.....พอพวกเราถึงบ้านของจินจู เป็นที่พักสำหรับพวกเราตลอดทริปนี้ บ้านเป็นเหมือนห้องในคอนโด แต่มีแนวคิดว่าใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้มากที่สุดเพราะที่ในโซลแพง เจ้าของบ้านได้จัดที่นอนไว้ให้แล้วเป็นเสื่อไฟฟ้าทำความร้อนสองเสื่อสีเหลือง(ในภาพ) แต่จริงๆสำหรับพวกเรามันคือเสื่อนรก พื้นไม้ปาเก้ฝังฮีทเตอร์ไว้ข้างใต้ด้วย
.....พอทำธุระส่วนตัวกันเสร็จวางแผนเที่ยวนิดหน่อย พวกเราก็ไปออกสำรวจรอบๆบ้าน เลยได้อาหารว่างกลับมากินกัน(กินอีกแล้ว)
ภายในบ้านบนเสื่อนรกกำลังวางแผนเที่ยวกัน
วุธ<ที่ไหนหญิงเยอะๆ>
ก๊อป<ไม่เอาที่ไหนของกินเยอะๆ>
จินจู<ใช้ไงวะนี่มีแต่ภาษาไทย>
สำรวจนอกบ้านเจอร้านโรตีเกาหลี
.....ซักพักก็ได้ของว่างมากินกันเป็นแป้งก้อนอ้วนๆเหนียวๆตัวแป้งเรียกว่า "ต๊อก" ปรุงเสร็จเป็นสีแดงๆ เรียก "ต๊อกป๊อกกี" กินประมาณสองสามลูกก็เอียนแล้ว,โรตี,มาม่าเกาหลีและอีกอันเป็นเหมือนไส้อั่วแต่ข้างในเป็นข้าวกับเลือด แล้วที่ขาดไม่ได้คือกิมจิ
โรตีเกาหลี
เรย์<อย่ากัดนิ้วนะ>
ต๊อกป๊อกกีกับไส้อั่ว
.....อาหารว่างนี่กินกันไปไม่มาก ต๊อกนี่กินกันไปคนละต๊อก สองต๊อก ส่วนข้าวใส่เลือดก็มีกลิ่นแปลกๆ เกือบลืมมีตับอีกที่กินหมดคือมาม่าเกาหลี มื้อนี้ถือว่าพอกินได้เอาไว้แก้แค้นมื้อหน้า เสร็จแล้วพวกเราก็ออกไปสำรวจอีกรอบคราวนี้เริ่มมืดแล้วได้ของกินมาอีกเป็นไก่ย่างกับมันเผา ตอนกินไก่เสร็จรู้สึกไม่เหมือนไก่ก็เลยถามเจ้าของร้านว่าเนื้อสุนัขรึเปล่า(คนที่นี่กินสุนัขนะเพราะเชื่อว่าจะทำให้ผิวสวย) กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องว่าเป็นเนื้อไก่ก็ทำท่าทางอยู่นาน
บรรยากาศยามเย็น
ก๊อป<แต่งตัวเหมือนยากูซ่า>
เซ้ง<ใครสน มั่นใจ กรูหล่อ>
ไก่ย่างที่ทีแรกเข้าใจเป็นสุนัข แผงหน้าร้านเป็นซุปสามารถตักกินได้
ก๊อป<สุนัขอร่อย???>
ร้านขายเสื้อผ้าริมถนน
ร้านมันเผาสุดเท่มีปล่องด้วย
ก๊อป<มันเผาร้อนห้าอัน>
มันเผาร้อนๆสีสวยๆได้แล้ว
.....กลับถึงบ้านก็เหนื่ออ่อนนอนหลับกันไป อาจเป็นเพราะยังไม่ชินกับอากาศและวันนี้เกินทางกันตลอดก็ได้ยอดมนุษย์แต่ละคนถึงพลังหมด ซักพักตอนสี่ทุ่มพ่อจินจูก็กลับมาพวกเราก็เลยตื่น พ่อเค้าเห็นพวกเราเค้าก็เริ่มผูกมิตรด้วยการเลี้ยงเหล้า ขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกเค้าตอนที่พี่ท่านมาไทย อาชีพเก่าพ่อเป็นนักมวยแล้วมาเป็นยากูซ่า(เรียกผู้มีอิทธิพลดีกว่า)ส่วนตอนนี้มาเปิดแฟรนชายด์ร้านอาหาร เราออกไปซื้อเหล้ากันสามคน อีกสองคนอยู่บ้าน มีไก่ทอด,ปลาหมึกทอด,ซุปไชเท้า เป็นกับแกล้ม ระหว่างทางไปซื้อเหล้ารู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆตกใส่หน้า พอมองขึ้นไปเป็นเกร็ดน้ำแข็ง ซักพักก็มีหิมะลงมา (คนที่นี่เชื่อว่าถ้าใครได้สัมผัสหิมะแรกจะโชคดี = First Snow) ช่วงเดือนที่เรามาเป็นหน้าหนาวแต่เหมือนปีนี้หิมะจะตกเลื่อนไปอีกเดือน พวกเราก็ได้แต่ภาวนาว่าอยากเห็นหิมะแล้วก็ได้เห็นจริงๆ กลับไปเรียกเพื่อนอีกสองคนแล้วก็ออกมาลุยหิมะ ก่อนออกก็ก้งเหล้ากับพ่อเพื่อนเล่นงัดข้อชิงแชมป์ระหว่างประเทศโดนดีดหัวทำโทษกันไป(เหล้า+เหล้าขาว=10+2 ขวดกินกัน 3 คน)
หิมะแรกแห่งความโชคดี(เป็นรูปแรกที่ครบเออ 4 คน(พอดีมีคนท้วงมา))
เรย์<กรูได้จับคนแรกของไทยนะเว้ย(ใน 4 คนนี้)>
ก๊อป<คนที่สองล่ะ>
เซ้ง<แล้วกรูจะโชคดีด้วยเปล่าวะ>
วุธ<ของมึงมันหิมะสอง???>
ตีหนึ่งแล้วคร้าบบ..บ ตอนนี้
เรย์<ทำอะไรวะเซ้ง>
เซ้ง<กินหิมะซิวะจะได้โชคดีกว่า>
บรรยากาศสีชมพูกับคู่รัก
เซ้ง<วุธมารักกันเถอะ>
วุธ<เพ้ออะไรของมรึง>
ต้นไม้ใบสีขาว
.....เดินเล่นเห่อดูหิมะจากตีหนึ่งจนไปหิวที่ Minimart กว่าจะได้กลับไปนอนก็นู่นเลย ตี 4 มินิมาร์ทที่นี่ดีมากในนั้นมีที่ให้นั่งรับประทานอาหารได้เลย พวกเราก็เลยกินไปอีกมื้อ
ที่นั่งกินในร้านมินิมาร๋ท
เรย์<จะจ้วงกินแล้วเร็ว>
เซ้ง<ไอ้วุธหน้าโครตเซ็กซี่>
วุธ<เซ้งเช็ดน้ำลายหน่อย ง่วงหรือหิววะ>
พนักงานชั่วคราวในร้าน
ก๊อป<อันยองฮาเซโย รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ>
พระราชวัง+พิพิธภัณฑ์
โครตจะสวยเลย อ่า.....
อย่าให้เรียนจบบ้างนะ อยากไป ๆๆๆๆๆๆ