|
โตโยต้าส่ง"ต้นแบบ-รถใหม่"หวังแจ้งเกิดอีกครั้ง
Lexus GS350F Sport:เติมความสปอร์ตเต็มพิกัด
|
นี่ไม่ใช่ตัวแรงที่มาพร้อมกับความเร้าใจในรหัส F ซึ่งค่ายเล็กซัสเคยนำมาใช้แค่ครั้งแรกและครั้งเดียวกับรุ่น IS แต่เป็นการตกแต่งเพิ่มความสวย สมรรถนะในการยึดเกาะ และความเร้าใจในแบบ F Package เหมือนกับที่เมอร์เซเดส-เบนซ์มี AMG Package สำหรับเอาใจลูกค้าอีกกลุ่มที่อาจจะต้องการแค่ความสวยเร้าใจ แต่ไม่ได้ต้องการความแรงอะไรมากมายเหมือนกับพวก AMG แท้ๆ การพัฒนาความสวยในครั้งนี้อ้างอิงพื้นฐานของเล็กซัส GS รุ่นใหม่ล่าสุด โดยใช้รุ่น GS350 เป็นแม่แบบ โดดเด่นด้วยชุดสปอยเลอร์รอบคันจาก F Sport Package พร้อมกับระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้ หรือ AVS-Adaptive Variable Suspension ตามด้วยล้อแม็กขนาด 19 นิ้ว การปรับเซตระบบช่วงล่างใหม่ พร้อมเสริมเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและหลังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งใช้ดิสก์เบรกขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน
|
| นอกจากนั้นในรุ่นนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกได้ว่าจะขับเคลื่อนในแบบล้อหลัง หรือว่าแบบ 4 ล้อตลอดเวลา ซึ่งสามารถแปรผันอัตราการส่งแรงบิดไปยังล้อหน้าและหลังในอัตราส่วน 50-50 หรือ 30-70% ส่วนระบบเกียร์แบบ 6 จังหวะก็สามารถปรับโหมดได้ทั้งแบบสปอร์ตธรรมดา สปอร์ตแบบสุดๆ หรือว่าจะเลือกประหยัดในแบบ ECON ก็ได้ เครื่องยนต์ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-i มีความจุกระบอกสูบ 3500 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 306 แรงม้า ใช้เวลา 5.78 วินาที ในการทะยานจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใครที่ชื่นชอบความสปอร์ตในแบบฉบับซีดานหรูไม่น่าพลาด GS350 F Sport ซึ่งเล็กซัสจะนำคันจริงออกจัดแสดงในงาน SEMA Show ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นจะเริ่มทำตลาดในช่วงต้นปีหน้า ส่วนราคาจะเท่าไรนั้นต้องรอลุ้นเอา
|
|
| Free TextEditor
Toyota Camry : อีกโฉมเพื่อตลาดออสเตรเลีย
|
หลังจากมีการเปิดตัวออกมาให้สัมผัสในตลาด 3 แห่ง ทั้งสหรัฐอเมริกา ยูเครน และญี่ปุ่นแล้ว ในตอนนี้ โตโยต้ามีการเผยอีกเวอร์ชันของคัมรี่ออกมาอีก กับรุ่น AU Version หรือรุ่นสำหรับขายในตลาดออสเตรเลียด้วยภาพลักษณ์ที่ดูสวยสปอร์ตขึ้น โดยจะมีขาย 2 แบบ คือ รุ่นธรรมดา และตัวแรงมาดสปอร์ตที่มีคำว่า Atara ต่อท้ายชื่อคัมรี่
| สำหรับเวอร์ชันออสเตรเลียจะอิงหน้าตาหลักร่วมกับรุ่นที่ขายในตลาดอเมริกาเหนือ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตรงที่กระจังและกันชนหน้า ซึ่งออกแบบให้เน้นความสปอร์ต และดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ส่วนด้านท้ายยึดรายละเอียดหลักร่วมกัน โดยเดวิด บัตต์เนอร์ บอสใหญ่ของโตโยต้า ออสเตรเลียที่ดูแลในด้านงานขายเปิดเผยว่า รถยนต์รุ่นนี้จะได้รับการผลิตที่โรงงานของโตโยต้าในเมืองเมลเบิร์น และจะมีการส่งออกไปขายในตลาดตะวันออกกลาง รวมถึงอีก 12 ประเทศทั่วโลกด้วย
| นอกจากการขายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แล้ว ตลาดหลักของคัมรี่รุ่นนี้คือ ประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งคาดว่ายอดรายได้จากการส่งออกคัมรี่ไปขายยังตลาดเหล่านี้จะมีมากกว่า 1 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย (31,000 ล้านบาท) บัตต์เนอร์ กล่าว
| ในแง่รายละเอียดทางเทคนิคไม่แตกต่างจากคัมรี่ใหม่ที่เปิดตัวขายในตลาดอื่นๆ ซึ่งเครื่องยนต์หลักเป็นขุมพลัง 4 สูบ 2500 ซีซี รุ่นใหม่ โดยถ้าเป็นเวอร์ชันปกติที่เรียกว่า Altise จะมีกำลังอยู่ที่ 178 แรงม้า และ 23.5 กก.-ม. สำหรับแรงบิด ส่วนอีกรุ่นเป็นรหัสแรงที่เรียกว่า Atara ขยับความเร้าใจด้วยชุดปลายท่อไอเสียแบบคู่เพื่อช่วยในการระบายไอเสียได้ดีขึ้น ทำให้มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 181 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 23.9 กก.-ม. โดยเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 15% สำหรับแรงม้า และ 8% สำหรับแรงบิด
| ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และมีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.8 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนเครื่องยนต์ไฮบริดจะมีขายเช่นกัน แต่จะต้องรอกลางปี 2012 สำหรับราคาขายของคัมรี่ ออสเตรเลียน เวอร์ชั่น จะอยู่ที่ 30,940-39,940 เหรียญออสเตรเลีย หรือคิดเป็นเงินไทยก็อยู่ระหว่าง 950,000-1,200,000 บาท ขณะที่บ้านเราการเปิดตัวน่าจะอยู่ที่งานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2012 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคมปีหน้า
|
|
Free TextEditor
โตโยต้าเผยโฉม FT-86 ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์
ได้ข้อสรุปแล้วสำหรับรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังที่เกิดจากโครงการความร่วมมือระหว่างโตโยต้ากับซูบารุ เมื่อแบรนด์ดังของญี่ปุ่นเผยโฉมคันจริงของผลผลิตจากโปรเจ็กต์ FT-86 ออกมาแล้ว โดยใช้ชื่อในการขายว่า GT-86 สำหรับเจาะตลาดทั่วโลก ซึ่งการเปิดตัวมีขึ้นที่งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 ต้นเดือนธันวาคมนี้ ต้องบอกว่าตรงนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความพิเศษ เพราะ GT-86 ถูกเปิดตัวออกมาในช่วงของการฉลองครบรอบ 50 ปีในการเจาะตลาดรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังของโตโยต้านับจากรุ่นแรกคือ 2000GT ในปี 1962 ส่วนผลผลิตที่เหลือซึ่งโด่งดังตามยุคสมัยของตัวเองก็มีทั้งเซลิก้า (ก่อนเปลี่ยนเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ 4 ล้อในเวลาต่อมา) ตามด้วย MR2 หรือ MR-S, โซลเรอร์ และซูปรา
|
| โปรเจ็กต์นี้มีจุดเริ่มต้นในปี 2009 เมื่อโตโยต้าเผยโฉม FT-86 ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ เพื่อปลุกกระแสรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังที่เคยโด่งดังในอดีตให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง และยึดเอาหมายเลข 86 มาเป็นชื่อรุ่นเพราะความโด่งดังของสปอร์ตรุ่นเลวิน/ทรูโน AE86 ในยุคทศวรรษที่ 1980 โครงการนี้มีเป้าหมายในการผลิตรถสปอร์ตที่ขับสนุกในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เพราะในปัจจุบันรถสปอร์ตแบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบบ้านๆ ได้สูญพันธุ์ไปจากตลาดแล้ว เหลือเพียงแต่พวกระดับไฮเอนด์ที่คนกลุ่มใหญ่ไม่สามารถเอื้อมถึงได้ นี่ก็เลยเป็นที่มาของโครงการรถสปอร์ตราคาเป็นมิตร (กับกระเป๋า) หรือ Affordable Sport Car อย่างไรก็ตาม งานนี้โตโยต้าเดินเดี่ยวไม่ได้หากไม่มีพันธมิตรมาช่วยในเรื่องของการแชร์เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนในการผลิต นั่นก็เลยทำให้ซูบารุ บริษัทในเครือ FHI หรือฟูจิเฮฟวี่ อินดัสตรี้ที่โตโยต้าถือหุ้นอยู่ 16.7% เข้ามามีส่วนร่วมด้วย โดยเฉพาะในการแชร์พื้นตัวถังซึ่งรถยนต์ของซูบารุแม้ว่าจะเป็นเก๋งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า (และ 4 ล้อตลอดเวลาในบางรุ่น) แต่จากวางเครื่องยนต์และเกียร์ของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์จะต้องเป็นในแนวยาวตามตัวรถเหมือนกับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ก็เลยง่ายในการดัดแปลงให้เป็นสปอร์ตแบบขับเคลื่อนล้อหลัง ดีกว่าสร้างพื้นตัวถังขึ้นมาใหม่ทั้งชุด สะดวกทั้งงบประมาณและเวลาในการพัฒนา
|
| ดังนั้น โครงการนี้ก็เลยมีชื่อเรียกเล่นๆ ของชาวเน็ตว่า Toyobaru และนอกจากเวอร์ชันของโตโยต้าแล้ว ทางซูบารุเองก็มีแผนในการพัฒนาผลผลิตของตัวเองออกมาเช่นกัน และก็ได้เห็นหน้าเห็นตากันไปแล้วกับชื่อ BRZ ที่งานแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2011 กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โตโยต้าต้องการให้สปอร์ตรุ่นนี้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าทั่วโลกเหมือนกับชื่อ 86 ที่อยู่ในใจของบรรดานักขับทั่วโลก โดยเฉพาะพวกที่ชื่นชอบความแรงและความเร็ว พอหลังจากเปิดตัวต้นแบบเวอร์ชันแรกก็เลยมีการเปิดตัวเวอร์ชันต่างๆ ออกมาให้สัมผัสกันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาถึงรุ่นจำหน่ายจริง GT-86 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิดและสไตล์การออกแบบที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบรุ่นล่าสุดคือ FT-86 II ที่เปิดตัวในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตัวรถเป็นแบบสปอร์ต 2+2 ที่นั่งซึ่งมีความยาว 4,240 มิลลิเมตร สูง 1,285 มิลลิเมตร พร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลัง 53-47%
|
| ส่วนความกว้างไม่กล้าใส่ เพราะเอกสารที่แจกออกมาบอกว่า 2,570 มิลลิเมตร ซึ่งดูแล้วยังไงก็ไม่น่าใช่ และตัวเลขนี้น่าจะเป็นระยะฐานล้อมากกว่าความกว้าง ซึ่งโดยปกติแล้วถึงจะรวมกระจกมองข้างเข้าไปด้วยตัวเลขก็น่าจะอยู่ที่ 2,000 กว่าๆ เท่านั้นเอง หน้าที่ในการขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์รุ่นใหม่แบบ 4 สูบที่มีการติดตั้งระบบไดเร็กต์อินเจ็กชั่น หรือ D4-S เข้าไป ส่วนความจุกระบอกสูบจริงๆ ที่อยู่ที่ 1,998 ซีซี มีอัตราส่วนการอัดอยู่ที่ 12.5 :1 รีดกำลังออกมาได้ 197 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. ที่ 6,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา หรืออัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบปีกนก 2 ชั้น ใครที่สนใจก็เตรียมเงินเอาไว้ได้เลย เพราะปีหน้าจะเริ่มวางขายในตลาดทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นน่าจะมีเมืองไทยรวมอยู่ด้วย
|
|
|
|
|
|
Free TextEditor
มิตซูบิชิเดินเครื่อง จัมป์ แผนธุรกิจดันไทยโตแรง
|
|