว่าตั้งใจจะเดินกันแค่นี้ใช่มั้ย หรือว่าเดินขึ้นไปบนยอดเสร็จแล้วกำลังจะกลับที่พำนัก อืมไอ้อย่างหลังเนี่ยไม่น่าจะใช่แน่ ๆ ภูเขาลูกก็ตั้งสูง(สูงโคตรเลย สูงมาก ๆ ๆ ๆ ) นี่ก็เพิ่งจะเข้าช่วงสายของวันถ้าไม่อย่างนั้นคุณลุงคุณป้าคงต้องปีนขึ้นกันตั้งแต่ตี 1 อ่ะ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้อย่างเดียวเลยคือ ข้าขึ้นของข้าแค่เนี้ยแหล่ะใครจะทำไมกินเลยดีกว่า แล้วภูเขาที่นี่ก็ดีนะมีร้านค้าเน้นเฉพาะตั้งขายอยู่ข้างบนตามรายทางด้วย คุณลุงท่านก็กินจริงกินจังกะว่าจะเมาให้ตกเขาตายเลยหรือไงครับนี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ แหมแต่บรรยากาศแบบนี้นี่มันก็น่าอยู่นา หากได้กินเบียร์เย็น ๆ พร้อมกับนั่งชมน้ำตกที่ข้างทางไปด้วยคงจะได้อารมณ์ทีเดียวแหมมันช่างยั่วยวนใจเสียนี่กระไร ผมก็เลยออกปากชวนพี่อีกคนนั่งกินเบียร์หลังจากที่เราปีนเขากันเสร็จแล้ว เหอ เหอ กรุ้มกริ่มทีเดียวเชียวแหล่ะ

พอเริ่มผ่านช่วงที่เป็นย่านร้านค้าไปได้ ผู้คนก็เริ่มเบาบางลงไปอย่างถนัดตาคงจะตกหล่นอยู่แถว ๆ ร้านเหล้าเป็นแน่แท้ (เกาหลีแท้ดีจริงเลย ไปที่ไหนไม่เคยขาดแอลกอฮอล์) เราไปตามทางของเราดีกว่า แต่ทีนี้ชักเริ่มลำบากแล้วสิเพราะลุงป้าที่เดินนำเราอยู่เริ่มทิ้งห่างเราไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ตามไม่ทัน โอ้ยยยยยยยยย จะรีบเดินไปไหนครับเนี่ย จะไปตามวัวที่บ้านหรือไงครับ ทำไมแข็งแรงกันอย่างนี้เนี่ย เดินกันไม่เกรงใจเด็กรุ่นหลานเลยแฮะ เฮ้ย เฮ้ย ชักเหนื่อยซะแล้วสิเรา ตอนนี้เริ่มหายใจทางปากแล้ว มารู้ตัวอีกทีนี่เราเดินมาตั้ง 2 กิโลแล้วเหรอเนี่ย มิน่าล่ะทำไมมันถึงได้เหนื่อยอย่างนี้ แถมอากาศก็เริ่มจะเบาบางยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เราเหนื่อยเร็วเข้าไปอีก (ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ยจะบอกว่าผมยังไม่แก่นา) แต่ลุงกับป้าเค้าแข็งแรงเกินวัยต่างหากล่ะ เมื่อเราพลัดพรากจากผู้นำไปแล้วที่นี้ก็เลยเปลี่ยนยุทธวิธีกันใหม่ หากเราเจอทางแยกให้เลือกเดินไปยังทางที่มีป้ายบอกทางระยะสั้นที่สุดก็แล้วกันจะได้ไปถึงยอดเขาไว ๆ ขณะที่เดินอยู่ก็เอาอีกแล้ว เจอคนเกาหลีจับกลุ่มนั่งทานอาหารกันอีกแล้วชักเริ่มสงสัย ก็ถ้ากินข้าวทำไมไม่นั่งกินที่บ้านล่ะคร้าบผม จะหอบสังขารขึ้นมากินถึงข้างบนนี้ทำมายกัน เฮ้อไม่เข้าใจ แน่ะว่ายังไม่ทันขาดคำเจออีกแล้ว คร้าวนี้เป็น 2 ป้านอนทอดกายอาบแดดอยู่บนหินขนาดใหญ่เหนือน้ำตกขึ้นไป อันนี้นี่นอนแบบว่านอนจริงนอนจังนอนเอาโล่เลยนะครับไม่ใช่นอนเล่น ๆ ด้วย เออ....เอากับเค้าสินอนอยู่ที่บ้านมันเหนื่อยกันหรือยังไงครับถึงต้องตะกายขึ้นมานอนข้างบนนี้เนี่ย

ดูเอาเองครับ อยู่บ้านมันเหนื่อยก็เลยตะกายขึ้นมานอนบนเขาซะงั้น

ป้าเหนื่อยหรือป่าวไม่รู้แต่ตรูนี่แหล่ะเหนื่อยจริง ตอนนี้สภาพเริ่มกลายเป็นหมาบ้าแล้วทำไมมันไม่ถึงยอดซะทีวะอุตส่าห์เลือกเดินทางสั้น ๆ แล้วนา เฮ้ย อะไรกันเนี่ยตรูตะกายขึ้นมาทั้งแบบ 2 ขา และ 4 ขา เหนื่อยใจจะขาด ไอ้ตู้กดน้ำนี่มันขึ้นมาได้ยังไงวะเนี่ย เราขึ้นมาก็สูงแล้วนะเว้ย เฮ้ย เฮ้ย อยากจะรู้จริง ๆ แล้วผู้กล้าคนไหนมันจะแบกวัสดุขึ้นมาเติมไอ้ตู้นี้วะเนี่ย เออเว้ยเฮ้ย ใช้ได้เลย แบกเค้าขึ้นไปด้วยเด่ะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ ตอนนี้เริ่มบ่นงุ่มบ่นง่ำเลยมันสนุกตรงไหนวะเนี่ยได้เหงื่อก็จริงนะ แต่ไม่เห็นจะตื่นเต้นได้ลุ้นระทึกอะไรเลย โอ้ โอ้ โอ้ และแล้วในที่สุด ในที่สุดความฝันก็เป็นจริงถึงแล้วครับ ถึงแล้ว ฮือ ฮือ น้ำตาแทบเล็ด ดีใจอย่างกะประกวดได้ตำแหน่ง(ต้องอ้าปากกว้าง ๆ ด้วยใช่มั้ย) แม้มันจะไม่ใช่ยอดที่สูงที่สุดของภูเขา Bukhan ก็ตามทีเถอะ แล้วจะไอ้สูง ๆ ตรงนั้นไม่ล่ะ ไม่เอาแล้วแค่นี้จะมีแรงเดินกลับหรือป่าวยังไม่รู้เลย เออแฮะ แต่คนบนนี้ก็เยอะอยู่เหมือนกันนา ตรงจุดที่ผมยืนอยู่ผมไม่ทราบหรอกนะครับว่าเค้าเรียกว่าไร แต่มันเป็นแนวสันกำแพงเมืองที่ตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งนี้อารมณ์คล้าย ๆ กับประเทศจีน แต่ขนาดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง (แล้วไอ้ข้าศึกที่ไหนมันจะปีนเขาขึ้นมาตีกะเค้าวะ ลำพังแค่ตรูเดินขึ้นมาตัวเปล่า ๆ ก็จะขาดใจอยู่แล้ว แถมไปตั้งซะบนเขาสูงเชียว คงหมดแรงตายซะก่อนได้มารบอ่ะ)

ตู้หยอดเหรียญที่สงสัยเหลือเกินว่าแบกขึ้นมาได้ไง

หลังจากหยุดพักให้หายเหนื่อยได้สักพักหนึ่งก็เริ่มรู้แล้วว่าทำไมคนเกาหลีถึงชอบเดินเขากันนัก อืม.....อากาศบริสุทธิ์อย่างที่เค้าว่ามันเป็นอย่างนี้นี่เอง เวลาที่สูดหายใจลึก ๆ ลึกสุด ๆ เข้าไปให้เต็มปอด โหย มันเป็นความสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกเย็นไปทั่วทั้งปอดเลย เหมือนปอดถูกล้างยังไงยังงั้นเลยแฮะ เหอ เหอ ชอบความรู้สึกแบบนี้จังเลย วิวก็สวย ร่มรื่นอะไรเช่นนี้ ตั้งเต็นท์นอนเลยได้มั้ยอ่ะ ชอบ ชอบ เนื่องจากว่าจุดที่ผมปีนขึ้นมา(ต้องใช้คำว่าปีนนะครับ เพราะกว่าจะขึ้นมาเหยียบบนสันกำแพงได้นี้ 2 มือ ทั้งจิก ทั้งดึง ส่วน 2 เท้าที่เหลือก็ตะกายอย่างเดียวเลย)อยู่ตรงกลางของกำแพงเมืองพอมองไปทางขวาก็เห็นว่าเป็นแนวสันกำแพงยาวเหยียดเลยแถมอยู่บนจุดที่สูงกว่าเราอีกแน่ะ ส่วนอีกด้านก็ดูน่าจะไปง่ายกว่านาราบเรียบซะขนาดนั้น คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผมเลือกทางไหน ........

เห็นยอดเขาลิบ ๆ มั้ยครับนั่นแหล่ะ สูงเนอะ ผมก็เลยเอาไว้ใช้มองอย่างเดียว

ในขณะที่เดินชมความสวยงามของธรรมชาติอยู่นั้นผมก็ยังได้พบกับคุณลุงคุณป้าจอมพลังเดินยิ้มแฉ่งไปมาดูท่าพลังจะยังเหลือแฮะ ต้องอย่างนี้สิเอาพลังมาใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ไม่ใช้เอาไปใช้บนรถไฟ แต่แบตผมที่ทีแรกทำท่าว่าจะหมดก็กลับถูกเติมเพราะอากาศและบรรยากาศซะเกือบเต็มเลย มาถึงนี่แล้วจะให้เดินบนทางเรียบ ๆ มันก็ยังไงอยู่นา (ดู ดู หายเหนื่อยยังไม่ทันไรหาเรื่องเปรี้ยวอีกแล้ว) ก็เลยเปลี่ยนไปเดินบนแนวสันเขาอย่างคนเกาหลีเค้าบ้าง แต่ขอบอกว่าอันนี้เนี่ยเป็นอะไรที่อันตรายมาก ๆ เพราะขณะที่คลืบคลานลงไปยังสันเขานั้นก็ต้อง ๆ ค่อยเอาตูดไถลลงไปนะครับเดินลงไปแบบวิธีธรรมดาไม่ได้เพราะพื้นที่มันไม่เอื้ออำนวยเอาซะเลย (แล้วยังจะไปกันอีกนะ) พอเดินตามแนวสันเขาก็ต้องระวังอีกเพราะทางที่เดินนั้นแคบมาก แต่พอที่จะให้คนสวนกันได้ แต่หากพลาดหล่นไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งคงได้กลับเมืองไทยในสภาพกล่องแน่ๆ เนื่องจากสองข้างทางนั้นเป็นเหวเลยครับพี่น้อง แต่ที่ฮาก็ตอนเดินสวนกับเกาหลีเนี่ยแหล่ะครับพี่แกเล่นมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย จะไม่มองไงไหวก็เล่นแต่งกายมาซะอย่างกะจะไปเดินเที่ยวย่านวัยรุ่นอย่างนั้นแหล่ะ (คงจะนึกด่าอยู่ในใจแหล่ะ ไอ้พวกนี้นี่เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ป้องกันก็ไม่พร้อมยังจะสะเออะมาปีนเขาอีก) แต่เดินไปได้สักพักก็ต้องถอยกลับครับเพราะทางข้างหน้ามันเป็นแง่งหินตั้งเด่นแทงขึ้นบนยอดฟ้าที่จะต้องปีนข้ามมันไปยังอีก แล้วไอ้ผมยิ่งเดินก็ยิ่งขาสั่นไม่รู้ทำไมเหมือนกันอธิบายไม่ถูก เดินทางปกติที่เราควรจะเดินนั่นแหล่ะดีแล้วน้องเอ้ย

นี่แหล่ะครับแนวสันเขาที่ผมเปรี้ยวใจไปเดินมา แล้วที่เห็นเป็นยอด ๆ มีคนยืนอยู่ด้วย
ก็อันนั้นเลยครับที่ผมจะต้องข้ามไป แต่พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าเครื่องแต่งกายไม่พร้อม
ไว้งวดหน้าแล้วกันเน้อ

ชาร์จแบตเต็มที่ซะขนาดนี้พวกผมเลยตกลงกันว่ากลับบ้านไปนอนกันดีกว่า(ฟังแล้วก็งง ๆ เหมือนกันแต่เห็นด้วยสุด ๆ )ทีนี้ก็เลยเริ่มมองหาป้ายบอกทางกลับก็เห็นมีอยู่อันนึงมันบอกว่ากลับลงไปข้างล่างระยะทางแค่ 2 กิโล หืม เป็นไปได้ด้วยเหรอวะ ตอนตรูขึ้นมาตรงนี้เนี่ยก็กดไป 5 กิโลแล้วนะขอรับ มันจะให้กระโดดลงไปหรือไงวะต้องลองซะหน่อยแล้วสิเราตามกลยุทธ์ที่เราได้วางไว้แล้วตั้งแต่ต้น เดินไปได้สักระยะนึงก็มีคนจำนวนหนึ่งไม่หนาตามากนักเดินสวนขึ้นมาพร้อมกับทำท่าหอบแบบสุด ๆ ไปเลย หอบบกว่าผมอีกนะ อาไรกันแค่นี้ทำเป็นเหนือยไม่ไหวเลยแฮะ และแล้วก็ถึงบางอ้อครับจะไม่เหนื่อยไงไหว ก็แมร่งตลอดระยะทางเดินลงผมต้องคอยประคองกับตัวกับลวดสลิงที่มันขึงไว้ให้ตลอดทางเลยน่ะสิ ทางแบบว่าชันมาก ๆ บางจุดนี่เอียงกว่า 45 องศาอีกโหมิน่าล่ะทำไมมันเขียนไว้แค่ 2 กิโลถึง เสี่ยงตายสุด ๆ ไปเลยเรา เดินขึ้นก็เหนื่อยเดินลงก็เหนื่อย หลังจากลงมาได้สักระยะเกือบจะถึงพื้นดินแล้วหล่ะครับเค้ามีจุดพักให้ด้วย ผมไม่พักหรอกเพราะอยากกลับบ้านไปพักใจจะขาดอยู่แล้ว แต่ดั๊นเหลือกไปเห็นคุณยายครับท่าทางวันนี้จะใส่แบตมา 10 ก้อน เหนื่อยจากปีนเขายังสะใจไม่พอก็เลยมา exercise บิดซ้ายขวาให้เอวมันเข้ารูปซะงั้นอ่ะ โหยาย บริจาคแบตให้หลานสักก้อนสิครับ หลานจะหมดพลังอยู่แล้ว.....เดินเขาครั้งนี้ปรากฎว่าผมขึ้นเขาทางตะวันตก แต่พอลงกลับมาลงอีกฟากของเขาเลยครับนู่นทางตะวันออกซะงั้น เออ ดีนะ เดินแบบไม่รู้ทิศรู้ทางมันถึงได้เป็นอย่างนี้ไง เหนื่อยสะใจโก๋จริงๆ

คุณยาย 3K แบ่งพลังมาให้หลานบ้างก็ได้เน้อ..

ตกลงว่าวันนี้เสียพลังงานจากการปีนเขา เติมพลังงานจากการสูดอากาศ แล้วก็เสียพลังงานจากการลงเขา อืมแต่ถ้ามีคนมาชวนให้ไปผมก็จะไปอีกนะ ไม่แปลกใจเลยทำไมคนเกาหลีถึงนิยมชมชอบกีฬาประเภทนี้กันนัก (แล้วไอ้เบียร์ที่ว่าจะกิน ก็ล้มเลิกไปโดยปริยาย แม้แต่แรงจะยกแก้วยังไม่มีเลย)




 

Create Date : 05 กันยายน 2551   
Last Update : 6 กันยายน 2551 0:01:10 น.   
Counter : 1072 Pageviews.  

นินทาเกาหลี Part IV (อยู่บ้านมันเหนื่อย) ตอน 1

อันเนื่องมาจากว่าเกาหลีเป็นประเทศที่มีพื้นที่ราบลุ่มค่อนข้างน้อย พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาสูงซะหมดดังนั้นกิจกรรมสุดฮิป กีฬาสุดฮอตของคนที่นี่จึงเป็นกีฬาเดินเขา ขอบอกว่านิยมจริง ๆ นิยมมาก ๆ ไม่ว่าจะเวลาไหนวันไหนผมจะเห็นผู้คนทั้งชายหญิงแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมเดินภูเขาตลอด แม้แต่เช้าตรู่ยังเห็นมีคนแต่งตัวจะไปเดินเขาเลย

ด้วยความสงสัยสุด ๆ ว่ามันฮอตฮิตอะไรขนาดนั้น ถามคนเกาหลีเค้าก็บอกว่ามันดีมากเลยนะมันเป็นการขึ้นไปสูอากาศบริสุทธิ์เติมพลังให้กับตัวเองช่วงวันหยุดจะได้มีแรงทำงานในวันจันทร์ อ้อ เหรอ มันได้พลังขนาดนั้นเลยอืมชักน่าสนใจแฮะ ต้องลองซะหน่อยแล้ว จะได้ไปโม้เค้าได้

ว่าแล้วเราก็เลยชักชวนเดอะแก๊งค์เราทั้ง 8 ไปปีนเขากันแต่ปรากฎว่าไปกันทั้งหมด 2 คนที่เหลือสละสิทธิ์บอกว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำในเกาหลี เอ้อ ไม่ไหวเลยพวกนี้นี่ไม่ยอมทำตัวให้กลมกลืนกับคนเกาหลีเลย โบราณเค้าว่าไว้เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม รู้มั้ย อย่างผมตอนเนี้ยะก็เนียนสุด ๆ เวลาเดินชนใครบนท้องถนนก็เดินลอยหน้าลอยตาซะงั้นไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดไรขึ้น (แอบคิดอยู่ในใจเกิดเผลอเอานิสัยนี้ไปใช้ที่ไทย ได้โดนด่ายันโคตรเหง้าแน่เลยเรา)

ไม่เป็นมีแค่ 2 เราก็ไปเรื่องแค่นี้ไม่หวั่นอยู่แล้ว ผมตั้งเป้าว่าจะไปเดินภูเขาที่มีชื่อว่า Bukhan เป็นภูเขาขนาดใหญ่มาก ๆ ทางตอนเหนือของกรุงโซลซึ่งก็ไม่ไกลจากบ้านผมนัก วันที่ไปเป็นวันเสาร์พอลงรถมาปุ๊บก็พลันได้เจอกับคลื่นมหาชนที่ยืนรอรถเมล์อยู่เพื่อที่จะมุ่งไปยังภูเขาเดียวกับผม ถามว่ารู้ได้ยังไงว่าเค้าจะไปที่เดียวกับ ไม่ยากเลยครับก็คุณพี่ท่านเล่นแต่งกายมาพร้อมซะขนาดนั้น ทั้งเสื้อ กางเกง กระเป๋า รองเท้า บางคนถึงขั้นมีไม้ค้ำถ่อด้วย แต่พอหันมามองตัวเองแล้วก็เพื่อนร่วมคณะ แหม แต่งตัวอย่างกะจะไปเดินเที่ยวอย่างนั้นแหล่ะ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เหอะ เหอะ เขินเล็กน้อย แต่จะให้ถ่อยก็กะไรอยู่ในฐานะตัวแทนของชาวสยามครั้งนี้สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว สู้เว้ยยยยยยยยยย

พอรถเมล์มาเท่านั้นแหล่ะครับพี่น้องเอ๊ยฝูงคนก็กรูกันขึ้นรถแย่งกันจะเป็นจะตาย ประมาณว่าถ้าข้าไม่ได้ขึ้นคันนี้ข้าจะไปไม่ทันถวายอาหารเพลอย่างนั้นแหล่ะ แต่อย่างที่บอกนะครับมาอยู่ที่นี่นานแล้วก็เลยเนียนเบียดเสียดยัดเยียดชิงดีชิงเด่นกับเค้าจนเข้าไปอุดอู้อยู่ในรถได้ 555 ภูมิใจในตัวเองจริง ๆ อ้อ ลืมบอกไปอย่างหนึ่งเลย อันนี้สำคัญมาก ๆ เพราะไอ้กีฬาที่ผมว่าเนี่ย มันสงวนไว้สำหรับ ลุง ๆ ป้า ๆ เท่านั้น เพราะไม่เห็นจะมีหนุ่มสาวเกาหลีคนไหนแต่งตัวแบบนี้เลย เกิดว่าใครมาที่นี่อย่าไปพูดกับใครเชียวนะว่าชอบกีฬานี้เดี๋ยวเค้าจะหาว่าแก่

ดูกันเองแล้วกันครับว่าคลื่นมหาชนเยอะแค่ไหน(สังเกตุหน้าตาด้วยนะครับว่าเป็นอย่างที่ผมว่าป่าว)

ตอน 2 เร็ว ๆ นี้นะครับ




 

Create Date : 04 กันยายน 2551   
Last Update : 4 กันยายน 2551 20:49:19 น.   
Counter : 574 Pageviews.  

นินทาเกาหลี Part III

ใช้ชีวิตเดินทางอยู่บนรถไฟในเกาหลีมาก็นาน ได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายพฤติกรรมทั้งแบบปกติปุถุชนทั่วไป หรือแปลกประหลาดที่แม้แต่คนเกาหลีเองก็ยังต้องหลีกหนีเช่นกัน แต่สิ่งที่ประหลาดใจกลับกลายเป็นด้วยพื้นที่ที่ไม่ใหญ่โตมากนักบนรถไฟ กลับกลายลานขายสินค้ามากหน้าหลายตาของคนเกาหลีไปซะได้

ธุรกิจที่ดำเนินไปบนรถไฟมีหลากหลายจนน่าตกใจยิ่งนัก เริ่มกันตั้งแต่ ขอทาน วณิพก คนขายแผ่นเสียงที่เป็นป้าคอยเปิดเพลงกล่อมคนในรถไฟ พร้อมกับโฆษณาสรรพคุณแผ่นเสียงตัวเองอย่างออกรสออกชาติ(อันที่จริงก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่เดาว่าน่าจะประมาณเนี้ยะ) อ๊ะ สงสัยอ่ะดิว่าป้าเปิดแผ่นเสียงได้เยี่ยงใด ก็ป้าแกเล่นมากับรถเข็นคู่ชีพพร้อมกับวิทยุตัวอย่างเขื่องเลยคงกะว่าเปิดปุ๊บได้ยินกันทั้งโบกี้แน่นอน

ต่อไปเป็นคุณลุงขายปลอกแขน(อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าเค้าเรียกว่าอะไร แต่ลักษณะมันจะเป็นเหมือนผ้ายืด ๆ สวมไว้ที่แขนอ่ะครับ) ลุงแกก็มากับรถเข็นคู่กายอีกเช่นกันพร้อมกับอวดอ้างสรรพคุณของสินค้าตัวเองเต็มที่(อันนี้ก็เดาอีกเช่นเคย เพราะฟังม่ายออก) พร้อมกับใส่ให้ดูด้วย อืมลุงครับปลอกแขนกับลุงนี่มันดูไม่เข้ากันอย่างแรงเลยครับไปหาสีที่มัน soft ๆ กว่านี้หน่อยมั้ยครับลุง แล้วไอ้แขนอันล่ำสันกับปลอกแขนอันกระจึ๋งนึงนี่มันก็ไม่ค่อยเข้ากันอีกอยู่ดีมันดูอึดอัดยังไงพิกล

ส่วนอันนี้นี่เป็นแผ่นยางไว้แปะกับพื้นรองเท้ากันลื่น มีคุณลุงตัวใหญ่เบ้งเป็นผู้อวดอ้างสรรพคุณ แน่นอนครับเมื่ออวดอ้างเสร็จก็ต้องมีการสาธิตสินค้าให้ได้รับชมกัน ลุงก็เลยหยิบรองเท้าส้นสูงจากรถคู่กายมาสาธิตให้ดูว่าเนี่ยถ้าแปะลงไปแล้วรับรองเวลาเดินไม่ลื่นชัวร์ สินค้าตัวนี้ค่อนข้างจะได้รับความสนใจจากสาว ๆ ป้า ๆ กันน่าดูเนื่องจากว่าสาว ๆ ที่นี่นิยมใส่รองเท้าส้นสูงกันมากกกกกกกก(กรุณาลากเสียงให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้) ก็เลยอุดหนุนลุงแกคนละอันสองอัน บางคนอินจัดถึงขั้นแกะออกมาใช้เลยก็มี

หลากหลายมากมายอาชีพบนรถไฟ แต่ยังไงก็เป็นอาชีพที่สุจริตไม่ได้ไปปล้นชิงใครเค้าเราก็ขอสนับสนุนอีกแรง แต่ทีสังเกตุได้คือเวลาคนเกาหลีจะขายสินค้าอะไรจะต้องมีการสาธิตสินค้าให้กับลูกค้าดูก่อนเสียก่อนเพื่อความพึงพอใจในทีวีก็ไม่เว้น ไอ้เราก็แอบคิดในใจทำไมมันไม่มีสาว ๆ เดินมาขายเสื้อในบนรถไฟบ้างนา แต่แล้วเหมือนสวรรค์จะมีกลั่นแกล้งให้เราได้พบเจอกับความลำบาก ครั้นปรากฎคุณลุงเดินเข้ามาในรถพร้อมกับหยิบสินค้าของแกมาอวดอ้างสรรพคุณ โอ้มันเป็นกางเกงขาสั้นครับพี่น้อง โอ้ไม่นะคุณลุง โอ้ไม่นะ เฮ้อ รอดตัวไปลุงแกไม่ได้สาธิตสินค้าให้ดู

แถมท้ายบทหากว่าคุณมีโอกาสได้ขึ้นรถไฟที่เกาหลีกรุณาอยู่ให้ห่างจากสาวสูงวัยท่าทางอ่อนแอเล็กน้อยจะเป็นการดีมาก เพราะเห็นแกอย่างนั้นเถอะกลุ่มคนไทยที่มาพร้อมกับผมเล่าให้ฟังว่าในขณะที่เดินทางมาทำงานตอนเช้าวันนั้นช่างเป็นวันที่คนบนรถไฟเยอะมาก ๆ พอดีว่ามีป้าแกจะเข้า แต่เข้าไม่ได้เพราะคนเ ยอะป้าเ ลยถอยก็นึกว่าจะรอขบวนใหม่ ป่าวเลยครับป้าแกถอยกลับไปตั้งหลักพร้อมกับวิ่งชาร์จเข้ามาอย่างเต็มแรง กระแทกซะคนที่อยู่หน้าประตูกระเด็นไปอยู่ตรงกลางรถเลย คำเตือนโปรดระวังบุคคลลักษณะเช่นด้านบนให้ดี




 

Create Date : 02 กันยายน 2551   
Last Update : 4 กันยายน 2551 20:56:40 น.   
Counter : 501 Pageviews.  

เกาหลีก็มีดีเหมือนกัน

อยู่ประเทศเค้ามาก็ตั้งนาน ด่าเค้าอย่างเดียวเลยเรา มาคราวนี้ขอยกข้อดี ๆ ของคนที่นี่ให้ได้ฟังกันบ้างดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่าเราด่าเป็นอย่างเดียว เฮอะ เฮอะ

เกาหลีเป็นชาติที่มีความมุมานะพยายามสูงมาก ๆ ทั้งเรื่องทำงาน(เริ่มงานก็เร็ว กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำ แถมวันเสาร์อาทิตย์ยังมาทำงานอีก ไม่ต้องดูแลลูกเมียกันเลยหรือไง) เรื่องกิน(อันนี้ขอบอกว่าคนเกาหลีกินข้าวเร็วมาก ๆ ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหน ตั้งหน้าตั้งกินไม่พูดไม่จาเลย) สาระพัดเรื่องราวแห่งความเอาจริงเอาจังจนน่าตกใจ

แต่ที่ประทับใจสุด ๆ ก็เห็นจะเป็นเรื่องภาษาเนี่ยแหล่ะ เนื่องจากว่าคนแก่ ๆ ที่นี่หายากมากที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ว่าเด็กรุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่พูดอังกฤษกันได้แถมพูดชัดอีกต่างหาก เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าเด็กเกาหลีประสบปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษกันมาก เนื่องจากว่าโครงสร้างประโยคภาษาเกาหลีนั้นจะเป็น ประธาน+กรรม+กริยา ซึ่งจะไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษที่จะเป็น ประธาน+กริยา+กรรม เค้าจะสับสนมาก ๆ เวลาพูด อันนี้ก็เข้าใจนะ แม้แต่เราก็ยังสับสนเลยเวลาพยายามพูดภาษาเค้าเนี่ย อีกทั้งการออกเสียงก็เป็นปัญหาใหญ่ของเค้าเหมือนกัน ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทางรัฐบาลเค้าแก้ปัญหากันอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เด็ก ๆ ที่นี่ก็มีความพยายามสูงมาก ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ผมไปเดินเลือกซื้อหนังสือ ก็มีคู่วัยรุ่นหนุ่มสาวเค้ามาซื้อหนังสือภาษาอังกฤษกัน พร้อมกับฝึกพูดภาษาอังกฤษไปด้วยในตัว อืม ขยันกันจริง ๆ เลย ไม่พอตอนที่ผมเดินเล่นอยู่ในสถาบันสอนภาษาก็จะมีเด็กเกาหลีเนี่ยแหล่ะเอาการบ้านมานั่งทำ เปิดวีดีโอสอนภาษานั่งฝึกหัดออกเสียง ก่อนถึงชั่วโมงเรียน นับถือ มาก ๆ ตอนเราเป็นเด็กยังไม่เคยมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัวเลย

แฟชันยอดนิยมของทุก ๆ บ้านเลยนะ หากว่ามีเงินเพียงพอเค้าก็จะส่งลูกไปฝึกภาษาที่ต่างประเทศกันอย่างน้อย 1 ปี ผมเห็นหลายคนมากในที่ทำงานผมเนี่ยแหล่ะ ส่วนเพื่อนร่วมงานที่มีลูกแล้วเค้าก็บอกว่าต้องเก็บตังค์ไว้เยอะ ๆ เพราะอยากส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ เค้าบอกว่ามันเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับตัวลูกของเค้าเอง ให้สามารถแข่งขันกับคนอื่น ๆ ได้ เจอหลาย ๆ คนตามท้องถนนที่พูดกับเพื่อนต่างชาติเค้า สำเนียงฝรั่งจ๋าเลยแถมจ้อแบบน้ำท่วมทุ่งอีก นึกถึงตอนเดินตามท้องถนนที่เมืองไทยแทบจะไม่เคยเจอแบบนี้เลย จะเจอเยอะสุดก็เป็นพวกประมาณ ไทยคำ อังกฤษคำ อันนี้ฟังแล้วน่าเวียนหัวมากกว่าชื่นชมนะ

ยกนิ้วให้จริง ๆ ในเรื่องความจริงจัง

ปล.อีก 2 อาทิตย์ก็จะได้กลับไปเยี่ยมเมืองไทยแล้วดีใจจัง




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2551   
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 21:09:48 น.   
Counter : 364 Pageviews.  

นินทาเกาหลี Part II(แฉในห้องน้ำ)

เริ่มที่เรื่องเบา ๆ กันก่อนแล้วกัน เพิ่งรู้เหมือนกันว่าคนเกาหลีเค้าชอบแปรงฟันมาก ๆ วันละ 5 ครั้งเลย ทีเดียว เช้า หลังอาหาร 3 เวลา และก็ก่อนนอน อะไรจะรักษาสุขภาพฟันกันขนาดนั้น พี่ไทยเรานี่สิ วันละ 2 ครั้งก็พอ บางพวกสงสัยจะแพ้ยาสีฟันครั้งเดียวก็เกินพอ แล้วเวลาที่ผมเข้าไปในห้องน้ำเนี่ยโห การจราจรหนาแน่นมาก ๆ ทั้งแปรงฟัน ถ่ายหนัก ถ่ายเบา ยิ่งช่วงบ่ายโมงก่อนเข้างานเนี่ยอย่าได้ เหยียบย่ำเข้าไปเลยแทบจะหาอากาศหายใจไม่ได้เลยทีเดียว

อย่างที่เคยบอกไปนะครับว่าคนเกาหลีเนี่ยะเป็นพวกเร่งรีบ ทำอะไรรวดเร็วไปหมดไม่เว้นแม้แต่ตอนเข้า ห้องน้ำ มันก็จะมีเกาหลีกลุ่มใหญ่ ๆ เลยเวลาแปรงฟันอยู่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พี่ท่านก็จะยืนฉี่ไป ด้วยในตัว น่านอะไรจะคุ้มค่าทุกนาทีขนาดนั้น แต่ขอโทษนะครับลองนึกภาพดู ในขณะที่คุณแปรงฟัน แล้วยืนฉี่ไปด้วย คุณก็จะเสียมือข้างหนึ่งไปจับแปรงแล้วก็จะเหลือแค่ข้างเดียวเท่านั้นในการปฏิบัติภารกิจ ทีนี้ถ้าหากว่าจับไม่ดีพอ จะเกิดอะไรขึ้นครับมันก็จะส่ายไปมาตามจังหวะการชักเข้าออกของแปรง ในปาก ไม่รู้ว่าเรี่ยราดหรือป่าวนะครับเพราะไม่ได้สังเกตุยังไม่จบครับแปรงฟันเนี่ยมันก็ต้องแปรง ให้ครบทุกด้าน ถูกต้องใช่มั้ยครับ ทีนี้คุณพี่ก็เลยสลับข้างพร้อมกับสลับมือไปด้วยในตัว โอ้ โห ทีนี้ไม่ต้องคิดเลย ไอ้มือที่เพิ่งปฏิบัติภารกิจมา แล้วก็ไม่รู้ว่าเลอะมามากน้อยแค่ไหน ยังต้องมาจับแปรงสีฟันอีกโอ้เจริญ สะอาดหรือป่าวไม่รู้แต่ได้กลิ่นตุ่ย ๆ แถมมาแน่นอน ยังไม่พอ บางคนแปรงฟันได้มันมาก ไม่ทราบว่าเก็บกดตอนเมียใช้ขัดส้วมที่บ้านหรือไงกันขัดซะกะจะให้ ฟันขาวจั๊วะเลยหรือไง เอาแปรงลวดมั้ยครับเดี๋ยวจัดให้

ต่อมาก็เป็นเกาหลีประเภทถ่ายเบาแต่ก็ไ่ม่เกรงใจคนยืนข้าง ๆ อย่างผมเลย ในขณะที่คุณพี่ยืนฉี่อยู่อย่างสบายอารมณ์ สงสัยให้มันออกข้างหน้าอย่างเดียวคงไม่สะใจเลยปล่อยให้ มันออกข้างหลังดังปู้ดเลย ปู้ดใหญ่ ๆ ด้วยนะครับ ไอ้เราเหลือบไปมองก็ไม่มีสะทกสะท้านซะด้วยสิ น่านเอากับมัน ไอ้เราก็เลยต้องแอบช่วยคนอินเดียที่อยู่ข้าง ๆ ขำไปตามระเบียบ ก็เข้าใจนะว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติแต่แบบว่าถ้าเป็นผมทำก็จะมีมารยาทกว่านี้หน่อยอ่ะนะ คงไม่ปล่อยออกมาดังปู้ด ใหญ่ ๆ ท่ามกลางสาธารณะชนอย่างคุณพี่แน่ครับ

ทีนี้ขอเข้าไปที่ห้องส้วมบ้างแล้วกันนะครับ อาจจะฟังดูอุจาดบ้างเล็กน้อยแต่ก็ทน ๆ อ่านหน่อยแล้ว กันครับ คือเรื่องพวกเนี้ยะเป็นเรื่องธรรมชาิติมนุษย์ที่ไหนก็ต้องทำทั้งนั้น แต่แหมไอ้ผมที่นั่งอยู่ห้อง ข้าง ๆ นี่ฟังแล้วแทบคลั่งตาย คุณพี่เปิดประตูเข้าห้องมาได้ก็จัดแจงลงนั่ง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงกัน มันพรวดพราด ปู้ด ป้าด แป่ด ๆ แบบว่าเสียงดังมาก ๆ ขอย้ำว่าดังจริง ๆ เข้าห้องน้ำที่เมืองไทย มันยังไม่ดังเท่านี้เลย บางรายต้องอาศัยลมปราณในการขับเคลื่อนเล็กน้อย มันก็จะมีเสียงออกมาทั้ง บนและล่างเลย เฮ้อ เงียบ ๆ หน่อยได้มั้ยเนี่ยะ อึ๊ไม่ออกเว้ยไม่มีสมาธิเลย สุดท้ายผมต้องทำไงรู้ มั้ยครับ แฮ่ แฮ่ ตั้งแต่นั้นมาพอเข้าส้วมปุ๊บก็เอามืออุดหูไปเลย ไม่ต้องได้ยินเสียงไรทั้งนั้นแถมทำ สมาธิได้ง่ายขึ้นอีก ผมก็ยังคงเข้าใจอยู่นะว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ว่าถ้าทำให้เบากว่านี้มันก็น่าจะดูดี มีมารยาทมากกว่านาว่ามั้ย (สงสัยจะเป็นเรื่องธรรมดาของเขาจริง ๆ แหละ เพราะพอพี่แกเดินออก มาจากห้องส้วมมียิ้มเราด้วยแน่ะ เอากับมันสิ)


ปล.หากใครรู้ว่าไอ้วัตถุสีขาวคลัายโถฉี่ที่ตั้งในห้องน้ำหญิงคืออะไร
ช่วยบอกด้วยครับ (ไม่กล้าเข้าไปดู)




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2551   
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 20:32:15 น.   
Counter : 1293 Pageviews.  

1  2  3  

เด็กปูน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เด็กปูน's blog to your web]