เกาหลีในสายตาผมกับ blog บ้าน ๆ

15 วันที่ฝันไป กับ 180 วันแห่งความจริง

ตลอดระยะเวลา 15 วันที่ได้พักผ่อนอยู่ที่เมืองไทย กับบรรยากาศที่สุดแสนจะคุ้นเคย สำเนียงคุ้นหู ผู้คน ถนนหนทาง รถติด อาหาร หรือแม้แต่หมาขี้เรื้อนข้างถนน เป็นอะไรที่คิดถึงสุด ๆ ไปเลย ในขณะที่นั่งรถกลับบ้านมันก็ทำให้เราได้คิดว่า ไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่าเมืองไทยแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะได้ไม่เลิศหรูอลังการ หรือสะดวกสบายเหมือนบ้านเมืองคนอื่นเค้า แต่ความรักมักจะทำให้คนตาบอดมองข้ามสิ่งแย่ ๆ เหล่านั้นไป และมองแต่สิ่งดี สิ่งสวยงามที่มีให้เชยชม

เป็นไปตามความต้องการตลอดระยะเวลาที่อยู่เกาหลี มื้อแรกที่เมืองไทยก็ได้กินส้มตำสมใจ เนี่ยแหล่ะรสชาติที่คุ้นเคย บรรยากาศที่เราคิดถึง ข้าวเหนียวหนึบ ๆ กลิ่นน้ำปลาที่แสนเย้ายวนใจ กลิ่นไหม้นิด ๆ ของข้าวคั่ว กลิ่นเหม็นตุ่ย ๆ ของปลาร้าแต่ก็ทำให้น้ำลายสอได้เหมือนกัน ช้อนส้อมที่ไม่ได้จับมาเกือบครึ่งปี ไม่อยากจะบอกว่าตอนที่ผมนั่งกินผมถึงกับน้ำตาไหลไปด้วย ฮือ ฮือ (ไม่ใช่ว่าซาบซึ้ง ตื้นตันอะไรหรอกนะครับ แต่ทำไมมันเผ็ดอย่างนี้ล่ะแม่ บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่ากินเผ็ดไม่ค่อยได้ แต่อร่อยอ่ะ ฝีมือแม่เราไม่เคยตกจริง ๆ)

เค้าว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุข มักจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ได้เวลาที่เราต้องกลับเกาหลีซะแล้วสิ อาหารไทยที่อยากกินก็ยังกินไม่หมด ไม่ว่าจะเป็น ข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวหมูแดง ฯลฯ อะไรกันเนี่ยขออยู่ต่ออีกหน่อยได้มั้ย ยังไม่อยากกลับเลย มันเป็นช่วงเวลาแห่งความฝัีน เป็นฝันที่แสนจะมีความสุข นั่งกินข้าวอยู่กับครอบครัว หัวเราะสนุกสนานเฮฮา ส่งเสียงดังบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อกลับไปอยู่เกาหลีมันก็เหมือนกับเราอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง อะไรจะรออยู่ข้างหน้าบ้างเราก็ไม่รู้ แต่ที่รู้เราต้องอยู่ให้ได้ ลาก่อนสยามประเทศ แล้วเราค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะ

ทิ้งท้ายเรื่อง ฮา ฮา บทพิสูจน์โลกกลม
ช่วงสัปดาห์ที่ 2 ระหว่างวันหยุดผมก็ไปเที่ยวชะอำกับเพื่อน ๆ มา ตอกย้ำอีกครั้งว่าทะเลไทยสวยกว่าเกาหลีเป็นไหน ๆ ในขณะนั่งรอ gate เปิดก็พูดคุยกับกลุ่มเพื่อนแก็งค์คนไทยว่าเนี่ยไปชะอำมา ที่ไหนได้อีก 2 คนก็บอกว่าไปมาเหมือนกัน แถมไปช่วงเวลาเดียวกันด้วย ให้ตายเหอะอะไรกันเนี่ยไม่มีที่อื่นจะไปกันแล้วหรือไง อยู่เกาหลีด้วยกันมาเกือบ 6 เดือน กลับมาเมืองไทยดั๊นไปเที่ยวชะอำเหมือนกันอีก แต่โชคดีที่่ต่างคนต่างไม่เจอกัน ไม่เช่นนั้นคงได้ฮากว่านี้แน่

ซวยแต่วันแรกที่เหยียบย่างพื้นแผ่นดินเกาหลี
อย่างที่เคยบอกไปว่าประตูห้องผมเนี่ยแสนไฮโซ(ไม่เข้ากับหน้าตาเจ้าของห้องอย่างแรง) เป็นประตูเปิดปิดแบบพลังไฟฟ้า(ใช้พลังแบตเตอรี่นั่นแหล่ะ) เมื่อมาถึงหน้าห้องก็เอาบัตรมาทาบไว้ตามปกติเอ๊ะทำไมคราวนี้ประตูมันส่งเสียงแปลก ๆ วะ แถมไม่ยอมเปิดให้อีก ฮึ่ยหรือว่าแบตจะหมด ไม่เป็นไรกดรหัสเอาก็ได้ อ่า มันก็เปิดให้แต่โดยดี ก็เลยว่าจะซื้อแบตก้อนใหม่มาเปลี่ยนเย็นนี้ซะหน่อย หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จก็จัดแจงไปเอาแบตใหม่มาเปลี่ยน แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด ปรากฎว่าไอ้ประตูเจ้ากรรมมันไม่ยอมเปิด ไม่ว่าจะใช้บัตรนาบ กดรหัสก็แล้ว มันก็เอาแต่ส่งเสียงประหลาดเพียงอย่างเดียว พยายามอยู่นานสองนาน มันก็ยังไม่ยอมเปิดให้ เจี้ยเอ้ย อะไรเนี่ยไอ้แบตเฮงซวยจะกลั้นใจไว้อีกสักนิดก็ไม่ได้ จะเปลี่ยนแบตใหม่ให้อยู่แล้วแท้ ๆ แมร่งหมดตอนไหนไม่หมดดันสะเออะมาหมดเกลี้ยงเอาตอนที่จะเปลี่ยนซะงั้นอ่ะ เจ็บใจจริง ๆ เจ็บใจสุด ๆ สืบถามจากรปภ.ด้านล่างโดยมีล่ามสาวสวยชาวเกาหลีเป็นผู้ช่วยใจดี ก็ปรากฎว่าต้องโทรเรียกหน่วยงาน service ของไอ้กุญแจไฮโซเนี่ยมาจัดการให้ ไม่ได้ทำให้ฟรี ๆ ด้วยนะ เออเจริญ แล้วใครจะไปจ่ายตังค์ให้เอ็งวะ ว่าแล้วก็เลยระดมพลเพื่อน ๆ ชาวไทยมาช่วยกันงัดหน้าต่างหน้าห้องออกแล้วส่งพี่ชายที่แสนใจดีและตัวเล็กสุดเข้าไปเปิดประตูจากข้างในมาให้ โฮ่ รอดไป นึกว่าคืนนี้จะไม่มีที่ซุกหัวนอนซะแล้ว ขอบคุณเพื่อนคนไทยทุกคนที่อุตสาห์มาช่วยกันงัดหน้าต่าง เนี่ยแหล่ะคนไทย ไปที่ไหนก็ยังเป็นคนไทย


Create Date : 28 กันยายน 2551
Last Update : 28 กันยายน 2551 21:55:08 น. 1 comments
Counter : 406 Pageviews.  

 
ตามมาให้กำลังใจครับ


โดย: F_nakhon IP: 118.174.143.46 วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:16:00:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กปูน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เด็กปูน's blog to your web]