Kids Return - ด้วยมิตรภาพ

ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยเกิดอาการอย่างหนึ่งกับชีวิตของตัวเอง
อาจจะนาน ๆ ที หรือบ่อยครั้งตามแต่ละคน
ลักษณะอาการเป็นเช่นนี้ครับ
เบื่อที่จะทำอะไรทุกอย่าง
อ่านหนังสือก็เบื่อ ดูหนังก็เซ็ง ฟังเพลงก็ไม่ค่อยเข้าหู
แถมยังรู้สึกว่ามันเป็นช่วงที่ตกต่ำช่วงหนึ่งของชีวิตยังไงไม่รู้
ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ได้ตกต่ำหรือถูกไล่ออก ลดขั้นจากงานตรงไหน
สรุปง่าย ๆ คือ สิ่งที่ไหนที่เคยทำแล้วมีความสุข ก็กลับกลายเป็นไม่สนุกเหมือนอย่างเคย
อะไร ๆ มันตีบตันไปหมด

ผมเคยกระแดะเรียกให้ดูไฮโซและมีชาติตระกูลนิดส์นึงว่า มันเป็นช่วงที่ภาวะหัวใจแห้งแล้ง
และ “หัวใจ” ก็ไม่ใช่ผิวหนัง
ที่แค่ทาวาสลีนบ่อย ๆ มันก็หายแห้ง


---

มาซารุ และ ชินจิ เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกัน ทั้งสองใช้เวลาในการเล่นสนุกกับชีวิตนักเรียนด้วยกัน
วันหนึ่ง มาซารุตัดสินใจเข้าโรงยิมเพื่อหัดชกมวย เมื่อชินจิเห็นเพื่อนรักของเขาฝึกมวย จึงเริ่มสนใจที่จะเข้าโรงยิมตามเพื่อนด้วยเช่นกัน และในเวลาไม่นาน “แวว” ของชินจิก็เริ่มเปล่งประกายออกมาให้ทุกคนเห็น โค้ชและคนอื่นเห็นความสามารถของชินจิ รวมทั้งผลักดันให้เขาเป็นนักมวยอย่างจริงจัง
ตรงข้ามกับมาซารุ ที่ในที่สุดก็เบื่อและเลิกฝึกชกมวยหันไปเข้าแก๊งค์ยากูซ่า
เส้นทางของทั้งคู่เริ่มแยกทางกัน

---

ผมและเพื่อนสนิทผม ดูไม่น่าจะเข้ากันได้เลย
ตั้งแต่ลักษณะนิสัยใจคอ ความชอบ รสนิยม ไปจนถึงความคิดเห็นต่าง ๆ ที่ออกไปในทางซ้ายจัดกับขวาจัด เดโมแครตกับรีพับลิกัน ไทยรักไทยกับประชาธิปัตย์ เอ๊ะ! รู้สึกเริ่มแปลกไปทุกที ยกตัวอย่างพอแล้วดีกว่า
สารภาพด้วยความสัตย์จริงและสัตว์จริง ๆ ครั้งแรกที่ผมเจอเขา ผมยังนึกเขม่นเขาตั้งแต่แรกพบ เพียงเพราะ “หน้าตาไม่ถูกชะตา”
แต่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ผมรู้จักกับเขามาครบ 1 ทศวรรษแล้ว และได้เรียนรู้คำที่ว่า “ยอมรับในความต่าง” จากเขา
ผมอาจจะเคืองในความหัวดื้อของเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่ผมก็เชื่อว่าเขาคงซ็งในความขี้บ่นของผมเช่นกัน ฟันธง!
เราผลัดกันเรียนรู้และสอนสั่นกันอย่างเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
ผมไม่รู้จริง ๆ ว่า “มิตรภาพ” มีความหมายมากแค่ไหน

---

ชินจิก้าวหน้าในชีวิตนักมวยอย่างต่อเนื่อง เขาได้เป็นแชมเปี้ยนในรุ่นเล็ก และกลายเป็นนักชกความหวังของค่าย ขณะที่มาซารุก็เติบโตในบทบาทยากูซ่าเช่นกัน
แต่ในที่สุด ทั้งคู่ก็พบกับบททดสอบในการเดินบทเส้นทางชีวิตของแต่ละคน และได้รู้ว่า ทุกเส้นทางอาจจะโรยด้วยกลีบกุหลาย
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ากุหลาบก็ไม่ได้มีแค่กลีบที่สวยงาม
เพราะมันยังมีหนามที่แหลมคม


---

เพราะด้วยหน้าที่การงานและความรับผิดชอบที่เราทั้งสองต่างมี ทำให้ผมกับเพื่อนสนิท ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ
บางที 2 –3 เดือนอาจจะได้เจอกัน แต่บางครั้งบางคราสัปดาห์หนึ่งเราอาจจะเจอกันถึง 2 – 3 ครั้ง
ทุกครั้งที่เจอ เราคุยกันอย่างออกรสชาติอยู่เรื่อยไป
เราสามารถนั่งคลุกอยู่ในร้านกาแฟ (ขอโทษ! ไม่ใช่ Star Buck เป็นร้านกาแฟที่เปิดตั้งแต่สมัยโก๋หลังวังครับ) หรือนั่งคุยกันในร้านอาหาร (ขอโทษอีกที! ไม่ใช่ภัตตาคารหรูหรือผับบาร์ในย่านสุขุมวิท แต่เป็น Food Court ในห้างธรรมดา ๆ) ได้ค่อนวันโดยไม่เบื่อ

เมื่อผมเจอเพื่อนคนนี้กำลังออนไลน์ใน MSN (เราอาจจะเจอกันใน MSN บ่อย ๆ แต่เราก็ไม่ได้คุยกันหรือแม้แต่จะทักกัน เพราะแชตทางคอมพิวเตอร์ยังไงก็ไม่ได้อรรถรสเท่าเจอกันแบบตัวเป็น ๆ )
ผมทักไปว่า
“เฮ้ย ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะเว้ย ช่วงนี้เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ว่ะ วันไหนออกไปกินกาแฟกันดีกว่า”
ใช้เวลาไม่นานนัก เจ้าเพื่อนผมคนนี้ก็นัดผมออกไปข้างนอกในอีกสองวันถัดมา

---

ชินจิ กับ มาซารุ เดินทางมาพบกันอีกครั้ง หลังจากที่เส้นทางชีวิตของทั้งคู่แยกจากกันมานาน
ทั้งสองใช้เวลาเล่นสนุกเหมือนช่วงที่ยังเรียนอยู่ด้วยกัน
อนาคตของทั้งคู่ จะเป็นอย่างไรคงไม่สำคัญ
เพราะชินจิและมาซารุรู้ว่า พวกเขายังมี “กันและกัน” เสมอไป

---

ผมคงมิอาจจะหาญกล้าพูดว่า “อนาคตของผมจะเป็นเช่นไร คงไม่สำคัญ เพราะรู้ว่ายังไงผมยังมีเพื่อนคนนี้ของผม” เพราะมันดูอหังการ์เกินไป
แต่ผมรู้
ถ้าวันไหนที่ผมล้ม หรือเสียใจ ผิดหวัง เมื่อหันหลังกลับไปจะเจอเขาอยู่
อาจไม่ได้อยู่ใกล้ แต่มองไปแล้วเห็น
และระยะที่ห่างกัน
ในมือของเขา
มีผ้าขนหนูและขวดที่บรรจุน้ำเปล่าไว้จนล้นปรี่อย่างแน่นอน

Kids Return – Kidzu Ritan (1996) Japan, Directed by Takeshi Kitano




Create Date : 08 เมษายน 2549
Last Update : 8 เมษายน 2549 21:21:04 น. 0 comments
Counter : 601 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายจิวสี่
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add นายจิวสี่'s blog to your web]