Group Blog All Blog
|
สัตว์ที่เป็นสุดยอดของปี 2011
สุนัข ชื่อ Leao มันนอนเฝ้าหลุมศพของเจ้านายของมัน ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์กดินถล่มในประเทศบราซิล กู้ภัยในญี่ปุ่นเข้าช่วยเหลือสุนัขที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิหลังจากที่สุนัขตัวนี้อยู่ในเทะเลนานกว่าสามสัปดาห์ สุนัขทั้งสองตัวกับเจ้าของยืนอยู่หน้าบ้านของเธอที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการ์ณน้ำท่วมในประเทศไทย ทหารกู้ภัยในญี่ปุ่นเข้าช่วยเหลือสุนัขและหญิงผู้เป็นเจ้าของจากบ้านที่ถูกน้ำท่วมเนื่องจาก ได้ฝุ่น Roke เมื่อเดือนกันยายน สุนัขที่ถูกทอดทิ้งจากเหตุการณ์น้ำท่วมกำลังมองออกมาทางหน้าต่าง สถานที่ จังหวัดอยุธยา ประเทศไทย ฮาเปอร์ ลูกสุนัขพิทบูล กำลังเดินและวิ่งเล่นอย่างสุนัขปกติหลังจากที่มัน ถูกตีและทิ้งไว้ในถังขยะ จนทำให้ขาของมันแทบจะใช้ไม่ได้ เจ้าหมี Medo กำลังเล่นกับ สุนัขอย่างน่ารัก หญิงชาวญี่ปุ่นกำลังกอดสุนัขของเธอหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น สุนัขในเขตกักกันที่ ฟูกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น สุนัขและหญิงชาวเนปาล กำลังมองไปในทางเดียวกัน Alex สุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ดวัย 6 ปี กำลังปกป้องร่างของแม่ของมันที่หายไปใน เหตุการ์ณพายุทอร์นาโดใน อลาบามา  ทหาร สโลวาเนียเล่นกับสุนัขของเค้าใน Mitrovica.  หญิงสาวกำลัง พาน้องหมาอพยพหนีไฟป่าใน อริโซนา  ลูคานิคอส หมาการเมืองในประเทศกรีซ  การแข่งขันเซิร์ฟบอร์ดประจำปี 2011 ของสุนัขใน แคลิฟอร์เนีย  Free TextEditor ชื่อน้องหมายอดนิยมประจำปี 2011
ชื่อน้องหมายอดนิยมประจำปี 2011 1. Bella 2. Max 3. Buddy 4. Daisy 5. Bailey 6. Lucy 7. Molly 8. Coco 9. Charlie 10. Rocky 11. Chloe 12. Maggie 13. Sadie 14. Princess 15. Sophie 16. Lucky 17. Roxy 18. Jack 19. Lola 20. Harley 21. Toby 22. Bear 23. Sasha 24. Jake 25. Ginger มีตรงกับน้องหมาใครบ้างหรือเปล่า มาแชร์กันค่ะ ที่มา i love dog  Free TextEditor วิธีปรับพฤติกรรมน้องหมา(โต)มาใหม่
 หลังจากทุกคนต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมอย่างหนักมาเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน ตอนนี้สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หลายๆ ครอบครัวเริ่มย้ายกลับเข้าบ้านได้แล้ว ... สำหรับน้องหมาที่อยู่ตามศูนย์พักพิง ศูนย์ฝากเลี้ยง สัตว์ต่างๆ เจ้าของก็เริ่มมารับกลับบ้านไปบ้างแล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ยังมีน้องหมาอีกจำนวนมากที่ถูกทิ้งเอาไว้อย่างถาวร ซึ่งบางตัวก็เป็นน้องหมาที่ไม่มีเจ้าของอยู่แล้ว แต่บางตัวก็เป็นน้องหมาที่เคยมีบ้านมีเจ้าของ แต่พอช่วงน้ำท่วมพวกเขาก็ถูกทอดทิ้งเนื่องจากเจ้าของไม่อยากรับภาระดูแลแล้ว ... ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าหดหู่มากเลยทีเดียวนะคะ น้องหมาเขาก็มีความรู้สึกเหมือนกับมนุษย์อย่างเรา ลองคิดดูสิคะว่าการที่เคยมีบ้านมีครอบครัวแล้วต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ในที่ที่ไม่รู้จักไม่คุ้นเคย มันจะน่าเศร้าแค่ไหน ...  แน่นอนว่าอีกไม่นานศูนย์พักพิง สถานรับเลี้ยงต่างๆ คงจะต้องปิดตัวลงหลังที่สถานการณ์ต่างๆ เข้าสู่ปกติ แล้วน้องหมาที่ถูกทิ้งเอาไว้ล่ะ พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน จะต้องกลายเป็นน้องหมาข้างถนน ไม่มีบ้านอยู่หรือเปล่า? ... ทางศูนย์พักพิงและสถานรับเลี้ยงต่างๆ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวนี้ จึงทำให้ตอนนี้ได้มีการประกาศหาบ้านใหม่ให้น้องหมาที่ถูกทิ้งในช่วงน้ำท่วม และก็มีผู้มีใจเมตตาหลายคนสนใจอยากจะรับเลี้ยงน้องหมาเหล่านี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดีมากๆ เลยทีเดียวค่ะ เพราะนอกจากจะได้รับอุปการะน้องหมาที่น่าสงสารเหล่านี้แล้ว เรายังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาสังคมอย่างปัญหาสุนัขจรจัดอีกด้วยล่ะค่ะ ... แต่หลายคนแอบตั้งคำถามในใจว่า น้องหมาที่ศูนย์พักพิงหรือสถานรับเลี้ยงนั้นส่วนใหญ่จะเป็นน้องหมาที่โตแล้ว ถ้าหากรับมาเลี้ยงแล้วจะสอนยากหรือเปล่า จริงๆ แล้วการรับเลี้ยงน้องหมาทีโตแล้วนั้น มีข้อดีอยู่หลายข้อเลยนะคะ เช่น 1. เรามั่นใจได้เลยว่าน้องหมาที่โตแล้วจะมีภูมิต้านทางโรคดีกว่าน้องหมาเล็ก 2. เรื่องของอาการการกิน ผู้เลี้ยงไม่ต้องเป็นห่วงมาก เพราะน้องหมาโตส่วนใหญ่จะไม่เลือกอาหาร แถมยังไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาท้องเสียท้องร่วงที่มักพบในน้องหมาเด็กๆ อีกด้วย 3. ถ้าหากเป็นน้องหมาโตที่เป็นน้องหมาจรจัด พวกเขามักจะฝังใจกับประสบการณ์การถูกทิ้ง ดังนั้นเขาจึงต้องการความรักและการดูแล ซึ่งสิ่งที่เป็นข้อดีก็คือ พวกเขาจะพยายามปรับตัวและเข้าหาเจ้าของ ทำตัวใกล้ชิด เชื่อฟังผู้เป็นจ่าฝูงใหม่ (ซึ่งก็คือคุณนั่นเอง) อาจติดเจ้าของแจอย่างไม่ยอมให้ห่างเลยทีเดียว  เอาล่ะค่ะ ถ้าเพื่อนๆ ตัดสินใจแล้วว่าจะรับเลี้ยงน้องหมาแล้วล่ะก็ ทีนี้ก็มาถึงเวลาที่เราจะต้องเตรียมตัวในการต้อนรับสมาชิก "ตัวใหม่" เข้าสู่บ้านของเราแล้วล่ะค่ะ ... ถ้าอยากรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวในการต้อนรับสมาชิกใหม่ยังไงบ้าง และเราจะมีวิธีปรับพฤติกรรมยังไงบ้าง ก็ตามมาดูกันเลย >> เริ่มจากทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า น้องหมาที่เราต้องการไปรับมาเลี้ยงนั้นถ้าเป็นน้องหมาที่โตแล้ว ดังนั้น ก่อนเราจะรับเขามาเลี้ยงเราควรสังเกตดูก่อนว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง มีความก้าวร้าวมากน้อยแค่ไหน >> เมื่อเลือกที่จะรับเขามาเลี้ยงแล้วก่อนจะไปรับเขามาอยู่ที่บ้านเราควรเตรียมที่อยู่อาศัยให้พร้อม จะต้องมีพื้นที่เป็นสัดเป็นส่วนสำหรับน้องหมาตัวใหม่ >> เมื่อรับน้องหมามาแล้วก่อนเข้าบ้านก็แวะพาเขาไปตรวจสุขภาพก่อน เราจะได้มั่นใจได้ว่าสุขภาพของเขาแข็งแรงปกติดี เตรียมตัวพร้อมแล้ว ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนของการปรับพฤติกรรมน้องหมาตัวใหม่บ้างค่ะ >> เมื่อมาถึงบ้านควรให้น้องหมาใหม่สำรวจพื้นที่รอบๆ บ้านก่อน โดยที่เราใช้วิธีใส่สายจูงและปล่อยให้เขาเดินโดยที่เราก็เดินไปด้วยพร้อมๆ กับเขา ให้น้องหมาได้ปรับตัวสักพัก และเพื่อให้น้องหมาได้ขับถ่าย จากนั้นให้พาน้องหมาไปกินน้ำ >> ในระหว่างที่ปล่อยให้น้องหมาสำรวจบ้าน ไม่ควรให้น้องหมาเผชิญหน้ากับเด็กเล็ก หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ เพราะน้องหมาโตเต็มวัยอาจแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเนื่องจากความเครียด เช่น ขับถ่ายโดยไม่ตั้งใจ หล่อซ่อนตัว จำไว้นะคะว่าถ้หากน้องหมามีพฤติกรรมแบบนี้ ไม่ควรต่อว่าหรือพยายามแก้ไข เพราะพฤติกรรมนี้จะหายไปเองในระยะเวลาประมาณ 3-4 วัน เมื่อน้องหมาเริ่มมีความมั่นใจกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ >> เราต้องเข้าใจน้องหมาด้วยนะคะว่า น้องหมาโตอาจมีท่าทีเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่หลายวัน หรืออาจจะหลายสัปดาห์ระหว่างการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ พอเขารู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แล้ว ลักษณะนิสัยโดยธรรมชาติของเขาก็จะเปิดเผยออกมาเอง >> สำหรับน้องหมาโต คืนแรกในบ้านหลังใหม่เราอาจจะเอาน้องหมาเข้าไปนอนในห้องนอนด้วยไม่ได้เหมือนน้องหมาเด็ก ดังนั้นเราจึงควรจัดที่นอนให้เขาอย่างเป็นสัดส่วน แต่ต้องไม่ไกลจากห้องนอนของเรามากนักเพื่อเราระหว่างคืนเราจะได้มาดูแลเขาได้ >> การเรียกชื่อน้องหมาก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าน้องหมามีชื่อมาแล้ว ไม่ควรตั้งชื่อใหม่ให้เขา ควรใช้ชื่อเดิมเพราะจะทำให้เราสื่อสารกับเขาได้ง่ายขึ้น เพื่อสร้างความคุ้นเคยเวลาเรียกชื่อเขาควรใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยน และลูบหัวหรือหลังของเขาเพื่อแสดงถึงความรักด้วย น้องหมาจะได้รู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสของเจ้าของด้วย ... >> ในช่วงแรกควรพาน้องหมาไปขับถ่ายข้างนอกบ้าน เพื่อให้เกิดความคุ้นชิน และยังเป็นการเปิดโอกาสให้น้องหมาได้สำรวจพื้นที่และทำความรู้จักกับส่วนต่างๆ ของบ้าน รวมไปถึงสมาชิกคนอื่นๆ และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ด้วย >> อย่าลืมพาน้องหมาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เขาได้ผ่อนคลายความเครียดด้วยนะคะ  และนี่ก็คือขั้นตอนในการเตรียมตัวให้พร้อมและขั้นตอนในการปรับพฤติกรรมน้องหมาตัวใหม่ค่ะ ... สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่น้องหมาจะได้เรียนรู้ในการปรับตัวได้ง่ายและไวขึ้นค่ะ ยังไงชาว Dogilike ก็ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ ได้ผลยังไงก็มาบอกเล่าให้ฟังด้วยนะคะ อ่านต่อ ://www.dogilike.com/content/train/951/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-.php#ixzz1hSt5rCGR Free TextEditor ดูดวง คนรักตามวันเกิด ฉบับเจ้าตูบ อ่านต่อ : http://www.dogilike.com/board/view.php?id=3265#ixzz1hSsefLNm
โรคลมชักในสุนัข
โรคลมชัก
เรียบเรียงโดย สัตวแพทย์หญิงนันทพร บัวแย้ม การชักในแต่ละวงรอบจะประกอบด้วยอาการที่แสดงก่อนการชัก(Preictus)สัตว์มักจะแสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น กระวนกระวาย ร้องโหยหวน เห่ามากกว่าปกติ ปัสสาวะเรี่ยราด น้ำลายไหล หลบในที่มืดซึ่งมักพบมากในแมวโดยจะใช้เวลาเป็นวินาทีหรือนาทีถึงชั่วโมงก่อนที่เข้าสู่การชัก(Ictus)ไม่มีสติ ไม่สามารถควบคุมการทรงตัวหรือกล้ามเนื้อได้ เหยียดเกร็ง ขากระตุก ถีบเท้าเหมือนถีบจักรยาน เคี้ยวปาก ซึ่งการชักจะกินเวลาเป็นวินาทีจนถึงเป็นนาทีซึ่งไม่ควรที่จะปล่อยให้ชักเป็นเวลานานเพราะจะทำให้เซลล์สมองถูกทำลายมากขึ้น ต่อมาเมื่อระยะเวลาของการชักสิ้นสุดลงก็เข้าสู่ระยะหลังชัก (Postictus) เป็นช่วงที่สมองล้าจากการชักสัตว์มักจะแสดงอาการเดินเซเดินวน ตาบอดชั่วขณะ นอนหลับเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน กินเก่ง เป็นต้น ช่วงเวลาที่เหมาะในการตรวจระบบประสาทจะเป็นช่วงเวลาในการพักก่อนที่จะเข้าสู่การชักในวงรอบต่อไป(Interictus) สาเหตุของการชัก แบ่งเป็น 3 สาเหตุหลักใหญ่ ได้แก่ การชักโดยไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic epilepsy/Primary seizure) การชักที่เกิดจากรอยโรคในสมอง(Secondary seizure/Intracranial disorders) และการชักที่ไม่ได้เกิดจากรอยโรคในสมอง(Reactive seizure/Extracranial disorders) การชักโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในสุนัขแต่พบได้น้อยในแมวมักจะสรุปว่าเกิดจากพันธุกรรมหรือสายพันธุ์ซึ่งมักจะเกิดได้บ่อยในพันธุ์แท้ เช่น เยอรมันเชฟเฟิร์ด โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ลาบาดอร์รีทรีฟเวอร์ บีเกิ้ล ดัชชุน พุดเดิ้ล ชิห์สุ เป็นต้น พบมากในช่วงอายุ 6 เดือนถึง 6 ปี พันธุ์ใหญ่มักจะมีอาการชักที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าพันธุ์เล็กโดยชักเกร็งทั้งตัว ไม่รู้สึกตัว ส่วนพันธุ์เล็กมักจะรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ มีอาการเบลอ สั่น เกร็ง การชักแบบนี้การตรวจระบบประสาทในช่วงการพักของการชักจะไม่พบความผิดปกติใดๆ การชักที่เกิดจากรอยโรคในสมอง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โครงสร้างที่ผิดรูป : โรคหัวบาตร (hydrocephalus), สมองไม่พัฒนามักพบในลูกสุนัข ความบาดเจ็บหรือกระทบกระเทือน เนื้องอกโดยเฉพาะในแมวมักพบเนื้องอกที่เยื่อหุ้มสมอง(menigioma) การอักเสบและการติดเชื้อ ได้แก่ ไวรัส เช่น ไข้หัดสุนัข พิษสุนัขบ้า ช่องอกและช่องท้องอักเสบในแมว เอดส์แมว, แบคทีเรีย(พบน้อย เจอในกรณีที่ภูมิคุ้มกันต่ำ)สร้างเป็นฝีกดเบียดเนื้อสมอง, เชื้อราพบในกรณีที่มีเชื้อราในโพรงจมูก เช่น Cryptococcosisในแมว Aspergillosis, โปรโตซัว, ริกเก็ตเซีย เช่น พยาธิเม็ดเลือด เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังอักเสบที่เกิดจากการภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เช่น โรคgranulomatous menigioencephalitis, necrotizing menigioencephalitis ในพันธุ์ปั๊ก ยอร์กเชียร์เทอร์เรีย และสารพิษ การชักแบบนี้พบได้ทุกช่วงอายุและพบความผิดปกติทางระบบประสาทในช่วงการพักของการชัก เช่น เดินวน หัวเอียง ทรงตัวไม่ได้ การชักบางส่วน เช่น เคี้ยวปาก ทำท่าไล่งับแมลง การชักที่ไม่ได้เกิดจากรอยโรคในสมอง เกิดจากความผิดปกติในระบบอื่น ๆที่ไม่ใช่ระบบประสาท เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น น้ำตาลในกระแสเลือดต่ำกว่าระดับปกติ ได้แก่ ในลูกสุนัขเกิดจากการอดอาหารเป็นเวลานานส่วนในสุนัขแก่มักจะพบเนื้องอกของเซลล์ที่มีหน้าที่ผลิตอินซูลินในตับอ่อน(Insulinoma) โรคตับที่ทำให้ตับวายไม่สามารถทำหน้าที่เปลี่ยนของเสียแอมมโมเนียเป็นยูเรียได้(Hepatic encephalopathy) แอมโมเนียจะย้อนเข้าสู่กระแสเลือดผ่านเข้าสู่สมองทำให้ชัก หรือการเจริญของเส้นเลือดที่ผิดปกติไม่ผ่านตับ(Congenital portosystemic shunts)ทำให้ของเสียในกระแสเลือดสูงมักพบในลูกสุนัข โรคไตเรื้อรังมีความดันโลหิตสูงทำให้สมองขาดเลือด มีภาวะปัสสาวะในกระแสเลือด(Uremia) ทำให้เลือดมีความเป็นกรด แร่ธาตุในร่างกายที่ผิดปกติ เช่น แคลเซียมในเลือดต่ำ โปแตสเซียมในเลือดสูง นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น สารพิษได้แก่ สารตะกั่ว ออแกโนฟอสเฟต สารให้ความหวานไซลิทอล คาเฟอีน ชอคโกแลต เอธิลลีนไกลคอล เป็นต้น สมองขาดออกซิเจนมักมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจและหลอดเลือด อุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่าปกติ เช่น เป็นไข้ heat stroke การชักแบบนี้จะมีอาการของสาเหตุที่ทำให้เกิดการชักในช่วงการพักของการชัก การวินิจฉัย การวินิจฉัยหาสาเหตุของการชักต้องอาศัยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ 1. อายุ เพศ พันธุ์ ตัวอย่างเช่น ลูกสุนัขมักเกิดจากโครงสร้างที่ผิดปกติ การติดเชื้อ เช่น ไข้หัดสุนัข หรือน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำ ส่วนสุนัขแก่มักเป็นพวกเนื้องอก สุนัขเพศเมียเป็นมะเร็งเต้านมและมีการแพร่กระจายไปที่สมอง 2. การซักประวัติ ทำให้ทราบรูปแบบการชัก สิ่งกระตุ้นที่ทำให้ชัก เช่น อาหาร สิ่งแวดล้อม สารพิษ ยา โรคประจำตัว โรคบางอย่างที่มีผลมาจากพันธุกรรม 3.การตรวจร่างกายทั่วไปเพื่อตรวจการทำงานของระบบอื่นๆและการตรวจระบบประสาท 4.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ : การตรวจเม็ดเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อ การอักเสบ ค่าเอนไซม์ตับและไต น้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือด ค่าอิเล็กโตรไลท์ การตรวจวิเคราะห์น้ำในสมองแลไขสันหลัง 5.การถ่ายภาพรังสีที่เห็นโครงสร้างของสมอง ได้แก่ CT scan และ MRI การรักษา สิ่งที่สำคัญในการรักษาคือต้องหาสาเหตุที่แท้จริงของการชักว่าเกิดจากความผิดปกติที่ระบบประสาทหรือฟความผิดปกติในระบบอื่นๆของร่างกาย ยาที่สำคัญที่มักใช้ระงับอาการชักคือฟีโนบาร์บิทอล(Phenobarbital) ซึ่งอาจมีการใช้ร่วมกับโปแตสเซียมโบรไมด์ในกรณีที่การใช้คือฟีโนบาร์บิทอลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถคุมอาการชักได้ แต่จะต้องมีการตรวจเลือดหลังจากที่กินคือฟีโนบาร์บิทอลไป 2 อาทิตย์เพื่อดูว่าระดับยาในกระแสเลือดอยู่ในระดับที่สามารถคุมการชักได้หรือไม่ นอกจากนียังมีไดอะซีแพม (Diazepam) ซึ่งมักใช้ในกรณีฉุกเฉินมักให้เข้าเส้นเลือดจะให้ผลได้ดีกว่าการกิน แต่บางครั้งเจ้าของจะได้รับการจ่ายยาชนิดนี้กลับไปที่บ้านเพื่อไว้ใช้สวนก้นกรณีที่สุนัขและแมวมีอาการชักที่บ้าน สิ่งที่อยากจะบอกกับเจ้าของในการดูแลปฏิบัติสุนัขและแมวที่เป็นโรคลมชัก คืออย่าปล่อยให้สุนัขและแมวชักเป็นเวลานานเนื่องจากว่าเซลล์สมองจะถูกทำลายมากขึ้น จะทำให้ครั้งต่อไปสุนัขและแมวจะมีอาการชักบ่อยขึ้นหรือถ้าชักนานกว่า 20 นาทีก็มีโอกาสทำให้สมองตายได้ ควรรีบนำสัตว์มาโรงพยาบาลทันทีที่มีอาการชักหรือถ้าสวนก้นด้วยไดอะซีแพม 2 ครั้งแล้วยังไม่หยุดชัก ให้เจ้าของคอยสังเกตอาการก่อนชัก ระหว่างชักและหลังชัก แล้วจดบันทึกความถี่ของการชักในแต่ละวันรวมถึงระยะเวลาห่างของการชักในแต่ละวงรอบ ที่เรียกว่าปฏิทินการชักเพื่อที่จะได้รับมือสำหรับการชัก และในระหว่างชักสิ่งสำคัญที่ต้องระวังคืออย่าให้หัวสัตว์กระแทกกับพื้นให้หาเบาะหรือผ้านิ่มปูรองและพยายามเรียกเพื่อให้สุนัขและแมวรู้สึกตัว |
evezangz
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Free Clock ★Rangsit University ★ Engineering วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม#1 Rsu Ł° ชิล ชิล งง่ายๆแต่ไม่ได้ใจง่ายนะ สบายๆ ถ่ายรูปคือสิ่งที่ชอบ Friends Blog
MY VIP Friend                                    |
