|
คำอธิษฐานของอาจารย์สุชีพ
คำอธิษฐานของอาจารย์สุชีพ
1. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนคิดได้ดีอะไรอย่างลอยๆ นั่งนอนคอยแต่โชควาสนา
โดยไม่ลงมือทำความดี หรือไม่เพียรพยายามสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตน
ถ้าข้าพเจ้าจะได้ดีอะไร ก็ขอให้ได้เพราะได้ทำความดีอย่างสมเหตุสมผลเถิด
2. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนลืมตน ดูหมิ่นเหยียดหยามใครๆ
ซึ่งอาจด้อยกว่าในทางตำแหน่ง ฐานะการเงิน หรือในทางวิชาการความรู้
ขอให้ข้าพเจ้ามีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น
ให้เกียรติแก่เขาตามความเหมาะสมในทางติดต่อเกี่ยวข้องกันเถิด
อย่าแสดงอาการข่มขู่เยาะเย้ยใครๆ ด้วยประการใดๆ เลย
จะติดต่อเกี่ยวข้องกับใครๆ ก็ขอให้มีความอ่อนโยนนุ่มนวล สุภาพเรียบร้อยเถิด
3. ถ้าใครพลาดพลั้งลงในการครองชีวิต หรือต้องประสบความทุกข์ความเดือดร้อน เพราะเหตุใดๆ ก็ตาม
ขออย่าให้ข้าพเจ้าเหยียบย่ำซ้ำเติมคนเหล่านั้น แต่จงมีความกรุณาหาทางช่วยให้เขาลุกขึ้น
ช่วยผ่อนคลายทุกข์ร้อนให้แก่เขาเท่าที่จะสามารถทำได้
4. ใครก็ตามมีความรู้ความสามารถขึ้นมาเท่าเทียมหรือเกือบเท่าเทียมข้าพเจ้าก็ดี
มีความรู้ความสามารถหรือผลงานอันปรากฏดีเด่นสูงส่งอย่างน่านิยมยกย่องยิ่งกว่าข้าพเจ้าก็ดี
ขออย่าให้ข้าพเจ้ารู้สึกริษยาหรือกังวลใจในความเจริญของผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย
ขอให้ข้าพเจ้าพลอยยินดีในความดี ความรู้ ความสามารถของบุคคลเหล่านั้นด้วยความจริงใจ
ช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้กำลังใจแก่คนเหล่านั้น
อันเข้าลักษณะการมีมุทิตาจิตในพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกันข้ามกับความริษยา
ขออย่าให้เป็นอย่างบางคนที่เกรงนักหนาว่าคนอื่นจะดีเท่าเทียมหรือดียิ่งกว่าตน
คอยหาทางพูดจาติเตียน ใส่ไคล้ให้คนทั้งหลายเห็นว่าผู้นั้นยังบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้
ขอให้ข้าพเจ้ามีน้ำใจสะอาด พูดส่งเสริมยกย่องผู้อื่นที่ควรยกย่องเถิด
5. ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีน้ำใจเข้มแข็งอดทน อย่าเป็นคนขี้บ่นในเมื่อมีความยากลำบากอะไรเกิดขึ้น
ขอให้มีกำลังใจต่อสู้กับความยากลำบากนั้นๆ โดยไม่ต้องอ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย
ขออย่าให้เป็นคนอ่อนแอเหลียวหาที่พึ่ง เพราะไม่รู้จักทำตนให้เป็นที่พึ่งของตนเลย
ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนชอบได้อภิสิทธิ์คือสิทธิเหนือคนอื่น
เช่นไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็ขอให้พอใจนั่งคอยตามลำดับ
อย่าวุ่นวายจะเข้าตรวจก่อนทั้งที่ตนไปถึงทีหลังเลย
ในการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกใดๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดหาวิธีลัดหรือวิธีทุจริตใดๆ
รวมทั้งขออย่าได้วิ่งเต้นเข้าหาคนนั้นคนนี้เพื่อให้เข้าช่วยให้ได้ผลดีกว่าคนอื่น
ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าอาจมีคะแนนสู้คนอื่นไม่ได้เถิด
6. ถ้าข้าพเจ้าทำงานในที่ใด
ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือคิดเอาแต่ได้ในทางส่วนตัว
เช่นเถลไถลไม่ทำงาน รีบเลิกงานก่อนกำหนดเวลา
ขอจงมีความขยันหมั่นเพียร พอใจในการทำงานให้ได้ผลดี
ด้วยความตั้งใจและเต็มใจเสมือนหนึ่งทำงานให้แก่ตนเองเพื่อประโยชน์ของตนเองฉะนั้นเถิด
อันเนื่องมาแต่ความไม่คิดเอาเปรียบในข้อนี้
ถ้าข้าพเจ้าเผอิญก้ำเกินข้าวของที่ทำงานไปในทางส่วนตัวได้บ้าง เช่น กระดาษ ซอง หรือเครื่องใช้ใดๆ
ขอให้ข้าพเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าเป็นหนี้อยู่
และพยายามใช้หนี้คืนด้วยการซื้อใช้หรือทำงานให้มากกว่าที่กำหนด
เพื่อเป็นการชดเชยความก้ำเกินนั้น
ข้อนี้รวมทั้งขอให้ข้าพเจ้าจงอย่าเอาเปรียบบ้านเมือง
เช่นในเรื่องการเสียภาษีอากร
ถ้ารู้อยู่ว่ายังเสียน้อยไปกว่าที่ควร หรือที่กฎหมายกำหนดไว้
ขอให้ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะชดใช้แก่ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอ
เมื่อมีโอกาสตอบแทนได้เมื่อไรขอให้รีบตอบแทนโดยทันที
เช่นในรูปแห่งการบริจาคบำรุงโรงพยาบาล บำรุงการศึกษา หรือบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์อื่นๆ
แบบบริจาคให้มากกว่าที่รู้สึกว่ายังเป็นหนี้ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอ
และในข้อนี้ ขอให้ข้าพเจ้าปฏิบัติแม้ต่อเอกชนใดๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบ หรือโกงใครเลยแม้แต่น้อย
แม้จะซื้อของถ้าเขาทอนเงินเกินมา ก็ขอให้ข้าพเจ้ายินดีคืนให้เขากลับไปเถิด
อย่ายินดีว่ามีลาภ เพราะเขาทอนเงินเกินมาให้เลย
7. ขออย่าให้ข้าพเจ้ามักใหญ่ใฝ่สูง อยากมีหน้ามีตา อยากมีอำนาจอยากเป็นใหญ่เป็นโต
ขอให้ข้าพเจ้าใฝ่สงบ มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ไม่ต้องเดือดร้อนในเรื่องการแข่งดีกับใครๆ
ทั้งนี้ เพราะข้าพเจ้าพอจะเดาได้ว่าความมักใหญ่ใฝ่สูง ความอยากมีหน้ามีตา
ความอยากมีอำนาจและอยากเป็นใหญ่เป็นโตนั้น มันเผาให้เร่าร้อน
ยิ่งต้องแข่งดีกับใครๆ ด้วย ก็ยิ่งทำให้เกิดความคิดริษยา คิดให้ร้ายคู่แข่งขัน
ถ้าอยู่อย่างใฝ่สงบมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ก็จะเย็นอกเย็นใจ
ไม่ต้องนอนก่ายหน้าผากถอนใจเพราะไม่สมหวัง
ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจซาบซึ่งในพระพุทธภาษิตที่ว่า
"ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ละความชนะความแพ้เสียได้ ย่อมเป็นสุข" ดังนี้เถิด
แต่ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าเมื่อใฝ่สงบแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องอยู่อย่างเกียจคร้าน
ไม่สร้างความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
ข้าพเจ้าทราบดีว่าพระพุทธศาสนามิได้สอนให้คนเกียจคร้าน งอมืองอเท้า
แต่สอนให้มีความบากบั่นก้าวหน้าในทางที่ดี ไม่ว่าทางโลกหรือธรรม
และความบากบั่นก้าวหน้าดังกล่าวนั้นไม่จำเป็นต้องผูกพันอยู่กับความทะยานอยาก
หรือความมักใหญ่ใฝ่สูงใดๆ คงทำงานไปตามหน้าที่ให้ดีสุด ผลดีก็จะเกิดตามมาเอง
8. ขอให้ข้าพเจ้าหมั่นปลูกฝังความรู้สึกมีเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น
และมีกรุณาคิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
ซึ่งพระพุทธเจ้าแนะนำให้ปูพื้นจิตใจด้วยความเมตตากรุณาดังกล่าวนี้อยู่เสมอ
จนกระทั่งไม่รู้สึกว่ามีใครเป็นศัตรูที่จะต้องคิดกำจัดตัดรอนเขาให้ถึงความพินาศ
ใครไม่ดี ใครทำชั่วทำผิดขอให้คิดได้ กลับตัวได้เสียเกิด อย่าทำผิดทำชั่วอีกเลย
ถ้ายังขืนทำต่อไปก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
เขาจะต้องรับผลแห่งกรรมชั่วของเขาเอง เราไม่ต้องคิดแช่งชักให้เขาพินาศ
เขาก็จะต้องถึงความพินาศของเขาอยู่แล้ว จะต้องแช่งให้ใจเราเดือดร้อนทำไม
ขอให้ความเมตตาคิดจะให้เป็นสุขและกรุณาคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์
ซึ่งข้าพเจ้าปลูกฝังขึ้นในจิตนั้น
ขออย่าเป็นไปในวงแคบและวงจำกัด
ขอจงเป็นไปทั้งในมนุษย์และสัตว์ทุกประเภท รวมทั้งสัตว์ดิรัจฉานด้วย
เพราะไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เหล่านั้น
ต่างก็รักสุขเกลียดทุกข์ รู้จักรักตนเอง ปรารถนาดีต่อตนเองด้วยกันทั้งสิ้น
9. ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนโกรธง่าย ต่างว่าจะโกรธบ้าง ก็ขอให้มีสติรู้ตัวโดยเร็วว่ากำลังโกรธ
จะได้สอนใจตัวเองให้บรรเทาความโกรธลง หรือถ้าห้ามใจให้โกรธไม่ได้
ก็ขออย่าให้ถึงกับคิดประทุษร้ายผู้อื่น หรือคิดอยากให้เขาถึงความพินาศ ซึ่งนับเป็นมโนทุจริตเลย
ขอจงสามารถควบคุมจิตใจให้เป็นปกติได้โดยเร็วเมื่อมีความไม่พอใจหรือความโกรธเกิดขึ้นเถิด
และเนื่องมาจากความปรารถนาข้อนี้ ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนผูกโกรธ
ให้รู้จักให้อภัยทำใจให้ปลอดโปร่งจากการผูกอาฆาตจองเวร ขอให้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
โดยรู้จักเปรียบเทียบกับข้าพเจ้าเองว่าข้าพเจ้าเองก็อาจก็อาจทำผิด พูดผิด คิดผิด หรืออาจล่วงเกินผู้อื่นได้
ทั้งโดยมีเจตนาและไม่เจตนา ก็ถ้าข้าพเจ้าเองยังทำผิดได้ เมื่อผู้อื่นทำอะไรผิดพลาดล่วงเกินไปบ้าง
ก็จงให้อภัยแก่เขาเสียเถิด อย่าผูกใจเจ็บ หรือเก็บความรู้สึกไม่พอใจนั้นมาขังอยู่ใจจิตใจให้เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเองเลย
10. ขอให้ข้าพเจ้ามีความรู้ความเข้าใจ และสอนใจตัวเองได้
เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธศาสนาทั้งทางโลกและทางธรรม
กล่าวคือ พระพุทธศาสนาสอนให้รู้จักสร้างความเจริญแก่ตนในทางโลก
และสอนให้ประพฤติปฏิบัติยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น
ให้มีปัญญาเข้าใจปัญหาแห่งชีวิตเพื่อจะได้ไม่ติดไม่ยึดถือ
มีจิตใจเบาสบายอันเป็นความเจริญในทางธรรม
ซึ่งรวมแล้วสอนให้ให้เข้ากับโลกได้ดี ไม่เป็นภัยอันตรายแก่ใครๆ
แต่กลับเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ
แต่ก็ได้สอนไปในทางธรรมให้เข้ากับธรรมได้ดี คือ ให้รู้จักโลก รู้เท่าโลก
และขัดเกลานิสัยใจคอ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อบรรลุความดับทุกข์ พ้นทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจดีทั้งทางโลกทางธรรม และปฏิบัติตนให้ถูกต้องได้ทั้งสองทาง
รวมทั้งสามารถหาความสงบใจได้เอง และสามารถแนะนำชักชวนเพื่อนร่วมชาติ ร่วมโลก
ให้ได้ประสบความสุขสงบได้ตามสมควรเถิด
ความปรารถนาหรือคำอธิษฐานรวม 10 ประการของข้าพเจ้านี้
ข้าพเจ้าตั้งไว้เพื่อเป็นแนวทางเตือนใจ หรือสั่งสอนตัวเอง
เพราะปรากฏว่าตัวข้าพเจ้าเอง ยังมีข้อบกพร่อง
ซึ่งจะต้องว่ากล่าวตักเตือน คอยตำหนิตัวเองอยู่เสมอ
ข้าพเจ้าจึงคิดว่าถ้าได้วางแนวสอนตัวเองขึ้นไว้เช่นนี้
เมื่อประพฤติผิดพลาด ก็อาจระลึกได้ หรือมีหลักเตือนตนได้ง่ายกว่า
การที่จะนึกว่า ข้าพเจ้าดีพร้อมแล้ว หรือเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แล้ว
ซึ่งนับว่าเป็นความประมาทหรือลืมตัวอย่างยิ่ง
Create Date : 27 กรกฎาคม 2548 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2553 15:31:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 442 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|