|
World Wide Korea?
จากความคิดที่ว่าประเทศเกาหลีเป็นประเทศที่เจริญแล้ว การที่จะหาคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ตามท้องถนนคงไม่ยากเย็นนัก หรือแม้กระทั่งจะไปซื้อของตามห้างร้านก็คงไม่มีปัญหาอะไร ชิลล์ ชิลล์อยู่แล้ว แต่ทว่าความคิดแบบนี้นั้นผิดถนัดเลย ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าคนเกาหลีจะชาตินิยมขนาดหนัก หนักมากซะจนทำให้การดำรงชีวิตของผมต้องลำบากหนักหนาสาหัสตามไปด้วย การหาคนพูดภาษาอังกฤษได้ตามท้องถนนเพื่อจะเข้าไปถามทางหรือสอบถามข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่อันนี้ไม่เป็นไรให้อภัยได้เพราะพี่ไทยบ้านเราก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน เหอ ๆ บ่นมากไม่ได้เดี๋ยวเข้าตัว แต่....แต่.....แต่.......ไอ้ที่รับไม่ได้เลยจริง ๆ แล้วมันก็ทำให้ผมต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากลำบนด้วยก็ไอ้ความที่เป็นชาตินิยมแบบสุดโต่งของเค้าเนี่ยแหล่ะ สินค้าอุปโภค บริโภคต่าง ๆ ที่วางขายอยู่ตามห้างชื่อดังของเค้านั้นเล่นเป็นภาษาเกาหลีหมดเลย ทุกกระเบียดนิ้ว ให้ตายสิแล้วมันจะซื้อกันถูกมั้ยเนี่ย ว่าแล้วก็โดนเกาหลีทำพิษซะเลย
ทำกับข้าวกินเองดีกว่า มีอยู่วันหนึ่งผมเองก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษนึกอยากทำอาหารกินเอง แต่เอ....ไม่มีส่วนผสมใด ๆ อยู่ในตู้เลยแฮะ แถมข้าวเราก็ไม่มี ออกไปจ่ายตลาดซะหน่อยดีกว่า หลังจากจัดแจงซื้อของสดซื้อของคาวเสร็จสิ้น ก็เดินไปซื้อข้าวต่อแต่ว่าบ้านเมืองนี้มันไม่มีข้าวหุงแบบเสร็จสรรพขายนี่หว่า เอาไงดีล่ะ อืม....มันก็น่าจะมีแบบกึ่งสำเร็จรูปขายนะ นั่นไงว่าแล้วก็เจอเข้าให้พอดี ลักษณะมันเป็นข้าวที่อยู่ในถ้วยพลาสติกแล้วซีลด้วยพลาสติกแบบหนาแน่นอีกที ไหนดูดิว่ามันหุงกันอย่างไร เอ่อ .... เวรกรรม....ทำไมมันเป็นภาษาเกาหลีหมดเลยล่ะวะ หมดเลยจริง ๆ หาภาษาอังกฤษไม่ได้เลยสักกะตัว ไอ้ยี่ห้ออื่น ๆ ก็ไม่ต่างกันเลยตายห่าแล้วจะรู้มั้ยเนี่ยว่ามันจะต้องเอาไปผ่านกรรมวิธีอะไรถึงจะได้เป็นข้าวสวยร้อน ๆ น่ากินแบบบ้านเราอ่ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ด้วยความช่างสังเกตุของเราก็เหลือบไปเห็นเลข 2 อยู่ตรงมุมขอบถ้วยใช่แน่เลย ใช่ชัวร์ป้าบ มันจะต้องเอาไปเติมน้ำร้อนแล้วทิ้งไว้ 2 นาทีเหมือนมาม่าบ้านเราแน่ ๆ ฮู้ย ฮู้ย ฮู้ย ฉลาดอะไรเช่นนี้เราชักจะหวาดกลัวในความฉลาดของตัวเองซะแล้วสิเนี่ย ว่าแล้วก็หยิบมาเลย 3 อันกินให้สะใจไปเลย 5555 มาถึงห้องปุ๊บก็จัดการต้มน้ำร้อนเติมลงไปในข้าวเพื่อทำให้มันเป็นข้าวสวยร้อน ๆ เสียก่อน อดใจรอนิดนึง 2 นาทีเดี๋ยวเราก็ได้กินข้าวสวยร้อน ๆ แล้ว ฮิ ฮิ ฮิ เป้ง ได้เวลาพอดีไหนดูสิข้าวเราหน้าตาเป็นไง................................ เอ่อ.................. เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เราใส่น้ำเยอะไปเหรอทำไมข้าวมันแฉะเงี้ย อึ๋ย ไม่เป็นไรเทน้ำออกหน่อยแล้วกัน ผึ่งไว้ให้แห้งอีกนิดก็กินได้แล้ว ไหน ไหน ทดสอบหน่อยสิไอ้ข้าวสำเร็จรูปสัญชาติเกาหลีรสชาติมันจะเป็นไง กรุ๊บ กรุ๊บ เอ่อ........ทำไมมันยังไม่สุกอีกล่ะ ก็เราแช่ทิ้งไว้ตั้ง 3 นาทีแล้วนะมีไรผิดพลาดป่าววะ ไม่น่านะเราก็จับเวลาถูกต้องนี่นา เอ....แล้วมันเกิดไรขึ้นเนี่ย......เฮ้ย ...........เฮ้ย............หรือว่า.............แน่ ๆ เลย ต้องใช่แน่ ๆ ไอ้เลข 2 ที่มันเขียนไว้น่ะ 2 นาทีจริง แต่ไม่ได้เอาไปแช่กับน้ำร้อนเหมือนมาม่าบ้านเรา แต่มันต้องเอาไปอุ่นในไมโครเวฟ 2 นาทีต่างหากล่ะ โอ้.............................................ไม่...................................ม่ายจริง.....................................พลาดอย่างแรง แล้วทำไมมรึงไม่เขียนเป็นภาษาอังกฤษไว้วะ คนต่างชาติอย่างตรูจะได้เข้าจายยยยยยยยยยยย สรุปวันนั้นผมก็เลยประชดชีวิตด้วยการนั่งกินข้าวที่มันยังไม่สุก รสชาติกรุบ ๆ คลุกกับน้ำพริกที่หิ้วมาจากเมืองไทยไป น้ำตาแทบเล็ด...........ฮือ ฮือ ฮือ กรรมของตรูจริง ๆ
นี่เลยให้ดูกันจะจะว่ามันไม่มีภาษาอังกฤษเลย แต่ไอ้ที่มีอยู่ ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเลย
ยาสระผมอยู่หนาย..... สภาพอากาศที่เกาหลีนั้นสุดแสนจะแห้งเหลือเกิน ส่งผลให้ผมนั้นมีรังแคมากขึ้นกว่าปกติด้วยประการฉะนี้เราคงต้องไปหาแชมพูหัวกับไหล่มาใช้ขจัดมันออกไปจากชีวิตซะหน่อยแล้ว พอหยุดเดินตรงซุ้มขายแชมพู เอ......แล้วอันไหนมันเป็นแชมพูอันไหนมันเป็นครีมนวดหว่า ภาษาอังกฤษบนฉลากก็ไม่มีให้เห็นซักกะตัวเดียว เออ เอากับมันสิ ทำไงล่ะทีนี้ แต่เท่าที่เราคุ้น ๆ รู้สึกว่าที่บ้านเราไอ้ยี่ห้อหัวกับไหล่มันมีเฉพาะแชมพูนี่ ครีมนวดไม่ได้ทำขายที่นี่ก็คงเหมือนกันมั้ง เพราะรูปทรงขวดมันก็หน้าเหมือน ๆ กันหมด ถ้าเกิดมีครีมนวดมันก็ต้องมีขวดที่ลักษณะผิดแปลกไปให้เห็นอย่างแน่นอน เออหยิบมาเลยมั่นใจซะอย่าง จ่ายตังค์เสร็จก็รีบปรู๊ดกลับห้องตัวเองเพื่อใช้ขจัดไอ้รังแคตัวกวนใจนี่ซะหน่อย พอจับฟอกหัวปุ๊บ เอ๊ะ ทำไมมันไม่ค่อยมีฟองเลยวะ สงสัยใช้ปริมาณน้อยไป เอาอีกสักนิดแล้ว เอ....ฟองมันก็ยังไม่บังเกิดอีกอยู่ดี อ้อ ใช่ ใช่ ต้องใช่แน่ ๆ เราเคยได้ยินมาว่าสินค้าพวกเนี้ยะที่เมืองนอกมันจะคุณภาพดีกว่าที่เมืองไทยถึงแม้จะเป็นยี่ห้อเดียวก็ตามที ดังนั้นไอ้นี่ต้องเป็นแชมพูแบบไม่มีฟองแน่ ๆ หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปก็เอาหน้าไปขายเพื่อนซะ เธอเลยสวนกลับมาไอ้บ้า ไอ้ที่แกใช้น่ะมันเป็นครีมนวด ไม่ใช่แชมพูเว้ย แล้วไอ้ยี่ห้อหัวกับไหล่น่ะเค้าก็มีขายทั้งครีมนวดทั้งยาสระผมน่ะแหล่ะ อ้าว....เหรอ เค้าขายกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยไม่เห็นรู้เรื่องเลย มิน่าล่ะมันถึงไม่ค่อยมีฟอง ไอ้เราก็ใช้ซะเพลินเลย เฮอะ เฮอะ พอเดินกลับไปดูที่ซุ้มแชมพูอีกที เออว่ะ มันมีทั้งที่เป็นครีมนวด แล้วก็ยาสระผมเลย แต่ไม่ใช่ว่ามันมีภาษาอังกฤษแอบซ่อนอยู่นะ ป่าวเลยพอดีผมก็อ่านภาษาเกาหลีได้นิดหน่อยพอยืนสะกดคำสักแป๊บนึงอ๋อ มันเขียนว่าแชมพูส่วนไอ้ขวดที่ผมหยิบไปเนี่ยมันเขียนว่า rinse แค่หน้าตาบรรจุภัณฑ์มันเหมือนกันก็เท่านั้นเองประเด็นก็คือ แล้วทำไมพวกเอ็งไม่เขียนเป็นภาษาอังกฤษไว้ด้วยว่ะ ใจคอกะจะไม่ให้คนต่างชาติมันใช้กันเลยหรือไงกัน ฮึ่ย ฮึ่ย ฮึ่ย เจ็บใจ เสียหน้าด้วย
ทิ้งท้ายสักนิด แปลกใจจริง ๆ ตม.เกาหลีเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรือไงกัน ในขณะที่ผมยืนจ่อรออยู่ตรงตม. เจ้าหน้าที่เค้าก็เห็นพาสปอร์ตของผมน่ะ รู้แน่นอนว่าไม่ใช่คนเกาหลีชัวร์ป้าบ แต่ ทำไมเธอซัดภาษาเกาหลีใส่เราวะ ไม่ได้แหกตาดูพาสปอร์ตหรือไงขอรับคุณเธอ ผมเนี่ยคนไทยไม่ใช่เกาหลี หน้าตาก็บอกยี่ห้อซะขนาดนี้ พอเราทำหน้าเอ๋อใส่ ก็ยังจะพูดเกาหลีใส่อีก เราก็เลยเอ๋อตอบไปอีกรอบ ถึงได้ยอมพูดอังกฤษกับเรา เออ เอาเข้าไป นี่คุณพี่คิดว่าการที่ผมมาอยู่เกาหลี 6 เดือนจะทำให้ผมพูดจาภาษาเกาหลีได้เลยหรือไงขอรับคุณพี่ ช่างมันใจในความ world wide ของภาษาตัวเองเหลือเกินนะ
Create Date : 01 ตุลาคม 2551 |
| |
|
Last Update : 6 ตุลาคม 2551 21:05:30 น. |
| |
Counter : 425 Pageviews. |
| |
|
|
|
15 วันที่ฝันไป กับ 180 วันแห่งความจริง
ตลอดระยะเวลา 15 วันที่ได้พักผ่อนอยู่ที่เมืองไทย กับบรรยากาศที่สุดแสนจะคุ้นเคย สำเนียงคุ้นหู ผู้คน ถนนหนทาง รถติด อาหาร หรือแม้แต่หมาขี้เรื้อนข้างถนน เป็นอะไรที่คิดถึงสุด ๆ ไปเลย ในขณะที่นั่งรถกลับบ้านมันก็ทำให้เราได้คิดว่า ไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่าเมืองไทยแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะได้ไม่เลิศหรูอลังการ หรือสะดวกสบายเหมือนบ้านเมืองคนอื่นเค้า แต่ความรักมักจะทำให้คนตาบอดมองข้ามสิ่งแย่ ๆ เหล่านั้นไป และมองแต่สิ่งดี สิ่งสวยงามที่มีให้เชยชม
เป็นไปตามความต้องการตลอดระยะเวลาที่อยู่เกาหลี มื้อแรกที่เมืองไทยก็ได้กินส้มตำสมใจ เนี่ยแหล่ะรสชาติที่คุ้นเคย บรรยากาศที่เราคิดถึง ข้าวเหนียวหนึบ ๆ กลิ่นน้ำปลาที่แสนเย้ายวนใจ กลิ่นไหม้นิด ๆ ของข้าวคั่ว กลิ่นเหม็นตุ่ย ๆ ของปลาร้าแต่ก็ทำให้น้ำลายสอได้เหมือนกัน ช้อนส้อมที่ไม่ได้จับมาเกือบครึ่งปี ไม่อยากจะบอกว่าตอนที่ผมนั่งกินผมถึงกับน้ำตาไหลไปด้วย ฮือ ฮือ (ไม่ใช่ว่าซาบซึ้ง ตื้นตันอะไรหรอกนะครับ แต่ทำไมมันเผ็ดอย่างนี้ล่ะแม่ บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่ากินเผ็ดไม่ค่อยได้ แต่อร่อยอ่ะ ฝีมือแม่เราไม่เคยตกจริง ๆ)
เค้าว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุข มักจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ได้เวลาที่เราต้องกลับเกาหลีซะแล้วสิ อาหารไทยที่อยากกินก็ยังกินไม่หมด ไม่ว่าจะเป็น ข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวหมูแดง ฯลฯ อะไรกันเนี่ยขออยู่ต่ออีกหน่อยได้มั้ย ยังไม่อยากกลับเลย มันเป็นช่วงเวลาแห่งความฝัีน เป็นฝันที่แสนจะมีความสุข นั่งกินข้าวอยู่กับครอบครัว หัวเราะสนุกสนานเฮฮา ส่งเสียงดังบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อกลับไปอยู่เกาหลีมันก็เหมือนกับเราอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง อะไรจะรออยู่ข้างหน้าบ้างเราก็ไม่รู้ แต่ที่รู้เราต้องอยู่ให้ได้ ลาก่อนสยามประเทศ แล้วเราค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะ
ทิ้งท้ายเรื่อง ฮา ฮา บทพิสูจน์โลกกลม ช่วงสัปดาห์ที่ 2 ระหว่างวันหยุดผมก็ไปเที่ยวชะอำกับเพื่อน ๆ มา ตอกย้ำอีกครั้งว่าทะเลไทยสวยกว่าเกาหลีเป็นไหน ๆ ในขณะนั่งรอ gate เปิดก็พูดคุยกับกลุ่มเพื่อนแก็งค์คนไทยว่าเนี่ยไปชะอำมา ที่ไหนได้อีก 2 คนก็บอกว่าไปมาเหมือนกัน แถมไปช่วงเวลาเดียวกันด้วย ให้ตายเหอะอะไรกันเนี่ยไม่มีที่อื่นจะไปกันแล้วหรือไง อยู่เกาหลีด้วยกันมาเกือบ 6 เดือน กลับมาเมืองไทยดั๊นไปเที่ยวชะอำเหมือนกันอีก แต่โชคดีที่่ต่างคนต่างไม่เจอกัน ไม่เช่นนั้นคงได้ฮากว่านี้แน่
ซวยแต่วันแรกที่เหยียบย่างพื้นแผ่นดินเกาหลี อย่างที่เคยบอกไปว่าประตูห้องผมเนี่ยแสนไฮโซ(ไม่เข้ากับหน้าตาเจ้าของห้องอย่างแรง) เป็นประตูเปิดปิดแบบพลังไฟฟ้า(ใช้พลังแบตเตอรี่นั่นแหล่ะ) เมื่อมาถึงหน้าห้องก็เอาบัตรมาทาบไว้ตามปกติเอ๊ะทำไมคราวนี้ประตูมันส่งเสียงแปลก ๆ วะ แถมไม่ยอมเปิดให้อีก ฮึ่ยหรือว่าแบตจะหมด ไม่เป็นไรกดรหัสเอาก็ได้ อ่า มันก็เปิดให้แต่โดยดี ก็เลยว่าจะซื้อแบตก้อนใหม่มาเปลี่ยนเย็นนี้ซะหน่อย หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จก็จัดแจงไปเอาแบตใหม่มาเปลี่ยน แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด ปรากฎว่าไอ้ประตูเจ้ากรรมมันไม่ยอมเปิด ไม่ว่าจะใช้บัตรนาบ กดรหัสก็แล้ว มันก็เอาแต่ส่งเสียงประหลาดเพียงอย่างเดียว พยายามอยู่นานสองนาน มันก็ยังไม่ยอมเปิดให้ เจี้ยเอ้ย อะไรเนี่ยไอ้แบตเฮงซวยจะกลั้นใจไว้อีกสักนิดก็ไม่ได้ จะเปลี่ยนแบตใหม่ให้อยู่แล้วแท้ ๆ แมร่งหมดตอนไหนไม่หมดดันสะเออะมาหมดเกลี้ยงเอาตอนที่จะเปลี่ยนซะงั้นอ่ะ เจ็บใจจริง ๆ เจ็บใจสุด ๆ สืบถามจากรปภ.ด้านล่างโดยมีล่ามสาวสวยชาวเกาหลีเป็นผู้ช่วยใจดี ก็ปรากฎว่าต้องโทรเรียกหน่วยงาน service ของไอ้กุญแจไฮโซเนี่ยมาจัดการให้ ไม่ได้ทำให้ฟรี ๆ ด้วยนะ เออเจริญ แล้วใครจะไปจ่ายตังค์ให้เอ็งวะ ว่าแล้วก็เลยระดมพลเพื่อน ๆ ชาวไทยมาช่วยกันงัดหน้าต่างหน้าห้องออกแล้วส่งพี่ชายที่แสนใจดีและตัวเล็กสุดเข้าไปเปิดประตูจากข้างในมาให้ โฮ่ รอดไป นึกว่าคืนนี้จะไม่มีที่ซุกหัวนอนซะแล้ว ขอบคุณเพื่อนคนไทยทุกคนที่อุตสาห์มาช่วยกันงัดหน้าต่าง เนี่ยแหล่ะคนไทย ไปที่ไหนก็ยังเป็นคนไทย
Create Date : 28 กันยายน 2551 |
| |
|
Last Update : 28 กันยายน 2551 21:55:08 น. |
| |
Counter : 407 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
เด็กปูน |
|
|
|
|