|
Dumplings - Hong Kong Beauty
มีคนบอกว่า ยุคนี้เป็นยุคบริโภคนิยม ผู้คนให้ความสนใจกับทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองดูดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม โดยเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก ที่เห็นได้ง่ายที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่เรามีการประกวดมิสนั่น มิสนี่ (Miss or Miss?) นางสาว และนางงามต่าง ๆ มากมาย และในทุก ๆ ครั้งก็มีคนให้ความสนใจกันอย่างล้นหลามเสมอ อาจเป็นเพราะขาอ่อนเห็นง่ายกว่าสมองกระมัง
ถ้า American Beauty เป็นภาพยนตร์ที่ปอกเปลือกภาพลักษณ์สังคมอเมริกันว่ามีความเน่าเฟะอยู่ภายใน ตัวละครอย่างคนในบ้านของ เลสเตอร์ เบอร์นแฮม ก็เป็นภาพแทนของชนชาวอเมริกันได้ดีที่สุด และมันก็เป็นภาพแทนของคนเกือบจะทั่วทั้งโลกได้ด้วย โดยเฉพาะคนเมืองใหญ่ เมืองใหญ่ของโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นลอนดอน ปารีส นิวยอร์ค โตเกียว หรือกรุงเทพในวันนี้ จึงแทบไม่มีความแตกต่างกัน
Dumplings ก็เป็นหนังฮ่องกงที่พูดถึงเรื่องของสังคมบริโภคนิยมได้อย่างน่าดูเช่นเดียวกัน มาดามหลี่ อดีตดาวจรัสแสงแห่งวงการบันเทิง แต่งงานอยู่กินกับ มิสเตอร์หลี่ เศรษฐีจอมเจ้าชู้ แต่เมื่อสังขารร่วงโรยลง มิสเตอร์หลี่จึงเริ่มหันไปหาเด็กที่สาวและสดกว่า มาดามหลี่อยากให้มิสเตอร์หลี่หันกลับมาสนใจในตัวเธออีกครั้ง แต่จะมีวิธีใดที่จะทำให้เธอกลับไปมีรูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์เช่นเดิมได้ จนวันหนึ่ง เธอได้พบกับ ป้าเหมย ผู้ที่มีฮะเก๋าสูตรเด็ดที่บอกว่า มันจะคืนเนื้อหนังของวันแรกแย้มกลับมาให้เธออีกครั้ง มาดามหลี่ และ มิสเตอร์หลี่ ก็เป็นดังคนในครอบครัวเบอร์นแฮมใน American Beauty ที่ยึดติดและลุ่มหลงกับรูปลักษณ์ภายนอก แม้ว่าจิตใจจะเน่าเฟะเพียงใดก็ไม่สนใจ จนในที่สุด ก็ ติด กับรูปลักษณ์จนยากที่จะถอนตัว
เดิมที่ Dumplings เป็นหนึ่งในสามตอนของ อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต 2 (Three
Extremes หรือ Three, Monsters) แต่หลังจากอารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต 2 ฉายในฮ่องกงไม่นาน ฟรุต ชาน ผู้กำกับของเรื่องนี้ จึงตัดสินใจนำ Dumplings ฉบับเต็มความยาว 90 นาที ออกฉายอีกครั้งหนึ่ง แม้ใจความของฉบับหนังยาวกับหนังสั้นอาจดูไม่แตกต่างกัน แต่ฉบับหนังยาวก็มีรายละเอียดส่วนอื่นที่เพิ่มขึ้นมามาก เพราะมันยาวกว่าฉบับหนังสั้นถึงเท่าตัว (ฉบับหนังสั้นความยาวเพียงแค่ไม่ถึง 40 นาที)
จะอีกกี่ปี ผมเชื่อว่าคนในเมืองใหญ่ก็ยังคงจะมีวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่คล้ายกันเช่นเดิม และสังคมก็จะไม่มีวันขาดคนอย่างมาดามหลี่ มิสเตอร์หลี่ กับ ป้าเหมย เช่นกัน
Dumplings (2004) Hong Kong, Directed By Fruit Chan
Create Date : 15 สิงหาคม 2548 |
| |
|
Last Update : 8 เมษายน 2549 21:24:17 น. |
| |
Counter : 695 Pageviews. |
| |
|
|
|
Twilight Samurai - เกียรติของคนต้องสู้เอง
เวลาที่ได้เห็นสื่อต่าง ๆ ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกครั้ง เราจะเห็นถึงความมุ่งมั่น ความอดทน ความเสียสละ ของคนญี่ปุ่น ไม่เว้นว่าจะเป็นพลทหารหรือพลเรือน เรื่องแบบนี้ยังรวมไปถึงอย่างอื่นด้วยเช่น การแข่งขันกีฬา การทำงาน การใช้ชีวิต ทุกอย่างแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่น มันเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงคำ ๆ หนึ่ง คำนั้นคือว่า สปิริตของคนญี่ปุ่น
ในวงการหนัง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของซามูไรเป็นจำนวนมาก แน่นอน ว่าในจำนวนนั้น ต้องมีทั้งดีและเลวปะปนกันไป หนึ่งในหนังที่แสดงถึงความเป็นซามูไรได้ที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง คงหนีไม่พ้นงานของผู้กำกับประสบการณ์สูงโยจิ ยามาดะ มันคือเรื่อง Twilight Samurai Twilight Samurai เป็นเรื่องของเซเบ ซามูไรที่มีฐานะไม่สู้ดีนักคนหนึ่ง ซึ่งหลังจากการเสียชีวิตของภรรยา ทำให้เขาต้องดูแลลูกสาวทั้งสองซึ่งยังเล็ก และแม่ที่แก่ชราของเขาด้วยตัวคนเดียว ทุก ๆ วันหลังเลิกงาน เพื่อนร่วมงานมักจะไปเที่ยวกันต่อที่อื่น แต่เซเบจะต้องรีบกลับบ้านไป เพื่อไปดูแลคนในบ้านอยู่ทุกวัน เขาจึงถูกขนานนามว่า นายสายัณห์ มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อทางการได้ยินกิตติศัพท์ทางเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมของเซเบ จึงว่าจ้างให้เขาฆ่าซามูไรทรยศคนหนึ่ง ด้วยเงินที่จะทำให้เขาหลุดพ้นปัญหาทางการเงินไปได้ แต่หลายต่อหลายคนที่ทางการเรียกมา ก็โดนซามูไรทรยศฆ่าเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก งานนี้จึงเป็นงานที่เสียงต่อชีวิตอย่างยิ่ง หากเขาเป็นอะไรไป ลูกที่ยังอยู่ในวัยเรียน และแม่ที่แก่ชราของเขาจะเป็นอย่างไร แต่หากเขาปฏิเสธไม่รับงานนี้ เขาจะมีความผิดฐานขัดคำสั่ง
Twilight Samurai ไม่มีฉากการดวลดาบแบบเลือดสาด ไม่มีฉากแสดงความสามารถอันล้นปรี่ของตัวเองเหมือนหนังซามูไรเรื่องอื่น ๆ แต่ภาพการดวลดาบของ Twilight Samurai เป็นภาพของความสมจริง เราจึงได้เห็นสีหน้าความหวาดกลัว ด้านอ่อนแอของเซเบ เพราะอย่างไรซามูไรก็ยังเป็นคนธรรมดา คนธรรมดาที่มีเกียรติของซามูไร
ทุกวันนี้ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่เจริญที่สุดในโลก แต่เราก็ยังเห็น สปิริตของลูกหลานซามูไรกันอยู่ทุกวัน ทั้งจากในเกมโชว์, กีฬา, ฯลฯ สิ่งเหล่านั้น มันคงเป็นอะไรสักอย่าง ที่คงหาได้ยากยิ่งในชนชาติอื่น
Twilight Samurai (2003) Japan, Directed by Yoji Yamada
Create Date : 05 สิงหาคม 2548 |
| |
|
Last Update : 8 เมษายน 2549 21:24:48 น. |
| |
Counter : 422 Pageviews. |
| |
|
|
|
Doggy Poo - ขี้หมาเกิดมาทำไม
ชีวิตผมมีแต่คำถาม หนึ่งในคำถามที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ตอนผมยังเด็กก็คือ คนเราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อเรียนหนังสือให้จบ แล้วมาทำงาน มีครอบครัว พอแก่ตัวก็เกษียณ ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ และสุดท้ายก็แก่ตายไป หรืออาจจะป่วยแล้วตายไปตรงช่วงไหนสักแห่ง แค่นี้เองหรือ? ???
คิดไปก็พาลจะปวดกบาลจนนอนไม่หลับ (หรือบ่อยครั้งที่คิดจนหลับไป) แค่คำถามเดียวผมยังตอบไม่ได้เลย หลาย ๆ ครั้ง พอตอบคำถามไปก็จะมีคำถามแยกย่อยตามขึ้นมาอีกไม่หวาดไม่ไหว ชีวิตผมหนีคำว่า คำถาม ไปไม่พ้นเสียที
บางครั้งพอได้มองออกไปรอบตัวเพื่อจะสงบจิตสงบใจ แต่พอไปเห็นสิ่งมีชีวิตและไม่ชีวิตอื่น ๆ อย่าง หมา แมว ต้นไม้ ฯลฯ ก็ยังอดคิดแทนมันไม่ได้ ว่า พวกมันเกิดมาทำไม? ทั้งที่ยังตอบคำถามนี้ของตัวเองไม่ได้ แต่ยังเสนอหน้าไปคิดสงสัยแทนพวกมันเสียอีก คนเราเกิดมาทำไม คำถามนี้เป็นคำถามที่หนักเอาเรื่อง เรียกว่าเอามาถกเถียงกัน คงไม่มีวันจบลงง่าย ๆ แต่ Doggy Poo ตอบคำถามนี้ให้ผมคลายสงสัยไปเกือบทั้งหมด
Doggy Poo เป็นอนิเมชั่นขนาดสั้นของเกาหลี ที่สร้างมาจากนิยายภาพผลงานของ Kwon Jung-Saeng ส่วนในฉบับภาพยนตร์กำกับโดย Kwon Oh-Sung ตัวเอกของเรื่องคือ ขี้หมาก้อนน้อย! มันเป็นขี้หมาที่อยู่กลางทุ่งกว้าง ในตอนแรก เมื่อมันเข้าใกล้ใครก็ไม่มีใครคบ ขี้หมาที่น่ารังเกียจ เพราะทั้งเหม็น สกปรก และเต็มไปด้วยเชื้อโรค เจ้าขี้หมาน้อยได้แต่นึกน้อยใจว่า ในเมื่อมันไม่มีค่าอะไร แล้วทำไมมันถึงต้องเกิดมาด้วย? แต่เจ้าดอกไม้ดอกหนึ่งก็ทำให้ขี้หมาน้อยได้รู้ว่า มันเกิดขึ้นมาทำไม แม้แต่ขี้หมาอย่างมันก็มีความหมาย สิ่งที่ดูไร้ค่าที่สุด ก็ยังมีค่าเกินจะนับได้เช่นกัน
For Everything There is a Reason For Being
เพียงประโยคเดียว บอกใจความของหนังทั้งเรื่องได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่ทำเรื่องหนักให้เป็นเรื่องเบา แต่ Doggy Poo ยังทำให้ของเรื่องหนักเป็นเรื่องราวน่ารักได้ทันที
ทุกวันนี้ชีวิตผม ก็ยังมี่แต่คำถาม มันไม่เคยลดลงไป กลับมีแต่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา แต่กับคำถามที่ว่า เราเกิดมาทำไม ผมอาจจะได้คำตอบที่ไม่ชัดเจนนัก แต่การให้ความสำคัญของคำถามนี้ก็ถูกลดลงไปมาก เพราะทุกสิ่ง มีเหตุผลในการดำรงอยู่ทั้งนั้น และพวกเรา ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น
Doggy Poo (2003) Korea, Directed By Kwon Oh-Sung
Create Date : 04 สิงหาคม 2548 |
| |
|
Last Update : 8 เมษายน 2549 21:24:57 น. |
| |
Counter : 1361 Pageviews. |
| |
|
|
|
Spring, Summer, Autumn, Winter... and Spring - ฤดูกาลของชีวิต
คนเราเมื่อเกิดมา ต้องเคยทำอะไรผิดพลาด อย่างน้อยก็คนละหนึ่งอย่าง แต่ส่วนใหญ่ มักจะเคยทำผิดพลาดกันเกินหนึ่งอย่าง บทเรียนของความผิดพลาด สอนให้เรารู้จักแก้ไข ระมัดระวัง ไม่ให้มันเกิดซ้ำขึ้นอีก แต่ความผิดพลาดนั้น ก็ไม่เคยหมดไปจากโลกนี้เช่นกัน
---
Spring, Summer, Autumn, Winter... and Spring เป็นหนังเกาหลีฝีมือผู้กำกับคิม คี-ดอค ที่เรียกได้ว่าเป็นงานระดับท็อปฟอร์มของเขา เพราะ Spring, Summer, Autumn, Winter... and Spring มีศักดิ์ศรีเป็นถึงตัวแทนจากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมประจำปี 2003 เป็นปีเดียวกับที่ไทยส่ง เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล (Last Life in The Universe) เข้าร่วมชิงชัยในเวทีเดียวกัน หนังทั้งสองเรื่องนี้ มีชะตากรรมที่คล้ายกันอย่างน่าตกใจ สาเหตุแรก ทั้งสองเรื่องเป็นหนังจากผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในระดับนานาชาติ ข้อต่อมา มันเป็นหนังที่มีคนคาดหมายว่าน่าจะเป็นคราวที่ได้เงินกับเขา (เสียที) หลังจากเจ๊งจากหนังทุกเรื่องมาตลอด แต่มันกลับกลายเป็นว่า ทั้งสองเรื่องเป็นหนังเจ๊งอย่างมโหฬารเช่นกัน ทั้งสองเรื่องได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมากจากทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงประสบความสำเร็จอย่างมากในระดับวงการภาพยนตร์หนังโลก และสุดท้าย มันได้เป็นตัวแทนประเทศเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีเดียวกัน-แต่ลงท้ายคือแห้วเหมือนกัน
---
ในสังคมไทย มีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เมื่อเกิดขึ้นก็จะมีการเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาเป็นวูบ ๆ แล้วความตื่นตัวก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆไป นักเรียนตีกัน ปัญหาการรับน้อง รถเมล์ตีนผี ปัญหาส่วย จนถึงเรื่องระดับชาติอย่างการคอร์รัปชั่น พอเวลาผ่านไป ก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
---
Spring, Summer, Autumn, Winter... and Spring ใช้ฤดูต่าง ๆ แทนช่วงชีวิตของคนตั้งแต่ เด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น จนถึงผู้ใหญ่ ผู้กำกับเลือกที่จะถ่ายเรียงตามลำดับเวลา นั่นหมายความว่า Spring, Summer, Autumn, Winter... and Spring ใช้เวลาการถ่ายทำเกินหนึ่งปี ผลลัพธ์ที่ได้เป็นงานชิ้นมาสเตอร์พีซของคิม คี-ดอค ผลงานชิ้นนี้ถูกยกให้เป็นภาพยนต์ของโลก (World Cinema) ไม่ใช่เป็นแค่ภาพยนตณ์เกาหลี (Korean Cinema) การเล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย องค์ประกอบที่ถูกจัดอย่างประณีต ทำให้ระยะเวลากว่า 100 นาทีของหนัง กลายเป็นช่วงเวลาต้องมนตร์
---
Spring, Summer, Autumn, Winter... and Spring เปรียบช่วงเวลาของวัยที่ยิ่งผ่านกาลเวลามานานเท่าใด คนเราก็จะยิ่งเติบโตและได้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่เราเคยผิดพลาด ลูกหลานของเราจะไม่ผิดพลาดซ้ำ ผมเคยได้ยินคำกล่าวของใครสักคนกล่าวไว้ว่า ประวัติศาสตร์สอนให้เราเรียนรู้ว่า เราไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์เลย
Spring, Summer, Autumn, Winter... and Spring (2003) Korea, Directed by Kim Ki-Duk
Create Date : 03 สิงหาคม 2548 |
| |
|
Last Update : 8 เมษายน 2549 21:25:04 น. |
| |
Counter : 536 Pageviews. |
| |
|
|
|
All About Our House - บ้านแห่งความฝัน
ตอนเด็ก ๆ ผมเคยได้ยินเพลงจากโฆษณาบ้านแห่งหนึ่งที่แต่งโดย ศุ บุญเลี้ยง เพลงนั้นร้องว่า บ้านแห่งความหลัง นกน้อยมีรังอุ่น ฝันเอยช่างหอมกรุ่น ฝันที่คุณช่วยเติม เป็นเพลงสั้น ๆ ที่ยังจำได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ เวลาได้ยินเพลงอะไรที่เกี่ยวกับบ้าน หลายครั้งผมจินตนาการไปถึงบ้านในอนาคตที่จะเป็น บ้านแห่งความฝัน ของเรา เพราะชีวิตหนึ่งคนเราจะมีบ้านสักกี่หลัง? (อาจยกเว้นพวกนักการเมืองไว้พวกหนึ่ง เพราะคนกลุ่มนี้นิยมมีบ้านเล็กบ้านน้อย)
ถ้าถึงเวลาที่เราจะต้องปลูกบ้านของเรา มันจะออกมาในรูปแบบไหน? ห้องนอนของเราจะสีอะไร? วอลเปเปอร์ในห้องนั่งเล่นจะเอาลายอะไร? ทำเลสะดวกในการเดินทางหรือไม่? คงเป็นเรื่องที่เราต้องขบคิดกันอย่างจริงจัง ถ้ามันถึงเวลานั้น
นาโอซุเกะ กับ ทามิโกะ ก็คงเหมือนกับคู่รักคู่อื่น ๆ เมื่อทั้งสองตกลงใจที่จะสร้างบ้านที่มันจะเป็นบ้านแห่งความฝันของพวกเขา ปัญหาที่ทั้งสองต้องเจอ นอกจากเรื่องเล็กใหญ่นับร้อยแปดพันเก้าแล้ว เรื่องวุ่น ๆ อีกอย่างก็คือ ผู้ออกแบบบ้านกับผู้รับเหมา โดยเฉพาะถ้าผู้ออกแบบบ้านเป็นเพื่อนสนิทที่เราไว้ใจ กับผู้รับเหมาที่เป็นพ่อตาของตัวเอง!
ถ้าโหมโรงและทวิภพเป็นหนังไทยที่พูดถึงการปะทะทางวัฒนธรรมของไทยกับตะวันตก โดยโหมโรงพูดในท่าที่อ่อนโยนกว่า โดยนำเอาทั้งสองมาประยุกต์เข้าด้วยกัน แต่ทวิภพพูดในแง่ของการแข็งกร้าวต่อตะวันตก All About Our House ของ โคกิ มิทานิ ก็พูดถึงการปะทะกันทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นกับตะวันตก ระหว่าง ยานางิซาวะ นักตกแต่งภายในหัวทันสมัย กับ อิวาตะ พ่อตาผู้รับเหมาก่อสร้างที่ยังยึดติดกับแบบแผนญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสีของหลอดไฟ วิธีการเปิดประตู วัสดุที่ใช้ ฯลฯ แต่สิ่งที่ทั้งสองเหมือนกันเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือนิสัยเอาแต่ใจเหมือนศิลปิน!
เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ข้อตำหนิและไม่มีสิ่งใดที่ไม่มีดีเลย แม้แต่เหรียญก็ยังมีสองด้านเสมอ สุดท้ายพวกเขาก็เลือกที่จะอยู่ด้วยกัน คือ นำเอาทั้งสองอย่างมาประยุกต์เข้าด้วยกัน
คงเป็นดังคำเปรียบเทียบของนาโอสุเกะที่ว่า ศิลปิน ถ้าขายงานไม่ออกก็เป็นแค่คนเพี้ยน ๆ และช่างไม้ ถ้าเอาแต่ทำงานตามที่สั่ง ก็ไม่ผิดอะไรกับหุ่นยนต์ อย่างไรก็ตาม หากเราย่อมโอนอ่อนกันได้ในบางเรื่องหรือหลายเรื่อง ก็เป็นสิ่งดีมิใช่หรือ? และวิธีนี้ก็คงไม่ได้ใช้เพียงแค่เฉพาะกับการสร้างบ้านเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดนตรี วัฒนธรรม การเมือง หรือแม้เรื่องการใช้ชีวิตคู่ ก็คงไม่ต่างกัน เพราะต่อให้บ้านจะสวยแค่ไหน จะแพงเท่าไร สะดวกสบายเพียงไร สิ่งสำคัญที่สุดของบ้าน ก็คือ ความรักและความเอาใจใส่กันและกันของคนนั่นเอง
All About Our House (Minna no ie) (2001) Japan, Directed by Koki Mitani
Create Date : 02 สิงหาคม 2548 |
| |
|
Last Update : 8 เมษายน 2549 21:25:11 น. |
| |
Counter : 824 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
นายจิวสี่ |
|
|
|
|