Chill up's Blog คร้าบบบบ ^^
Group Blog
 
All Blogs
 

น่าน: Road Trip to น่าน (พาเที่ยวตัวเมืองน่าน)

ได้มีโอกาสขับรถไปเที่ยวน่าน และเลยไปถึงอำเภอบ่อเหลือ (ติดชายแดนลาว) เมื่อกลางเดือนกุมภาปี 2552 (ช่วงวันวาเลนไทน์)

ทริปนี้เป็นทริปใจง่ายมากๆ แฟนชวนก่อนไปประมาณ 1อาทิตย์
เอาวะ ไปก็ไป เลยหาข้อมูลการเดินทางและที่เที่ยวในตัวเมืองน่านและอำเภอใกล้เคียง

ตอนแรกก็วางแผนไว้ดิบดี คิดไว้ว่าพอไปถึงตัวเมืองน่านเสร็จ ก็อยู่เที่ยวสักวัน2วัน แล้วค่อยไปนอนที่ดอยเสมอดาว แล้วจะเที่ยวตามทางลงไปทางใต้ไปเรื่อยๆ จะไปเสาดินนาน้อยและคอกเสือ ตามด้วยไปนอนที่แพกลางเขื่อนที่ปากนาย ชิมปลาเขื่อนสดๆ ตื่นมาดูหมอกที่หน้าบ้าน(บนแพ)

แล้วแพลนว่าค่อยขึ้นไปเที่ยวดอยภูคา ไปจนถึงบ่อเกลือ

แต่อยากเขกกะโหลกตัวเอง ดันเปลี่ยนแผนจากตัวเมืองน่าน ดันขึ้นไป ปัว แล้วเลยไปดูต้นชมภูภูคา (เห็นตอนเพิ่งเริ่มออกดอกเล็กน้อย) แล้วเลยไปนอนที่บ่อเกลือวิวรีสอร์ต (ซึ่งตอนนั้นเป็นที่พักที่เดียวในอำเภอบ่อเกลือ)

ดันหลงรักบ่อเกลือวิวจนหัวปักหัวปำ จากที่แพลนว่าจะไปนอนแค่ 3 คืน ไปๆมาๆ อยู่ต่อเป็น5คืน หลงเสนห์ที่นี่เป็นอย่างมาก
เลยไม่ต้องไปละ ดอยเสมอดงเสมอดาว ปากนงปากนาย

สรุป ทริปนี้ขับรถไปกลับ เกิน 1,500กิโล ไปกัน 9วัน8คืน
คืนแรกพักที่ ตัวเมืองน่าน (โรงแรมเทวราช)
คืนที่สองพักที่ กลางทางไปอำเภอท่าวังผา (The Water Side ซึ่งเป็นresort ทีมีบึงใหญ่หน้าที่พัก ตื่นมาเห็นหมอกลอยเต็มยอดน้ำเหมือนปางอุ๋งเลย ^^)
คืนที่ 3-7 นอนที่อำเภอบ่อเหลือ (บ่อเกลือวิว)
คืนสุดท้าย กลับลงมานอนที่พิษณุโลก (Rain Forest Resort) เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไป ก่อนเข้ากรุงเทพในตอนสายๆ

ลองชมดูแล้วกันนะครับ
เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากไปน่าน ^^


น่าน เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือฝั่งตะวันออก มีอาณาเขตติดกับสปป.ลาว
ด้านตะวันตก ติดกับแพร่และเชียงราย
เป็นจังหวัดที่ไม่ใช่ทางผ่าน ดังนั้น คนที่จะมาเที่ยวที่จังหวัดน่าน ต้องเป็นคนที่ตั้งใจมาเยื่อนจริงๆ
หลายๆคนเคยบอกว่า น่านมีความบริสุทธิ์เหมือนปายเมือง10ปีก่อน
แต่ผมว่า น่านไม่เหมือนปาย แต่คนที่นี่น่ารักใจดีเหมือนกัน

ทริปนี้ออกเดินทางจากกรุงเทพเวลาประมาณ 6 โมง

เส้นทางที่ผ่านคือ กรุงเทพ - อยุธยา - อ่างทอง - สิงห์บุรี - นครสวรรค์ - พิจิตร - และแวะพักทานอาหารกลางวันตอนประมาณ 11.00 ที่ พิษณุโลก

แล้วออกเดินทางต่อไปยัง อุตรดิษถ์ - แพร่ - เข้าน่านที่อำเภอเวียงสา - และก็ถึงตัวเมืองน่าน

ออกเดินทาง6โมงเช้า ถึงตัวเมืองน่าน 4 โมงกว่า
รวมระยะเวลาขับรถ 10 ชั่วโมง!!!
(ขับไปเรื่อยๆ ประมาณ 100-120 แล้วแต่สภาพถนนครับ)

เหนื่อยก็แวะกินกาแฟ เข้าห้องน้ำตามปั้ม
มีช่วงเข้าอุตรดิษถ์ที่ทำทางตลอด เลยขับเร็วไม่ได้
และช่วงเข้าอำเภอเวียงสา ก็เป็นเขาตลอด วิ่งทำเวลาไม่ได้



วันแรกพอไปถึง 4 โมงกว่าๆ
เข้าเช็คอินที่โรงแรมเทวราช ตั้งอยู่กลางเมืองก่อนเลยครับ
เหนื่อยมากกก

ที่เห็นเป็นตึกไม้เก่าๆนี่คือโรงแรมน่านฟ้า ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 2477! เป็นโรงแรมแห่งแรกของจังหวัดน่าน
แต่ที่ผมพักคือโรงแรมเทวราช ที่อยู่ติดกันด้านซ้ายมืออะครับ

คือว่า... เกรงจาย ไม่กล้านอนน่านฟ้าอะ :p


วันที่ไปถึงเป็นวันเสาร์ ซึ่งทุกวันเสาร์ ถนนหน้าโรงแรมเทวราชจะถูกปิดไม่ให้รถเข้า กลายเป็นถนนคนเดิน ซึ่งขายของกินเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารเมือง

และวันที่ไปถึงยังเป็นวันวาเลนไทน์ด้วย ก็เลยมีดอกไม้ ลูกโป่งหัวใจสีแดงเต็มไปหมด
ถนนคนเดินหนึ่งเดียวในน่านครับ


นอนเอาแรง
ตื่นมาอีกวันก็ได้เวลาเที่ยวแล้วครับ
ขึ้นไปไหว้พระที่วัดพระธาตุเขาน้อยกันครับ


พระธาตุเขาน้อยนี้ สร้างโดยมเหสีรองของพระเจ้าภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่าน เมื่อราวพุทธศัตวรรษที่20


กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี 2523


(ประวัตต่างๆ ผมอ้างอิงมาจากหนังสือ 'เที่ยวทั่วไทยไปกับนายรอบรู้' นะครับ)


รอยพระพุทธบาท


ที่นี่จะเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในตัวเมืองน่านครับ
มาตอนพระอาทิตย์ตก หรือตอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจะสวยมากกก
ถ้ามาถูกหน้า ก็จะเห็นหมอกปกคลุมตัวเมืองน่านเต็มไปหมด






พระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่
เหมือนท่านกำลังจ้องมองปกปักษ์รักษาเมืองน่าน


รูปนี้ขึ้นมาถ่ายตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นครับ

รูปอาจไม่เรียงตามเวลานะครับ
กะว่าจะลงแต่ละที่ให้เสร็จไปเลย จะได้ไม่งงนะครับ
(คือจริงๆแล้วผมไปน่านมา2ครั้ง ครั้งหลังสุดคือเมื่อเดือนมกราปีนี้เอง ซึ่งไปทำงานในตัวเมืองอย่างเดียว เลยขออนุญาต รวมรูปเหมือนไปทริปเดียวไปเลย คิดว่าคงมีประโยชน์สำหร้บคนที่คิดจะไปน่านมากกว่านะครับ)










บันได้ยาวทางขึ้นพระธาตุเข้าน้อยครับ
ถ้าไม่อยากเดินก็ขับรถขึ้นไปได้เลยครับ

พระธาตุเขาน้อยนี้จะอยู่ก่อนถึงเมืองน่าน2กิโล (เส้นทางมากจากแพร่-น่าน)
ขึ้นเขาเล็กๆไปแป๊ปเดียวก็ถึงครับ


ถ้าลงมาจากพระธาตุเขาน้อยแล้ว พอถึงตีนเขา ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางอีกกว่า 10กม จะเจอเตาเผาโบราณบ้านบ่อสวก อายุ 700กว่าปีแหนะ


เต่าจ่ามนัสมีอายู 700 ปี

รูปนี้ชื่อเตาสุนัน (ชื่อลูกสาวคุณยายชื่น)
เตามีอายุ 500กว่าปี


รูปวาดแสดงลักษณะเตาที่สมบูรณ์


วิธีการเรียงเครื่องปั้นเพื่อนำมาเผา


บ้านคุณยายชื่น ซึ่งนำมาทำเป้นพิพิธภัณฑ์


บนบ้านยังรักษาข้าวของเครื่องใช้โบราณ และมีการจัดแสดงให้ผู้สนใจได้ชม




บริเวณบนบ้าน


เครื่องเคลือบที่ขุดพบ




คุณยายชื่น (เจ้าของบ้านครับ)
ท่านยังมีชีวิตอยู่และแข็งแรงมากด้วย

ต้องขออนุญาตนำรูปท่านมาลงนะครับ

คุณยายอุตสาห์สละเวลาอธิบายที่มาที่ไปของเตาทั้ง2เตาอย่างละเอียด เป็นภาษาเหนือ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างแต่ก็ได้ความรู้มากครับ
คุณยายน่ารักมากครับ

ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


ออกมาจากเตาเผาโบราณบ่อสวก
กลับออกมาทางเดิม ก่อนจะถึงถนนใหญ่ที่เข้าเมืองน่าน
มีวัดสำคัญให้ชมอีกวัดนึงครับ (มาน่าน นอกจากจะไปเที่ยวอุทถยานแห่งชาติต่างๆ ก็มีวัดเยอะมากกกกก ทำบุญ 9วัดในเมืองน่านวันเดียวก็เสร้จแล้วครับ)

วัดนี้ชื่อวัดพญาวัด
มีเจดีย์ล้านนาและนมัสการพระเจ้าสายฝน


เจดีย์จามเทวี ศิลปะแบบลำพูน




เข้าไปในตัวเมืองกันครับ
รูปนี้คือกำแพงเมืองดั้งเดิมที่เหลืออยู่


ไปกันที่ถนนสุมนเทวราช ซึ่งเป็นถนนหลักกลางเมืองน่าน
ที่2ฝั่งขอถนนนี้ มีที่เที่ยวมากมายเช่นวัดภูมินทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน วัดพระธาติช้างค้ำวรวิหาร วัดหัวข่วง

รูปนี้วัดภูมินทร์ครับ


วัดภูมินทร์นี้เคยมีรูปอยู่บนธนบัตร1บาท ที่อีกด้านเป็นรูปรัชการที่8ครับ


เป็นวิหารแบบจตุรมุข คือมีประตูทั้ง4ด้าน


ที่นี่มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์หันหลังชนกัน


ที่นี่จะมีจิตรกรรมฝาผนังอันโด่งดัง






ภาพ 'กระซิบ' อันโด่งดัง






ภาพมิชชั่นเนอรี่

จริงแล้วทั้งทริปถ่ายมาพันกว่ารูป!!
แต่ที่อยากเอามาลงก็เกือบ 300รูป
คงต้องแบ่งเป็นตอนๆนะครับ
เฮ้ออ เริ่มเหนื่อย ...






เห็นน้องคนที่กำลังวาดรูปที่เสื้อขายครับ
ฝีมือดีทีเดียว


ไปดูกันต่อที่วัดหัวข่วงบ้างครับ


ที่นี่จะมีเจดีย์และวิหารฝีมือช่างเมืองน่านแท้ๆ


หอไตรและเจดีย์


ไปดูพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านกันครับ


หน้าพิพิธภัณฑ์ มีอนุสาวรีย์พระเจ้าสุริยพงศ์ผลิตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน




ในพิพิธภัณฑ์จะเป็นที่เก็บงาช้างดำ เดิมเป็นสมบัติของเข้าผู้ครองนครน่าน (ห้ามถ่ายรูปครับ)

รูปนี้ถ่ายจากชั้นบนมองออกมาเห็น รูปปั้นเจ้าผู้ครองนครน่าน และวัดช้างค้ำวรวิหาร


เจดีย์วัดช้างค้ำวรวิหาร


วัดน้อยครับ
เป็นวัดจริงๆ ซึ่งได้ยินมาว่าเป็นวัดที่เล็กที่สุดในโลก
อยู้ด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติครับ






เดินซะเหนื่อย
แวะไปทานกาแฟที่ร้าน Milk Club กันก่อนครับ

ใจ๋เมืองแปลว่า ใจเมืองหรือกลางเมือง


ร้านน่ารัก






กิน Ice Latte กันก่อนนะครับ จะได้ไม่ง่วง
ที่เห็นเหมือนขวดนมเล็กๆนั่นคือ ที่ใส่น้ำตาลครับ
ร่ารักมากๆ




ฝั่งตรงข้ามก็มีขายรูปวาดครับ
เมืองนี้ดูศิลป์มากๆ


ถนนสุมนเทวราช ถนนหลักของเมืองน่านครับ


ไปต่อกันที่เจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำครับ














วัดศรีพันต้นครับ


ที่นีมีที่เก็บเรือยาวด้วย
ที่น่านจะขึ้นชื่อเรื่องการแข่งเรือ










คุ้มเจ้าราชบุตร

สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างเพื่อใช้เป็นเรือนหอของ เจ้ามหาพรหมสุรธาดา (เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย) และเจ้าแม่ศรีโสภา เมื่อปี 2446

ต่อมาจึงถูกยกให้กับเจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) พระโอรสของเจ้ามหาพรหมสุธาดาฯ ได้รื้อถอนคุ้มหลังเดิมและสร้างขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2484 เรือนที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยใช้วัสดุจากเรือนเดิม ภายในประกอบไปด้วย สิ่งของ เครื่องใช้ ที่แสดงถึงความเป็นมาของชาวน่านในอดีต


เมื่อเจ้าราชบุตรถึงแก่อนิจกรรมคุ้มแห่งนี้จึงตกแก่ทายาทซึ่งเป็นบุตรคนสุดท้อง คือ เจ้าโคมทอง ณ น่าน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของเจ้าสมปรารถนา และเจ้าวาสนา โดยเจ้าสมปรารถนา ณ น่าน ใช้เป็นที่พำนักในปัจจุบัน


ได้มีโอกาสพบกับ เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน ที่นี่
ท่านให้ความกรุณาพาชมบ้านอย่างละเอียด และเล่าถึงประวัติความเป็นมาต่างๆ
ท่านยังได้กรุณาพาไปชมตู้เย็นยุคแรกๆของเมืองไทย (ที่ข้างในใช้แก๊สเพื่อให้เกิดความเย็น) ท่านยังกรุณาเลี้ยงน้ำมะตูมที่ท่านทำเอง หอม ชื่นใจมากๆครับ

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


วัดมิ่งเมือง และเสาหลักเมืองน่าน






เสาหลักเมืองน่าน






ไปนมัสการพระธาตุแช่แห้งกันครับ ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ


วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง เดิมเป็นวัดราษฏร์ ปัจจุบันเป็นอารามหลวง
สร้างมาประมาณ600กว่าปีแล้ว






ลงมาด้านล่าง วิวกำลังสวย




มาน่าน ถ้าหาอาหารเหนือทาน
แนะนำให้มาที่ร้านเฮือนฮอม อยู่ตรงข้ามเสาหลักเมืองน่านครับ
รับรองไม่ผิดหวัง




ผมได้ลองลู่เลือดด้วย (แต่ไปทานร้านอื่นนะครับ)
ลองให้รู้ว่าเป้นไง แต่คงไม่ทานอีก อิอิ


ไปดูบรรยากาศยามค่ำคืนบ้าง


วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร






วัดภูมินทร์ยามค่ำคืน


มีคนเคยบอกว่าถ้าเดินลอดที่ตัวพญานาค ที่วัดภูมินทร์แล้วจะโชคดี


ลากันที่สี่แยกกลางเมือง ตรงวัดภูมินทร์กับวัดพระธาตุช้างค้ำครับ

รีวิวต่อไป จะพาไปเที่ยวที่ หอศิลป์ริมน่าน ดอยภูคา บ่อเกลือ ภูฟ้า ถนนลอยฟ้า (อำเภอบ่อเกลือ-อำเภอสันติสุข) ครับ




 

Create Date : 28 มีนาคม 2553    
Last Update : 1 ธันวาคม 2553 22:41:08 น.
Counter : 8733 Pageviews.  

หัวหิน: ย้อนอดีตที่เพลินวาน

จริงๆได้ไปเที่ยวเพลินวานมาเมื่อกลางปี 2552 (ตอนที่ไปพักที่ Green Gallery Bed & Breakfast)
ตอนนั้นเพลินวานเพิ่งเปิดมาไม่ถึงอาทิตย์เดียวเลย ถามคนหัวหินยังไม่รู้จักกันเลย (เห็นข่าวเพลินวานที่เวปไหนซักที่นี่แหละ แล้วถามเจ้าของ Green Gallery ว่าเพลินวานอยู่ที่ไหน เค้าก็ทำหน้างงๆ ว่าคืออะไร +_+)

รูปที่เห็นก็คงไม่เหมือนกันเพลินวานในวันนี้ ซึ่งมีส่วนขยายต่อไปมาก มีโรงแรมด้วย



บรรยากาษเหมือนหลุดอยู่ในหนังสมัยก่อน
มีของเล่นเครื่องดื่มสมัยเด็กในเห็น มีเสื้อผ้าสวยๆแบบย้อยยุคมาขาย
มีร้านข้าวแกงจานสังกะสี มีบาร์เหล้าดองเก๋ไก๋ด้วย

ไม่บรรยายมากดีกว่า
ดูรูปกันไปเล่นๆนะครับ
^^

















ร้านเสื้อผ้าย้อยยุค









ร้านขายของเล่นและขนมวัยเด็ก














ไปเข้าผับกันครับ :)


เพลินบาร์




ต้องนี่เลย ยาดองให้เลือกเพียบ


ม้ากระทืบโรง!!


ต้องกินแกล้มมะขามเปียก...
ซื๊ดดด พูดแล้วน้ำลายไหลลล ^^


บรรยากาศยามโพล้เพล้










ลากันด้วยรูปสุดท้ายแล้วจ้า :)


เพิ่งกลับไปเพลินวานอีกรอบเมื่อต้นเดือนพฤษภา 53
เลยเอามา update ให้ดูครับ




































 

Create Date : 28 มีนาคม 2553    
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 16:39:56 น.
Counter : 5351 Pageviews.  

หัวหิน: ไร่องุ่นหัวหิน (Huahin Hills Vineyard)

เมื่อก่อน ไม่อยากเชื่อว่าที่หัวหินก็มีไร่องุ่นกะเค้าด้วย
องุ่นมันควรปลูกขึ้นในพื้นที่ๆมีอากาศเย็นไม่ใช่เหรอ แต่พอไปเห็นกะตาก็โอ๊ะ คนไทยนี่เก่งเนอะ



การเดินทางสมบุกสมบันนิดนึง เพราะมีช่วงนึง(ประมาณ1-2 กม ที่ทางจะเป็นดินลูกรังบวกกับหิน) รถโหลดเตี้ยหมดสิทธิ์


ทางสุดยอดด




ไปถึงแล้วจะพบกับภาพนี้ครับ







ภายในร้านอาหาร




มองออกไปจากห้องอาหารจะเห็นวิวไร่องุ่นและภูเขา




ที่นี่มีนั่งช้างดูไร่องุ่นด้วย เก๋ซะ








สเต๊กหนื้อมาแว้วว
รสชาติใช้ได้ครับ ราคาไม่โอเวอร์


ดูวิวกันไปเพลินๆครับ










ตะลุยกันต่อตอนขากลับ


ผ่านวัดห้วยมงคลก่อนเข้าตัวเมืองหัวหิน
เข้าไปไหว้พระกันหน่อยครับ






หมดแล้วคร้าบบ
สรุป ที่นี่อาหารอร่อยใช้ได้ (น้ำองุ่นอร่อยมากกก) และราคาก็ถือว่ารับ
บรรรยากาศดีมากๆ เป็นหนึ่งในไร่องุ่นที่ผมชอบที่สุดเท่าที่เคยไป (ตอนไปที่เขาใหญ่กับวังน้ำเขียว ยังไม่ชอบเท่าที่นี่เลย)
ตอนไปอาหารช้านิดหน่อย (เพราะคนเยอะ)

ตอนกลางวันร้อน แต่มีลมพัดมาเรื่อยๆ
มาทานตอนเย็นคงดี แต่ตอนกลับจะไม่มีไฟถนน มืดมากกกก




 

Create Date : 28 มีนาคม 2553    
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 14:24:29 น.
Counter : 3799 Pageviews.  

เชียงใหม่: ไร่นภ-ภูผา สะเมิง, กฤษดาดอย, วัดต้นเก๋วน, วัดอุโมงค์, Love at First Bite, ร้านเวียงจูมออน

สะเมิงเป็นอำเภอที่ขึ้นชื่อว่าปลูกส้มและสตอเบอรี่เยอะมาก
วันนี้ขอพาไปที่ไร่นภ-ภูผาอันโด่งดังครับผม
การเดินทางถ้ามาทางหางดง จะประมาณ56กม ทางขึ้นลงเขา ค่อยขับแป๊ปเดียวก็ถึง
ถ้ามาทางแม่ริม-สะเมิง (ทางไปพราวภูฟ้า) จะไกลกว่า ระยะทางประมาณ เกือบ 70โล
ทางสวยทั้งคู่ครับ


มีศาลาที่เป็นทั้งร้านอาหาร ที่นั่งเล่น หรือร้านกาแฟ จิบกาแฟนั่งดูไร่สตอเบอรี่ได้อารมณ์ไปอีกแบบ


มีที่พักด้วยนะครับ...


ไร่ส้ม
ถ้าเสียเงินค่าเข้าแล้ว (30บาท)
สามารถเดินไปสวนส้ม หรือเช่ารถATV ขี่ไปที่สวนได้ เก็บส้มทานเท่าไหร่ก็ได้


วิวภูเขารอบๆไร่


การเก็บสตอเบอรี่ จะมีราคาอยู่ 2ประเภท
แบบแรกเป็นพันธุ์ที่ลูกใหญ่หน่อย จะกรอบๆรสชาติออกเปรี้ยว เก็บเท่าไหรก็ได้ แต่ต้องไปชั่งที่ด้านหน้า กิโลกรัมละ 200บาท


ส่วนอีกประเภท(จำชื่อพันธุ์ไม่ได้)
ขนาดของลูกจะเล็กกว่า แต่รสชาติหอมหวานกว่ามาก อันนี้กิโลละ300

แฟนผมเดินเก็บตั้งนานได้แค่ 3ขีด
จาเป็นลม แดดร้อนเปรี้ยง


ต้นสตอเบอรี่ก็มีดอกนะคร้าบบ


แปรงสตอเบอรี่สวยๆ




อันนี้เป็นที่ๆขายอาหาร ขายกาแฟ นั่งอ่านหนังสือบนเรือนได้ น้ำสตอเบอรี่ปั่นอร่อยมากกก


วิวข้างทาง มองเห็นทิวเขาสะเมิง




ออกจากสะเมิง จะมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเชียงใหม่
ผ่านกฤษดาดอย แวะเข้าไปดูหน่อยละกัน ครั้งสุดท้ายที่มาก็สมัยเด็กๆ


มีบ้านพักทรงสวิส


สวนดอกไม้เต็มไปหมด




เช้าๆจะมีหมอก คงสวยกว่านี้อีก


แต่นี่เล่นไปตอนบ่ายโมง รีบเดินรีบถ่ายรูปรีบกลับ :p


ร้านอาหาร


บ้านหลังนี้น่ารักดี มีลำธารข้างบ้านด้วย


มีน้ำตกเป็นของตัวเอง







ก่อนถึงตัวเมืองเชียงใหม่ได้ไปแวะวัดต้นเก๋วน(วัดอินทราวาส)
อยู่อำเภอหางดง


เป็นวัดที่มีศาลาจัตุรมุขซึ่งพบเพียงแห่งเดียวในภาคเหนือ






วัดต้นเก๋วนสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พศ.2399-2412


ภายในอุโบสถ





ไปต่อกันที่วัดอุโมงค์ อยู่ที่ถนนสุเทพ ถ้าไปทางตลาดต้นพยอม วิ่งผ่านสี่แยกคลองชลประทานด้านหลังมช ประมาณ 500เมตร เข้าซอยซ้ายมือไปอีก 2กม


ด้านบนอุโมงค์เป็นเจดีย์เก่าแก่ของล้านนา สันนิษฐานว่าสร้างประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นเจดีย์ทรงระฆัง


บันไดนาคทางขึ้นไปเจดีย์


ภายในอุโมงค์ เป็นช่องทางหลายช่องทะลุถึงกันได้ ภายสในอุโมงค์เคยมีภาพจิตรกรรมเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าวาดในสมัย พ.ศ. 1900-2000 แต่เดียวนี้จางไปหมดแล้ว



ไปต่อกันที่ร้านดังครับ Love at First Bite
จากตัวเมืองเชียงใหม่ ข้ามแม่น้ำปิงทางสะพานนวรัฐแล้วเลี้ยวขวา
ตรงไปนิดเดียวแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอย1 ตรงเข้าซอยไปเรื่อยๆก็เห็นครับ


เค๊กเค้าอร่อยจริงๆ


ชิ้นเล็กแต่อร่อย แลกมาด้วยเงิน 90บาทต่อชิ้น!!
เอาหนะ ไหนๆมาถึงที่ ยังไงก็ต้องชิม


ชอบต้นไม้ต้นนี้จัง :)


บรรยากาศรอบๆร้าน



ทานเค๊กอิ่มแล้ว ก็ไปทานชาร้อนต่อที่ร้านเวียงจูมออน Tea house
ถ้าข้ามสะพานนวรัฐ ให้เลี้ยวซ้าย (ถ้าเลี้ยวขวาก็ไปร้านLove at first bite) ตรงไปเรื่อยๆ ร้านอยู่ซ้ายมือ


พนักงานน่ารัก เอาใจใส่ ยิ้มแย้มแจ่มใส


ภายในร้านตกแต่งได้น่ารักมากๆ






ด้านหลังของร้านจะติดแม่น้ำปิง มีที่นั่งchill มากมาย โต๊ะเยอะมาก


ถ้าอากาศเย็นๆคงจะดี


การแต่งร้านด้านนอกก็น่ารักมากๆ


สั่งชุดของหวานมา แต่ผมว่ารสชาติเฉยๆ ไม่ค่อยถูกปาก
แต่ชาเค้าอร่อยมาก มีชาหลากหลายให้เลือกเป็นร้อยชนิดเลย


ลากันด้วยรูปสุดท้ายแล้วครับ




 

Create Date : 25 มีนาคม 2553    
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 14:21:24 น.
Counter : 5065 Pageviews.  

เชียงใหม่: วัดพระสิงห์, พระธาตุดอยสุเทพ, สวนสัตว์เชียงใหม่, สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

เริ่มกันที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร สร้างขึ้นในพศ1888 เพื่อเป็นที่บรรจะอัฐิของพญาคำฟู มีพระธาตุประจำปีเกิดปีมะโรง


เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ชาวเมืองจะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์แห่ไปตามรอบเมืองเพื่อให้ประชาชนสรงน้ำ


มีเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา




มีจิตกรรมฝาผนังเรื่องสุพรรณหงส์และสังข์ทอง ซึ่งพบที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย :)


หน้าต่างมีรูปวาดเทวดา





ขับรถขึ้นไปวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร


ระยะทางประมาณ 13กม จากตัวเมืองเชียงใหม่


เดี๋ยวนี้มีลิฟท์ ขึ้นจากที่จอดรถ ไม่ต้องขึ้นบันได้นาค300ขั้นเหมือนเมื่อก่อน


ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงใหม่




พระธาตุสีทองอร่าม
















วิวมองจากพระธาตุดอยสุเทพ เห็นสนามบินเชียงใหม่ด้วย







พาแฟนไปสวนสัตว์เชียงใหม่ แฟนอยากไปดูหลินปิง :)


รอให้เจ้านกกระจอกเทศสองตัวนี้ชูคอเป็นรูปหัวใจอยู่ตั้งนาน
แต่ไม่สำเร็จ ได้แค่นี้แหละ


เจ้าช้างแสนรู้


เจ้าหลินฮุ่ย


นี่คืออึเจ้าหลินฮุ่ย มีสีแหลืองเพราะมันกินแต่ใบไผ่




อายุไม่ถึง18 ห้ามดูครับ
หลินฮุ่ยเป็นพวกชอบโชว์ ;p


รายละเอียดเจ้าหลินฮุ่ย
น่าเสียดายที่เจ้าช่วงช่วงเอาแต่นอนปิดหน้า เลยถ่ายรูปไม่ค่อยได้
ส่วนเจ้าหลินปิงวันนี้กบดาลไม่ยอมออกมา เลยอดถ่ายรูปเลย +_+


เสือในกรง



นั่งรถเล่นรอบสวนสัตว์เชียงใหม่เสร็จ ก็เดินทางจะไปที่พราวภูฟ้า
แวะทานกาแฟที่ Wawee หน้าปางช้างแม่สา
ตกแต่งร้านน่ารักดี




ไปต่อกันที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ หลังจากที่เคยมาตอนเด็กๆ


เสียดายที่อากาศร้อนไปหน่อย
พวกดอกไม้เมืองหนาวสวยงามเลยมีน้อย


ภายในก็มีการแสดงพันธุ์ไม้หายากต่างๆ


ภายในสวนพฤกษศาสตร์นี้ มีพื้นที่ใหญ่มาก กินภูเขาทั้งลูก


เรือนกระจกที่มีพืชพรรณในเขตป่าดงดิบจากทุกภูมิภาค




วันที่ไปเป็นวันธรรมดา มีนักเรียนมาทัศนศึกษาเยอะมาก เสียงดังมาก
เลยอยู่แป๊ปเดียวแล้วเผ่น


ดอกไม้สวยๆ


ต้นอะไรก็ไม่รู้ สวยดี ขึ้นเป็นทิวยาว




 

Create Date : 25 มีนาคม 2553    
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 14:16:32 น.
Counter : 2889 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

Chill up
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add Chill up's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.