กาแฟอีกแก้วที่อยากให้เพื่อนลองชิม กลมกล่อมพอจะเสริฟได้หรือไม่
Group Blog
 
All Blogs
 
จักรพรรดิมุสลิมองค์แรกของอินเดีย

สุลต่าน กุตาบ-อุด-ดิน ไอบาค Sultan Qutb-ud-din Aibak
คำว่า กุตาป Qutb บางคนไทยก็จะอ่านว่า กุตุป ซึ่งพระองค์ เป็นที่รู้จักกันในพระนาม สุลต่าน ลาข์ บาฆษ์ แปลว่า ผู้ให้ทานนับแสน the donator of hundreds of thousands และคำว่า กุตตาบ-อุด-ดิน มีความหมายว่า แกนหลักแห่งศรัทธา Axis of the Faith นอกจากนี้ยังทรงได้รับพระนามว่า ลาข์ อัณฐาตาLakh Annadata ซึ่งแปลว่า ผู้ให้ธัญพืชนับพัน the giver of thousands of grains
กุตาป-อุด-ดิน ทรงเป็นจักรพรรดิมุสลิมองค์แรกที่ปกครองอินเดียที่สืบเชื้อสายมากจากผู้ปกครองชาวเติร์กในดินแดนเอเซียกลาง มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงเดลฮีห์ โดยทรงก่อตั้งราชวงศ์กฮูลามของอินเดีย แม้ว่าทรงปกครองได้เพียง 4 ปี จากปีค.ศ.1206-1210 แต่ก็ได้ทรงสร้างระบบการปกครองที่สมบูรณ์ ยอดเยี่ยม ขณะเดียวกันก็ทรงวางรากฐานกฎหมายที่มั่นคงด้วยวิสัยทัศน์อันยาวไกล มีสถาปัตยกรรมมากมายที่บ่งบอกถึงความอยู่ดีมีสุขในยุคที่พระองค์ปกครอง ทำให้พระนามของพระองค์ไม่สามารถแยกออกได้จากประวัติศาสตร์ของเอเชียใต้ได้ และหนึ่งในสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ของพระองค์ก็คือ หอคอยกุตตาบ มีนาร์ หนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์สำคัญของกรุงนิว เดลีฮ์ โดยในเบื้องต้นเป็นการมาเพื่อประกาศความศรัทธาที่มีต่อศาสนาอิสลามในดินแดนอนุทวีปและครั้งที่สองเป็นการประกาศชัยชนะในการรบครั้งใหญ่เหนือกองทัพของอาณาจักรราชปุต ซึ่งเป็นผู้ปกครองฮินดูเดิม

ชีวิตในช่วงต้นของไอบาค Early years of Aibak
กุตาป-อุดดิน ทรงถือกำเนิดที่ใดสักแห่งในเอเชียกลาง ขณะที่บางเอกสารเชื่อว่าพระองค์เป็นลูกทาสในตุรกี ดินแดนอันรุ่งเรืองของชาวเติร์กที่พระองค์สืบเชื้อสายมา เข้าใจกันว่าในวัยเยาว์พระองค์เป็นเด็กที่ถูกจับและขายเป็นทาส และหัวหน้าผู้รักษากฎหมายอิสลามของเมืองนิษปูร์ ได้อบรมสั่งสอนพระองค์ดั่งลูกชายของเขา ซึ่งเด็กชายไอบาคในขณะนั้น ได้รับการศึกษาชั้นสูง พร้อมฝึกฝนศิลปะการยิงธนูและขี่ม้า ทำให้เป็นนักรบที่กล้าหาญ นักปกครองที่ดี และฉลาดหลักแหลม โดยมีความรู้ทั้งภาษาเปอร์เซี่ยนและอารบิค
หลังการเสียชีวิตของอาจารย์ หนุ่มไอบาคได้ถูกขายเป็นทาสให้กับพ่อค้าทาสอีกครั้ง โดยบุตรชายของอาจารย์ที่อิจฉาริษยาเขามาโดยตลอด และไอบาคก็ถูกขายต่อเป็นทอดจนสุดท้าย เขาก็ถูกซื้อโดยนายพล ซาห์อับ-อุด-ดิน มูฮัมหมัด เการี ผู้ยิ่งใหญ่ ครั้งที่ยังที่เป็นผู้ปกครองแคว้นกัซนี ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของอัฟกานิสถานในปัจจุบัน ที่ต่อมานายพลผู้ได้กลายเป็นสุลต่านแห่งกฮอร์

การขึ้นสู่อำนาจ Rise to power
การเริ่มต้นที่ดินแดนกฮอร์ อันเป็นถิ่นฐานของชาวไอแมค ชนเผ่าเร่ร่อนที่อาศัยอยู่บนที่สูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน, ซาห์อับอุดดิน เการี ซึ่งมีลักษณะพิเศษในทางประวัติศาสตร์ ที่ทำให้เขาสามารถขยายอาณาเขตปกครองออกไปได้กว้างไกล ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศอัฟนิสถาน, ปากีสถาน และทางตอนเหนือของอินเดีย และภายใต้การนำของเขา, กุตตาบอุดดิน ได้เป็นหัวหอกในการขยายอาณาเขตทางตะวันออกไปยังเดลีฮ์ ซึ่งเขาทำสำเร็จและได้เป็นข้าหลวงปกครองดินแดนทางตอนเหนือของอินเดีย
ไอบาค เป็นผู้มีศรัทธาต่อศาสนามากและได้ก่อตั้งระบบการบริหารงานแบบมุสลิมที่ตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะเป็น การบริจาคเพื่อเป็นภาษีให้แก่รัฐ, การออกกฎหมาย, การจัดสันปันส่วนที่ดินและรายได้ต่าง ๆให้กับเหล่าขุนนางภายใต้การปกครองของเขาอย่างยุติธรรม และการบริหารสาธารณกิจต่าง ๆ ของรัฐบนพื้นฐานของการผสมรวมของคนท้องถิ่นที่ได้รับคัดสรร โดยมีขุนนางในราชสำนักมาสุระ Mashura courts และผู้คัดเลือกรายชื่อในทุกตำแหน่งที่มั่นใจว่าเป็นบุคคลที่มีผลการปฏิบัติราชการดี
กุตาป-อุดดิน ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ เนื่องจากเป็นนายพลที่ได้รับการไว้วางใจมากที่สุดของ โมฮัมหมัด เการี Mohamad Gauri สุลต่านแห่งอาณาจักรกฮอร์ และขณะเดียวกันกองทัพอันเกรียงไกรของเขาก็เป็นที่ประจักษ์ถึงความสามารถในการวางแผนการรบและความเป็นผู้นำของ จากการมีชัยในสมรภูมิที่เดลีฮ์เช่นกัน ซึ่งกุตาปต้องรับภาระในการนำพาความสำเร็จในการภารกิจพิชิตดินแดนตอนเหนือของอินเดีย และหลังปีค.ศ.1192 เขาได้ปล่อยเหล่าเชลยศึกชาวอินเดียและการรีดภาษีจากประชาชนในพื้นที่ ๆ เขาพิชิตได้ตามโองการของสุลต่านเการี ในขณะที่สุลต่านเการีเองก็กำลังหมกมุ่นกับสงครามขยายอาณาเขตอยู่ในเอเชียกลาง



ในปีค.ศ.1206 จักรพรรดิ เการี ได้มีโองการแต่งตั้ง กุตาป-อุด-ดิน ไอบาค เป็นนาอิบ อุส สุลต่านปกครองอินเดียอยู่ที่ลาฮอร์ ระหว่างการประชุมเหล่าขุนนางครั้งใหญ่ ที่เดินทางมาจากดินแดนต่าง ๆ ภายใต้การปกครองของเขา โดยพระราชทานให้มีชั้นยศนำหน้านามแก่ไอบาค ว่า กุตาป-อุด-ดิน ซึ่งแปลว่า แกนหลักแห่งศรัทธา

การก่อตั้งสุลต่านแห่งเดลีฮ์ Founding of the Delhi Sultanate
หลังจากสุลต่าน โมฮัมหมัด เการี แห่งแคว้นกฮอร์ ได้ก่อตั้งรัฐมุสลิมในดินแดนตอนเหนือของอินเดียเป็นอาณาจักรในปกครองในปีค.ศ.1206 และได้สิ้นพระชนม์ลงภายในปีเดียวกัน ซึ่งกุตตาบได้พยายามอย่างที่ในการรวบอำนาจการปกครองและปราบดาภิเษกเป็นผู้ปกครองอาณาจักรที่มีอาณาบริเวณครอบคลุมทั้งอัฟกานิสถาน, ปากีสถาน และทางตอนเหนือของอินเดีย แต่สินทรัพย์มีค่ามากมายของซาห์อับอุดดิน โมฮัมเหม็ด เการี ได้ถูกกองทัพของเจงกิสข่าน ราชันแห่งนักรบบนหลังม้ายึดไป
เนื่องจากพื้นที่เคยเป็นอาณาเขตของ โมฮัมหมัด เการี นั้นกว้างใหญ่เกินกว่าการบังคับใช้กฎหมายและการเรียกเก็บภาษีของไอบาคไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพที่บังคับใช้กับขุนนางท้องถิ่นต่าง ๆ ระหว่างการปกครองเขาก็ไม่คิดที่รุกรานอาณาจักรอื่นและมุ่งพัฒนาอาณาจักรของเขาให้มั่นคงไม่สูญเสียดินแดนในแก่อาณาจักรใด ดังนั้นตลอดระยะ 4 ปีภายใต้การปกครองของไอบาค เขาได้สร้างความมั่นคงให้กับระบบการบริหารแผ่นดินที่สร้างมาด้วยมือของซาห์อิบอุดดิน โมฮัมเหม็ด เการี ผู้ที่เป็นทั้งอดีตผู้ปกครองและอาจารย์ของเขา ความสำเร็จในการปกครองของเขา แม้จะมีการก่อกบฏและก่อจลาจลโดย ตาจ-อุด-ดิน อิลดิซและนาสเซอร์-อุด-ดิน คูบาฆา ซึ่งเป็นขุนนางที่มีอำนาจอยู่บ้างก็ตาม และกุตตาบอุดดินก็ได้ย้ายเมืองหลวงจากลาฮอร์เดิมมายังเมืองหลวงใหม่ ซึ่งเป็นถิ่นฐานเดิมของเขา ทำให้เขาได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ปกครองมุสลิมคนแรกในดินแดนเอเซียใต้
กุตตาบอุดดิน ไอบาค เป็นนักสร้างที่ละเอียดลออและสลับซับซ้อนมาก เห็นได้จากสถาปัตยกรรมต่าง ๆ เช่น หอสังเกตการณ์ จุดตรวจ จุดเรียกเก็บภาษี และบางส่วนของป้อมปราการในเมืองสำคัญภายในอาณาจักรของเขา ถูกสร้างอย่างแน่นหนา ป้องกันการปล้นสะดมจากเหล่าขุนศึกบนหลังม้าของกองทัพมองโกล ขณะเดียวกันเขาก็ได้สร้างสุเหร่าคิววัต-อุล-อิสลามและหอคอยกุตตาบ ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานในแบบมุสลิมเป็นครั้งแรกของเดลีฮ์ ซึ่งเมาราน่า ฮาคิม ซายอิด อับดุล ฮาไอ นักประวัติศาสตร์มุสลิม ผู้ที่ได้รวบรวมและบันทึกอัตชีวประวัติของเขาไว้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าไอบาคเป็นพวกลัทธิทำลายรูปเคารพ ซึ่งส่งผลทำให้ศาสนาฮินดูและพุทธให้ต้องสูญสลายในดินแดนอนุทวีปในเวลาต่อมา ตามความเชื่อทางศาสนาอิสลามที่ห้ามไม่ให้มีการบูชารูปเคารพใด ๆ นอกเหนือจากพระเจ้าสูงสุดที่ไม่มีรูปเคารพใดเทียบเคียงได้
ไอบาค ได้รับการขนานนามว่า ลาข์ บาฆษ์ หรือผู้ให้ทานนับแสน เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีจิตเมตตากรุณาและปฏิบัติตัวเป็นมุสลิมที่เคร่งครัด ซึ่งได้รับการสรรเสริญจากเหล่านักสอนศาสนาถึงความดีและการใช้ชีวิตอย่างสมดุล และได้อุปถัมภ์รับเลี้ยงนิซามิ Nizami และฟาข์-อี-มุดอับบีร์ Fah-i-Mudabbir ทั้งคู่ก็ได้เป็นทาซุล มาเซอร์ Tazul Maasir ซึ่งเป็นต้นห้องของสุลต่านกุตตาบอุดดิน ไอบาค

การสวรรคตและการสืบสันตติวงศ์ Death and Succession
สุลต่านกุตตาบอุดดิน ไอบาค ทรงสิ้นพระชนม์ในอุบัติเหตุระหว่างที่ทรงพระเกษมสำราญบนหลังม้าในกีฬาโปโลที่ลาฮอร์ โดยม้าของพระองค์ล้มลงและสุลต่านได้กระแทกกับปุ่มบนอานม้าของพระองค์ ในปีค.ศ.1210 และผู้ที่ได้ขึ้นปกครองแทนก็คือ อาลัม และได้สิ้นพระชนม์ในปีค.ศ.1211 และผู้ที่สืบต่อก็คือ ซามส์-อุด-ดิน อิลตุสมิช และผู้ปกครองเชื้อสายเติร์กคนอื่น ๆในฐานะสุลต่านแห่งเดลีฮ์ ซึ่งเคยเป็นคนรับใช้ของสุลต่านไอบาคและได้แต่งงานกับลูกสาวทั้งสามคนของเขา
พระศพของสุลต่านได้ฝังไว้ที่ใกล้ ๆ กับ อนาร์กาลี บาซาร์ ใน ลาฮอร์ ในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของปากีสถาน ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในปีค.ศ.1970 โดยนายกรัฐมนตรี



Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2554 6:32:27 น. 0 comments
Counter : 2841 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

NACBIZ
Location :
จันทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add NACBIZ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.