ที่จอดรถ สำคัญมาก ๆ (1)

ที่จอดรถ สำคัญมาก ๆ (1)

สำหรับคนที่มีรถ อาจจะมีบางคนที่ประสบปัญหาแบบเราก็ได้ บ้านเรานั้นเป็นบ้านแบบตึกแถว หน้าบ้านติดถนนใหญ่ ซึ่งก็คือมีรถเมล์ตัดผ่าน แล้วบังเอิญเจ้าถนนใหญ่เนี่ยมันดันเป็นถนนใหญ่แค่สองเลน คือรถสวนไปกลับเท่านั้น แน่นอนเมื่อเราซื้อรถแล้ว สิ่งที่จะตามมาคือคุณจะจอดรถที่ไหน นั่นเป็นสิ่งที่แม่และครอบครัวของเราเป็นห่วงมาก เพราะการซื้อรถมาปัญหาไม่ได้หนักหน่วงแค่เรื่องเงินเรื่องการบำรุง เรื่องอะไร แต่ปัญหาใหญ่ ๆ คือที่จอดรถ ที่ที่ซึ่งต้องเป็นที่ ที่รถจะอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ นั่นย่อมหมายถึง สภาพที่อยู่จะปลอดภัย และดีเพียงพอกับรถที่เรารักหรือไม่
ความจริงแล้วสำหรับเราการซื้อรถมาก็เพราะมีความจำเป็นต้องใช้สำหรับเอาไว้เดินทางไปทำงาน เพราะงานที่ทำในแต่ละวัน ต้องเดินทางไกล ๆ เปลี่ยนสถานที่ตลอด ดังนั้น เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งเราต้องซื้อรถ แต่จุด ๆ นั้น มันก็พร้อมความกังวลของคนทั้งบ้าน ถ้าบ้านคุณเป็นบ้านใหญ่มีรั้วมีสถานบริเวณให้รถที่คุณรักจอดอย่างดีแล้วนั้น คุณอาจจะไม่เข้าใจหัวอกคนจอดรถนอกบ้านอย่างเราเลย ลองอ่านดูนะคะ เฮ้อ

เมื่อฉันมีรถ

วันแรกที่ได้รถมา ประกอบกับการขับรถยังไม่คล่อง เราต้องวานให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ ขับรถมาให้ แต่กระนั้นก่อนเอารถมาจากโชว์รูม เราก็ได้ไปตระเวณหาที่จอดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เราและแม่นอนกันไม่ค่อยหลับ เพราะคิดกังวลว่าจอดที่ไหน ๆ ๆ ๆ จนเราชุกคิดได้ว่ามีบ้านเยื้อง ๆ ฝั่งตรงข้าม บ้านเค้ามีสองล็อก ล็อกหนึ่งเค้าเคยเอาไว้จอดรถ แต่ตอนนี้เค้าไม่ได้จอดรถแล้วเพราะสามีเค้าไม่อยู่คือเค้าเลิกกัน เหลือภรรยาอยู่กับลูก อีกล็อกที่เป็นที่จอดก็ว่างเปล่า แต่ลืมบอกไปว่าบ้านเค้าก็อยู่ติดถนนใหญ่เช่นกัน แต่ฝั่งตรงข้ามบ้านเรา ซึ่งอีกล็อกนั้นก็มีลักษณะเป็นตึกแต่ชั้นเดียวเอาไว้จอดรถมีประตูแน่นหนา เป็นประตูเหล็กแบบดึงจากข้างบนลงล่าง เราก็ไปติดต่อเจรจาขอจอดรถได้ไหม โดยเราจะจ่ายที่จอดรถให้ สำหรับเจ้าบ้านหลังนี้คนที่เป็นภรรยานั้น ทางครอบครัวเราก็พอรู้จัก เพราะบ้านเธอ มาอยู่หลังบ้านเราและเคยเปิดเป็นร้านสะดวกซื้อ แต่ภายหลังได้เลิกกิจการไป ทำให้พอคุ้นเคยกันอยู่บ้าง ตอนไปคุยเธอก็บอกว่าเป็นบ้านเรานะ ก็เลยยอมให้จอดง่าย ๆ แต่สิ่งที่ต้องแลกนอกเหนือจากค่าจอดรถคือ กุญแจที่ปิดล็อคประตู เราและเธอจะเก็บเอาไว้คนละหนึ่งดอก ตอนแรกที่เราฟังตกใจมาก กลับมาคุยกับแม่ที่บ้านอีกครั้งว่าเอายังไง แม่ก็อืม บ้านอยู่ตรงข้ามกัน ไม่เป็นไรหรอกมั้งคือพยายามปลอบใจกันไป เราก็เลยไปหาซื้อกุญแจมาอีกชุด กะว่าชุดนี้เราจะถือไว้เองไม่ให้กับเจ้าของบ้านไว้ เอาไว้ล็อคด้านนอกที่จอดรถเวลาเรามาจอด
แต่เวรกรรม หลังจากวันแรกที่วานเพื่อนไปจอด สิ่งที่เป็นปัญหาคือ ก่อนจะจอดรถได้ ต้องมีเหล็กสำหรับพาดเพื่อปีนขึ้นไปจอด เพราะบ้านตรงที่จอดของเธอสูงมาก สิ่งที่ได้ คือการกระแทกบริเวณด้านหน้าด้านล่างของรถ โอ้ เป็นรอยขูด ซึ่งแม้เราจะนิ่มนวลอย่างไรก็ยังกระแทก และการที่เราจะขับรถปาดขึ้นที่จอดรถได้ โอ้ มันช่างทรมานเหลือเกิน เพราะต้องมีคนมาช่วยโบกช่วยกันคนขับอีกฝั่งให้หยุดก่อน ซึ่งแน่นอนรถใหญ่หรือรถเก๋ง รถกระบะ รถอื่น ๆ นั้นเห็นสัญญาณไฟขอทาง เค้าก็ค่อนข้างจะชะลอให้เราเลี้ยวตัดหน้าเพื่อขึ้นที่จอดรถ แต่โอ้ รถจักรยายนต์ รถจักรยาน รถเข็น ซึ่งแถวบ้านเรามีค่อนข้างมาก ไม่ยอมกันเลยทีเดียวกว่าจะเลี้ยวเข้าไปจอดได้ ลากกันมาช่วยโบกสามบ้านแปดบ้าน ขนาดเพื่อนเราที่ขับรถเป็นยังเหงื่อซิก และแล้ววันแรกเราก็นอนอย่างไม่เป็นสุขไหนจะกุญแจที่จอดรถที่อยู่ที่เจ้าของที่จอดรถอีก ไหนจะรอยที่เกิดจากการแทกจากการขึ้นไปจอดรถอีก ไหนจะต้องมีคนมาคอยช่วยโบกรถอีก โอ๊ยนอนไม่หลับกระซิก ๆ แม่เราก็เครียด (ที่พูดถึงแม่บ่อย ๆ เพราะเรากับแม่นอนอยู่ด้วยกันทุกวัน) ตอนนั้นเรายังไม่ได้ขับรถไปไหนเพราะยังขับไม่คล่อง ถ้าจะเอารถออกมาจากที่จอดก็วานเพื่อนเอาออกมาให้ก่อน แล้วเราค่อยขับทางปกติ จนกระทั่งผ่านไปสักอาทิตย์หนึ่งได้ เราก็ต้องพยายามด้วยตัวเองได้แล้ว เพราะเพื่อนเราคงไม่ได้มาช่วยเราทุกวัน วันนั้นจึงเกิดขึ้น เราเอารถขับออกมา ด้วยความช่วยเหลือ จากเจ้าของที่จอด แม่ พ่อ และพี่ และเพื่อนบ้านละแวกนั้น การเอารถออกตอนเช้า รถยังไม่ค่อยเยอะเท่าตอนเย็นก็จริง แต่ก็เยอะพอควร เพราะตอนเช้าวันทำงานเป็นธรรมดาที่มีรถอยู่บ้างก็ แหม หกโมงเช้านะที่เราออก พอขับไป ก็ปกติแต่พอตอนกลับบ้านนี่สิ เราเอารถจอดรอคอยฝั่งบ้านเราก่อน แล้วก็ต้องโทรหรือเดินเข้าไปเรียกคนที่บ้าน ทั้งพ่อ แม่ หรือใครก็ได้ที่ยังไม่หลับไม่นอน ให้มาช่วยกันดูมาช่วยกันโบกรถ ซึ่ง กรรมวิธีคือ เราต้องข้ามถนน ไปเปิดที่จอดรถก่อน แล้วข้ามกลับมาเพื่อขับไปเข้าที่จอด แน่นอนการเขียนอธิบายมันง่าย ๆ แต่ความจริงไม่ง่ายเลยเพราะรถเยอะมากจริงๆ ใช้เวลานานและค่อนข้างเสียว เพราะรถที่ขับไป ขับมา ไม่ค่อยระวัง อยางที่บอกรถเล็ก เยอะมาก
บางครั้งเชื่อไหม เรากลับดึกมาก พ่อ กับแม่ เราหลับหมดแล้ว ก็ต้องปลุกให้เค้ามาช่วยเรา เฮ้อ สงสารเค้าแต่ถ้าเค้าไม่ช่วยเราดูก็ไม่ได้อีก เพราะเราก็ยังไม่คล่องด้วย เจ้าของบ้านหน่ะเหรอ เธอพูดดีมากว่า เนี่ยไม่ต้องปลุกพ่อกับแม่ หรือเรียกใครมาหรอก เรียกพี่ก็ได้ โห เธอช่างดีอะไรอย่างงี้ แต่เราก็ไม่เคยกวนเธอเลยนะ มีแต่เธอได้ยินเสียงเราเปิดประตูที่จอดรถเธอก็จะออกมาช่วย แต่ความซวยคือคนข้างบ้านเธอก็มาช่วยเราโบกด้วยหน่ะสิ ก็อย่างที่บอกบ้านใกล้เรือนเคียงเค้าก็มีน้ำใจมาช่วย แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอบอกว่าไม่ต้องให้คนข้างบ้านเธอมาช่วยโบกได้ไหม เธอไม่ถูกกันทะเลาะกันอยู่ โห เราอะอึ้งอะทำตัวไม่ถูกเลย เพราะเราก็ไม่เคยขอให้เค้ามาช่วย แต่คนข้างบ้านถ้าเค้าว่างหรือนั่งอยู่ตอนเราจะเอารถเข้า เค้าก็มาช่วยเป็นปกติของคนมีน้ำใจ
ยังไม่เพียงพอ อยู่ดี ๆ วันที่เรารีบออกจะเอารถไปทำงาน เจ้าของที่จอดล็อคที่จอดรถจากข้างในบ้าน ซึ่งเรากับแม่เรางงมาก ว่าเค้าทำเพื่ออะไร เพราะกุญแจ่ที่ล็อคด้านนอกมีสองอันแล้ว เค้าบอกว่าเค้ากลัวเพราะที่จอดรถกับตัวบ้านเค้ามันมีประตูเชื่อมถึงกันได้ อันนี้เราก็ไม่ว่าไรหรอก แต่เค้าไม่ได้บอกเราก่อนเลยล่วงหน้า แถม ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าถ้าฉันจะเอารถฉันต้องไปตระโกนเรียกเค้าตลอดเลยใช่ไหม ความรู้สึกลำบากและไม่เป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มันพร้อมที่จะหมดความอดทน ยัง ๆ ยังไม่พอ
หลังจากมีเรื่องจุกจิกมากมายจิปาถะ และแล้ววันหนึ่งฉันก็หมดแล้วความอดทนอะไนรหนะเหรอ ก็ฉันก็จะเอารถเข้าจอดปกติ แต่เจ้าของที่จอด เอาสิ่งของมาวางขวางไว้ เป็นรถเด็กเล่นหรืออะไรสักอย่างซึ่งเป็นสีมืด ๆ อืมลืมบอกไปว่าตรงที่จอดรถเค้าไม่มีไฟให้ใช้นะ ปกติมี แต่ตอนเราไปจอดเค้าบอกไม่ได้ใช้แล้ว เวรกรรม พอเราเปิดประตู เราก็มองไม่เห็นว่ามีอะไรวางอยู่หรือเปล่า เพราะเราตกลงจอดกับเค้ามานานสองสามเดือนแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่าเค้าจะเข้ามาทำอะไรตรงที่จอด
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หลังจากทุลักทุเลเอารถขึ้นจอดได้ เวรกรรม รถเราชนเข้าอย่างจังกับรถเด็กเล่นที่เค้าวางไว้ รถเสียบอยู่ใต้ท้องรถคาอยู่ด้านหน้ารถเราพอดี เราดูร่องรอยด้วยความเครียด แน่นอนรอยไม่ได้เกิดอย่างเห็นได้ชัด เพราะเราขับรถเข้าที่จอดไม่ได้แรงอะไร แต่คำถามที่อยู่ในใจเรา คือ เค้าทำอย่างนี้ทำไม มันเกิดอะไรขึ้น หรือเค้าลำบากไม่อยากให้เราจอดรถ ก็น่าจะบอกกันดี ๆ ทำอย่างนี้ถ้ามันพลาด แล้วเราเกิดขับรถชนกำแพง หรือเหยียบเบรคไม่ได้อะไรจะเกิดขึ้น แน่นอนเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ เราเครียดและไม่สามารถทนจอดที่นี่ได้อีกแล้ว ด้วยอุปสรรคหลาย ๆ อย่าง ดังนั้น เราจึงคุยกับคนที่บ้าน และบอกว่าเราต้องย้ายออก ไปหาที่จอดรถใหม่




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2550   
Last Update : 7 มิถุนายน 2550 19:59:32 น.   
Counter : 480 Pageviews.  


ภาษีรถยนต์ เสียเองก็ได้ไม่ยากเลย

ภาษีรถยนต์ เสียเองก็ได้ไม่ยากเลย


อารัมภบท :
ออกตัวก่อนเลยว่า เกิดมาเพิ่งเคยมีรถยนต์คันแรก ที่บ้านก็ไม่ได้ร่ำได้รวย ไม่เคยมีรถยนต์เลย ดังนั้น การมีรถยนต์ใช้ของเรา จึงเป็นเรื่องใหม่ แถมต้องช่วยเหลือตัวเองหาข้อมูลเอง ทำอะไรเองในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่ซื้อ ดูแล ขับขี่ เคลมประกัน นั่นนี่ จวบจนปัจจุบัน รถเรามีอายุขวบปีกว่า ๆ แล้วหล่ะ ที่ผ่านมาเราก็ยังใช้รถอย่างเดียว อาจจะยังดูแลรักษาได้ไม่ค่อยดีนัก ทำพลาดอะไรมาก็บ่อย ดังนั้นจึงต้องค่อย ๆ เรียนรู้กันไป อาศัยหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตบ้าง จากคนรอบตัว รอบข้าง เซ้าซี้ถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย ทำไงได้ถ้าเราไม่มีรถยนต์ใช้ เราก็จะทำงานไม่สะดวกเลย เฮ้อ คิดจะมีแล้วก็ต้องรักรถสินะ

ภาษีรถยนต์ :
และแล้วสิ่งที่หวั่น ๆ มันก็มาถึง หลังจากที่หวั่น ๆ จะต้องเก็บเงินจ่ายค่าประกันรถยนต์ กับพ.ร.บ. รถไปแล้วรอบนึง โห เสียเงินก้อนไปไม่ใช่น้อย แถมยังต้องหาประกันฯ จนหน้ามืด ตามัว อย่างแรกเปรียบเทียบความคุ้มค่า อย่างที่สองลุ้นระทึกกับเวลาที่ใกล้จะขาดประกันฯ เฮ้อ จวบจนไฟแนนซ์ ส่งจดหมายร่อนมาให้เปิดออกดูเป็นเอกสารชี้แจงยืดยาว บอกว่าคุณใกล้ถึงเวลาส่งภาษีรถยนต์ ให้คุณโอนเงินจำนวน XXXX มาให้ โดยเป็นค่าภาษีฯ รวมค่าธรรมเนียมของไฟแนนซ์ ซึ่งถ้าเรามองเผิน ๆ เราก็ไม่ได้คิดว่าค่าธรรมเนียมเค้าจะมากมายอะไรเท่าไหร่ พร้อมกับแนบซองจดหมายให้เราใส่เอกสารส่วนท้ายที่เราต่อ พ.ร.บ. ให้เพื่อจะได้ไปเสียภาษีฯให้แทนเรา รถของเราเป็นรถเล็กหน่ะ ค่าธรรมเนียมที่บริษัทไฟแนนซ์คิดเพิ่มก็เลยน้อย เราก็ไม่ได้คิดไรมากหรอก คิดอยู่แต่ว่าเดี๋ยวหาเอกสารได้ แล้วจะโอนเงินไปให้ตามที่เค้าส่งเอกสารมามันคงสะดวกดี แต่แล้วด้วยความบังเอิญ เกิดจากความโง่ของเรา บวกความโชคดี เอ๊ะ ก็คือเรางง ๆ กับคำว่าส่วนท้ายของ พ.ร.บ. อ้าว.. ก็ตอนที่เราทำ พ.ร.บ. อะเราก็ได้ใบอะไรมาเยอะ ๆ เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าส่วนท้ายมันคือส่วนไหน เพราะปีแรกตอนออกรถไฟแนนซ์ก็ออกให้ ปีนี้เป็นปีแรกที่เราต่อ พ.ร.บ.เอง ฉันจะรู้ไหมเนี่ยว่าส่วนไหน
คิดได้ดังนั้นดิฉันก็ถามเพื่อน ถามคนนู้น ถามคนนี้ search หาข้อมูลใน'เน็ต ด้วยหาไปหามา ไปเจอข้อความเกี่ยวกับการเสียภาษีฯรถเอง ไม่ยากเลย แถมไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ไฟแนนซ์ด้วย ง่ายมาก ๆ อยากให้ทุก ๆ คนไปเสียเอง แล้วจะรู้ว่าเงินค่าธรรมเนียมที่เราจ่ายให้ไฟแนนซ์ เราไม่ต้องจ่ายเลย เอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่จำเป็นแทนจะดีกว่า

การเตรียมตัวก่อนไปเสียภาษีรถยนต์เองฯ :
- ตรวจสอบวันที่ต้องชำระภาษีฯ คุณสามารถจ่ายก่อนล่วงหน้าได้ 3 เดือน
- เอกสารที่คุณต้องเตรียมคือ สำเนาสมุดเล่มแสดงความเป็นเข้าของรถยนต์ ถ้าคุณยังติดไฟแนนซ์หรือผ่อนไม่หมด ให้เอาสำเนาเอกสารที่ระบุไฟแนนซ์และชื่อเราไปแทน
- เอกสารที่ต้องเตรียมคือ ส่วนท้ายของ พ.ร.บ. คืออะไรหน่ะเหรอ คือ เอกสารที่ทางบริษัทประกันฯให้เรามาไอ้หน้ายาว ๆ นั่นแหล่ะมองดี ๆ มันจะมีรอบปะให้เราฉีกได้ส่วนข้างล่างแผ่น โดยจะมีข้อความทำนองว่าใช้เป็นหลักฐานสำหรับยื่นเสียภาษีฯ
- เตรียมเงินค่ะ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณต้องเสียเงินเท่าไหร่ ไม่ยากเลย จากใบเสร็จการเสียภาษีฯคราวทีแล้วเค้าก็จะระบุให้ว่าเราต้องเสียครั้งต่อไปเท่าไหร่ หรือจากบริษัทไฟแนนซ์ที่ส่งมาก็จะบอกว่าเราต้องเสียเท่าไหร่ หรือ หาข้อมูลการคำนวณได้จากเว็บกรมการขนส่งทางบก
ข้อมูลอ้างอิงดังนี้ :
//www.dlt.go.th/taxs/tax_index.htm

สถานที่ไปเสียภาษีฯ รถยนต์เอง :
- ห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ ชำระได้ทุกเสาร์และอาทิตย์เวลา 9.00 - 18.00 สาขาลาดพร้าม รามอินทรา รัชดาภิเษก บางปะกอก สำโรง แจ้งวัฒนะ ฟิวเจอร์พาร์คบางแค อ่อนนุช และสุขาภิบาล 3
ข้อมูลอ้างอิงจาก :
//www.dlt.go.th/dltnews/pos_shop.htm

- ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขทุกแห่งทั่วประเทศ
- ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งทุกสาขาในประเทศ
- สำนักงานเขตทุกเขตใน กทม. อันนี้คงต้องเป็นวันธรรมดา ตามเวลาราชการนะคะ
ข้อมูลอ้างอิง :
//www.dlt.go.th/article/news_01.htm

ความคิดเห็นส่วนตัว :
วันนี้เราเพิ่งไปชำระภาษีฯ มา ก็ห้างคาร์ฟูร์นี่แหล่ะสะดวกดี สิ่งที่เตรียมไปก็อย่างที่บอก เมื่อเจอจุดที่ตั้งสำหรับยื่นภาษีฯ เราแค่ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ฯ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลของเราในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แจ้งยอดเงินที่เราต้องชำระ แน่นอนไม่มีค่าธรรมเนียมจากไฟแนนซ์ เป็นยอดเงินที่เราต้องจ่ายเพียว ๆ (สุขและสบายกระเป๋า) แค่นี้ เจ้าหน้าที่พิมพ์แผ่นป้ายทะเบียนให้เราได้เลย พร้อมใบเสร็จและข้อมูลสำหรับให้เราจ่ายในปีถัดไป จับเวลารวมไม่ถึงสามนาที ง่ายมาก มาก ๆ ง่ายกว่าเลือกซื้อเสื้อสักตัวอีก




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2550   
Last Update : 3 มิถุนายน 2550 19:42:30 น.   
Counter : 4823 Pageviews.  



Jujube in Syrup
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




blogger counters
[Add Jujube in Syrup's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com