โ ด ย : อาจารย์บรรเจิด สังข์สวน
วันอาทิตย์
วันจันทร์
วันอังคาร
วันพุธ
วันพฤหัสบดี
วันศุกร์
วันเสาร์
คำนำ
ฟังดูชื่อเรื่องแล้ว บางท่านอาจจะงง มีด้วยหรือ กรรมฐานประจำวันเกิด ? เคยได้ยินแต่กรรมฐานที่เหมาะแก่ จริตต่างๆ…. แต่สำหรับกรรมฐานประจำวันเกิดนั้น ไม่เคยได้ยินจริงๆ แล้ว ในตำรา ท่านก็ไม่ได้ระบุไว้ โดยตรง หรอกครับ เป็นแต่เพียงเห็นว่า ลักษณะจริตนิสัยของคนที่เกิดในแต่ละวันนั้นเราสามารถเอาเรื่องของกรรมฐาน เข้าไปประยุกต์ใช้ได้ เพื่อบั่นทอนลักษณะนิสัยที่ไม่ดี และส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น ก็จึงได้ รวบรวม เพื่อให้เป็นแนวทางได้ศึกษากัน ถ้าประโยชน์อันใด ที่จะพึงบังเกิดมี จากบทความเรื่องนี้ก็ขอน้อมถวาย เป็นพุทธบูชา และอุทิศประโยชน์นี้ ให้แก่เพื่อนร่วมโลก ทุกรูป ทุกนาม แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดบกพร่อง อันใด ก็ต้องขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว
กรรมฐานคืออะไร
ก่อนที่จะว่ากันถึงรายละเอียด ว่ากรรมฐานประจำวันเกิดในแต่ละวันนั้น มีอะไรบ้าง ? เราก็ควรจะได้มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ที่เรียกกันว่า กรรมฐานๆนั้น คืออะไรกันแน่
กรรมฐาน มาจากคำ ๒ คำ คือคำว่า กรรม + ฐาน
กรรม แปลว่า การกระทำก็ได้ หรือแปลว่าการงานก็ได้
ส่วน ฐาน นั้นแปลว่า ที่ตั้ง ฉะนั้น ในเมื่อเอาคำ ๒ คำนี้ มารวมกัน แล้วแปลให้ได้ความ ก็ควรจะแปลว่า อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งการงาน ทางใจ คือพูดง่ายๆ หางานให้ใจมันทำซะ อย่าปล่อยใจให้ว่างงาน ไม่เช่นนั้น เดี๋ยวมันจะฟุ้งซ่านแล้วนำความรำคาญ มาสู่จิตใจ
กรรมฐานมี ๒ ขั้น
กรรมฐาน หรืองานทางใจนี้ ยังมีถึง ๒ ขั้น
ขั้นแรก เป็นงานทางใจในระดับต้น ที่จะช่วยกวาดล้างอารมณ์ฟุ้งซ่านต่างๆ ให้ออกไปจากใจ ทำใจให้สงบ ประณีต ไปโดยลำดับ ซึ่งมีวิธีการฝึก อยู่หลายอย่าง หลายวิธี ซึ่งจะได้แนะนำกันต่อไป… ขั้นนี้ เราเรียกว่า ขั้นสมถกรรมฐาน หรือ สมาธิ
พอขั้นต่อมาก็เป็นขั้นของการพัฒนาความเห็น ให้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง.. สิ่งใดไม่เที่ยง ก็เห็นโดย ความจริง ว่าไม่เที่ยง… สิ่งใดเป็นทุกข์ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ก็เห็นโดยความจริง ว่าเป็นทุกข์….สิ่งใดเป็นอนัตตา บังคับบัญชา ให้เป็นไปอย่างใจไม่ได้ ก็เห็นโดยความจริงว่าเป็นอนัตตา… การเห็นความจริงอย่างนี้ ในทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ( นิพพิทา ) และคืนคลายถ่ายถอน ความยึดมั่นติดใจ ( อุปาทาน ) ในสิ่งทั้งหลายลงได้ และเมื่อนั้นความทุกข์ทางใจ ก็จะมลาย หายไปสิ้น… ขั้นนี้แหละ ที่ท่านเรียกว่า ขั้นของ วิปัสสนากรรมฐาน เอาล่ะเมื่อได้ทราบแล้วว่า กรรมฐานมีถึง ๒ ขั้นอย่างนี้ ทีนี้ก็เข้าสู่ประเด็น สำคัญของเรื่องล่ะ คือคนเกิดวันไหน ควรฝึกกรรมฐานอย่างใด
กรรมฐานของคนที่เกิดวันพฤหัสบดี
วันพฤหัสบดี ท่านถือว่า เป็นวันครู ฉะนั้น ผู้ที่เกิดในวันพฤหัสบดี ทางตำราโหราศาสตร์จึงถือว่า มีลักษณะของความเป็นครูอยู่มิใช่น้อย คือเป็นคนฝักใฝ่ ในการศึกษาหาความรู้ และชอบสอน ชอบแนะนำคนอื่น
คนที่เกิดวันพฤหัสบดี ถ้าจะสงเคราะห์ เข้าในจริต ๖ ก็เรียกว่า เป็นคนพุทธิจริต คือเป็นคนเจ้าปัญญา เจ้าเหตุผลคนที่เกิดวันพฤหัสบดี ถ้าเป็นหญิง จะมีลักษณะที่สังเกตได้อย่างหนึ่ง คือมักจะเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ชอบเก็บ ชอบสะสม ถ้าเอาเงิน ฝากธนาคารไว้ ก็มักจะเอาสมุดฝาก มาดูบ่อยๆ และถ้าเห็นว่า เงินพร่องจากบัญชีไป เขาจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากทีเดียว…. นี่คือผู้หญิง ที่เกิดวันพฤหัสบดี มักจะเป็นอย่างนี้ซะส่วนมาก
ฉะนั้น สรุปนิสัยของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี ก็คงจะแบ่งเป็น ลักษณะนิสัย ข้อใหญ่ๆ ได้ ๒ ข้อ คือ
๑. เป็นคนฉลาด มากด้วยเหตุผล
๒. เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ชอบสละ ชอบแต่สะสม
ทีนี้ นิสัยแต่ละอย่าง จะเอากรรมฐานข้อใดมาแก้ในส่วนของนิสัยฝ่ายดี ที่ชอบเหตุชอบผลนั้น กรรมฐานที่เหมาะก็คือ ต้องเป็นกรรมฐาน ประเภทที่ใช้ความคิด พินิจพิจารณา ตัวอย่างเช่น อาหาเรปฏิกูลสัญญา ( การพิจารณา ความเป็นปฏิกูลในอาหาร ), จตุธาตุววัตถาน ( การพิจารณาร่างกาย โดยความเป็นธาตุ ๔), อุปสมานุสติ ( การระลึกถึงความดี ของพระนิพพาน ) ในส่วนของนิสัย ที่ตระหนี่ถี่เหนียวนั้น ต้องแก้ ด้วยกรรมฐาน ๒ ข้อ กล่าวคือ จาคานุสติ ( การระลึกนึกถึงคุณของการบริจาค ), และ มรณัสสติ ( การนึกถึงความตาย อันจะมาถึงตน ) ทีนี้ เราไปดูรายละเอียดของกรรมฐานแต่ละอย่างกัน
อาหาเรปฏิกูลสัญญา
คำว่า "อาหาเรปฏิกูลสัญญา" ถ้าจะแปล ก็ต้องแปลว่า การพิจารณา ความเป็นปฏิกูล ในอาหาร คืออาหารทุกอย่าง ที่เราทานเข้าไปนั้น ล้วนมีความเป็นปฏิกูลทั้งสิ้น ตอนแรก อาจจะยังมองไม่เห็น ความเป็นปฏิกูล แต่พอเข้าสู่ปาก คลุกเคล้ากับน้ำลาย และกลืนลงท้อง ความปฏิกูลก็ย่อมจะฉายแววออกมาให้เห็นเด่นชัดขึ้นและเมื่อไหร่ ที่อาหารซึ่งกินเข้าไป ถูกขับถ่ายออกมาเป็นของเสีย เมื่อนั้น เราก็จะสะอิดสะเอียน แทบอาเจียนทีเดียว … นี่แหละ เห็นหรือยัง ว่าอาหาร มันเป็นของปฏิกูลอย่างไร คนที่เฉลียวฉลาด อย่างคนที่เกิดวันพฤหัสบดีนั้น ถ้าพิจารณากรรมฐานข้อนี้ ก็จะเห็นความจริง โดยไม่ยาก
้
จตุธาตุววัตถาน
กรรมฐานข้อนี้ ก็คือ กรรมฐานที่ต้องใช้ความคิด อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเหมาะกับคนที่เกิดวันพฤหัสบดี จะพึงพิจารณา จตุธาตุววัตถาน ก็คือการพิจารณาร่างกายนี่เอง
ทีนี้ถามว่า พิจารณาในแง่ไหนล่ะ? ก็พิจารณาในแง่ที่ว่า ร่างกายนี้ ประกอบขึ้น จากธาตุทั้ง ๔
แล้วธาตุทั้ง ๔ มีอะไร? กี่อย่างล่ะ? ก็มีอยู่ ๔ อย่าง คือ
๑. ธาตุดิน ได้แก่ ส่วนที่เป็นของแข็ง ถ้าจะถามว่า แล้วส่วนที่เป็นของแข็ง ในร่างกายนี้ มันมีอะไรบ้างล่ะ? ก็มีตั้งหลายอย่าง ท่านลองนึกดูซี….กระดูก นี่ก็แข็งใช่ไหม?… หัวกระโหลก นี่ก็แข็ง….เอ็นนี่ก็แข็ง พวกที่มีลักษณะแข็งทั้งหมดนี่แหละ ที่ท่านเรียกว่า ธาตุดิน
๒. ธาตุน้ำ ได้แก่ ส่วนที่เป็นของเหลว ถ้าจะถามว่า แล้วส่วนที่เป็นของเหลว ในร่างกายนี้ มันมีอะไรบ้างล่ะ? ก็มีตั้งหลายอย่าง อาทิเช่น น้ำเลือด , น้ำหนอง, น้ำตา , น้ำเหงื่อ เป็นต้น พวกนี้เป็นของเหลวทั้งหมด และของเหลวทั้งหมด ที่มีอยู่ในร่างกายนี้นั้น ท่านก็สมมติ เรียกว่า ธาตุน้ำ เพราะมีลักษณะเหลว เหมือนน้ำ
๓. ธาตุไฟ ได้แก่ ความร้อน หรือความอบอุ่นในส่วนของ 2 ธาตุอย่างแรก เราเอง พอจะมองเห็นได้ง่าย แต่พอมาถึงข้อนี้ มองยากสักหน่อย เพราะพอพูดถึงไฟ คนเราก็มักจะนึกถึง ไฟในเตา ซึ่งมีลักษณะเป็นเปลวสีเหลืองๆ และเต็มไปด้วยความร้อน แต่ความหมายของธาตุไฟ ในกรรมฐานข้อนี้ ท่านหมายเพียงลักษณะของความร้อน หรือความอบอุ่นเท่านั้น ถ้าอย่างนี้ ก็พอจะมองห็นเหตุผลได้ไม่ยาก เพราะลักษณะความอบอุ่นในร่างกายเราก็มี ที่เรียกว่า อุณหภูมิยังไงล่ะ อุณหภูมิ คือความอบอุ่นในร่างกายนี่แหละ ที่เรียกกันว่า ธาตุไฟ
๔. ธาตุลม ได้แก่ อากาศที่เคลื่อนไหวที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือลมหายใจ ที่หายใจเข้า หายใจออก อยู่ทุกวี่ทุกวันนี่แหละ คือธาตุลม ในกรรมฐานข้อนี้
การพิจารณาร่างกาย ให้เห็นเป็นแต่เพียง ธาตุ ๔ ถือว่าเป็นกรรมฐาน ที่เหมาะสำหรับคน ที่เกิดวันพฤหัสบดี อีกข้อหนึ่ง ที่ควรเจริญกรรมฐาน สำหรับคนที่เกิดวันพฤหัสบดี กรรมฐานที่ว่านั้น ก็คือ มรณัสสติ
มรณัสสติ
มรณัสสติ ก็คือการระลึก นึกถึงความตาย อันจะมาถึงตน
การระลึกถึงความตาย ท่านอาจจะสงสัย ว่าช่วยแก้นิสัยผู้หญิงที่เกิดวันพฤหัสบดีได้อย่างไร ?
ถ้าใครได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น ก็คงจะทราบ เพราะเราได้เคยบอกถึง ลักษณะอุปนิสัย ที่เด่นๆ ของคนที่เกิดวันพฤหัสแล้วว่า นอกจากจะเป็นคน ที่สนใจใฝ่รู้แล้ว คุณผู้หญิงที่เกิดวันพฤหัส ยังมีลักษณะเด่น ที่เห็นได้ชัด อีกอย่างหนึ่งก็คือ มักจะเป็นคนที่ไม่ชอบสละ แต่ชอบสะสม ลักษณะนิสัยอย่างนี้ ถ้าเราได้นึกถึงความตายอยู่บ่อยๆ มันจะช่วยทำให้ละคลายนิสัยที่ชอบสะสมไปได้มากทีเดียว เพราะลองคิดดูเถอะว่า คนเรา ที่เอาแต่สะสมนั้น ก็เพราะลืมคิดถึงเรื่องของความตาย คนเรา ต่อให้สะสมทรัพย์สิน ไว้มากมายขนาดไหนก็ตาม แต่พอตายลงวันใด สิ่งที่สะสมไว้ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น ก็ไม่สามารถจะติดตามคนตายไปได้ ล้วนจะต้องทอดทิ้งทรัพย์สินเหล่านั้น ไว้ในโลกนี้ทั้งสิ้น
ฉะนั้น การหวงแหนทรัพย์สิน จนไม่ยอมสละ ให้เป็นทานเลย จึงไม่เป็นประโยชน์อันใด ใครที่มีนิสัย ที่ชอบตระหนี่ ไม่ชอบสละ ไม่ชอบให้ใคร ก็ลองเอากรรมฐาน ข้อ "มรณัส-สติ" นี้ไปภาวนาดูซีครับ จะช่วยได้มากทีเดียว
อ้างอิง:www.dhammathai.org