IFRS (International Financial Reporting Standards) มาตรฐานบัญชี
กำเนิด IFRS - เพราะเรายังไม่มีมาตรฐานการบัญชีที่เป็นรูปแบบเดียวกันอันเป็นมาตรฐานสากลของโลกดัง จะเห็นได้จากการที่สหรัฐอเมริกาใช้ระบบมาตรฐานการบัญชีที่ตนเองพัฒนาขึ้นมา ที่เรียกว่า GAAP (Generally Accepted Accounting Principles) ในขณะที่ทางยุโรปใช้มาตรฐานการบัญชีที่เรียกว่า IAS (International Accounting Standard) สำหรับประเทศไทยเริ่มต้นการจัดทำบัญชีจากระบบมาตรฐานการบัญชีที่สอดคล้องกับ GAAP และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับ IASเพื่อ ให้มาตรฐานทุกอย่างรวมกันเป็นมาตรฐานเดียวทั่วโลก ดังนั้น IASB (International Accounting Standard Board) หรือคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีสากล จึงได้มีความพยายามที่จะกำหนดมาตรฐานการบัญชีให้เป็นรูปแบบเดียวกันเพื่อใช้ เป็นหลักสากลทั่วโลก (International Financial Reporting Standards: IFRS) โดยพัฒนาและออกกฎระเบียบการลงบันทึกบัญชีใหม่เพื่อให้โลกมีภาษาบัญชีเดียว กันทั่วโลก สำหรับประเทศที่ได้ประกาศตัวพร้อมที่จะรับ IFRS มาใช้ในการลงบัญชี ได้แก่ สหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดว่าทุกบริษัทต้องทำงบการเงินให้เป็นไปตาม IFRS ภายในปี 2005 ส่วนประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น ได้กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทที่จำหน่ายหลักทรัพย์ ในตลาดเงินตลาดทุน ต้องทำบัญชีงบการเงิน ณ สิ้นปี 2005 ให้เป็นไปตามมาตรฐาน IFRS ทุกข้อประโยชน์ของ IFRS หรือการมีมาตรฐานการบัญชีแบบเดียวกันทั่วโลก * จะ ทำให้ข้อมูลงบการเงินมีความชัดเจน โปร่งใสมากขึ้น ทำให้การวิเคราะห์ ประเมิน และเปรียบเทียบฐานะการเงินของบริษัทเป็นไปอย่างถูกต้อง สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้บริษัท มีโอกาสและสามารถระดมทุนข้ามประเทศ (Cross-border listing and fund raising) ได้ง่ายขึ้น * มีต้นทุนที่ต่ำลง (Lower COst) * ผู้ ถือหุ้นและผู้กำกับดูแลได้รับข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้อง ซึ่งการที่ทั่วโลกมี Global Accounting / Accountability Framework จะทำให้การไหลเข้าออกของเงินทุนระหว่างประเทศมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ปัญหาและอุปสรรคของการปฏิบัติตามระบบมาตรฐานการ IFRS และผลกระทบที่จะเกิดกับประเทศไทย * อาจเพิ่มความยุ่งยากสลับซับซ้อนในการลงบัญชีตามมาตรฐานสากลใหม่ * ภาษาในการจัดทำคู่มือตามมาตรฐานการลงบัญชีใหม่ให้เข้าใจตรงกันทั่วโลกอาจมีความยุ่งนากในการจัดทำ * ปัญหาที่จะเกิดกับบริษัทขนาดกลางและย่อม (SMEs) ในการจัดลงบัญชีใหม่ซึ่งยังไม่มีความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากรและทรัพยากรทางการเงิน * มาตรฐาน IFRS ในบางข้อยังก่อให้เกิดปัญหาความยุ่งยากในการปฏิบัติ และไม่เหมาะสมกับกรอบกฎหมายไทย เช่น การตีราคาสินทรัพย์ที่รอการขาย Fair Value Option การลงบัญชีและทำงบการเงินในขณะที่อัตราเงินเฟ้อสูง การตั้งสำรอง Provisioning ตลอดจนความขัดแย้งในบางกรณีกับกฎเกณฑ์ด้านการกำกับดูแล (Prudential Requirement) และเกณฑ์ Basel IIในส่วนของประเทศไทยนั้น เราคงจะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการลงบัญชีสากลใหม่นี้ได้ยาก เนื่องจากเรายังต้องพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศ และยังต้องแสดงให้นักลงทุนทั่วโลกเห็นว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานการบัญชีอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ มาตรฐานเดียวกันกับหลักมาตรฐานสากลของโลก ซึ่งการที่ประเทศไทยจะนำมาตรฐานการลงบัญชีสากลใหม่นี้มาปฏิบัติสามารถเลือก ทำได้ 2 วิธีคือ 1. ประกาศรับ IFRS เพื่อนำไปปฏิบัติเป็นมาตรฐานการบัญชี(Adoption approach) 2. พัฒนา มาตรฐานการบัญชีของไทยให้มีรายละเอียดที่ครอบคลุม ลดความแตกต่างและทำให้สอดคล้องกับมาตรฐาน IFRS (Convergence approach) อย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นลำดับและต่อเนื่องรุปมาตรฐานการบัญชีสากล IFRS (International Financial Reporting Standards)ตัวอย่างเนื้อเรื่องสำหรับ ผู้ที่ทำบัญชีหรืองานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีของบริษัทต่างชาติ มาตรฐาน IFRS เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องรู้อย่างมาก สำหรับ IFRS ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ตัว 8 หัวข้อกำกับด้วยกัน ณ ปัจจุบัน ไม่เพียงแต่นักบัญชีของไทยที่เริ่มหันมาสนใจเรียนรู้ในเรื่อง IFRS ทางโปรแกรมทางบัญชีต่างๆก็เริ่มที่จะ Support IFRS แล้วเหมาะสำหรับ * ผู้ที่จัดทำบัญชีโดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติ * นัก บัญชีที่สนใจและต้องการ update Trend มาตรฐานการบัญชีเพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงาน ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักจะอิงตามมาตรฐานบัญชีสากลเสมอๆ ไม่ว่าจะเป็น GAAP และ IFRS * Auditorหมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจาก website : //www.cpaccount.net/accounting-policy-section/50-ifrss/223-ifrs-what-is