โตโยต้าส่ง"ต้นแบบ-รถใหม่"หวังแจ้งเกิดอีกครั้ง































































โตโยต้านำการ์ตูนโดราเอมอนเป็นมาส่วนหนึ่งของแนวคิด “เกิดใหม่อีกครั้ง” ในโตเกียวมอเตอร์โชว์

นอกจากภาพรวมของงาน “โตเกียวมอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 42 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 ธันวาคม 2554 ณ โตเกียว บิ๊กไซต์ โกโตวอร์ด ในกรุงโตเกียว ที่มีรถสวยแปลกตาจัดแสดงอัดแน่นภายในงาน ตามที่ "ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง" ได้นำเสนอไปล้ว คราวนี้ลองมาเจาะบูธค่ายยักษ์ สำหรับโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน (TMC) ได้ส่งรถต้นแบบและรุ่นขายจริงแบบชุดใหญ่ เพื่อหวังเป็นไฮไลท์ โดยสื่อถึงความฝันและความสนุกสนานของยานยนต์ภายใต้แนวคิด Re BORN หรือการเกิดใหม่เพื่อสนุกกับการขับขี่อีกครั้ง (คำขวัญ “สนุกกับการขับขี่” โตโยต้าเคยใช้เป็นคำโฆษณาในประเทศญี่ปุ่นระหว่างปี 2527-2530)






















“โตโยต้า ฟัน-วีไอไอ” จอดสงบนิ่งก่อนอวดลวดลายและสีสันในภาพถัดไป
























สนุกได้ไม่รู้จบ เพราะลวดลายบนตัวรถสามารถเปลี่ยนแปลงได้ดังใจต้องการ

สำหรับรถที่โตโยต้านำมาจัดแสดงประกอบไปด้วย รถต้นแบบที่สื่อถึงนิยามของอนาคต เชื่อมต่อกับผู้คน ยานยนต์ และสังคมเข้าไว้ด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ “โตโยต้า ฟัน-วีไอไอ” (Fun Vehicle interactive internet) ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลก โดดเด่นด้วยสีสันและลวดลายบนตัวรถที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามใจต้องการ

คันต่อมาเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโลกเช่นกัน สำหรับสปอร์ตคอมแพคขับเคลื่อนล้อหลังในตำนานนักซิ่งขาดริฟท์อย่าง “FT-86” ภายใต้ความร่วมมือกับฟูจิ เฮฟวี่ อินดรัสตรีส์จากโครงการ โตโยบารุ (Toyobaru) ซึ่งคันที่เห็นอยู่นี้ยังเป็นเวอร์ชันขายจริงอีกด้วย






















“FT-86” กับการเกิดใหม่เพื่อสนุกกับการขับขี่อีกครั้ง

ขณะที่รถเด่นในสายการผลิตจริงอีกคัน ที่มาเปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น “พริอุส ปลั๊กอิน ไฮบริด” ยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผสมผสานคุณลักษณะของรถยนต์ไฟฟ้าขนานแท้กับรถยนต์ไฮบริดที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมันและไฟฟ้า ได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมอิออนรุ่นใหม่ที่สามารถชาร์จพลังงานได้จากไฟบ้าน

โดยโตโยต้ามุ่งหวังให้รถยนต์คันนี้จัดการกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ลดปริมาณการใช้พลังงานฟอสซิล การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษทางอากาศ และวางแผนจะเปิดตัวรุ่นผลิตขายจริงภายในต้นปี 2555 ด้วยความสามารถในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 57 กิโลเมตร/ลิตร และมีระยะทางวิ่งสำหรับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มถึง 23.4 กิโลเมตร






















“พริอุส ปลั๊กอิน ไฮบริด”
























โชว์บั้นท้ายและการสาธิตชาร์จพลังขับเคลื่อนจากไฟบ้าน

ต่อเนื่องกับการเปิดตัวครั้งแรกในโลก สำหรับ “พริอุส c” (ชื่อรุ่นขายนอกประเทศญี่ปุ่น) หรือ “อควา” รถยนต์ไฮบริดขนาดกะทัดรัด ใช้ขนาดเครื่องยนต์ 1500 ซีซี ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน พิสูจน์สมรรถนะการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 35.4 กิโลเมตร/ลิตร ตามวงจรทดสอบเจซี 08 ของกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (MLIT) และตัวเลข 40 กิโลเมตร/ลิตร ตามวงจรทดสอบเอ็มแอลไอที 10-15 ภายใต้ความยาวตัวถังที่น้อยกว่า 4 เมตร และส่วนสูงที่ลดลงเพื่อการเพิ่มสมรรถนะของหลักอากาศพลศาสตร์






















“อควา” หรือที่หลายคนคุ้นหูในชื่อ “พริอุส c”






















มาถึงต้นแบบแห่งเทคโนโลยีการใช้พลังงานจากไฮโดรเจน “เอฟซีวี-อาร์” ปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยแท่งเซลส์เชื้อเพลิงใต้ตัวถังที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึงสี่คน พร้อมกับเนื้อที่ห้องสัมภาระขนาดใหญ่ แท่งเซลส์เชื้อเพลิงประกอบด้วยถังใส่ไฮโดรเจนแรงดันสูง 70 เมกะปาสคาล (Mpa) พัฒนาเพื่อให้ได้ระยะทางวิ่งประมาณ 700 กิโลเมตรหรือมากกว่า ภายใต้วงจรทดสอบเจซี 08 โดยรถยนต์ซีดานเซลส์เชื้อเพลิงคันนี้ มีกำหนดเปิดตัวประมาณปี 2558






















“เอฟซีวี-อาร์” ต้นแบบการใช้พลังงานสะอาดเพื่ออนาคต






















ปิดท้ายด้วย รถยนต์พลังงานไฟฟ้า “เอฟที-อีวี 3” ได้รับการกล่าวขานว่าจะเป็นอีโคคาร์คันสำคัญแห่งอนาคต ที่มีแนวโน้มใช้ทดแทนรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยตัวถังขนาดกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบา ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมอิออน เมื่อชาร์จเต็มสามารถวิ่งได้ระยะทงประมาณ 105 กิโลเมตร ซึ่งเป็นความตั้งใจของโตโยต้าที่จะเปิดตัวยานยนต์อันเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นภายในปี 2555

นอกเหนือจากการจัดแสดงในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์แล้ว ที่โชว์รูมเมเก้าเว็บซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่จัดงาน โตโยต้าเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์จริง ด้วยการทดลองขับขี่รถยนต์ที่จัดแสดงอยู่ด้วย ทั้งนี้ โตโยต้าได้จัดทำเว็บไซต์สำหรับโตเกียวมอเตอร์โชว์ (www.toyota.co.jp) เพื่อให้ข้อมูลของการจัดแสดงพร้อมกับนำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงในเว็บไซต์ GAZOO Metapolis site (//metapolis.toyota.co.jp)






















“เอฟที-อีวี 3” อีโคคาร์ในมาดรถไฟฟ้า
























โตโยต้าใช้ตัวการ์ตูนโดราเอมอน เพื่อเป็นตัวแทนของสัญลักษณ์ที่โด่งดังไปทั่วโลก









Free TextEditor



Create Date : 24 ธันวาคม 2554
Last Update : 24 ธันวาคม 2554 22:45:06 น.
Counter : 560 Pageviews.

0 comment
Lexus GS350F Sport:เติมความสปอร์ตเต็มพิกัด



















































นี่ไม่ใช่ตัวแรงที่มาพร้อมกับความเร้าใจในรหัส F ซึ่งค่ายเล็กซัสเคยนำมาใช้แค่ครั้งแรกและครั้งเดียวกับรุ่น IS แต่เป็นการตกแต่งเพิ่มความสวย สมรรถนะในการยึดเกาะ และความเร้าใจในแบบ F Package เหมือนกับที่เมอร์เซเดส-เบนซ์มี AMG Package สำหรับเอาใจลูกค้าอีกกลุ่มที่อาจจะต้องการแค่ความสวยเร้าใจ แต่ไม่ได้ต้องการความแรงอะไรมากมายเหมือนกับพวก AMG แท้ๆ

การพัฒนาความสวยในครั้งนี้อ้างอิงพื้นฐานของเล็กซัส GS รุ่นใหม่ล่าสุด โดยใช้รุ่น GS350 เป็นแม่แบบ โดดเด่นด้วยชุดสปอยเลอร์รอบคันจาก F Sport Package พร้อมกับระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้ หรือ AVS-Adaptive Variable Suspension ตามด้วยล้อแม็กขนาด 19 นิ้ว การปรับเซตระบบช่วงล่างใหม่ พร้อมเสริมเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและหลังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งใช้ดิสก์เบรกขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน









































นอกจากนั้นในรุ่นนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกได้ว่าจะขับเคลื่อนในแบบล้อหลัง หรือว่าแบบ 4 ล้อตลอดเวลา ซึ่งสามารถแปรผันอัตราการส่งแรงบิดไปยังล้อหน้าและหลังในอัตราส่วน 50-50 หรือ 30-70% ส่วนระบบเกียร์แบบ 6 จังหวะก็สามารถปรับโหมดได้ทั้งแบบสปอร์ตธรรมดา สปอร์ตแบบสุดๆ หรือว่าจะเลือกประหยัดในแบบ ECON ก็ได้

เครื่องยนต์ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-i มีความจุกระบอกสูบ 3500 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 306 แรงม้า ใช้เวลา 5.78 วินาที ในการทะยานจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ใครที่ชื่นชอบความสปอร์ตในแบบฉบับซีดานหรูไม่น่าพลาด GS350 F Sport ซึ่งเล็กซัสจะนำคันจริงออกจัดแสดงในงาน SEMA Show ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นจะเริ่มทำตลาดในช่วงต้นปีหน้า ส่วนราคาจะเท่าไรนั้นต้องรอลุ้นเอา






























Free TextEditor



Create Date : 24 ธันวาคม 2554
Last Update : 24 ธันวาคม 2554 22:42:43 น.
Counter : 344 Pageviews.

0 comment
Toyota Camry : อีกโฉมเพื่อตลาดออสเตรเลีย






















































หลังจากมีการเปิดตัวออกมาให้สัมผัสในตลาด 3 แห่ง ทั้งสหรัฐอเมริกา ยูเครน และญี่ปุ่นแล้ว ในตอนนี้ โตโยต้ามีการเผยอีกเวอร์ชันของคัมรี่ออกมาอีก กับรุ่น AU Version หรือรุ่นสำหรับขายในตลาดออสเตรเลียด้วยภาพลักษณ์ที่ดูสวยสปอร์ตขึ้น โดยจะมีขาย 2 แบบ คือ รุ่นธรรมดา และตัวแรงมาดสปอร์ตที่มีคำว่า Atara ต่อท้ายชื่อคัมรี่




















สำหรับเวอร์ชันออสเตรเลียจะอิงหน้าตาหลักร่วมกับรุ่นที่ขายในตลาดอเมริกาเหนือ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตรงที่กระจังและกันชนหน้า ซึ่งออกแบบให้เน้นความสปอร์ต และดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ส่วนด้านท้ายยึดรายละเอียดหลักร่วมกัน โดยเดวิด บัตต์เนอร์ บอสใหญ่ของโตโยต้า ออสเตรเลียที่ดูแลในด้านงานขายเปิดเผยว่า รถยนต์รุ่นนี้จะได้รับการผลิตที่โรงงานของโตโยต้าในเมืองเมลเบิร์น และจะมีการส่งออกไปขายในตลาดตะวันออกกลาง รวมถึงอีก 12 ประเทศทั่วโลกด้วย




















“นอกจากการขายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แล้ว ตลาดหลักของคัมรี่รุ่นนี้คือ ประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งคาดว่ายอดรายได้จากการส่งออกคัมรี่ไปขายยังตลาดเหล่านี้จะมีมากกว่า 1 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย (31,000 ล้านบาท)” บัตต์เนอร์ กล่าว




















ในแง่รายละเอียดทางเทคนิคไม่แตกต่างจากคัมรี่ใหม่ที่เปิดตัวขายในตลาดอื่นๆ ซึ่งเครื่องยนต์หลักเป็นขุมพลัง 4 สูบ 2500 ซีซี รุ่นใหม่ โดยถ้าเป็นเวอร์ชันปกติที่เรียกว่า Altise จะมีกำลังอยู่ที่ 178 แรงม้า และ 23.5 กก.-ม. สำหรับแรงบิด

ส่วนอีกรุ่นเป็นรหัสแรงที่เรียกว่า Atara ขยับความเร้าใจด้วยชุดปลายท่อไอเสียแบบคู่เพื่อช่วยในการระบายไอเสียได้ดีขึ้น ทำให้มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 181 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 23.9 กก.-ม. โดยเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 15% สำหรับแรงม้า และ 8% สำหรับแรงบิด




















ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และมีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.8 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนเครื่องยนต์ไฮบริดจะมีขายเช่นกัน แต่จะต้องรอกลางปี 2012

สำหรับราคาขายของคัมรี่ ออสเตรเลียน เวอร์ชั่น จะอยู่ที่ 30,940-39,940 เหรียญออสเตรเลีย หรือคิดเป็นเงินไทยก็อยู่ระหว่าง 950,000-1,200,000 บาท ขณะที่บ้านเราการเปิดตัวน่าจะอยู่ที่งานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2012 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคมปีหน้า















Free TextEditor



Create Date : 24 ธันวาคม 2554
Last Update : 24 ธันวาคม 2554 22:41:25 น.
Counter : 380 Pageviews.

0 comment
โตโยต้าเผยโฉม FT-86 ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์















































ได้ข้อสรุปแล้วสำหรับรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังที่เกิดจากโครงการความร่วมมือระหว่างโตโยต้ากับซูบารุ เมื่อแบรนด์ดังของญี่ปุ่นเผยโฉมคันจริงของผลผลิตจากโปรเจ็กต์ FT-86 ออกมาแล้ว โดยใช้ชื่อในการขายว่า GT-86 สำหรับเจาะตลาดทั่วโลก ซึ่งการเปิดตัวมีขึ้นที่งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 ต้นเดือนธันวาคมนี้

ต้องบอกว่าตรงนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความพิเศษ เพราะ GT-86 ถูกเปิดตัวออกมาในช่วงของการฉลองครบรอบ 50 ปีในการเจาะตลาดรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังของโตโยต้านับจากรุ่นแรกคือ 2000GT ในปี 1962 ส่วนผลผลิตที่เหลือซึ่งโด่งดังตามยุคสมัยของตัวเองก็มีทั้งเซลิก้า (ก่อนเปลี่ยนเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ 4 ล้อในเวลาต่อมา) ตามด้วย MR2 หรือ MR-S, โซลเรอร์ และซูปรา








































โปรเจ็กต์นี้มีจุดเริ่มต้นในปี 2009 เมื่อโตโยต้าเผยโฉม FT-86 ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ เพื่อปลุกกระแสรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังที่เคยโด่งดังในอดีตให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง และยึดเอาหมายเลข 86 มาเป็นชื่อรุ่นเพราะความโด่งดังของสปอร์ตรุ่นเลวิน/ทรูโน AE86 ในยุคทศวรรษที่ 1980

โครงการนี้มีเป้าหมายในการผลิตรถสปอร์ตที่ขับสนุกในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เพราะในปัจจุบันรถสปอร์ตแบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบบ้านๆ ได้สูญพันธุ์ไปจากตลาดแล้ว เหลือเพียงแต่พวกระดับไฮเอนด์ที่คนกลุ่มใหญ่ไม่สามารถเอื้อมถึงได้ นี่ก็เลยเป็นที่มาของโครงการรถสปอร์ตราคาเป็นมิตร (กับกระเป๋า) หรือ Affordable Sport Car

อย่างไรก็ตาม งานนี้โตโยต้าเดินเดี่ยวไม่ได้หากไม่มีพันธมิตรมาช่วยในเรื่องของการแชร์เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนในการผลิต นั่นก็เลยทำให้ซูบารุ บริษัทในเครือ FHI หรือฟูจิเฮฟวี่ อินดัสตรี้ที่โตโยต้าถือหุ้นอยู่ 16.7% เข้ามามีส่วนร่วมด้วย โดยเฉพาะในการแชร์พื้นตัวถังซึ่งรถยนต์ของซูบารุแม้ว่าจะเป็นเก๋งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า (และ 4 ล้อตลอดเวลาในบางรุ่น) แต่จากวางเครื่องยนต์และเกียร์ของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์จะต้องเป็นในแนวยาวตามตัวรถเหมือนกับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ก็เลยง่ายในการดัดแปลงให้เป็นสปอร์ตแบบขับเคลื่อนล้อหลัง ดีกว่าสร้างพื้นตัวถังขึ้นมาใหม่ทั้งชุด สะดวกทั้งงบประมาณและเวลาในการพัฒนา









































ดังนั้น โครงการนี้ก็เลยมีชื่อเรียกเล่นๆ ของชาวเน็ตว่า Toyobaru และนอกจากเวอร์ชันของโตโยต้าแล้ว ทางซูบารุเองก็มีแผนในการพัฒนาผลผลิตของตัวเองออกมาเช่นกัน และก็ได้เห็นหน้าเห็นตากันไปแล้วกับชื่อ BRZ ที่งานแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2011 กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

โตโยต้าต้องการให้สปอร์ตรุ่นนี้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าทั่วโลกเหมือนกับชื่อ 86 ที่อยู่ในใจของบรรดานักขับทั่วโลก โดยเฉพาะพวกที่ชื่นชอบความแรงและความเร็ว พอหลังจากเปิดตัวต้นแบบเวอร์ชันแรกก็เลยมีการเปิดตัวเวอร์ชันต่างๆ ออกมาให้สัมผัสกันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาถึงรุ่นจำหน่ายจริง

GT-86 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิดและสไตล์การออกแบบที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบรุ่นล่าสุดคือ FT-86 II ที่เปิดตัวในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตัวรถเป็นแบบสปอร์ต 2+2 ที่นั่งซึ่งมีความยาว 4,240 มิลลิเมตร สูง 1,285 มิลลิเมตร พร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลัง 53-47%









































ส่วนความกว้างไม่กล้าใส่ เพราะเอกสารที่แจกออกมาบอกว่า 2,570 มิลลิเมตร ซึ่งดูแล้วยังไงก็ไม่น่าใช่ และตัวเลขนี้น่าจะเป็นระยะฐานล้อมากกว่าความกว้าง ซึ่งโดยปกติแล้วถึงจะรวมกระจกมองข้างเข้าไปด้วยตัวเลขก็น่าจะอยู่ที่ 2,000 กว่าๆ เท่านั้นเอง

หน้าที่ในการขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์รุ่นใหม่แบบ 4 สูบที่มีการติดตั้งระบบไดเร็กต์อินเจ็กชั่น หรือ D4-S เข้าไป ส่วนความจุกระบอกสูบจริงๆ ที่อยู่ที่ 1,998 ซีซี มีอัตราส่วนการอัดอยู่ที่ 12.5 :1 รีดกำลังออกมาได้ 197 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. ที่ 6,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา หรืออัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบปีกนก 2 ชั้น

ใครที่สนใจก็เตรียมเงินเอาไว้ได้เลย เพราะปีหน้าจะเริ่มวางขายในตลาดทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นน่าจะมีเมืองไทยรวมอยู่ด้วย



































































































Free TextEditor



Create Date : 24 ธันวาคม 2554
Last Update : 24 ธันวาคม 2554 22:40:49 น.
Counter : 385 Pageviews.

0 comment
มิตซูบิชิเดินเครื่อง “จัมป์” แผนธุรกิจดันไทยโตแรง









































ค่าย “มิตซูบิชิ” เปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับโลกและเพื่อสิ่งแวดล้อม “มิตซูบิชิ มิราจ” และเอสยูวี “มิตซูบิชิ คอนเซปต์ PX-MiEV II” ภายใต้แผจธุรกิจใหม่ “จัมป์ 2013” ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2011 โดยยืนยันไทยเป็นส่วนสำคัญของแผนธุรกิจดังกล่าว ในฐานะเป็นฐานการผลิตรถรุ่นมิราจ มั่นใจจะทำให้ธุรกิจในไทยโตก้าวกระโดดสมชื่อ ด้วยการผลิตเพิ่มเท่าตัวเป็น 4.6 แสนคันในปีหน้า และยอดขายพุ่ง 1 หมื่นคันต่อเดือน พร้อมเตรียมตั้งดีลเลอร์เพิ่มเป็น 200 แห่ง ยันไทยเป็นฐานการผลิตหลักของมิตซูบิชิในอาเซียน ประกาศไม่ย้ายไปไหน แม้จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จนทำให้การผลิตหยุดไปชั่วคราว และส่งผลกระทบต่อธุรกิจ 3.5% เช่นเดียวกับแผนการเปิดตัวเก๋งเล็กมิราจ ที่ต้องเลื่อนไป 1-2 สัปดาห์ แต่ยืนยันเดือนมีนาคมเปิดตัวขายในไทยแห่งแรกแน่นอน ส่วนแผนทำตลาดรถพลังงานไฟฟ้า ตอนนี้กำลังดูเรื่องการลงทุน และเจรจารัฐบาลไทยขอสนับสนุนสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับลูกค้า อาจจะเป็นส่วนต่างของราคา 50% เหมือนในประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น





















มิตซูบิชิ มิราจ อีโคคาร์น้องใหม่ที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต

หากไม่นับรวมเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงในรอบ 50 ปี นับว่าปี 2554 นี้ เป็นปีทองของค่ายรถ “มิตซูบิชิ” ก็ว่าได้ เพราะตัวเลขยอดขายเติบโตชัดเจน เฉลี่ยเดือนละ 5-6 พันคัน มีมาสะดุดช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถผลิตรถส่งมอบให้กับลูกค้าได้ เพราะโรงงานผลิตชิ้นส่วนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และมิตซูบิชิกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มิตซูบิชิน่าจะกลับมาเดินหน้ากวาดยอดขายเช่นเดิม และยิ่งต้องจับตาการเติบโตของมิตซูบิชิในอนาคต เพราะในช่วงที่ผ่านมาไม่มีรถโมเดลใหม่ ยังสามารถสร้างยอดขายพุ่งเกือบเท่าตัว เห็นได้จาก 10 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ต.ค.) ขายไปกว่า 5.6 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 88% แต่นับจากต้นปีหน้าเป็นต้นไป ภายใต้แผนธุรกิจ “จัมป์ 2013” (Jump 2013) ที่ไทยเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน จะเห็นการก้าวกระโดดชัดเจนยิ่งขึ้น?!

“มิตซูบิชิ มิราจ (Mirage) และมิตซูบิชิ คอนเซปต์ PX-MiEV II ที่เผยโฉมในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 ได้รับการพัฒนาขึ้นตามแผนกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ในแผนธุรกิจระยะกลาง “จัมป์ 2013” ซึ่งจะช่วยให้มิตซูบิชเติบโตแบบก้าวกระโดดได้แน่นอน”























โอซามุ มาซูโกะ

เป็นคำกล่าวของ “โอซามุ มาซูโกะ” ประธานบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวกับสื่อมวลชนไทย รวมถึง “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2011 หรือครั้งที่ 42 ซึ่งมีขึ้น ณ Tokyo Big Sight Convention Center ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 11 ธันวาคม 2554 นี้

"ไทยจะเป็นส่วนสำคัญของแผนธุรกิจจัมป์ 2013 และจะเติบโตแบบก้าวกระโดดไปพร้อมๆ กัน โดยในปี 2555 การผลิตในไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 4.6 แสนคัน จากปัจจุบันที่ผลิต 2.4 แสนคัน ซึ่งกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น มาจากการผลิตมิตซูบิชิ มิราจ รถยนต์โกลบอล สมอล หรือในไทยเรียกว่าอีโคคาร์ จำนวน 1.5 แสนคัน และปิกอัพอีกประมาณกว่า 7 หมื่นคัน รวมถึงรุ่นอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง”

ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มิราจ เป็นผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ระดับโลก สำหรับตลาดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ ตามแผนธุรกิจระยะกลางจัมป์ 2013 ที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2511 และจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2514 ที่ต่อเนื่องมาจากแผนธุรกิจ “สเตป อัพ 2005” (Step UP 2005 ใช้ระหว่างปี 2005-2010) เพื่อเป้าหมายผลักดันให้มิตซูบิชิสามารถเติบโตมากขึ้น โดยหัวใจหลักอยู่ที่ทำให้ทุกคนในองค์กรยึดมั่นนโยบาย “เติบโตและก้าวกระโดดไปข้างหน้า” (Growth and Leap Forward) และการผลักดันแผนธุรกิจครอบคลุมทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเน้นพัฒนารถระดับโลกและเพื่อสิ่งแวดล้อม บุกตลาดเกิดใหม่อย่าง รัสเซีย, จีน, อาเซียน และบราซิล ปรับโครงสร้างต้นทุน และองค์กรทั้งหมด รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตร เป็นต้น






















รถต้นแบบ เอสยูวี มิตซูบิชิ คอนเซปต์ PX-MiEV II






















โดยประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญ ภายใต้แผนธุรกิจจัมป์ 2013 ในฐานะเป็นฐานการผลิตของมิตซูบิชิในอาเซียน ซึ่งมาซูโกะบอกว่าแม้จะเกิดผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ในไทย จนทำให้โรงงานผลิตของไทยหยุดไปชั่วคราว และทำให้กำลังการผลิตหายไป 2.3 หมื่นคันในปีนี้ แต่ยืนยันไทยเป็นฐานผลิตสำคัญของมิตซูบิชิ และจะไม่มีการย้ายการผลิตแต่อย่างใด โดยเชื่อว่าภายในเดือนมีนาคมปีหน้า จะสามารถเร่งการผลิตกลับมาได้ 1.5 หมื่นคัน ทำให้เหตุการณ์น้ำท่วมในไทยส่งผลกระทบเพียง 3.5% เท่านั้น (กำลังการผลิตทั้งปี 2.4 แสนคัน)

“มิตซูบิชิ มิราจ เป็นผลิตภัณฑ์หลักภายใต้แผนธุรกิจจัมป์ 2013 โดยมีไทยเป็นฐานการผลิต และจะเปิดตัวขายเป็นทางการแห่งแรกในโลก แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม จนทำให้แผนการแนะนำสู่ตลาดล่าช้าออกไป 1-2 สัปดาห์ แต่ยืนยันกำหนดการเปิดตัวและขายในไทย ยังอยู่ภายในเดือนมีนาคมเช่นเดิม”

สำหรับจุดเด่นของมิตซูบิชิ มิราจ จะเน้นความกะทัดรัด ราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดเศรษฐกิจใหม่ และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว จากการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ ยิ่งไปกว่านั้นมิราจยังมาพร้อมความง่ายในการขับขี่ พร้อมการควบคุมที่เป็นเยี่ยมในแบบฉบับของรถยนต์ขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังให้ความสะดวกสบายจากห้องโดยสารที่กว้างขวางรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง






















i-MiEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า

มาซูโกะ บอกว่า นอกจากมิตซูบิชิ มิราจ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แผนธุรกิจจัมป์ 2013 ยังเน้นผลิตภัณผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสีเขียว เห็นได้จากการเผยโฉมรถต้นแบบ เอสยูวี (SUV) มิตซูบิชิ คอนเซปต์ PX-MiEV II ที่โดดเด่นจากระบบขับเคลื่อนแบบ plug-in hybrid และพร้อมกันนี้ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2011 มิตซูบิชิยังมีการจัดแสดงรถ MINICAB-MiEV ซึ่งเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และมีกำหนดจะเปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นเดือนธัวาคมปีนี้ รวมไปถึง i-MiEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดขายอย่างเป็นทางการในตลาดต่างๆ ทั่วโลกรวมไปถึงกลุ่มประเทศในยุโรปและพร้อมจะทำตลาดในประเทศอเมริกาภายในสิ้นปีนี้

“เกี่ยวกับความคืบหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์รถพลังงานไฟฟ้าในไทย ตอนนี้กำลังมีการพูดคุยกับรัฐบาลไทยอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของการลงทุนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในส่วนของมิตซูบิชิต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน เรื่องสิทธิ์ประโยชน์พิเศษลูกค้าที่ซื้อรถพลังงานไฟฟ้า อย่างเช่นอาจจะช่วยในเรื่องของราคาเป็นอันดับแรก”






















MINICAB-MiEV รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

โดยมาซูโกะ บอกว่า ในประเทศญี่ปุ่นรัฐได้สนับสนุนส่วนต่างของราคา ระหว่างรถเครื่องยนต์ปกติกับรถไฟฟ้า 50% ยกตัวอย่างรถเครื่องยนต์ปกติราคา 5 แสนเยน และรถพลังงานไฟฟ้าราคา 1 ล้านเยน ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นจะให้เงินช่วยเหลือประชาชนที่ซื้อรถไฟฟ้า 50% ของส่วนต่างราคา หรือประมาณ 2.5 แสนเยน เป็นต้น

“มิตซูบิชิสนใจที่จะนำรถไฟฟ้า หรือรถพลังงานไฮบริดมาทำตลาดในไทย ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกับรัฐบาลให้ชัดเจน ถึงเงื่อนไขการสนับสนุน เพราะเป็นรถพลังงานทดแทน และช่วยลดมลพิษสิ่งแวดล้อม แต่ตอนนี้โฟกัสของมิตซูบิชมุ่งไปที่อีโคคาร์รุ่นมิราจ และรถใหม่อื่นๆ รวมถึงการผลิตที่ขาดหายไปในช่วงน้ำท่วมเป็นหลัก”






















มิตซูบิชิ มิราจ เตรียมทำตลาดในไทยเดือนมีนาคมปีหน้า

ด้านโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมิตซูบิชิในประเทศไทย มียอดขายเฉลี่ย 5-6 พันคันต่อเดือน ในช่วงเดือนตุลาคมที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เพียง 3,500 คัน คาดว่าเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม หลังการผลิตกลับมาปกติจะส่งมอบได้ 1 หมื่นคัน

“การเปิดตัวรุ่นมิราจ เชื่อว่าจะผลักดันยอดขายรถมิตซูบิชิ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าภายในปี 2513 จะสามารถมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นคัน พร้อมกันนี้เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว มิตซูบิชิยังมีแผนจะเพิ่มตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์เป็น 200 แห่งภายในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่ 150 แห่ง” มูราฮาชิกล่าว

เห็นแผนธุรกิจ “จัมป์ 2013” ของมิตซูบิชิแล้ว ต้องบอกว่า... “ก้าวกระโดด” สมชื่อ โดยเฉพาะการผลิตและตัวเลขยอดขาย แต่จะเป็นดั่งฝันหรือไม่?... รอปี 2013 หรือ 2556 เป็นคำตอบได้ดีที่สุด?!!




































Free TextEditor



Create Date : 24 ธันวาคม 2554
Last Update : 24 ธันวาคม 2554 22:39:26 น.
Counter : 433 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

evezangz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Free Clock
★Rangsit University ★
Engineering วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม#1 Rsu Ł° ชิล ชิล งง่ายๆแต่ไม่ได้ใจง่ายนะ สบายๆ ถ่ายรูปคือสิ่งที่ชอบ


MY VIP Friend